เรื่องนี้มีเงื่อนงำ....

เป็นเรื่องราวเมื่อวันที่ 28/06/2558
     ผมลืมตาขึ้นมาและพบว่าบรรยากาศรอบกายกำลังมืดมิด และมีเสียงฝนตกเบาๆ ผมเริ่มปรับสายตาในการมองเนื่องจากมันมืดมาก และพยายามเพ่งมองไปรอบๆ ผมรู้สึกไม่คุ้นกับสถานที่แห่งนี้เลย ผมได้แต่ครุ่นคิดว่าตัวผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงมันมีแต่ป่ารก และพื้นก็แฉะเต็มไปด้วยน้ำที่ขังอยู่ตามพื้น บรรยากาศมันมืดและเงียบวังเวงมาก...
     ผมรีบลุกขึ้นยืนและคว้ากระเป๋าที่อยู่ข้างๆตัวขึ้นมาสะพายหลังและล้วงหาโทรศัพท์มือถือเพื่อจะเปิดดูเวลาและเปิดไฟส่องทาง แต่ด้วยความซวยอะไรก็ไม่รู้ มือถือเจ้ากรรมดันมาแบตหมด ผมพยามเปิดเท่าไร ก็เปิดไม่ติด หลังจากนั้นผมเริ่มตั้งสติและพยายามเพ่งสายตาและเดินฝ่าความมืดไป ผมเดินไปเรื่อยๆ และในใจก็หวังให้เจอคนหรือหมู่บ้าน เพื่อขอความช่วยเหลือ...
     โชคดีของผมที่ได้เจอกับวินมอไซค์ ผมก็เริ่มถามว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน แต่เขาก็เงียบไม่ยอมตอบ ผมเลยให้เขาแนะนำที่พัก และพาผมไปยังที่พัก เนื่องจากตอนนี้ฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกปรอยๆ และลมแรงมาก เหมือนพายุกำลังจะมา พี่คนขับวินมอไซค์ก็พาผมมาถึงที่พัก เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ สภาพกลางเก่ากลางใหม่ และมีเจ้าของบ้านเป็นชายแก่ๆ สูงอายุท่าทางใจดี ผมก็บอกกับลุงว่า ขอมาพักด้วยคืนนึงนะครับ ลุงแกก็ยิ้มไม่พูดอะไรแกก็เดินพาไปยังห้องพัก ซึ่งอยู่ชั้นบนของบ้าน ภายในห้องจะมีเตียงไม้ใหญ่ ตู้เสื้อผ้า ผมก็หันไปเพื่อจะขอบคุณที่แกพามาส่งแต่ก็ไม่รู้ว่าแกหายตัวไปไหนแล้ว
     ผมก็มองไปรอบๆห้อง แสงไฟภายในห้องค่อนข้างริบหรี่ จะดับมิดับแหล่ ผมคิดในใจเอาว่ะ ยังไงก็คงต้องนอนค้างที่นี่ไปก่อน ผมก็กระโดดขึ้นเตียงและผลอยหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว พอตกดึกผมก็ตื่นขึ้นมาด้วยความกระสับกระส่าย รู้สึกไม่สบายตัว มันรู้สึกแปลกๆ คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน ผมจึงค่อยๆ คว้ากระเป๋า และย่องออกจากห้องลงบันไดมายังชั้นล่าง เห็นลุงแกนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ไม้ ผมจะปลุกแกก็เกรงใจ ผมเลยค่อยๆ เดินผ่านหน้าแกออกมาจากบ้าน
     พอเดินออกจากบ้านมาได้สักพักก็เกิดฟ้าร้อง ฝนตกหนักและลมแรงมาก เหมือนดินจะถล่มฟ้าจะทลาย ในขณะนั้นมีรถกระบะคันใหญ่วิ่งสวนมาด้วยความเร็วสูง มันวิ่งตรงมาทางผม ผมรีบกระโดดหลบเข้าข้างทางด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับสบถดังว่ามันจะรีบไปตายที่ไหนว่ะ ไอ้...
     หลังจากนั้นผมก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ฝนก็ยังตกหนัก พลันหูก็แว่วๆ ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากด้านหลัง เป็นเสียงรถกระบะคันเดิม มันวิ่งส่ายไปส่ายมาด้วยความเร็ว เหมือนคนขับมันเมาเหล้า และสิ่งที่ทำให้ผมยืนนิ่งถึงกับช็อคไปชั่วขณะก็คือ มีพายุราวกับเฮอริเคนได้ก่อตัวขึ้นและมันได้พัดหมุนหอบรถคันนั้นขึ้นไป พร้อมทั้งฟาดรถคันนั้นลงมาที่พื้นราวกับมันกำลังบ้าคลั่ง มันเป็นแบบนี้อยู่นานมาก พอผมตั้งสติได้ ก็รีบวิ่งหนีสุดชีวิต รถคันนั้นก็ยังถูกพายุหอบขึ้นไปและฟาดไล่หลังผมมาเรื่อยๆ
     เศษกระจกของรถที่แตกเป็นแผ่นๆ ก็กระเด็นมาปักที่กลางฝ่ามือของผม จนเลือดออก ผมรีบประคองฝ่ามือขึ้นมาและดึงเศษกระจกนั้นออก พร้อมทั้งวิ่งไปด้วยแบบไม่คิดชีวิต มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดมากๆ แล้วผมก็วิ่งไปโดยที่ไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย ผมวิ่งมาจนคิดว่า ไอ้พายุและรถนั้นคงจะไม่ตามมาแล้วผมก้อเลยหยุดพักเหนื่อยและค่อยๆ เดินต่อไป ผมได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับผมอีกเลย ผมได้แต่นึกถึงหน้าพ่อกับแม่

     ในขณะที่ผมกำลังเดินผ่านสถานที่แห่งหนึ่งเหมือนเป็นเมืองโบราณ บรรยากาศมันวังเวงมากๆ และสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับผม มันก็ได้บังเกิดขึ้นอีกแล้ว มีไม้ลำยาวๆ คล้ายลำของไม้ไผ่เป็นร้อยๆอัน พุ่งมาจากข้างกำแพงที่ผมเดินผ่าน เหมือนมีใครกำลังยิ่งธนูใส่ผม ผมได้แต่วิ่งและก้มตัวลงเพื่อที่จะหลบไม้เหล่านั้นที่พุ่งใส่ตัวผม ผมได้แต่วิ่ง วิ่ง วิ่งจนสุดฝีเท้าเพื่อหลบให้พ้น.....


ทันใดนั้นเอง... ผมก็ตกใจตื่นขึ้นมาก... (อ้าวเห้ยย กุฝันไปหรอว่ะเนี่ย แมร่งอย่างกับหนังไตรภาค)
‪#‎จำความฝันได้เลยรีบจดไว้ก่อน‬ 5555

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่