ก่อนอื่นผมต้องบอกไว้ก่อนว่า ตัวของผมนั้นไม่เคยที่จะคิดออกไปไหนเลย ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 28 ปี ถึงขณะนี้ตัวผมก็ยังไม่เคยไป เกาะสเม็ดสักครั้งเลย มันคงเป็นเพราะผมคิดว่า จะเที่ยวไปทำไม เที่ยวไปก็เสียดายเงินปล่าวๆ กลับมาก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จัดว่าเป็นพวกวัตถุนิยมคนหนึ่งเลยแหละผมเนี้ย ผมมักฝันอยากจะมี รถหรูๆ ตำแหน่งใหญ่โต บ้านสวยๆ จนมาวันหนึ่ง วันที่เงินไม่สามารถซื้อความรักให้กลับมาได้ วันที่ผมเสียคนที่รักไป วันนั้นเป็นวันที่ผมเริ่มออกเดินทาง
มันก็แค่ ผู้ชายอกหักคนหนึ่ง ที่ไม่อยากคิดฟุ้งซ่านกับความรัก แค่อยากจะหนีไปไกลๆ จากสภาพเดิมๆ ก็เท่านั้น หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ได้กลับมามันยิ่งใหญ่เกินกว่านั้น
1. ผมได้รู้จักคุณค่าของมนุษย์ คงจะไม่แปลกที่มนุษย์เงินเดือนฐานะปานกลางคนหนึ่ง จะไม่เคยทักทายคนสวนที่เขาพบระหว่างทางกลับบ้านประจำ ในเมืองหลวงของประเทศที่ยุ่งเหยิง แค่ใช้ชีวิตให้รอดก็ลำบากแล้ว ประสาอะไรจะต้องไปคุยกับคนที่คิดว่าคุยไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรด้วย แต่วันนั้น
บนรถไฟฟรีสาย หนองคาย-กรุงเทพ หลังจากที่ผมกลับมาจากวังเวียง คุยยายคนหนึ่ง แต่งตัวสมัยเก่า นั่งรถไฟมาคนเดียว ด้วยความเหงาผสมกับอากาศที่หนาวจับใจ หรืออะไรก็ตาม ทำให้เราสองคนได้คุยกัน ยายบอกว่ายายเคยอยู่ลาวมาก่อน เราคุยกันอย่างออกรสถึงการท่องเที่ยวที่ผมเพิ่งผ่านมา ยายบอกว่าทั้งเบียร์และบุหรี ที่เอ็งบริโภคเข้าไปหน่ะรัฐบาล ถือหุ้นทั้งนั้น ไม่แปลกเลยที่บุหรีลาวจะมีสารพัดยี่ห้อและราคาถูก ยายอยู่มาตั้งแต่สมัยที่เฝอตกชามละ 10 บาทได้แล้วมั้งไอ้หนู (ปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 กีบ) มนุษย์ก็เหมือนกับหนังสือเล่มหนึ่ง คุณยายคนนี้เปรียบเสมือนกับหนังสือเล่มใหญ่ ที่ภายนอกไม่น่าอ่านนัก แน่นอนว่า คนเรามักตัดสินคนอื่นด้วยรูปกาย ผมเองก็เช่นกัน แต่ในวันนี้การเดินทางมำให้ผมลดอัตตาลง เราก็แค่ชีวิตเล็กๆ ในธรรมชาติเท่านั้น อย่ามัวหลงตัวเองอยู่เลย ยังมีหนังสือมนุษย์อีกมากมายที่รอเราอยู่ระหว่างการเดินทาง
2. ผมได้รู้จักบ้านหลังที่ดีที่สุด บ้านหลังใหญ่ที่ใฝ่ฝัน ที่แท้ก็คือผืนดินที่ฉันใช้ทอดกาย หลายต่อหลายครั้งที่ผมต้องอาศัยผืนผ้าใบของเต้นท์เป็นที่อาศัยหลับนอน ตัวผมเองในตอนนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่า ชีวิตของคนเราต้องการอะไรกันแน่ ในวันที่เราทอดร่างกายสู่ผืนดิน วันที่เราสิ้นลมหายใจ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการนอนเต้นท์ คนเราไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย แค่คุณนอนหลับสบายอย่างมีความสุข คุณไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่ๆ หรอก เพราะร่างที่คุณทอดกายมันใช้พื้นที่ไม่กี่ ตารางเมตรเอง สิ่งที่คนเราต้องการคือความสุข ถ้าคุณยังหามันไม่เจอ ผมเสนอให้คุณลองมองกลับไปที่ตัวตนแท้จริงของคุณดู แล้วจะรู้ว่าความสุขไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น
3. ผมได้รู้จักกับอาหารชั้นเลิศ ในวันที่ผมขึ้นเขาหลวง สุโขทัย ผมได้พบกับผู้พิทักษ์ป่าไม้สองท่าน คือพี่ตุ๋ยและพี่จิ้ม พี่สองคนนี้ต้องอยู่บนเขาเป็นเวลาสิบห้าวันก่อนลงไปปลี่ยนผลัดกับคนด้านล่าง แน่นอนว่าบนนั้นไม่มีไฟฟ้า มีแต่เครื่องปั่นไฟที่จำกัดการใช้เท่านั้น อาหารการกินต้องเตรียมไปจากด้านล่าง ภูมิประเทศตรงนั้นปลูกผักไม่ขึ้น อาหารเป็นสิ่งที่ขาดแคลน พี่ตุ๋ยบอกกับผมว่าอาหารที่อร่อยที่สุดคือมื้อแรกที่ได้ลงจากเขาไปกินข้าวกับครอบครัว
ผมเองก็เช่นกัน ในวันที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยขนมปังหรืออาหารแห้ง เพราะบนเขาไม่ได้มีภัตราคารหรือ 7-11 ความลำบาก ณ จุดๆ นั้นทำให้ผมได้คิดว่า เราบริโภคกันมากเกินไปหรือป่าว บ่อยครั้งที่ผมตะกละกินบุฟเฟ่ห์จนต้องมานอนท้องอืดอยู่ห้อง หลายครั้งที่เราเปิดหน้าเฟสแล้วเจอโปรโมชั่นจากร้านต่างๆ แล้วอดใจไม่ไหวแม้ว่ามันจะสูบเงินจากบัตรเครดิตเราไปเยอะก็ตาม หลายๆครั้งที่เราไปกินเพื่อถ่ายรูปอาหารแล้วโพสลงเฟสเพื่อโชว์คนอื่น มาตอนนี้ผมรู้ว่าคนเราก็มีแค่นี้ท้องเดียวปากเดียว กินแค่พอดีก็เพียงพอ
4. ผมได้รู้ว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม ในวันที่เราอกหัก เราคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้มองไปรอบข้าง วันนั้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร บนแพปลา เด็กน้อยคนหนึ่งอยู่อ้อนแม่ไม่ห่าง ไม่ว่าแม่จะไปไหนทำอะไรก็ตามติดตลอด ภาพที่ผมเห็น ณ ตอนนั้นมันทำให้ผมคิดถึงแม่ขึ้นมาทันที พลางคิดไปในใจว่า เมื่อก่อนเราเองก็คงไม่ต่างอะไรกับเจ้าหนูคนนี้ ที่จะต้องติดแม่ งอมแงม แม่ไปไหนหนูไปด้วย จนเราเติบโตขึ้นมา ในวันที่เราเปลี่ยนจากกอดแม่มากอดแฟน แม่ก็ยังคงรักเราอยู่เสมอ ไม่มีความรักไหนหรอกที่จะดีเท่าความรักที่มาจากครอบครัวอีกแล้ว
ผมไม่รู้ว่าผมมาบ่นอะไรให้ทุกท่านฟังมากมายหรือปล่าว ผมแค่อยากรู้ว่า เพื่อนๆ เวลาได้เดินทาง แล้วได้อะไรกลับมากันบ้าง
มีใครบ้างไหมที่การเดินทางทำให้ชีวิตเปลี่ยน มีใครบ้างไหมที่ได้รับความรักจากการเดินทาง มีใครบ้างไหมที่เดินทางเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง สุดท้ายที่ขอบคุณมากที่ทนอ่านจนจบ เพราะผมเชื่อว่าการเดินทางจะสนุกมากขึ้นเมื่อเราแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่กันและกัน
ผมแค่อยากรู้ พวกคุณได้อะไรจากการท่องเที่ยว?
มันก็แค่ ผู้ชายอกหักคนหนึ่ง ที่ไม่อยากคิดฟุ้งซ่านกับความรัก แค่อยากจะหนีไปไกลๆ จากสภาพเดิมๆ ก็เท่านั้น หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ได้กลับมามันยิ่งใหญ่เกินกว่านั้น
1. ผมได้รู้จักคุณค่าของมนุษย์ คงจะไม่แปลกที่มนุษย์เงินเดือนฐานะปานกลางคนหนึ่ง จะไม่เคยทักทายคนสวนที่เขาพบระหว่างทางกลับบ้านประจำ ในเมืองหลวงของประเทศที่ยุ่งเหยิง แค่ใช้ชีวิตให้รอดก็ลำบากแล้ว ประสาอะไรจะต้องไปคุยกับคนที่คิดว่าคุยไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรด้วย แต่วันนั้น
บนรถไฟฟรีสาย หนองคาย-กรุงเทพ หลังจากที่ผมกลับมาจากวังเวียง คุยยายคนหนึ่ง แต่งตัวสมัยเก่า นั่งรถไฟมาคนเดียว ด้วยความเหงาผสมกับอากาศที่หนาวจับใจ หรืออะไรก็ตาม ทำให้เราสองคนได้คุยกัน ยายบอกว่ายายเคยอยู่ลาวมาก่อน เราคุยกันอย่างออกรสถึงการท่องเที่ยวที่ผมเพิ่งผ่านมา ยายบอกว่าทั้งเบียร์และบุหรี ที่เอ็งบริโภคเข้าไปหน่ะรัฐบาล ถือหุ้นทั้งนั้น ไม่แปลกเลยที่บุหรีลาวจะมีสารพัดยี่ห้อและราคาถูก ยายอยู่มาตั้งแต่สมัยที่เฝอตกชามละ 10 บาทได้แล้วมั้งไอ้หนู (ปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 กีบ) มนุษย์ก็เหมือนกับหนังสือเล่มหนึ่ง คุณยายคนนี้เปรียบเสมือนกับหนังสือเล่มใหญ่ ที่ภายนอกไม่น่าอ่านนัก แน่นอนว่า คนเรามักตัดสินคนอื่นด้วยรูปกาย ผมเองก็เช่นกัน แต่ในวันนี้การเดินทางมำให้ผมลดอัตตาลง เราก็แค่ชีวิตเล็กๆ ในธรรมชาติเท่านั้น อย่ามัวหลงตัวเองอยู่เลย ยังมีหนังสือมนุษย์อีกมากมายที่รอเราอยู่ระหว่างการเดินทาง
2. ผมได้รู้จักบ้านหลังที่ดีที่สุด บ้านหลังใหญ่ที่ใฝ่ฝัน ที่แท้ก็คือผืนดินที่ฉันใช้ทอดกาย หลายต่อหลายครั้งที่ผมต้องอาศัยผืนผ้าใบของเต้นท์เป็นที่อาศัยหลับนอน ตัวผมเองในตอนนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่า ชีวิตของคนเราต้องการอะไรกันแน่ ในวันที่เราทอดร่างกายสู่ผืนดิน วันที่เราสิ้นลมหายใจ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการนอนเต้นท์ คนเราไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย แค่คุณนอนหลับสบายอย่างมีความสุข คุณไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่ๆ หรอก เพราะร่างที่คุณทอดกายมันใช้พื้นที่ไม่กี่ ตารางเมตรเอง สิ่งที่คนเราต้องการคือความสุข ถ้าคุณยังหามันไม่เจอ ผมเสนอให้คุณลองมองกลับไปที่ตัวตนแท้จริงของคุณดู แล้วจะรู้ว่าความสุขไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น
3. ผมได้รู้จักกับอาหารชั้นเลิศ ในวันที่ผมขึ้นเขาหลวง สุโขทัย ผมได้พบกับผู้พิทักษ์ป่าไม้สองท่าน คือพี่ตุ๋ยและพี่จิ้ม พี่สองคนนี้ต้องอยู่บนเขาเป็นเวลาสิบห้าวันก่อนลงไปปลี่ยนผลัดกับคนด้านล่าง แน่นอนว่าบนนั้นไม่มีไฟฟ้า มีแต่เครื่องปั่นไฟที่จำกัดการใช้เท่านั้น อาหารการกินต้องเตรียมไปจากด้านล่าง ภูมิประเทศตรงนั้นปลูกผักไม่ขึ้น อาหารเป็นสิ่งที่ขาดแคลน พี่ตุ๋ยบอกกับผมว่าอาหารที่อร่อยที่สุดคือมื้อแรกที่ได้ลงจากเขาไปกินข้าวกับครอบครัว
ผมเองก็เช่นกัน ในวันที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยขนมปังหรืออาหารแห้ง เพราะบนเขาไม่ได้มีภัตราคารหรือ 7-11 ความลำบาก ณ จุดๆ นั้นทำให้ผมได้คิดว่า เราบริโภคกันมากเกินไปหรือป่าว บ่อยครั้งที่ผมตะกละกินบุฟเฟ่ห์จนต้องมานอนท้องอืดอยู่ห้อง หลายครั้งที่เราเปิดหน้าเฟสแล้วเจอโปรโมชั่นจากร้านต่างๆ แล้วอดใจไม่ไหวแม้ว่ามันจะสูบเงินจากบัตรเครดิตเราไปเยอะก็ตาม หลายๆครั้งที่เราไปกินเพื่อถ่ายรูปอาหารแล้วโพสลงเฟสเพื่อโชว์คนอื่น มาตอนนี้ผมรู้ว่าคนเราก็มีแค่นี้ท้องเดียวปากเดียว กินแค่พอดีก็เพียงพอ
4. ผมได้รู้ว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม ในวันที่เราอกหัก เราคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้มองไปรอบข้าง วันนั้นที่ อ.ปะทิว จ.ชุมพร บนแพปลา เด็กน้อยคนหนึ่งอยู่อ้อนแม่ไม่ห่าง ไม่ว่าแม่จะไปไหนทำอะไรก็ตามติดตลอด ภาพที่ผมเห็น ณ ตอนนั้นมันทำให้ผมคิดถึงแม่ขึ้นมาทันที พลางคิดไปในใจว่า เมื่อก่อนเราเองก็คงไม่ต่างอะไรกับเจ้าหนูคนนี้ ที่จะต้องติดแม่ งอมแงม แม่ไปไหนหนูไปด้วย จนเราเติบโตขึ้นมา ในวันที่เราเปลี่ยนจากกอดแม่มากอดแฟน แม่ก็ยังคงรักเราอยู่เสมอ ไม่มีความรักไหนหรอกที่จะดีเท่าความรักที่มาจากครอบครัวอีกแล้ว
ผมไม่รู้ว่าผมมาบ่นอะไรให้ทุกท่านฟังมากมายหรือปล่าว ผมแค่อยากรู้ว่า เพื่อนๆ เวลาได้เดินทาง แล้วได้อะไรกลับมากันบ้าง
มีใครบ้างไหมที่การเดินทางทำให้ชีวิตเปลี่ยน มีใครบ้างไหมที่ได้รับความรักจากการเดินทาง มีใครบ้างไหมที่เดินทางเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง สุดท้ายที่ขอบคุณมากที่ทนอ่านจนจบ เพราะผมเชื่อว่าการเดินทางจะสนุกมากขึ้นเมื่อเราแบ่งปันประสบการณ์ให้แก่กันและกัน