ก่อนอื่นต้องขอโทษก่อนนะคะ กระทู้นี้อาจเป็นเพราะความที่ดิฉันไม่เข้าใจในการจัดการของระบบเองหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ รบกวนดีแทคมาตอบทีนะคะ
1. ปัญหาของดิฉัน
Iphone5s,Silver,32gb
ของคุณแม่ดิฉันมีปัญหาค่ะ คือเครื่องร้อนตลอดเวลา แบตหมดไวมาก ตอนเช้าชาตแบตเต็ม 100% ยังไม่ได้ใช้อะไรเลย ใส่กระเป๋าไว้เฉยๆ 3g ก็ไม่ได้เปิดทิ้งไว้ ไม่ได้เปิดไวไฟว์หรืออะไรที่เป็นการกินแบตเลย ซึ่งแบตเตอร์รี่ก็น่าจะอยู่ได้ระยะเวลาประมาณหนึ่ง แต่เมื่อสายแบตก็จะลดลงเหลือประมาณ 60% แล้ว รวมกับที่ตัวเครื่องร้อนมาก เที่ยงๆแบตก็หมดแล้ว คิดว่าควรจะส่งเข้าศูนย์ แต่ก็ยังไม่ว่างไปส่ง จนกระทั่ง iphone ของคุณแม่ดิฉันไม่สามารถชาร์ตแบตได้ ทั้งที่ใช้สายชาจแท้ ครั้งแรกดิฉันคิดว่าเป็นที่สายชาจ จึงไปซื้อสายชาจใหม่ที่ istudio เซียร์รังสิต ปรากฎว่ากลับมาบ้านแล้วก็ยังไม่สามารถชาจได้ จะบอกว่าสายชาจเสียคงไม่ใช่ เพราะสายชาจที่ซื้อมานั้นสามารถชาจไอแพดและไอโฟนเครื่องอื่นได้ตามปกติ ดิฉันจึงตัดสินใจให้แม่นำไอโฟนไปเข้าศูนย์ โดยครั้งแรกไปหาที่ istudio ทาง istudio ก็บอกให้ไปหา dtac ศูนย์ที่ซื้อเครื่องมา ซึ่งเราก็โอเค และไว้ใจในบริการของ dtac ตลอด ก็เลยไปหา Dtac
2. การจัดการของ Dtac
วันเสาร์ที่ 5 กรกฏาคม 2558
-นำไอโฟนไปเคลมที่ศูนย์ดีแทคครั้งแรก
ดิฉันกับคุณแม่รอคิวประมาณ ชม. ได้ คงเพราะเป็นวันเสาร์ คนเยอะเป็นปกติ ซึ่งดิฉันไม่ได้ติดใจอะไร พนักงานก็ให้บริการดีมาก พูดจาสุภาพให้คำแนะนำดี วันนั้นดิฉันได้รับข้อมูลว่า iphone ของคุณแม่หมดประกันแล้ว หากจะส่งให้ศูนย์ ต้องเสียเงิน 8900.- แล้วจะได้เครื่องใหม่ ซึ่งต้องรอประมาณ 7-14 วัน คุณแม่เองก็คิดหนักเหมือนกัน เพราะท่านทำธุรกิจต้องติดต่อกับผู้คนตลอด ถ้าไม่มีโทรศัพท์ก็คงลำบาก แต่ก็คงจะต้องยอม ในวันนี้ยังไม่ได้ส่งเข้าศูนย์เพราะต้องย้ายข้อมูลใน iphone ไปเก็บก่อน
วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2558
-นำไปเคลมครั้งที่2
ครั้งนี้เป็นความผิดของดิฉันที่ไม่ได้สังเกตให้ดีก่อนว่ายังอัพโหลดข้อมูลไม่เสร็จดี ซึ่งพนักงาน(ที่คงเห็นว่าดิฉันกับคุณแม่มา2วันแล้ว)ก็แนะนำมาว่า หากอัพโหลดข้อมูลเสร็จแล้ว สามารถเอาไปเคลมที่ดีแทคได้ทุกสาขา รวมถึงสาขาเซียร์รังสิต ซึ่งใกล้บ้านดิฉันมากกว่า ดิฉันกับคุณแม่ก็รู้สึกประทับใจกับการจัดการของดีแทค ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า สามารถส่งเคลมศูนย์ได้ทุกสาขา ดิฉันกับคุณแม่จึงมีนำไอโฟนกลับไปอัพข้อมูลก่อน
วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2558
-นำไอโฟนส่งเคลมที่ศูนย์เซียร์รังสิต
พนักงานถามข้อมูลเกี่ยวกับอาการของเครื่อง คือ
- ชาจไม่เข้า
- เครื่องร้อนตลอดเวลา
- แบตหมดเร็ว
แต่สิ่งที่พนักงานเขียนให้ดิฉันคือ เครื่องชาจแบตไม่เข้า ดิฉันก็บอกพนักงานว่าเครื่องมันร้อนชาจ แบตหมดเร็วด้วยนะคะ พนักงานก็หันมาบอกฉันว่า ก็เหมือนๆกันแหละ มันก็คือชาจแบตไม่เข้านั่นแหละ ดิฉันก็ไม่อยากจะเถียงอะไร เพราะคิดว่าคงมีคนอื่นที่เป็นเหมือนกันและเขียนแบบนี้ช่างก็คงเข้าใจ ซึ่งในครั้งนี้พนักงานบอกดิฉันว่า 'ไม่ทราบว่าจะได้เครื่องเมื่อไหร่นะคะ ไม่ทราบด้วยว่าจะเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่ รอโทรติดต่อกลับไปนะคะ'
ดิฉันเลยถามกลับ
ฉัน : อ้าว วันเสาร์ไปที่ฟิวฯมาเห็นเขาบอกว่าเสีย 8900.- แล้วได้เครื่องใหม่ รอประมาณ 7-14 วันนี่คะ?
พนง. : เขาบอกอย่างนั้นหรอคะ ? (หันไปมองหน้ากับพนักงานที่นั่งใกล้ๆ) แต่ตอนนี้เครื่องมันขาด Stock อยู่อ่ะค่ะ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีเครื่องไหม ต้องรออ่ะค่ะ
ฉัน : อ่อ ไม่ทราบเลยหรอคะ ว่าประมาณกี่วัน
พนง : ก็น่าจะประมาณ 2-3 อาทิตย์อ่ะค่ะ ถ้ารอไม่อยากรอก็ต้องไปที่พารากอนอ่ะค่ะ ที่นั้นจะมีช่างประเมิณราคาแล้วเอาเครื่องใหม่ให้ได้เลย
ซึ่งดิฉันกับคุณแม่ก็ไม่สะดวกที่จะไป จึงยอมส่งเคลมที่นี่
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2558
1สัปดาห์ หลังจากการเคลมเครื่อง ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากพนักงานขณะที่กำลังไม่สะดวกคุย
พนง: โทรจากดีแทคนะคะ ไอโฟนที่ส่งเคลมไว้มาแล้วนะคะ สามารถมารับได้แล้วค่ะ
ดิฉัน : ตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกคุยอะค่ะ รบกวนอีก 10 นาทีโทรมาใหม่นะคะ หรือให้โทรกลับก็ได้ค่ะ
พงน : อ่อ คือแค่โทรมาแจ้งเฉยๆอ่ะค่ะ ว่าให้มารับเครื่องได้แล้ว
ดิฉัน : (พยายามเลี่ยงสถานการณ์ตรงหน้าแล้วมาคุย) ว่าไงบ้างคะ?
พนง : ...(ตัดสาย)
ดิฉันก็จึงจัดการธุระให้เสร็จก่อนจะโทรกลับไปถามรายละเอียดที่ดิฉันควรจะได้รับ เช่น เรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งได้รับคำตอบว่า ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด และไม่มีการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ เพราะ ช่างได้อัพเดตซอฟแวร์แล้วสามารถชาร์ตแบตได้ตามปกติ
ดิฉันรู้สึกตะหงิดใจว่า การที่เครื่องชาจไม่ติดเป็นเรื่องของฮาร์ดแวร์ ไม่ใช่ซอฟแวร์ไม่ใช่หรอ? ทำไมจัดการที่ซอฟแวร์แล้วฮาร์ดแวร์ถึงได้หาย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงดิฉันอัพเดตเองที่บ้านก็ๆด้ไม่ถึงครึ่งชม. นี่ต้องเสียเวลาตั้งอาทิตย์นึง แค่ไปอัพเดตซอฟแวร์ แต่ประกอบกับการที่ดิฉันรู้เพียงผิวเผินไม่ได้รู้ดีขนาดนั้น และคาดว่าช่างที่ดีแทคน่าจะมีความชำนาญพอจะทราบความผิดปกติที่เกิดมากกว่าดิฉันจึงไม่ได้ถามอะไร และไปรับเครื่อง ตอนไปรับนั้น พนักงานได้ทดสอบชาจแบตไอโฟนกับสายชาจแบตหน้าร้านให้ ซึ่งปรากฎว่าสายแรกชาจไม่ติด จึงเปลี่ยนไปชาจสายที่สอง ก็ชาจติด ดิฉันจึงถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นชาจติดบางสาย บางสายไม่ติด ก็ได้รับคำตอบแบบส่งๆจากพนักงานว่า 'น้องลองเอาไปชาจสายที่บ้านก่อนละกันค่ะ ถ้าชาจไม่ติดค่อยเอามา เอาสายมาด้วยนะ' ซึ่งไม่ได้ตอบคำถามข้างต้นนั้นเลย แต่ดิฉันก็ไม่ได้เถียงอะไรและลองกลับมาชาจที่บ้านก็ปรากฎว่าชาจไม่ติด
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2558
ดิฉันกลับเอาเครื่องกลับไปที่ศูนย์ดีแทคอีกครั้ง ด้วยไอโฟนที่แบตหมดเกลี้ยง พนักงานดีแทคไล่ให้ขึ้นไปที่ icare เพื่อไปดูว่าสายชาจแบตมีปัญหาหรือเปล่า ซึ่งดิฉันก็ยืนยันคำเดิมว่า ไม่ใช่ความผิดของสาย เพราะสามารถชาจเครื่องอื่นได้ตามปกติ ซึ่งก็ได้แจ้งไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว แต่ทำไมถึงได้แค่อัพเดตซอฟแวร์มาให้ เสียดายเวลา 1อาทิตย์ที่เอาไป เพราะแม่ก็ไม่มีโทรศัพท์ใช้ ดิฉันได้รับคำตอบจากพนักงานว่า
พนง: ก็คงต้องส่งเคลมเหมือนเดิมอ่ะค่ะ แล้วก็ไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ มันจะเสียเวลาน้อง ถ้ารีบก็ต้องไปพารากอนอ่ะค่ะ เพราะเขาเปลี่ยนเครื่องได้เลย น้องสะดวกไปไหมล่ะคะ?
ดิฉัน: อ่อ ไม่ค่อยสะดวกอ่ะค่ะ
พนง: งั้นก็ต้องรออ่ะค่ะ ถ้ากลัวเสียเวลา ก็ต้องไปพารากอน ตกลงว่าเคลมนะ(ไปหยิบใบเคลมเครื่องมาให้)
ดิฉันกรอกข้อมูลใหม่ แล้วบอกรายละเอียดปัญหาเครื่องไปอีกรอบ ซึ่งพนักงานก็ยังเขียนไม่ครบเหมือนเดิม ครั้งนี้แนบสายชาจไปด้วย พนักงานบอกว่า เผื่อให้ช่างลองชาจดูว่ามันไม่เข้าจริงๆ
3. คำถามถึงดีแทคค่ะ
- มาตรฐานของศูนย์ดีแทคแต่ละที่ไม่เหมือนกันหรอคะ ทำไมถึงไม่สามารถแจ้งวันเวลาที่แน่นอนได้ ตกลงว่าดิฉันต้องเสียเวลาเกือบเดือน (1 อาทิตย์ส่งเคลมครั้งแรก + 2-3 อาทิตย์ในการเคลมครั้งที่2) เพื่อการเคลมเครื่องเลยใช่ไหมคะ
-ศูนย์ใหญ่มีแค่ที่พารากอนหรอคะ ถ้าคนไม่สะดวกไปก็ต้องรอแบบไม่รู้กำหนดใช่ไหมคะ?
-จะมีทางไหนติดต่อดูความคืบหน้าของเครื่องได้บ้างคะ เพราะคุณแม่ก็จำเป็นใช้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทำธุรกิจก็ต้องใช้โทรศัพท์
ขอบคุณดีแทคล่วงหน้าค่ะ
ขออภัยถ้าสร้างกระทู้ผิด/แท็กผิดห้องค่ะ
ถามดีแทค เสียความรู้สึกกับการเครมเครื่อง iphone5s
1. ปัญหาของดิฉัน
Iphone5s,Silver,32gb
ของคุณแม่ดิฉันมีปัญหาค่ะ คือเครื่องร้อนตลอดเวลา แบตหมดไวมาก ตอนเช้าชาตแบตเต็ม 100% ยังไม่ได้ใช้อะไรเลย ใส่กระเป๋าไว้เฉยๆ 3g ก็ไม่ได้เปิดทิ้งไว้ ไม่ได้เปิดไวไฟว์หรืออะไรที่เป็นการกินแบตเลย ซึ่งแบตเตอร์รี่ก็น่าจะอยู่ได้ระยะเวลาประมาณหนึ่ง แต่เมื่อสายแบตก็จะลดลงเหลือประมาณ 60% แล้ว รวมกับที่ตัวเครื่องร้อนมาก เที่ยงๆแบตก็หมดแล้ว คิดว่าควรจะส่งเข้าศูนย์ แต่ก็ยังไม่ว่างไปส่ง จนกระทั่ง iphone ของคุณแม่ดิฉันไม่สามารถชาร์ตแบตได้ ทั้งที่ใช้สายชาจแท้ ครั้งแรกดิฉันคิดว่าเป็นที่สายชาจ จึงไปซื้อสายชาจใหม่ที่ istudio เซียร์รังสิต ปรากฎว่ากลับมาบ้านแล้วก็ยังไม่สามารถชาจได้ จะบอกว่าสายชาจเสียคงไม่ใช่ เพราะสายชาจที่ซื้อมานั้นสามารถชาจไอแพดและไอโฟนเครื่องอื่นได้ตามปกติ ดิฉันจึงตัดสินใจให้แม่นำไอโฟนไปเข้าศูนย์ โดยครั้งแรกไปหาที่ istudio ทาง istudio ก็บอกให้ไปหา dtac ศูนย์ที่ซื้อเครื่องมา ซึ่งเราก็โอเค และไว้ใจในบริการของ dtac ตลอด ก็เลยไปหา Dtac
2. การจัดการของ Dtac
วันเสาร์ที่ 5 กรกฏาคม 2558
-นำไอโฟนไปเคลมที่ศูนย์ดีแทคครั้งแรก
ดิฉันกับคุณแม่รอคิวประมาณ ชม. ได้ คงเพราะเป็นวันเสาร์ คนเยอะเป็นปกติ ซึ่งดิฉันไม่ได้ติดใจอะไร พนักงานก็ให้บริการดีมาก พูดจาสุภาพให้คำแนะนำดี วันนั้นดิฉันได้รับข้อมูลว่า iphone ของคุณแม่หมดประกันแล้ว หากจะส่งให้ศูนย์ ต้องเสียเงิน 8900.- แล้วจะได้เครื่องใหม่ ซึ่งต้องรอประมาณ 7-14 วัน คุณแม่เองก็คิดหนักเหมือนกัน เพราะท่านทำธุรกิจต้องติดต่อกับผู้คนตลอด ถ้าไม่มีโทรศัพท์ก็คงลำบาก แต่ก็คงจะต้องยอม ในวันนี้ยังไม่ได้ส่งเข้าศูนย์เพราะต้องย้ายข้อมูลใน iphone ไปเก็บก่อน
วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2558
-นำไปเคลมครั้งที่2
ครั้งนี้เป็นความผิดของดิฉันที่ไม่ได้สังเกตให้ดีก่อนว่ายังอัพโหลดข้อมูลไม่เสร็จดี ซึ่งพนักงาน(ที่คงเห็นว่าดิฉันกับคุณแม่มา2วันแล้ว)ก็แนะนำมาว่า หากอัพโหลดข้อมูลเสร็จแล้ว สามารถเอาไปเคลมที่ดีแทคได้ทุกสาขา รวมถึงสาขาเซียร์รังสิต ซึ่งใกล้บ้านดิฉันมากกว่า ดิฉันกับคุณแม่ก็รู้สึกประทับใจกับการจัดการของดีแทค ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า สามารถส่งเคลมศูนย์ได้ทุกสาขา ดิฉันกับคุณแม่จึงมีนำไอโฟนกลับไปอัพข้อมูลก่อน
วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2558
-นำไอโฟนส่งเคลมที่ศูนย์เซียร์รังสิต
พนักงานถามข้อมูลเกี่ยวกับอาการของเครื่อง คือ
- ชาจไม่เข้า
- เครื่องร้อนตลอดเวลา
- แบตหมดเร็ว
แต่สิ่งที่พนักงานเขียนให้ดิฉันคือ เครื่องชาจแบตไม่เข้า ดิฉันก็บอกพนักงานว่าเครื่องมันร้อนชาจ แบตหมดเร็วด้วยนะคะ พนักงานก็หันมาบอกฉันว่า ก็เหมือนๆกันแหละ มันก็คือชาจแบตไม่เข้านั่นแหละ ดิฉันก็ไม่อยากจะเถียงอะไร เพราะคิดว่าคงมีคนอื่นที่เป็นเหมือนกันและเขียนแบบนี้ช่างก็คงเข้าใจ ซึ่งในครั้งนี้พนักงานบอกดิฉันว่า 'ไม่ทราบว่าจะได้เครื่องเมื่อไหร่นะคะ ไม่ทราบด้วยว่าจะเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่ รอโทรติดต่อกลับไปนะคะ'
ดิฉันเลยถามกลับ
ฉัน : อ้าว วันเสาร์ไปที่ฟิวฯมาเห็นเขาบอกว่าเสีย 8900.- แล้วได้เครื่องใหม่ รอประมาณ 7-14 วันนี่คะ?
พนง. : เขาบอกอย่างนั้นหรอคะ ? (หันไปมองหน้ากับพนักงานที่นั่งใกล้ๆ) แต่ตอนนี้เครื่องมันขาด Stock อยู่อ่ะค่ะ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีเครื่องไหม ต้องรออ่ะค่ะ
ฉัน : อ่อ ไม่ทราบเลยหรอคะ ว่าประมาณกี่วัน
พนง : ก็น่าจะประมาณ 2-3 อาทิตย์อ่ะค่ะ ถ้ารอไม่อยากรอก็ต้องไปที่พารากอนอ่ะค่ะ ที่นั้นจะมีช่างประเมิณราคาแล้วเอาเครื่องใหม่ให้ได้เลย
ซึ่งดิฉันกับคุณแม่ก็ไม่สะดวกที่จะไป จึงยอมส่งเคลมที่นี่
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2558
1สัปดาห์ หลังจากการเคลมเครื่อง ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากพนักงานขณะที่กำลังไม่สะดวกคุย
พนง: โทรจากดีแทคนะคะ ไอโฟนที่ส่งเคลมไว้มาแล้วนะคะ สามารถมารับได้แล้วค่ะ
ดิฉัน : ตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกคุยอะค่ะ รบกวนอีก 10 นาทีโทรมาใหม่นะคะ หรือให้โทรกลับก็ได้ค่ะ
พงน : อ่อ คือแค่โทรมาแจ้งเฉยๆอ่ะค่ะ ว่าให้มารับเครื่องได้แล้ว
ดิฉัน : (พยายามเลี่ยงสถานการณ์ตรงหน้าแล้วมาคุย) ว่าไงบ้างคะ?
พนง : ...(ตัดสาย)
ดิฉันก็จึงจัดการธุระให้เสร็จก่อนจะโทรกลับไปถามรายละเอียดที่ดิฉันควรจะได้รับ เช่น เรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งได้รับคำตอบว่า ไม่มีค่าใช้จ่ายใดใด และไม่มีการเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ เพราะ ช่างได้อัพเดตซอฟแวร์แล้วสามารถชาร์ตแบตได้ตามปกติ
ดิฉันรู้สึกตะหงิดใจว่า การที่เครื่องชาจไม่ติดเป็นเรื่องของฮาร์ดแวร์ ไม่ใช่ซอฟแวร์ไม่ใช่หรอ? ทำไมจัดการที่ซอฟแวร์แล้วฮาร์ดแวร์ถึงได้หาย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงดิฉันอัพเดตเองที่บ้านก็ๆด้ไม่ถึงครึ่งชม. นี่ต้องเสียเวลาตั้งอาทิตย์นึง แค่ไปอัพเดตซอฟแวร์ แต่ประกอบกับการที่ดิฉันรู้เพียงผิวเผินไม่ได้รู้ดีขนาดนั้น และคาดว่าช่างที่ดีแทคน่าจะมีความชำนาญพอจะทราบความผิดปกติที่เกิดมากกว่าดิฉันจึงไม่ได้ถามอะไร และไปรับเครื่อง ตอนไปรับนั้น พนักงานได้ทดสอบชาจแบตไอโฟนกับสายชาจแบตหน้าร้านให้ ซึ่งปรากฎว่าสายแรกชาจไม่ติด จึงเปลี่ยนไปชาจสายที่สอง ก็ชาจติด ดิฉันจึงถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้นชาจติดบางสาย บางสายไม่ติด ก็ได้รับคำตอบแบบส่งๆจากพนักงานว่า 'น้องลองเอาไปชาจสายที่บ้านก่อนละกันค่ะ ถ้าชาจไม่ติดค่อยเอามา เอาสายมาด้วยนะ' ซึ่งไม่ได้ตอบคำถามข้างต้นนั้นเลย แต่ดิฉันก็ไม่ได้เถียงอะไรและลองกลับมาชาจที่บ้านก็ปรากฎว่าชาจไม่ติด
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม 2558
ดิฉันกลับเอาเครื่องกลับไปที่ศูนย์ดีแทคอีกครั้ง ด้วยไอโฟนที่แบตหมดเกลี้ยง พนักงานดีแทคไล่ให้ขึ้นไปที่ icare เพื่อไปดูว่าสายชาจแบตมีปัญหาหรือเปล่า ซึ่งดิฉันก็ยืนยันคำเดิมว่า ไม่ใช่ความผิดของสาย เพราะสามารถชาจเครื่องอื่นได้ตามปกติ ซึ่งก็ได้แจ้งไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว แต่ทำไมถึงได้แค่อัพเดตซอฟแวร์มาให้ เสียดายเวลา 1อาทิตย์ที่เอาไป เพราะแม่ก็ไม่มีโทรศัพท์ใช้ ดิฉันได้รับคำตอบจากพนักงานว่า
พนง: ก็คงต้องส่งเคลมเหมือนเดิมอ่ะค่ะ แล้วก็ไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ มันจะเสียเวลาน้อง ถ้ารีบก็ต้องไปพารากอนอ่ะค่ะ เพราะเขาเปลี่ยนเครื่องได้เลย น้องสะดวกไปไหมล่ะคะ?
ดิฉัน: อ่อ ไม่ค่อยสะดวกอ่ะค่ะ
พนง: งั้นก็ต้องรออ่ะค่ะ ถ้ากลัวเสียเวลา ก็ต้องไปพารากอน ตกลงว่าเคลมนะ(ไปหยิบใบเคลมเครื่องมาให้)
ดิฉันกรอกข้อมูลใหม่ แล้วบอกรายละเอียดปัญหาเครื่องไปอีกรอบ ซึ่งพนักงานก็ยังเขียนไม่ครบเหมือนเดิม ครั้งนี้แนบสายชาจไปด้วย พนักงานบอกว่า เผื่อให้ช่างลองชาจดูว่ามันไม่เข้าจริงๆ
3. คำถามถึงดีแทคค่ะ
- มาตรฐานของศูนย์ดีแทคแต่ละที่ไม่เหมือนกันหรอคะ ทำไมถึงไม่สามารถแจ้งวันเวลาที่แน่นอนได้ ตกลงว่าดิฉันต้องเสียเวลาเกือบเดือน (1 อาทิตย์ส่งเคลมครั้งแรก + 2-3 อาทิตย์ในการเคลมครั้งที่2) เพื่อการเคลมเครื่องเลยใช่ไหมคะ
-ศูนย์ใหญ่มีแค่ที่พารากอนหรอคะ ถ้าคนไม่สะดวกไปก็ต้องรอแบบไม่รู้กำหนดใช่ไหมคะ?
-จะมีทางไหนติดต่อดูความคืบหน้าของเครื่องได้บ้างคะ เพราะคุณแม่ก็จำเป็นใช้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทำธุรกิจก็ต้องใช้โทรศัพท์
ขอบคุณดีแทคล่วงหน้าค่ะ
ขออภัยถ้าสร้างกระทู้ผิด/แท็กผิดห้องค่ะ