ทีเซอร์เรื่อง ฉิมพลีสวาท
ลิงค์ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/34084184
ลิงค์ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/34086863
บทที่ 3 นิมิต
ในค่ำคืนนั้นอุมานิกานอนหลับฝันถึงวันที่เกิดสุริยุปราคาขึ้นบนท้องฟ้า
สุริยาพาฝัน กลางวันพลันกลับกลาย
คล้ายดั่งจะเกิดเหตุ อาเพศใด
อุมานิกาและเหล่าผู้ติดตามพากันวิ่งหนีเหตุอาเพศที่อุบัติขึ้น ท้องฟ้าที่อยู่ๆ พลันดับมืด เกิดพายุพัดกระหน่ำราวกับจะเกิดวิปโยค ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว พากันวิ่งหนีชุลมุน
อุมานิกาเองพลัดพรากจากกลุ่มผู้ติดตาม นางจึงวิ่งไปตามฝูงชน
“ท่านหญิง”เสียงของนางข้าหลวงผู้ติดตามเรียกหา แต่นางไม่ได้ยิน
“ท่านหญิงอุมา”
ความวิปโยคแปรปรวนสร้างความปั่นป่วนให้ผู้คนบนโลกมนุษย์ สุดแสนจะหวาดหวั่นพรั่นพรึงกลัว
ท้องฟ้ามีบางสิ่งบางอย่างร่วงหล่นลงมา รูปร่างราวกับปักษายักษ์ได้บินโฉบไปเหนือพระมหานคร
“กรี๊ด!!!”เสียงผู้คนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
อุมานิกามองเหตุอัศจรรย์นั้นด้วยความตะลึง
“นกยักษ์”เสียงผู้คนตะโกนร้องโหวกเหวกโวยวาย
อุมานิกาหลับตาลงเมื่อนกนั้นบินโฉบลงมา หัวใจแทบหยุดเต้น
“ไปโน่นแล้ว”เสียงผู้คนตะโกนดังขึ้น
อุมานิกาค่อยๆ ลืมตา และได้เห็นเพียงเงาวูบที่พลันหายวับลับเลือน คล้ายสลายสาบสูญ
สุริยาเริ่มเพล่งราศี ส่องรัศมีลงมา
โลกาค่อยๆ สว่าง กระจ่างทั่วทุกทิศ
ผู้คนต่างตะลึง สะพรึงในสิ่งที่ได้เห็นได้สัมผัสเมื่อครู่
“มันคือเหตุอาเพศใด”เสียงพูดคุยของประชาชนที่เริ่มยืนงง และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุที่เกิดขึ้น
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่อยู่แล้ว รีบกลับบ้านกันเถิด”นั่นคือเสียงของผู้คนที่เริ่มวิ่งสวนกันเพื่อกลับบ้านของตัวเอง
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย อุมานิกามองไปเห็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ นอนอยู่ข้างทางเดิน
ด้วยความสงสาร นางจึงหยุดยืนมอง ก่อนจะรีบเข้าไปช่วย
“ท่าน”อุมานิกาเรียก
แต่เขาไร้สติ ไม่รับรู้สิ่งใด
*_____________________________*
บุรุษนิรนามค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น นั่นเองที่ทำให้อุมานิกาส่งผ้าเช็ดหน้าไปให้นางข้าหลวง
“ท่านฟื้นแล้ว”นางยิ้มให้
“ ..”เขามองหญิงสาวแปลกหน้าแต่ดูท่าทางใจดีที่ยิ้มอย่างมีไมตรีก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“ท่านชื่ออะไร”อุมานิกาถาม
“ข้า ..”เขาค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง “ชื่อสดายุ”
“ท่านคงไม่ใช่คนเมืองนี้”นางฟังสำเนียงที่แปลกและแตกต่าง รวมทั้งหน้าตาของเขาที่รูปงามไม่เหมือนใคร ทำให้มั่นใจได้ว่าเขาต้องมาจากที่อื่น
“ข้าไม่ใช่คน”สดายุกล่าว
“ท่านพูดผิด ท่านต้องพูดว่า ข้าไม่ใช่คนที่นี่”อุมานิกาพูดแก้ให้
เขานิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้
“เอาเถิด ท่านเพิ่งฟื้น เดี๋ยวจะให้คนของข้ายกข้าวยกน้ำมาให้ ท่านจะได้แข็งแรงในเร็ววัน”นางหันไปสั่งคนของตัวเองก่อนจะหันมาคุยกับเขาต่อ
“ท่านหมดสติไปสองวันสองคืน ตื่นมาคงหิวแล้ว”อุมานิกากล่าว
“สองวันสองคืนมนุษย์หรือ”สดายุถาม
นั่นเองที่ทำให้ผู้ฟังถึงกับฉงน
“ใช่ สองวันสองคืนมนุษย์”นางตอบก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่ความประหลาดใจ ริมฝีปากมีรอยยิ้มบางๆ เพราะรู้สึกขบขันในคำพูดแปลกๆ ของอีกฝ่าย
“เจ้ากำลังคิดว่าข้าวิปลาส”เขาพอจะอ่านความคิดของนางได้จากรอยยิ้มขบขันนั้น
“ไม่ ท่านอย่าคิดมาก ข้าแค่รู้สึกแปลกใจ เพราะท่านพูดราวกับท่านไม่ใช่มนุษย์โลก”อุมานิการีบแก้ตัว
“ข้าไม่ใช่มนุษย์”สดายุพูดด้วยความสัตย์จริง
นางมองแววตาและสีหน้าจริงจริงของเขาก็รู้สึกจุกอก พูดไม่ออก
แววตาเขาบ่งบอก พูดความจริงไม่หลอก
แววตาแสดงออก ยอกย้อนสะท้อนชัด
อุมานิกาค่อยๆ ลุกจากเตียง แล้วถอยเท้าห่างออกมา เพื่อรักษาระยะห่าง
“ท่านเป็นอะไร”อุมานิกาเริ่มสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของอีกฝ่าย
แววตาของเขาสีอำพันสุกสกาวราวกับดวงจันทร์สีเหลืองอ่อนที่สะท้อนอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืน
จมูกโด่งเป็นสัน งดงามโดดเด่น ไม่เคยเห็นใครมีจมูกที่โด่งงอนแบบนี้มาก่อน
รูปร่างที่สูงโปร่งสันทัด สัดส่วนความใหญ่โตของร่างกาย แปลกประหลาดจากขนาดความสูงใหญ่ของชายไทยโดยทั่วไป
“ข้าเป็นชาวนครฉิมพลี”สดายุกล่าว
“นครฉิมพลี”อุมานิกาแทบไม่อยากจะเชื่อ “แดนหิมพานต์ ไม่มีจริงเสียหน่อย”
“ข้าคือหลักฐานแห่งความจริง”เขายืนกราน
นางมองด้วยความตะลึง คาดไม่ถึงว่าจะได้พบพานบุคคลที่อยู่ในดินแดนที่เป็นตำนานซึ่งมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมา
*_____________________________*
ทางด้านสิมันตราได้นอนหลับฝัน ซึ่งความฝันครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ เพราะคนที่อยู่ในฝันคืนนี้คืออุมานิกา ไม่ใช่ชายหนุ่มรูปงามแต่ไร้หัวใจผู้นั้น
สิมันตรากำลังยืนเผชิญหน้ากับอุมานิกา ทั้งสองนางมองหน้ากันและกันนิ่งนาน
“ข้าเสียดายความงามของเจ้า”สิมันตรายื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่าย “และเสียดายชีวิตเจ้า”
“ ..”อุมานิกาไร้วาจาใดตอบโต้ มีเพียงน้ำตาที่ร่วงหล่น
“แต่ไม่ต้องห่วง เจ้าจะสวยงามแม้ยามสิ้นใจ”สิมันตรากล่าวพร้อมทั้งยื่นมือไปหยิบถ้วยยาพิษมาจากนางกำนัล “แค่เพียงอึกเดียว เจ้าจะสิ้นใจอย่างสงบ ไม่ทรมาน”
“เพคะ”อุมานิกายื่นมือไปรับถ้วยยาพิษมาดื่มอย่างไม่ร่ำรี้ร่ำไร
สิมันตราเมินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองอีกฝ่ายที่กำลังจะสิ้นใจ
“เพร้ง!”เสียงถ้วยยาพิษหลุดร่วงจากมือ พร้อมๆ กับร่างของอุมานิกาที่ค่อยๆ ร่วงลงไปนอนฟุบอยู่บนพื้น
ทันใดนั้นเอง สิมันตราได้สะดุ้งตกใจตื่น เหงื่อซึมกาย
“ไม่จริง”เธอส่ายหน้า ปฏิเสธอดีตที่ไม่อยากจดจำ “ต้องไม่ใช่อุ้ม ผู้หญิงคนนั้นอาจจะแค่หน้าเหมือนกัน”
*_____________________________*
อุมานิกายังคงอยู่ในความฝันที่แสนยาวนาน ภาพที่เธอและสดายุกำลังล่ำลา เมื่อเขาจำต้องกลับสู่แดนฉิมพลี
“สุริยุปะราคากำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นโอกาสที่ข้าจะสามารถกลับไปยังหิมพานต์”สดายุกล่าว
“เพคะ”อุมานิกาพยักหน้ารับ นัยน์ตาเศร้าสร้อย
“หลังจากที่จัดการเรื่องราวต่างๆ บนฉิมพลีเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมารับเจ้า”เขาให้คำมั่น
“หม่อมฉันจะรอพระองค์กลับมา”นางมองใบหน้าของเขา พร้อมทั้งยกมือขึ้นไปสัมผัสแผ่วเบา “หม่อมฉันจะรอพระองค์ ไม่ว่านานเพียงใดก็จะเฝ้ารอ”
“อีกไม่นาน ข้าจะกลับมา แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกัน”สดายุก้มลงมาจูบหน้าผากนาง
อุมานิกาน้ำตาร่วง รู้สึกห่วงหวงเขาเหลือเกิน
“หากแม้นข้าไม่กลับ”สดายุมองนางนิ่งนาน “นั่นหมายถึง ข้าอาจจะไม่มีชีวิตอยู่”
“ได้โปรด อย่าตรัสเยี่ยงนั้น”อุมานิกาโผเข้าสู่อ้อมอกเขา อ้อมแขนทั้งสองกอดรัดร่างกายกำยำของเขาไว้แน่น
สดายุกอดตอบนางแน่นเช่นกัน รู้สึกรักและห่วงใย กลัวไกลห่างแล้วนางเปลี่ยนใจ
“รับปากข้าว่าเจ้าจะรอ”เขาต้องการคำมั่น
“เพคะ หม่อมฉันจะรักและรอพระองค์เพียงผู้เดียว”อุมานิกากล่าว
คำพูดนั้นเองที่ทำให้เขายิ้มน้อยๆ ด้วยความพอใจ
“แล้วพระองค์เล่า จะไม่สัญญาใดกับหม่อมฉันหรือ”นางย้อนถาม
“ข้าก็จะรักมั่นแค่เพียงเจ้า”สดายุกล่าว
ขณะนั้นเอง ลมพายุได้พัดโหมแรง เมฆเบื้องบนลอยตัวผ่านไป จึงสามารถเห็นดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ถูกเงาสีดำกลืนกิน
“ได้เวลาแล้ว”เขามองขึ้นไปยังท้องฟ้า
อุมานิกาพยักหน้า ยอมรับการจากลา
“ข้ารักเจ้า”สดายุบอกก่อนจะค่อยๆ ถอยห่างออกไป ปีกของเขาค่อยๆ งอกออกมาจากด้านหลัง
“พระองค์”นางเดินตามไป แต่ก็ไม่อาจยื้อยึดฉุดรั้ง เมื่อเขาสยายปีก ลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบน
“พระองค์”อุมานิกาวิ่งตามไป มือเอื้อมออกไปสุดแขนเพื่อไขว่คว้าอีกฝ่ายให้คืนกลับ
“ลาก่อน”สดายุกล่าวก่อนจะหันหลังให้ แล้วกระพือปีกพุ่งสู่ท้องฟ้าเบื้องบน
“พระองค์”นางสุดจะไขว่คว้า สายตามองไปยังร่างของเขาที่อยู่สูงเกินจะเอื้อมลงมา
อุมานิกาทรุดกายลงอย่างหมดแรง น้ำตาหลั่งริน สะอื้นไห้ ใจแทบขาด
“ท่านหญิง” เหล่านางข้าหลวงรีบวิ่งกรูกันเข้ามาหานาง “กลับเข้าตำหนักกันเถิดเจ้าค่ะ”
“เขาจะกลับมาไหม”อุมานิกายังคงมองเบื้องบนไม่วางตา “เขาจะกลับมาตามสัญญาหรือไม่”
คำถามนั้นทำให้เหล่านางข้าหลวงพากันมองหน้า แต่ไม่มีใครกล้าตอบ
*_____________________________*
ฉิมพลีสวาท ที่ลงในกลุ่ม สามารถมาอ่านล่วงหน้าได้ที่นี่ค่ะ ตอนนี้ลงไปตอนที่ 10 แล้ว
ลิงค์ตอนที่ 1
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/923509884352300/
ลิงค์ตอนที่ 2-3
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/926311324072156/
ลิงค์ตอนที่ 4-6
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/929323717104250/
ลิงค์ตอนที่ 7-8
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/930989640270991/
ลิงค์ตอนที่ 9-10
https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/932346113468677/
ฉิมพลีสวาท ตอนที่ 3
ลิงค์ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/34084184
ลิงค์ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/34086863
บทที่ 3 นิมิต
ในค่ำคืนนั้นอุมานิกานอนหลับฝันถึงวันที่เกิดสุริยุปราคาขึ้นบนท้องฟ้า
สุริยาพาฝัน กลางวันพลันกลับกลาย
คล้ายดั่งจะเกิดเหตุ อาเพศใด
อุมานิกาและเหล่าผู้ติดตามพากันวิ่งหนีเหตุอาเพศที่อุบัติขึ้น ท้องฟ้าที่อยู่ๆ พลันดับมืด เกิดพายุพัดกระหน่ำราวกับจะเกิดวิปโยค ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว พากันวิ่งหนีชุลมุน
อุมานิกาเองพลัดพรากจากกลุ่มผู้ติดตาม นางจึงวิ่งไปตามฝูงชน
“ท่านหญิง”เสียงของนางข้าหลวงผู้ติดตามเรียกหา แต่นางไม่ได้ยิน
“ท่านหญิงอุมา”
ความวิปโยคแปรปรวนสร้างความปั่นป่วนให้ผู้คนบนโลกมนุษย์ สุดแสนจะหวาดหวั่นพรั่นพรึงกลัว
ท้องฟ้ามีบางสิ่งบางอย่างร่วงหล่นลงมา รูปร่างราวกับปักษายักษ์ได้บินโฉบไปเหนือพระมหานคร
“กรี๊ด!!!”เสียงผู้คนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
อุมานิกามองเหตุอัศจรรย์นั้นด้วยความตะลึง
“นกยักษ์”เสียงผู้คนตะโกนร้องโหวกเหวกโวยวาย
อุมานิกาหลับตาลงเมื่อนกนั้นบินโฉบลงมา หัวใจแทบหยุดเต้น
“ไปโน่นแล้ว”เสียงผู้คนตะโกนดังขึ้น
อุมานิกาค่อยๆ ลืมตา และได้เห็นเพียงเงาวูบที่พลันหายวับลับเลือน คล้ายสลายสาบสูญ
สุริยาเริ่มเพล่งราศี ส่องรัศมีลงมา
โลกาค่อยๆ สว่าง กระจ่างทั่วทุกทิศ
ผู้คนต่างตะลึง สะพรึงในสิ่งที่ได้เห็นได้สัมผัสเมื่อครู่
“มันคือเหตุอาเพศใด”เสียงพูดคุยของประชาชนที่เริ่มยืนงง และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุที่เกิดขึ้น
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่อยู่แล้ว รีบกลับบ้านกันเถิด”นั่นคือเสียงของผู้คนที่เริ่มวิ่งสวนกันเพื่อกลับบ้านของตัวเอง
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย อุมานิกามองไปเห็นบุรุษหนุ่มคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ นอนอยู่ข้างทางเดิน
ด้วยความสงสาร นางจึงหยุดยืนมอง ก่อนจะรีบเข้าไปช่วย
“ท่าน”อุมานิกาเรียก
แต่เขาไร้สติ ไม่รับรู้สิ่งใด
*_____________________________*
บุรุษนิรนามค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น นั่นเองที่ทำให้อุมานิกาส่งผ้าเช็ดหน้าไปให้นางข้าหลวง
“ท่านฟื้นแล้ว”นางยิ้มให้
“ ..”เขามองหญิงสาวแปลกหน้าแต่ดูท่าทางใจดีที่ยิ้มอย่างมีไมตรีก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“ท่านชื่ออะไร”อุมานิกาถาม
“ข้า ..”เขาค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง “ชื่อสดายุ”
“ท่านคงไม่ใช่คนเมืองนี้”นางฟังสำเนียงที่แปลกและแตกต่าง รวมทั้งหน้าตาของเขาที่รูปงามไม่เหมือนใคร ทำให้มั่นใจได้ว่าเขาต้องมาจากที่อื่น
“ข้าไม่ใช่คน”สดายุกล่าว
“ท่านพูดผิด ท่านต้องพูดว่า ข้าไม่ใช่คนที่นี่”อุมานิกาพูดแก้ให้
เขานิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้
“เอาเถิด ท่านเพิ่งฟื้น เดี๋ยวจะให้คนของข้ายกข้าวยกน้ำมาให้ ท่านจะได้แข็งแรงในเร็ววัน”นางหันไปสั่งคนของตัวเองก่อนจะหันมาคุยกับเขาต่อ
“ท่านหมดสติไปสองวันสองคืน ตื่นมาคงหิวแล้ว”อุมานิกากล่าว
“สองวันสองคืนมนุษย์หรือ”สดายุถาม
นั่นเองที่ทำให้ผู้ฟังถึงกับฉงน
“ใช่ สองวันสองคืนมนุษย์”นางตอบก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่ความประหลาดใจ ริมฝีปากมีรอยยิ้มบางๆ เพราะรู้สึกขบขันในคำพูดแปลกๆ ของอีกฝ่าย
“เจ้ากำลังคิดว่าข้าวิปลาส”เขาพอจะอ่านความคิดของนางได้จากรอยยิ้มขบขันนั้น
“ไม่ ท่านอย่าคิดมาก ข้าแค่รู้สึกแปลกใจ เพราะท่านพูดราวกับท่านไม่ใช่มนุษย์โลก”อุมานิการีบแก้ตัว
“ข้าไม่ใช่มนุษย์”สดายุพูดด้วยความสัตย์จริง
นางมองแววตาและสีหน้าจริงจริงของเขาก็รู้สึกจุกอก พูดไม่ออก
แววตาเขาบ่งบอก พูดความจริงไม่หลอก
แววตาแสดงออก ยอกย้อนสะท้อนชัด
อุมานิกาค่อยๆ ลุกจากเตียง แล้วถอยเท้าห่างออกมา เพื่อรักษาระยะห่าง
“ท่านเป็นอะไร”อุมานิกาเริ่มสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของอีกฝ่าย
แววตาของเขาสีอำพันสุกสกาวราวกับดวงจันทร์สีเหลืองอ่อนที่สะท้อนอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืน
จมูกโด่งเป็นสัน งดงามโดดเด่น ไม่เคยเห็นใครมีจมูกที่โด่งงอนแบบนี้มาก่อน
รูปร่างที่สูงโปร่งสันทัด สัดส่วนความใหญ่โตของร่างกาย แปลกประหลาดจากขนาดความสูงใหญ่ของชายไทยโดยทั่วไป
“ข้าเป็นชาวนครฉิมพลี”สดายุกล่าว
“นครฉิมพลี”อุมานิกาแทบไม่อยากจะเชื่อ “แดนหิมพานต์ ไม่มีจริงเสียหน่อย”
“ข้าคือหลักฐานแห่งความจริง”เขายืนกราน
นางมองด้วยความตะลึง คาดไม่ถึงว่าจะได้พบพานบุคคลที่อยู่ในดินแดนที่เป็นตำนานซึ่งมีเรื่องเล่าขานสืบต่อกันมา
*_____________________________*
ทางด้านสิมันตราได้นอนหลับฝัน ซึ่งความฝันครั้งนี้แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ เพราะคนที่อยู่ในฝันคืนนี้คืออุมานิกา ไม่ใช่ชายหนุ่มรูปงามแต่ไร้หัวใจผู้นั้น
สิมันตรากำลังยืนเผชิญหน้ากับอุมานิกา ทั้งสองนางมองหน้ากันและกันนิ่งนาน
“ข้าเสียดายความงามของเจ้า”สิมันตรายื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่าย “และเสียดายชีวิตเจ้า”
“ ..”อุมานิกาไร้วาจาใดตอบโต้ มีเพียงน้ำตาที่ร่วงหล่น
“แต่ไม่ต้องห่วง เจ้าจะสวยงามแม้ยามสิ้นใจ”สิมันตรากล่าวพร้อมทั้งยื่นมือไปหยิบถ้วยยาพิษมาจากนางกำนัล “แค่เพียงอึกเดียว เจ้าจะสิ้นใจอย่างสงบ ไม่ทรมาน”
“เพคะ”อุมานิกายื่นมือไปรับถ้วยยาพิษมาดื่มอย่างไม่ร่ำรี้ร่ำไร
สิมันตราเมินหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองอีกฝ่ายที่กำลังจะสิ้นใจ
“เพร้ง!”เสียงถ้วยยาพิษหลุดร่วงจากมือ พร้อมๆ กับร่างของอุมานิกาที่ค่อยๆ ร่วงลงไปนอนฟุบอยู่บนพื้น
ทันใดนั้นเอง สิมันตราได้สะดุ้งตกใจตื่น เหงื่อซึมกาย
“ไม่จริง”เธอส่ายหน้า ปฏิเสธอดีตที่ไม่อยากจดจำ “ต้องไม่ใช่อุ้ม ผู้หญิงคนนั้นอาจจะแค่หน้าเหมือนกัน”
*_____________________________*
อุมานิกายังคงอยู่ในความฝันที่แสนยาวนาน ภาพที่เธอและสดายุกำลังล่ำลา เมื่อเขาจำต้องกลับสู่แดนฉิมพลี
“สุริยุปะราคากำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นโอกาสที่ข้าจะสามารถกลับไปยังหิมพานต์”สดายุกล่าว
“เพคะ”อุมานิกาพยักหน้ารับ นัยน์ตาเศร้าสร้อย
“หลังจากที่จัดการเรื่องราวต่างๆ บนฉิมพลีเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมารับเจ้า”เขาให้คำมั่น
“หม่อมฉันจะรอพระองค์กลับมา”นางมองใบหน้าของเขา พร้อมทั้งยกมือขึ้นไปสัมผัสแผ่วเบา “หม่อมฉันจะรอพระองค์ ไม่ว่านานเพียงใดก็จะเฝ้ารอ”
“อีกไม่นาน ข้าจะกลับมา แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกัน”สดายุก้มลงมาจูบหน้าผากนาง
อุมานิกาน้ำตาร่วง รู้สึกห่วงหวงเขาเหลือเกิน
“หากแม้นข้าไม่กลับ”สดายุมองนางนิ่งนาน “นั่นหมายถึง ข้าอาจจะไม่มีชีวิตอยู่”
“ได้โปรด อย่าตรัสเยี่ยงนั้น”อุมานิกาโผเข้าสู่อ้อมอกเขา อ้อมแขนทั้งสองกอดรัดร่างกายกำยำของเขาไว้แน่น
สดายุกอดตอบนางแน่นเช่นกัน รู้สึกรักและห่วงใย กลัวไกลห่างแล้วนางเปลี่ยนใจ
“รับปากข้าว่าเจ้าจะรอ”เขาต้องการคำมั่น
“เพคะ หม่อมฉันจะรักและรอพระองค์เพียงผู้เดียว”อุมานิกากล่าว
คำพูดนั้นเองที่ทำให้เขายิ้มน้อยๆ ด้วยความพอใจ
“แล้วพระองค์เล่า จะไม่สัญญาใดกับหม่อมฉันหรือ”นางย้อนถาม
“ข้าก็จะรักมั่นแค่เพียงเจ้า”สดายุกล่าว
ขณะนั้นเอง ลมพายุได้พัดโหมแรง เมฆเบื้องบนลอยตัวผ่านไป จึงสามารถเห็นดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ถูกเงาสีดำกลืนกิน
“ได้เวลาแล้ว”เขามองขึ้นไปยังท้องฟ้า
อุมานิกาพยักหน้า ยอมรับการจากลา
“ข้ารักเจ้า”สดายุบอกก่อนจะค่อยๆ ถอยห่างออกไป ปีกของเขาค่อยๆ งอกออกมาจากด้านหลัง
“พระองค์”นางเดินตามไป แต่ก็ไม่อาจยื้อยึดฉุดรั้ง เมื่อเขาสยายปีก ลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบน
“พระองค์”อุมานิกาวิ่งตามไป มือเอื้อมออกไปสุดแขนเพื่อไขว่คว้าอีกฝ่ายให้คืนกลับ
“ลาก่อน”สดายุกล่าวก่อนจะหันหลังให้ แล้วกระพือปีกพุ่งสู่ท้องฟ้าเบื้องบน
“พระองค์”นางสุดจะไขว่คว้า สายตามองไปยังร่างของเขาที่อยู่สูงเกินจะเอื้อมลงมา
อุมานิกาทรุดกายลงอย่างหมดแรง น้ำตาหลั่งริน สะอื้นไห้ ใจแทบขาด
“ท่านหญิง” เหล่านางข้าหลวงรีบวิ่งกรูกันเข้ามาหานาง “กลับเข้าตำหนักกันเถิดเจ้าค่ะ”
“เขาจะกลับมาไหม”อุมานิกายังคงมองเบื้องบนไม่วางตา “เขาจะกลับมาตามสัญญาหรือไม่”
คำถามนั้นทำให้เหล่านางข้าหลวงพากันมองหน้า แต่ไม่มีใครกล้าตอบ
*_____________________________*
ฉิมพลีสวาท ที่ลงในกลุ่ม สามารถมาอ่านล่วงหน้าได้ที่นี่ค่ะ ตอนนี้ลงไปตอนที่ 10 แล้ว
ลิงค์ตอนที่ 1 https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/923509884352300/
ลิงค์ตอนที่ 2-3 https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/926311324072156/
ลิงค์ตอนที่ 4-6 https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/929323717104250/
ลิงค์ตอนที่ 7-8 https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/930989640270991/
ลิงค์ตอนที่ 9-10 https://www.facebook.com/groups/phoenix.all/permalink/932346113468677/