สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้รีวิวกระทู้แรกของผม ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยนะครับ
ขออภัยที่ลงตอนนี้ เพราะเพิ่งถึงบ้านครับ หึหึ จงท้องร้องกันซะเถอะ

ป.ล. แน่นอนว่าส่วนตัวผมมีคติอยู่ว่า ของกินนั้นต้องพิสูจน์ด้วยลิ้นของตัวเอง ทุกท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แต่เชิญพิสูจน์ด้วยลิ้นท่านเองได้เลยครับ เพราะของที่ถูกปากผม อาจจะไม่ถูกปากหลายท่านก็ได้
เรื่องมันมีอยู่ว่าวันนี้ผมไปทำธุระที่เมกาบางนา ตอนที่เข้าไปที่อิเกียก็เผอิญเหลือบไปเห็นป้ายนี้เข้า
ด้วยความที่เราเป็นผู้ชายกินเนื้อ เอ้ย กำลังอยากกินเนื้อแบบให้เต็มคราบอยู่พอดี หลังจากดูนาฬิกาแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจที่จะแวะกินมื้อเย็นที่นี่ซักนิด โดยที่ปกติแล้ว ผมกินมื้อเย็นน้อยมาก แต่เนื่องจากวันได้พอดีผมเลยคิดว่า ขอซักวันหน่ะ 55 (มิน่า ไม่ผอมซะที) อีกใจนึงก็คือความสงสัย เพราะถ้าพูดถึงอาหารของอิเกีย แน่นอนว่าหลายๆคนคงรู้ถึงคุณภาพกันอยู่แล้ว แต่พอผมเห็นราคาที่ป้ายปุ้ป สารภาพตามตรง ผมว่ามันต่ำกว่าบุฟเฟต์ในห้างหลายร้านนัก เลยเกิดอาการอยากกินขึ้นเป็นกำลังในทันใด
ระหว่างนั่งรอ 18.00 ผมก็เลยซื้อน้ำมานั่งรอ
เมื่อใกล้เวลาผมก็เดินไปต่อคิวที่ทางเข้า (ราคาที่เห็นคือตามนั้นเลยครับ แต่ยังไม่รวมน้ำ)
ไลน์บุฟเฟต์จะเป็นแบบนี้ครับ
อันนี้คือเมนูหลัก (ขาดรูปชัดๆไปหนึ่งเมนู ขอโทษนะครับ)
ส่วนเครื่องเคียง อยู่ติดกัน
ถัดไปคือ แท่งเนื้อ หรือไส้กรอกนั่นเอง
และที่ต้องมีเลยคือ สลัดครับ แต่น่าเสียดายที่มีให้เลือกน้อยไปนิ้สสส แต่อย่างว่า มื้อนี้เรามาเพื่อเนื้อเท่านั้น
หลังจากสำรวจไลน์พร้อมถ่ายรูปเรียบร้อยผมก็ตักๆๆๆ แล้วก็ได้ถาดแรกตามนี้
หลังจากตักเสร็จแล้วก็เดินไปจ่ายตังที่แคชเชียร์ตามปกติครับ เพียงแต่เค้าจะให้สายรัดหน้าตาประมาณนี้มา เพื่อเป็นหลักฐานว่า เราจ่ายเงินแล้ว
เอาหล่ะ จ่ายตังเรียบร้อยก็ได้เวลาลุย
อันแรก เริ่มจากไส้กรอกก่อนเลย (เพราะมันอยู่บนสุด)
ถ้าจะให้เทียบแบบนึกภาพตามง่ายสุดสำหรับไส้กรอก แน่นอนว่าหลายๆท่านคงนึกถึง7-11เป็นที่แรก ผมก็เช่นเดียวกัน
ความแน่นของเนื้อนั้นเหนือกว่าไส้กรอกจำพวกแฟรงค์ไก่อยู่หน่อยนึง แต่ก็ไม่ถึงระดับ บุชเชอร์ แต่ก็นับว่าใกล้เคียงมาก ส่วนความยาวก็สั้นกว่าฟุตลองประมาณนึงครับ แต่ยาวกว่าบิ้กไบด์
ต่อไปก็ ไก่ย่าง
ที่นี่ย่างได้สุกครับ ไม่มีสีแดงให้เห็นเลย และไม่แห้งด้วยแม้จะกินเปล่าๆแบบไม่ราดซอส
ถัดไปก็ สันนอกหมูพริกไทดำ

เนื่องจากเป็นสันนอก เลยมีความแข็งอยู่บ้าง แต่ส่วนที่มีไขมันปนนั้นไม่แข็งเลย และไม่แห้งมากเกินไปด้วยครับ
ส่วนเมนูสุดท้ายเป็นสเต็กหมู (ขออภัยที่ไม่มีรูป) อันนี้ก็สามารถกินได้แบบไม่ต้องมีซอสเช่นกันเพราะปรุงมาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีความแห้งหรือความแข็งปรากฏให้เห็น และแน่นอน อย่างสุกระดับWell Doneทุกชิ้น ไม่มีส่วนที่เป็นสีแดงหรือแม้กระทั่งชมพูให้เห็นแม้แต่น้อย
พอจานแรกหมด ผมก็ไปตักรอบสองมา (แต่เริ่มแน่นท้องแล้ว)
อีกเมนูนึงคือซี่โครงหมูพริกไทดำ
เมนูนี้ ก็ไม่ผิดหวังอีกเช่นเคย ไม่ต้องมีซอสก็สามารถกินได้ ส่วนเรื่องความนุ่มนั้นให้ผ่านครับ คุณสามารถใช้ส้อมจิ้มส่วนที่เป็นเนื้อแล้วกัดเฉพาะกระดูกออกมาได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก (แต่ก็ไม่เกลี้ยงขนาดกระดูกสะอาดนะ)
ส่วนเครื่องเคียงนั้น ซอสบาบีคิวผมให้ผ่าน แต่เกรวี่ยังไม่ถูกปากผมเท่าไหร่ แครอทนั้นต้มได้นิ่มมาก แต่ยังไม่เละ กินง่ายมาก(แต่ส่วนตัวผมชอบกรอบๆ) ส่วนสลัดนั้น ต้องบอกว่าอยู่ในระดับดีสำหรับเป็นเครื่องเคียงแก้เลี่ยนครับ ไม่ได้อร่อยขนาดSizzler แต่ก็ไม่ได้ดาษๆนะ
พอหมดถาดสองผมก็จอดแล้วครับ แน่นท้องมาก ด้วยความสงสัยว่าทำไมเราจอดง่ายจัง ผมก็เลยเดินไปถามแม่ครัวที่ไลน์อาหารเรื่องน้ำหนักของสเต๊ก แม่ครัวบอก สเต๊กทุกเมนู (ไม่นับซี่โครงนะครับ เพราะชิ้นเล็ก) น้ำหนักเฉลี่ยชิ้นละ 4ขึด แม่เจ้า เราซัดไป4ชิ้น+อื่นๆก็ประมาณ2กิโลได้ (4*4 = 1.6ขีด) น้ำหนักร่วมๆ2กิโลอยู่ในท้อง ไม่แน่นก็แปลกละ แต่อีกนัยนึง เราอาจจะแก่เกินกินบุฟเฟต์แล้วก็ได้นะ T T
สรุป โดยส่วนตัวแล้วผมให้ผ่านครับ เพราะคุณภาพเทียบกับราคาแล้วนับว่าคุ้มค่ากับราคา 299 netต่อหัว (ไม่รวมน้ำนะ) สำหรับบุฟเฟต์สเต๊กนี้จะยังมีเรื่อยๆทุกวันพฤหัส 18.00-20.00โดยที่ยังไม่มีวันหมดโปรครับ แต่โดยส่วนตัว ผมว่าชั่วโมงเดียวก็จอดแล้ว
[CR] รีวิว บุฟเฟต์สเต๊กสำหรับคนที่อยากกินเนื้อให้เต็มคราบ ณ IKEA
ขออภัยที่ลงตอนนี้ เพราะเพิ่งถึงบ้านครับ หึหึ จงท้องร้องกันซะเถอะ
ป.ล. แน่นอนว่าส่วนตัวผมมีคติอยู่ว่า ของกินนั้นต้องพิสูจน์ด้วยลิ้นของตัวเอง ทุกท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อผม แต่เชิญพิสูจน์ด้วยลิ้นท่านเองได้เลยครับ เพราะของที่ถูกปากผม อาจจะไม่ถูกปากหลายท่านก็ได้
เรื่องมันมีอยู่ว่าวันนี้ผมไปทำธุระที่เมกาบางนา ตอนที่เข้าไปที่อิเกียก็เผอิญเหลือบไปเห็นป้ายนี้เข้า
ด้วยความที่เราเป็นผู้ชายกินเนื้อ เอ้ย กำลังอยากกินเนื้อแบบให้เต็มคราบอยู่พอดี หลังจากดูนาฬิกาแล้ว ผมก็เลยตัดสินใจที่จะแวะกินมื้อเย็นที่นี่ซักนิด โดยที่ปกติแล้ว ผมกินมื้อเย็นน้อยมาก แต่เนื่องจากวันได้พอดีผมเลยคิดว่า ขอซักวันหน่ะ 55 (มิน่า ไม่ผอมซะที) อีกใจนึงก็คือความสงสัย เพราะถ้าพูดถึงอาหารของอิเกีย แน่นอนว่าหลายๆคนคงรู้ถึงคุณภาพกันอยู่แล้ว แต่พอผมเห็นราคาที่ป้ายปุ้ป สารภาพตามตรง ผมว่ามันต่ำกว่าบุฟเฟต์ในห้างหลายร้านนัก เลยเกิดอาการอยากกินขึ้นเป็นกำลังในทันใด
ระหว่างนั่งรอ 18.00 ผมก็เลยซื้อน้ำมานั่งรอ
เมื่อใกล้เวลาผมก็เดินไปต่อคิวที่ทางเข้า (ราคาที่เห็นคือตามนั้นเลยครับ แต่ยังไม่รวมน้ำ)
ไลน์บุฟเฟต์จะเป็นแบบนี้ครับ
อันนี้คือเมนูหลัก (ขาดรูปชัดๆไปหนึ่งเมนู ขอโทษนะครับ)
ส่วนเครื่องเคียง อยู่ติดกัน
ถัดไปคือ แท่งเนื้อ หรือไส้กรอกนั่นเอง
และที่ต้องมีเลยคือ สลัดครับ แต่น่าเสียดายที่มีให้เลือกน้อยไปนิ้สสส แต่อย่างว่า มื้อนี้เรามาเพื่อเนื้อเท่านั้น
หลังจากสำรวจไลน์พร้อมถ่ายรูปเรียบร้อยผมก็ตักๆๆๆ แล้วก็ได้ถาดแรกตามนี้
หลังจากตักเสร็จแล้วก็เดินไปจ่ายตังที่แคชเชียร์ตามปกติครับ เพียงแต่เค้าจะให้สายรัดหน้าตาประมาณนี้มา เพื่อเป็นหลักฐานว่า เราจ่ายเงินแล้ว
เอาหล่ะ จ่ายตังเรียบร้อยก็ได้เวลาลุย
อันแรก เริ่มจากไส้กรอกก่อนเลย (เพราะมันอยู่บนสุด)
ถ้าจะให้เทียบแบบนึกภาพตามง่ายสุดสำหรับไส้กรอก แน่นอนว่าหลายๆท่านคงนึกถึง7-11เป็นที่แรก ผมก็เช่นเดียวกัน
ความแน่นของเนื้อนั้นเหนือกว่าไส้กรอกจำพวกแฟรงค์ไก่อยู่หน่อยนึง แต่ก็ไม่ถึงระดับ บุชเชอร์ แต่ก็นับว่าใกล้เคียงมาก ส่วนความยาวก็สั้นกว่าฟุตลองประมาณนึงครับ แต่ยาวกว่าบิ้กไบด์
ต่อไปก็ ไก่ย่าง
ที่นี่ย่างได้สุกครับ ไม่มีสีแดงให้เห็นเลย และไม่แห้งด้วยแม้จะกินเปล่าๆแบบไม่ราดซอส
ถัดไปก็ สันนอกหมูพริกไทดำ
เนื่องจากเป็นสันนอก เลยมีความแข็งอยู่บ้าง แต่ส่วนที่มีไขมันปนนั้นไม่แข็งเลย และไม่แห้งมากเกินไปด้วยครับ
ส่วนเมนูสุดท้ายเป็นสเต็กหมู (ขออภัยที่ไม่มีรูป) อันนี้ก็สามารถกินได้แบบไม่ต้องมีซอสเช่นกันเพราะปรุงมาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีความแห้งหรือความแข็งปรากฏให้เห็น และแน่นอน อย่างสุกระดับWell Doneทุกชิ้น ไม่มีส่วนที่เป็นสีแดงหรือแม้กระทั่งชมพูให้เห็นแม้แต่น้อย
พอจานแรกหมด ผมก็ไปตักรอบสองมา (แต่เริ่มแน่นท้องแล้ว)
อีกเมนูนึงคือซี่โครงหมูพริกไทดำ
เมนูนี้ ก็ไม่ผิดหวังอีกเช่นเคย ไม่ต้องมีซอสก็สามารถกินได้ ส่วนเรื่องความนุ่มนั้นให้ผ่านครับ คุณสามารถใช้ส้อมจิ้มส่วนที่เป็นเนื้อแล้วกัดเฉพาะกระดูกออกมาได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก (แต่ก็ไม่เกลี้ยงขนาดกระดูกสะอาดนะ)
ส่วนเครื่องเคียงนั้น ซอสบาบีคิวผมให้ผ่าน แต่เกรวี่ยังไม่ถูกปากผมเท่าไหร่ แครอทนั้นต้มได้นิ่มมาก แต่ยังไม่เละ กินง่ายมาก(แต่ส่วนตัวผมชอบกรอบๆ) ส่วนสลัดนั้น ต้องบอกว่าอยู่ในระดับดีสำหรับเป็นเครื่องเคียงแก้เลี่ยนครับ ไม่ได้อร่อยขนาดSizzler แต่ก็ไม่ได้ดาษๆนะ
พอหมดถาดสองผมก็จอดแล้วครับ แน่นท้องมาก ด้วยความสงสัยว่าทำไมเราจอดง่ายจัง ผมก็เลยเดินไปถามแม่ครัวที่ไลน์อาหารเรื่องน้ำหนักของสเต๊ก แม่ครัวบอก สเต๊กทุกเมนู (ไม่นับซี่โครงนะครับ เพราะชิ้นเล็ก) น้ำหนักเฉลี่ยชิ้นละ 4ขึด แม่เจ้า เราซัดไป4ชิ้น+อื่นๆก็ประมาณ2กิโลได้ (4*4 = 1.6ขีด) น้ำหนักร่วมๆ2กิโลอยู่ในท้อง ไม่แน่นก็แปลกละ แต่อีกนัยนึง เราอาจจะแก่เกินกินบุฟเฟต์แล้วก็ได้นะ T T
สรุป โดยส่วนตัวแล้วผมให้ผ่านครับ เพราะคุณภาพเทียบกับราคาแล้วนับว่าคุ้มค่ากับราคา 299 netต่อหัว (ไม่รวมน้ำนะ) สำหรับบุฟเฟต์สเต๊กนี้จะยังมีเรื่อยๆทุกวันพฤหัส 18.00-20.00โดยที่ยังไม่มีวันหมดโปรครับ แต่โดยส่วนตัว ผมว่าชั่วโมงเดียวก็จอดแล้ว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น