[แนวทาง+เส้นทาง]จากคนอ้วนน้ำหนักเฉียด 100

เริ่มแรกที่ผมเริ่มลดน้ำหนักเนี่ย ผ่านมาได้เกือบ 2 ปีแล้ว และเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ผมรู้จักก็คอยแต่ถามว่าทำยังไง ผมก็ได้แต่ตอบสั้นๆ หรือไม่ได้ตอบเลย บางครั้งก็ตอบกวนๆไปว่า "ลองมาอยู่อินเดียซัก2อาทิตย์สิ" (คือผมยังศึกษาอยู่ที่อินเดียครับ) และผมก็ได้โพสในเฟซบุ๊คส่วนตัวไปแล้ว เลยอยากจะแชร์ให้เพื่อนๆชาวพันทิปด้วย และก่อนหน้านี้ผมก็เคยไปแซมๆในกระทู้ของคนอื่นมาบ้าง แต่ไม่เคยตั้งกระทู้แบบนี้เป็นของตัวเองเลย ไหนๆก็เขียนไว้แล้ว เลยขอใช้โอกาสนี้ได้แชร์ปรสบการณ์ของผมเลยแล้วกันนะครับ

ขอบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าบางส่วนที่ผมเล่า หลายๆท่านอาจจะไม่ยอมรับ เพราะสิ่งที่ผมทำในช่วงที่ลดน้ำหนักนั้น อาจจะไปผิดกับหลักโภชนา หรือหลักการลดน้ำหนักของท่านนะครับ ต้องอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ผมเขียนกระทู้นี้ขึ้นจากประสบการณ์ตรงนะครับ ข้อมูลที่ใส่ลงไปก็เป็นข้อมูลที่เกิดจากการศึกษาด้วยตัวเอง ใช้ความรู้และความเข้าใจของผมเอง และใช้สำนวนแบบเพื่อนบอกเพื่อน(อย่างที่บอกไปตอนแรกว่า ผมเขียนลงไปในเฟซบุ๊คส่วนตัวครับ แต่จะมีส่วนที่เป็นคำหยาบด้วยซึ่งผมได้แก้ไขไว้ให้แล้ว)

"เริ่มต้น"
คุณต้องดูความจริงก่อนนะครับ ว่าคุณอ้วนหรือเปล่า? ไม่ต้องถามคนอื่นหรอก มองตัวเองในกระจกนะ แล้วคุณรู้สึกแบบไหน คำตอบก็คือแบบนั้นแหละ สำคัญคือ"ห้ามหลอกตัวเอง" อย่างเช่นถ้าอ้วนก็ต้องยอมรับว่าอ้วน แล้วคนประเภทที่ผอมจนเหลือแต่กระดูก แต่ยังเผือกบอกตัวเองว่าอ้วนเนี่ย ขอเถอะครับ ตั้งถุงกาวแล้ววางสตินะ โอเค๊

"แรงบันดาลใจ"
คนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นแหละครับ ถ้ามีแรงบันดาลใจ มองหาแรงบันดาลของตัวเองก่อน คิดดีๆ ว่าทำไมถึงอยากผอม? เพื่ออะไร จะบอกว่าเพื่อคนที่ชอบ เพื่อสุขภาพ เพื่อเป็ดอะไรก็ได้ แต่สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยากผอมได้จริงๆ แรงบันดาลใจจะเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนคุณอยู่เสมอเวลาคุณสติหลุดจนออกนอกลู่นอกทางที่จะผอม อีกเหตุผลที่ผมให้หาแรงบันดาลใจก็เพราะว่า บางคน"ไม่ได้อยากผอมจริงๆ" ปากก็พูดไปว่าจะลดๆ แต่เห็นกินของหวานๆ มันๆ แคลลอรี่เยอะๆ หึ! พูดเลยนะครับว่า ถ้าคุณยังมีความสุขกับการกินอยู่ ก็กินไปครับ ไม่ต้องกลัวอ้วน เพราะความจริงแล้วคุณไม่ได้กลัวอ้วน คุณกลัวภาพลักษณ์ของคำว่า"อ้วน"ต่างหาก

"ศึกษาอย่างจริงจัง"
เอาล่ะครับ พอคุณรู้ตัวแล้วว่าคุณอ้วน และคุณก็มีแรงบันดาลใจที่จะลดแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ "หาข้อมูล"ครับ คุณต้องศึกษาจากๆหลายที่ จนกว่าจะเจอวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับตัวเอง เพราะคนเรานิสัยไม่เหมือนกัน อย่างวิธีลดน้ำหนักของผมที่จะเล่าต่อไปนี้เนี่ย มันเป็นวิธีที่เหมาะกับคนนิสัยอย่างผม อาจจะไม่เวิร์คสำหรับทุกคนหรอกนะ... ขอย้ำนะครับ ว่าคุณจะต้องศึกษาอย่าง"จริงจัง" อย่ามาทำเป็นโพสวิธีลดนั่นลดนี่ภายในเวลาเท่านี้ เขียนหัวข้อไว้ว่า "แปะ เดี๋ยวกลับมาอ่าน" โถ คุณสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน!!!!!! 90%ของคนที่ทำแบบนั้นนะ ไม่เคยกลับไปอ่าน...

"ลงมือทำ"
ใช่ครับ จะมีประโยชน์อะไร ถ้าคุณอยากผอม คุณมีแรงบันดาลใจ คุณหาข้อมูลวิธีการต่างๆครบแล้ว แต่คุณไม่ทำอะไรเลย ลงมือเลยครับ อุปกรณ์มีครบแล้ว(คือ 3 ข้อที่ผมกล่าวไปข้างต้น) ทำเลยครับ ลุยไปให้ถึงที่สุด ท่องไว้ว่า "ชั้นจะต้องผอม เพื่อ...(ใส่แรงบันดาลใจของคุณลงไปครับ)..."

...ใส่สิครับ...

ใส่ยัง? ...โอเค ใส่แล้วนะครับ ที่นี่ผมจะเล่าวิธีการของผมละ ผมขอไม่พูดถึงวิธีการลดแบบอื่นนะครับ (เพราะผมไม่รู้)

วิธีการของผม ก็คือ "ลดก่อน ควบคุมทีหลัง"
หมายความว่าไง?
มาทำความเข้าใจกันนิดนึงนะครับ คืองี้ครับ

"ลดก่อน"
คือ การใช้ชีวิตปกติครับ แต่กินให้น้อยลง "รับแคลลอรี่เข้ามา ให้น้อยกว่าที่ใช้ไป" เช่น ร่างกายคุณสามารถเผาผลาญแคลลอรี่ได้ 2000 kcal(กิโลแคลลอรี่) แต่คุณกิน วันนึง 1000 kcal แน่นอนว่า ที่เหลืออีก 1000 kcal นั้นร่างกายจะเอาส่วนที่เป็นพลังงานสำรอง(ไขมันหน้าท้อง ไกลโคเจนในตับ และจากส่วนต่างๆของร่างกาย)มาใช้ครับ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักคุณลดลงแน่นอนครับ จะช้าจะเร็วขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ และจำนวนแคลลอรี่ที่คุณกินเข้าไปในแต่ละวันครับ

"ควบคุมทีหลัง"
คือ "การออกกำลังกาย"ครับ แล้วกินเป็นปกติ สามมื้อต่อวัน จำนวนแคลลอลี่ที่กินก็ปกติเหมือนกับที่คนอื่นๆกินนั่นแหละ กินมากหน่อยก็ได้ เพราะคุณออกกำลังกายแล้วครับ ไม่ต้องห่วงว่ามันจะเกิน
***อย่าเข้าใจผิดว่า การออกกำลังกายคือการลดน้ำหนักนะครับ

การออกกำลังกาย คือ การควบคุมน้ำหนัก

จำไว้นะครับ ต่อให้คุณออกกำลังกายมากขนาดไหน แต่คุณกลับกินเยอะเหมือนเดิม น้ำหนักคุณก็ไม่ลดหรอกครับ ..โอเค.. ไขมันคุณลดลงแน่นอนครับ แต่... คุณได้กล้ามเนื้อใหญ่ๆเข้ามาแทนที่ไงล่ะครับ น้ำหนักมันเลยเท่าเดิม อาจจะลดลงกว่าเดิม 2-3 โลฯ แค่นั้น

ทำไมต้อง "ลดก่อน ควบคุมทีหลัง" ล่ะ?
เพราะเวลาที่ออกกำลังกายเสร็จแล้ว ร่างกายจะสูญเสียพลังงานไปครับ เมื่อร่างกายสูญเสียพลังงานแล้ว มันจะเรียกร้องขอพลังงานให้คืนกลับมา วิธีการของมันคือ ทำให้เราหิวครับ หิวshiftหายเลย พอหิวทำไงล่ะ ก็ต้องกินครับ แล้วผมเป็นคนที่มีนิสัยกินหนักๆทีเดียวให้อิ่มแล้วจบ ไม่ใช่คนกินจุกจิก เลยอดไม่ได้ครับ พอหิวก็ต้องกินจนกว่าจะอิ่ม พูดง่ายๆก็คือ ผมใช้วิธีประเภท "ควบคุมแคลลอรี่ไปด้วย ออกกำลังกายไปด้วย"ไม่ได้ครับ

ทีนี้ก็มาถึงส่วนที่เจ้มจ้นแล้วครับ ส่วนที่ผมทำจริงๆตอนเริ่มลดน้ำหนักเลย ตอนนั้น ผมรู้ตัวแล้วว่าตัวเองอ้วน ผมมีแรงบันดาลใจแล้วที่จะลด และผมก็ไปศึกษาอยู่หลายวิธีเหมือนกันและนำมาประยุกต์ให้เข้ากันนิสัยของผมเอง ดังนี้ครับ

"ลด"
ใจความสำคัญของการลดน้ำหนักของผมคือข้อนี้เลยครับ "ลดแคลลอรี่ที่กิน"ลงให้ได้มากที่สุด วันๆนึงผมกินอยู่ประมาณ 500-700 kcal ครับ แต่ผมเผาผลาญวันนึงประมาณ 2700 kcal ระหว่างที่ลดอยู่นั้นผมก็ใช้ชีวิตปกตินะครับ แต่ไม่ออกกำลังกายเลย ...ซักนิ๊ดก็ไม่... ผมนับแคลลอรี่ทุกอย่างที่กินเข้าไปอย่างกับคนบ้า ใจจริงก็ตั้งไว้ว่าไม่เกิน 1000 kcal ต่อวัน ก็โอเคแล้วล่ะครับ แต่มันดันได้น้อยกว่าที่ตั้งไว้ ผมเลยลดน้ำหนักลง 16 โลฯ ได้ภายใน 3 อาทิตย์

นี่คือสิ่งที่ผมกินใน 1 วันนะ
เช้า
- กาแฟดำ 3 ช้อนชา 1แก้ว = 10 kcal
กลางวัน
- ซุปผัก(ผมคิดสูตรเอง) 1 ชาม = 180-240 kcal
เย็น
- ซุปผัก 1 ชาม = 180-240 kcal
**บางวันอาจจะกินผลไม้เพิ่มในมื้อเย็น
**ถ้าซุปผักผมใส่ไข่ไก่ลงไปด้วยก็บวกไป 60 kcal
**นี่เป็นการคิดแคลลอรี่แบบคร่าวๆนะครับ เพราะไม่รู้เป๊ะๆ ไม่ได้เรียนโภชนาการมา

"ละ"
ละจากการเสพสื่อเสพรูปภาพอาหาร ของน่ากินน่าอร่อยทั้งหลาย เพราะมันยั่วกิเลสครับ บางทีเห็นแล้วมันหิวเห็นแล้วมันต้องจัดให้ได้ ซักคำก็ยังดี... ถ้าใจไม่แข็งพอ ก็อย่าครับ

"เลิก"
เลิกเลยครับ ของหวาน ขนมขบเคี้ยว(ขนมถุง) บอกลาทุกๆอย่างที่มีรสหวานทั้งหมด เช่น เค้ก ไอศครีม ลูกอม น้ำอัดลม ขนมหวาน ฯลฯ ขนาดกาแฟ ก็เปลี่ยนมากินกาแฟดำ(ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นม) ต้องเลิกครับ เพราะของพวกนี้มีแคลลอรี่เยอะมาก ยิ่งกินยิ่งติด จนตอนนี้ผมกินของหวานมากๆไม่ได้ มันเลี่ยน

จบขั้นตอนแรก คือ "ลดก่อน" แล้วครับ
ผม "เปลี่ยนนิสัยการกิน"ของตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว คือ จากเป็นคนที่กินน้ำเปล่าไม่ได้ ต้องกินแต่น้ำอัดลม ตอนนี้กินเป็นแต่น้ำเปล่า ถามว่าตอนนี้กินน้ำอัดลมหวานๆบ้างมั้ย? บอกเลยว่า กินครับ นานๆที(ก็ผมลดเสร็จแล้วนี่ 5555+)

"ควบคุม"
ขั้นตอนสุดท้ายแล้วครับ หลังจาก 3 อาทิตย์ที่ผมลดน้ำหนักจาก 93 ลงมาเหลือ 77 โลฯ ผมก็เริ่มออกกำลังกายครับ และเริ่มกลับมากินอาหารปกติ(ซุปผักก็ยังกินอยู่นะ) เพื่อเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย และน้ำหนักผมก็ขึ้นครับ ขึ้นเพราะกล้ามเนื้อที่ได้มา จนอยู่ที่ 79 โลฯ ช่วงนั้นโอเคแล้วครับ เพราะผมสูง 187 หนัก 79 ถือว่ายังไม่เกินเกณฑ์ แต่ผมก็ยังนับแคลลอรี่อยู่นะ เหมือนมันติดนิสัยแล้วแหละ

"ปัจจุบัน"
ตอนนั้นก็มีหลายคนเหมือนกันที่บอกว่าผมจะ"โยโย่" คือ น้ำหนักลงมาเยอะๆ เดี๋ยวไม่นานก็จะกลับไปอ้วนอีก เผลอๆอาจจะอ้วนกว่าเดิมด้วย ขอพูดตรงนี้เลยนะครับ ผมลดน้ำหนักมา รวมๆก็เกือบ 2 ปีแล้วครับ น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 79-81 บวกลบไม่เกิน 2 โลฯ(ไหนวะโยโย่? ลูกดิ่งเหรอ?) เหตุผลเป็นอย่างนี้ครับ คือ "นิสัยการกิน"ของผมได้เปลี่ยนไปแล้วครับ และผมไม่คิดว่าจะกลับไปมีนิสัยแบบเดิมอีกแน่นอน ทุกวันนี้จะกินกาแฟ ก็กินกาแฟดำๆนั่นแหละ อร่อยกว่ากาแฟหวานมันซะอีก กินก็กินแค่พออิ่มไม่กินจนเกินอิ่ม แล้วมันจะเอาอะไรไปอ้วนอีกครับ? สิ่งที่อยู่ในหัวผมตลอด ก่อนที่จะกินอะไรที่มันมีแคลลอรี่สูงๆ คือ "กว่าเอ็งจะลดมาได้ขนาดนี้มันยากลำบากขนาดไหน นี่เอ็งยังจะกินเข้าไปให้อ้วนเหมือนเดิมอีกเหรอวะแหลม?"ครับ


ทั้งนี้ทั้งนั้นจะลดได้หรือไม่ได้ จะอ้วนขึ้นหลังจากลดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตัวคุณทั้งนั้นแหละครับ ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำ คุณควบคุมตัวเองได้หรือไม่ คุณมีความตั้งใจมากขนาดไหน...

ไม่จำเป็นต้องรีบนะครับ ของแบบนี้ต้องใช้เวลา ค่อยเป็นค่อยไป ผมมันสายหักดิบ เลยลดได้เร็ว


ขอขอบคุณพี่จอห์น วิญญู ที่เป็นคนสร้างแรงบันดาลใจและแนวทางเริ่มแรกให้ผม และขอขอบคุณผู้ให้ข้อมูลต่างๆที่ผมไปศึกษาวิธีการลดน้ำหนัก รวมถึงข้อมูลแคลลอรี่ของอาหารด้วยนะครับ(หลายที่มากจนจำไม่ได้ ขออภัยด้วยครับ)

**แม้จะไม่ใช้กระทู้แรกของผม แต่ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะครับ และผมน้อมรับทุกคำติชมครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่