ขอออกตัวก่อนว่าเป็น คหสต. นะครับ คือนั่งคิดเล่นๆ ว่าคุณภาพชีวิตพนักงานประจำอย่างเราๆ จะดีขึ้นได้ยังไงบ้าง เลยเกิดไอเดียเป็นกระทู้นี้ พอคิดออกแล้วไม่อยากจะเก็บไว้คนเดียว เลยอยากแชร์ความคิดเห็นกับทุกท่านนะครับ...
ทุกวันนี้ เถียงไม่ได้เลยว่า ตำแหน่งงาน และ บริษัท ที่ให้ผลตอบแทนดีๆส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองหลวง ส่งผลให้คนอพยพจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่ใน กทม. เป็นจำนวนมาก ซึ่งตัวผมก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น เพื่อหาโอกาสทางการงานในเมืองหลวงที่มีมากกว่า เพราะความเจริญกระจุกตัวอยู่ที่นี่ โดยต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่าง เช่น
1. ไกลครอบครัว ไกลพ่อ-แม่ หรือแม้แต่ลูก บางคนต้องฝากให้พ่อแม่เลี้ยง
2. ยิ่งคนเยอะ ยิ่งแก่งแย่ง รถติดขึ้นทุกวัน เสียเวลาบนท้องถนนเดินทางไปกลับที่ทำงานวันละเป็นชั่วโมง
3. ต้นทุนในการทำงาน เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่ารถไฟฟ้า, ค่าเช่าหอพัก หรือ ผ่อนคอนโดมีเนียม
ด้วยเหตุเหล่านี้ บางคนยอมที่จะได้ลดผลตอบแทน/โอกาสที่เคยได้รับจากการทำงานในเมืองหลวง หรือบางคนแม้กระทั่งยอมเสี่ยงที่จะออกไปเป็นนายตัวเอง เพื่อให้ได้กลับบ้านไปดูแลครอบครัว หรือ เพื่อการมีอิสรภาพทางเวลา ไม่ต้องตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ฝ่ารถติดไปตอกบัตรทำงานให้ทัน เชื่อว่าบางทีบริษัทเองก็เสียพนักงานที่มีฝีมือไปด้วยเช่นกัน
หากหันมาดูเทคโนโลยีทุกวันนี้ จะเห็นว่า เราสามารถทำอะไรหลายๆอย่างในช่องทางดิจิตัล แทนช่องทางดั้งเดิมได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Internet Banking, Online VDO Conference, การโทรศัพท์ผ่าน Internet (VOIP), หรือแม้แต่การทำงานในระบบ SAP ของบริษัทต่างๆ ผ่าน VPN จากที่บ้าน ฯลฯ ซึ่ง ผมเชื่อว่าค่อนข้างครอบคลุมมากๆแล้ว คำถามคือ จะดีไหมถ้าบริษัทต่างๆจะมีการจ้างพนักงานแบบ Full Time โดยไม่ต้องเข้า Office ทุกวัน?
ถ้ามี...ผมคิดว่าข้อดีมีมากมาย เท่าที่คิดออก มีประมาณนี้
1. พนักงานสามารถอยู่กับครอบครัวที่ต่างจังหวัดได้ ในขณะที่ยังทำงานให้กับบริษัทใหญ่ในกทม
2. คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องตื่นตีห้าเพื่อฝ่ารถติดไปตอกบัตรตอนแปดโมงเช้า ตื่นเจ็ดโมงครึ่ง อาบน้ำ แต่งตัวตามสบาย มานั่งทำงานได้เลยที่หน้าคอม อาจจะแต่งตัวดี แต่งหน้า เฉพาะวันที่มี VDO Conference เป็นต้น
3. บริษัทประหยัดต้นทุนในการเช่าที่สำนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ แทนที่จะต้องเช่าพื้นที่สำหรับคน 1,000 คน อาจจะเหลือแค่ครึ่งเดียว
4. พนักงานประหยัดค่าเดินทาง ค่าเช่าหอพักหรือผ่อนคอนโด,บ้าน ในเมืองหลวง
5. ลดความแออัดในเมืองหลวง สุดท้ายความเจริญจะกระจายไปยังเมืองต่างๆ เพราะคนมีความสามารถกลับภูมิลำเนาเยอะมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ง่ายและราบเรียบขนาดนั้น มีโจทย์ที่ต้องคิดต่ออีกมากมาย เช่น
1. การควบคุมระเบียบวินัย จะรู้ได้อย่างไรว่าพนักงานไม่เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
2. บางคนต้องการทำงานเพื่อสังคม ทำยังไงให้พนักงานยังมีปฐิสัมพันธ์ได้การทำงานที่บ้าน
3. บางตำแหน่งต้องมีการหยิบจับ หรือปฏิสัมพันธ์จริงๆ เช่น พนักงานฝ่ายผลิต, พนักงานคลังสินค้า, พนักงานขนส่ง
4. ต้นทุนในการวางระบบให้รองรับ เทียบกับโอกาสในการลดค่าใช้จ่าย อันไหนคุ้มค่าในระยะยาว
มีโจทย์มากมายที่ต้องไปคิดต่อ ว่าใคร สามารถทำงานได้จากที่บ้าน ใครไม่สามารถทำได้ แล้วจะออกแบบกฏระเบียบอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ คงเป็นขั้นตอนถัดไปที่ต้องคิดหนัก แต่เชื่อว่าทุกอย่างมีคำตอบ เช่น หากอยากรู้ว่าพนักงานทำงานตามเวลาไหม อาจจะให้มีการแสกนนิ้วที่เครื่องคอมพิวเตอร์แลปท็อปทุกๆ ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานนั่งอยู่หน้าจอตลอดเวลาทำงาน อันนี้ก็อาจจะใช้ได้กับตำแหน่งที่ต้อง Stand By ตลอด เช่น Customer Service หรือ ผู้ดูแลระบบ ถ้าเป็นแต่แหน่งอื่นที่ไม่ต้องแสตนด์บาย จะเป็นไปได้ไหมที่จะเซ็ต KPI ให้เน้นไปวัดที่ผลงานที่แล้วเสร็จ ไม่ผูกกับเวลาทำงาน
ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่เริ่ม แต่การได้เริ่มก็ถือเป็นสิ่งที่ดีแล้ว เพราะฉนั้น ทำแล้ว เราก็ต้องกลับมาดูและปรับตลอดเวลา เพื่อสิ่งที่ดีขึ้นเหมือน เหมือนที่เค้าชอบพูดกับว่า วัฏจักร PDCA (Plan-Do-Check-Act)
ที่เขียนมาทั้งหมด ไม่มีอะไรมาก เพียงหวังว่าในอนาคตผมจะสามารถนั่งทำงานในบริษัทใหญ่ๆได้จากที่บ้านที่ต่างจังหวัด หรือไม่ก็ นั่งทำงานอยู่ริมทะเล บนภูเขาได้ คงจะมีความสุขน่าดู เพราะผมเชื่อว่า เวลา เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่เงินซื้อมันมาไม่ได้ แล้วเพื่อนๆคิดเห็นว่ายังไงบ้างครับ?
จะเป็นยังไง...ถ้าบริษัทให้เราทำงานจากที่บ้านได้???
ทุกวันนี้ เถียงไม่ได้เลยว่า ตำแหน่งงาน และ บริษัท ที่ให้ผลตอบแทนดีๆส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองหลวง ส่งผลให้คนอพยพจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่ใน กทม. เป็นจำนวนมาก ซึ่งตัวผมก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น เพื่อหาโอกาสทางการงานในเมืองหลวงที่มีมากกว่า เพราะความเจริญกระจุกตัวอยู่ที่นี่ โดยต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่าง เช่น
1. ไกลครอบครัว ไกลพ่อ-แม่ หรือแม้แต่ลูก บางคนต้องฝากให้พ่อแม่เลี้ยง
2. ยิ่งคนเยอะ ยิ่งแก่งแย่ง รถติดขึ้นทุกวัน เสียเวลาบนท้องถนนเดินทางไปกลับที่ทำงานวันละเป็นชั่วโมง
3. ต้นทุนในการทำงาน เช่น ค่าน้ำมันรถ ค่ารถไฟฟ้า, ค่าเช่าหอพัก หรือ ผ่อนคอนโดมีเนียม
ด้วยเหตุเหล่านี้ บางคนยอมที่จะได้ลดผลตอบแทน/โอกาสที่เคยได้รับจากการทำงานในเมืองหลวง หรือบางคนแม้กระทั่งยอมเสี่ยงที่จะออกไปเป็นนายตัวเอง เพื่อให้ได้กลับบ้านไปดูแลครอบครัว หรือ เพื่อการมีอิสรภาพทางเวลา ไม่ต้องตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ฝ่ารถติดไปตอกบัตรทำงานให้ทัน เชื่อว่าบางทีบริษัทเองก็เสียพนักงานที่มีฝีมือไปด้วยเช่นกัน
หากหันมาดูเทคโนโลยีทุกวันนี้ จะเห็นว่า เราสามารถทำอะไรหลายๆอย่างในช่องทางดิจิตัล แทนช่องทางดั้งเดิมได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Internet Banking, Online VDO Conference, การโทรศัพท์ผ่าน Internet (VOIP), หรือแม้แต่การทำงานในระบบ SAP ของบริษัทต่างๆ ผ่าน VPN จากที่บ้าน ฯลฯ ซึ่ง ผมเชื่อว่าค่อนข้างครอบคลุมมากๆแล้ว คำถามคือ จะดีไหมถ้าบริษัทต่างๆจะมีการจ้างพนักงานแบบ Full Time โดยไม่ต้องเข้า Office ทุกวัน?
ถ้ามี...ผมคิดว่าข้อดีมีมากมาย เท่าที่คิดออก มีประมาณนี้
1. พนักงานสามารถอยู่กับครอบครัวที่ต่างจังหวัดได้ ในขณะที่ยังทำงานให้กับบริษัทใหญ่ในกทม
2. คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องตื่นตีห้าเพื่อฝ่ารถติดไปตอกบัตรตอนแปดโมงเช้า ตื่นเจ็ดโมงครึ่ง อาบน้ำ แต่งตัวตามสบาย มานั่งทำงานได้เลยที่หน้าคอม อาจจะแต่งตัวดี แต่งหน้า เฉพาะวันที่มี VDO Conference เป็นต้น
3. บริษัทประหยัดต้นทุนในการเช่าที่สำนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ แทนที่จะต้องเช่าพื้นที่สำหรับคน 1,000 คน อาจจะเหลือแค่ครึ่งเดียว
4. พนักงานประหยัดค่าเดินทาง ค่าเช่าหอพักหรือผ่อนคอนโด,บ้าน ในเมืองหลวง
5. ลดความแออัดในเมืองหลวง สุดท้ายความเจริญจะกระจายไปยังเมืองต่างๆ เพราะคนมีความสามารถกลับภูมิลำเนาเยอะมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ง่ายและราบเรียบขนาดนั้น มีโจทย์ที่ต้องคิดต่ออีกมากมาย เช่น
1. การควบคุมระเบียบวินัย จะรู้ได้อย่างไรว่าพนักงานไม่เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
2. บางคนต้องการทำงานเพื่อสังคม ทำยังไงให้พนักงานยังมีปฐิสัมพันธ์ได้การทำงานที่บ้าน
3. บางตำแหน่งต้องมีการหยิบจับ หรือปฏิสัมพันธ์จริงๆ เช่น พนักงานฝ่ายผลิต, พนักงานคลังสินค้า, พนักงานขนส่ง
4. ต้นทุนในการวางระบบให้รองรับ เทียบกับโอกาสในการลดค่าใช้จ่าย อันไหนคุ้มค่าในระยะยาว
มีโจทย์มากมายที่ต้องไปคิดต่อ ว่าใคร สามารถทำงานได้จากที่บ้าน ใครไม่สามารถทำได้ แล้วจะออกแบบกฏระเบียบอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ คงเป็นขั้นตอนถัดไปที่ต้องคิดหนัก แต่เชื่อว่าทุกอย่างมีคำตอบ เช่น หากอยากรู้ว่าพนักงานทำงานตามเวลาไหม อาจจะให้มีการแสกนนิ้วที่เครื่องคอมพิวเตอร์แลปท็อปทุกๆ ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานนั่งอยู่หน้าจอตลอดเวลาทำงาน อันนี้ก็อาจจะใช้ได้กับตำแหน่งที่ต้อง Stand By ตลอด เช่น Customer Service หรือ ผู้ดูแลระบบ ถ้าเป็นแต่แหน่งอื่นที่ไม่ต้องแสตนด์บาย จะเป็นไปได้ไหมที่จะเซ็ต KPI ให้เน้นไปวัดที่ผลงานที่แล้วเสร็จ ไม่ผูกกับเวลาทำงาน
ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่เริ่ม แต่การได้เริ่มก็ถือเป็นสิ่งที่ดีแล้ว เพราะฉนั้น ทำแล้ว เราก็ต้องกลับมาดูและปรับตลอดเวลา เพื่อสิ่งที่ดีขึ้นเหมือน เหมือนที่เค้าชอบพูดกับว่า วัฏจักร PDCA (Plan-Do-Check-Act)
ที่เขียนมาทั้งหมด ไม่มีอะไรมาก เพียงหวังว่าในอนาคตผมจะสามารถนั่งทำงานในบริษัทใหญ่ๆได้จากที่บ้านที่ต่างจังหวัด หรือไม่ก็ นั่งทำงานอยู่ริมทะเล บนภูเขาได้ คงจะมีความสุขน่าดู เพราะผมเชื่อว่า เวลา เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่เงินซื้อมันมาไม่ได้ แล้วเพื่อนๆคิดเห็นว่ายังไงบ้างครับ?