ตอนที่ 1
http://pantip.com/topic/33657392/
ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/33665166/
ตอนที่ 3
http://pantip.com/topic/33674170/
ตอนที่ 4
http://pantip.com/topic/33683393/
ตอนที่ 5
http://pantip.com/topic/33691647/
ตอนที่ 6
http://pantip.com/topic/33701632/
ตอนที่ 7
http://pantip.com/topic/33715259/
จะพยายามอัพเดททั้งในเว็บพันทิปและในเพจ
https://www.facebook.com/threekingdomhappyfamily
อย่างสม่ำเสมอนะครับผม แต่ถ้ามีล่าช้าประการใดบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ
ตอนที่ 8 นี้ก็จะเป็นอีกช่วงเวลาที่ วรรณกรรมต้นฉบับเขียนแบบก้าวกระโดดมาก ๆ บางเหตุการณ์ไม่มีการเอ่ยถึงเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่า 60-70% ของเหตุการณ์ในสองตอนต่อจากนี้ คือ Unseen จริง ๆ ไม่สามารถพบได้ในวรรณกรรมสามก๊กอย่างแน่นอน จึงขอนำเสนอมา ณ ที่นี้ครับ
ตอนที่ 8 ปี ค.ศ. 251-260
ตระกูลสุมากุมอำนาจราชวงศ์วุยเบ็ดเสร็จ ง่อก๊กผลัดเปลี่ยนอำนาจครั้งใหญ่
ค.ศ. 251
- กล่าวถึงวุยก๊ก ด้วยเหตุการณ์รัฐประหารของสุมาอี้เมื่อสองปีก่อน ทำให้ขุนนางอองหลิง (เป็นเครือญาติของอองอุ้น ผู้ที่เคยวางแผนกำจัดตั๋งโต๊ะเมื่อราว 60 ปีก่อน) ก่อปฏิวัติขึ้นที่เมืองสิ่วชุน แต่ก็ถูกกองทัพของตระกูลสุมาปราบปรามได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แม้ว่าเรื่องราวจะสงบลง แต่การก่อปฏิวัติของอองหลิงก็ได้เป็นแม่แบบสำคัญของเหล่าขุนนางวุยก๊กที่ไม่พอใจต่อตระกูลสุมาในเวลาต่อไป
- สุมาอี้ซึ่งแม้ว่าจะกุมอำนาจทุกอย่างในวุยก๊กได้หมดสิ้น แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้กำเริบเสิบสานขยายอำนาจใด ๆ ยิ่งกว่าเดิมอีก เนื่องด้วยมีอายุมากและล้มป่วยด้วยโรคชราแล้ว บทบาททางการเมืองทั้งหมดเขาจึงมอบหมายให้แก่บุตรชายทั้งสอง สุมาสู สุมาเจียว แล้วจึงใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ จนกระทั่งเสียชีวิตลงในปีนี้ด้วยวัย 72 ปี
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น พระเจ้าซุนกวนซึ่งมีพระชนมายุถึง 69 ชันษาแล้ว ก็ได้แต่งตั้งพระมเหสีอย่างเป็นทางการครั้งแรกคือ พานฮองเฮา (ก่อนหน้านี้ซุนกวนมีภรรยาหลายคนแต่ยังไม่เคยแต่งตั้งใครเป็นภรรยาหลวง) ผู้เป็นมารดาของรัชทายาทซุนเหลียง และยังแต่งตั้งจูกัดเก๊ก บุตรชายของจูกัดกิ๋นที่เคยทำผลงานการสู้รบกับวุยก๊กหลายครั้ง ให้มีตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกด้วย
- ฝ่ายจ๊กก๊กนั้น บิฮุยกับเกียงอุยได้ริเริ่มความขัดแย้งกันอยู่เนือง ๆ เนื่องด้วยหลังจากเกียงอุยพ่ายแพ้ในการบุกวุยก๊กมา 3 ครั้งติด ๆ กัน จึงถูกบิฮุยจำกัดอำนาจในการบริหารกองทัพ และไม่สามารถยกทัพจำนวนมากเพื่อเปิดศึกใหญ่ได้ รวมถึงบิฮุยยังสามารถบริหารกองทัพเพื่อคานอำนาจเกียงอุยได้อยู่ด้วย
- เตงจี๋ ขุนนางวาทศิลป์ดีที่ขงเบ้งเคยใช้งานในการเจรจาสงบศึกกับง่อก๊กเมื่อครั้งพระเล่าปี่เปิดศึกที่อิเหลง เสียชีวิตในปีนี้ด้วยโรคชรา
ค.ศ. 252
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น พระเจ้าซุนกวนประชวรหนัก โดยพานฮองเฮาเริ่มแทรกแซงกิจการบริหารแผ่นดินแทนด้วยพระองค์เอง จึงทำให้ถูกลอบปลงพระชนม์อย่างลึกลับโดยข้าราชบริพารใกล้ตัว เพราะเกรงว่าพระนางจะกุมอำนาจแทนซุนกวนหรือซุนเหลียง
- ในเวลาต่อมาไม่นาน พระเจ้าซุนกวนก็สิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา รัชทายาทซุนเหลียงจึงสืบราชบัลลังก์ต่อด้วยวัยเพียงแค่ 9 ชันษาเท่านั้น พร้อมทั้งสั่งประหารผู้ที่เกี่ยวข้องในการลอบปลงพระชนม์มารดาของพระองค์ทั้งหมด การครองราชย์ของซุนเหลียงจึงริเริ่มด้วยกลิ่นคาวเลือดดังที่เห็นนี้
- ฝ่ายวุยก๊ก นำโดยสุมาสู บุตรชายคนโตของสุมาอี้ เมื่อทราบข่าวง่อก๊กผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน จึงแสดงฝีมือนำทัพบุกง่อก๊กจากหลายทิศทาง แต่ฝ่ายง่อก๊กที่นำโดยจูกัดเก๊กนั้นก็ถือว่ามีความชำนาญในชัยภูมิมากกว่า อีกทั้งยังมีเตงฮองขุนพลอาวุโสฝีมือดีคอยวางแผนรับมือ ในที่สุดก็สามารถตีทัพวุยแตกพ่ายกลับไปได้ทั้งหมดอย่างดงาม
ค.ศ. 253
- ฝ่ายจ๊กก๊ก สมุหนายกบิฮุยจัดงานเลี้ยงรับรองขุนพลเชลยวุยก๊กที่เกียงอุยจับกุมมาได้ แต่กลับถูกลอบสังหารอย่างไม่มีใครคาดคิด ส่งผลให้ไม่มีผู้ใดคานอำนาจทางการทหารกับเกียงอุยในจ๊กก๊กได้อีก ด้วยเหตุนี้ เกียงอุยจึงจัดเตรียมกำลังพลออกทำสงครามกับวุยก๊กอีกครั้ง พร้อมกับการส่งสาส์นนัดแนะกับทางง่อก๊กเพื่อเปิดศึกพร้อมกันอีกด้วย
- ฝ่ายง่อก๊ก เมื่อจูกัดเก๊กได้รับสาส์นนัดแนะจากเกียงอุย จึงเหิมเกริมจัดกำลังพลรุกรานดินแดนวุยก๊กอย่างต่อเนื่องทันที แต่คราวนี้ฝ่ายสุมาสูได้เตรียมรับมือมาพร้อมกว่า รวมทั้งฝ่ายจูกัดเก๊กไม่สามารถทำการรบได้เต็มประสิทธิภาพเนื่องด้วยโรคระบาดรุมเร้ากองทัพ
- ผลการต่อสู้ครั้งนี้ วุยก๊กสามารถต้านทัพเกียงอุยไว้จนกระทั่งเสบียงหมดจนต้องถอยทัพกลับ และยังตอบโต้ทัพจูกัดเก๊กอย่างรุนแรงจนง่อก๊กสูญเสียกำลังพลไปอย่างมหาศาล ศึกสองด้านนี้วุยก๊กจึงเป็นผู้ชนะ
- จูกัดเก๊กเมื่อพ่ายแพ้กลับไป ก็เป็นที่ดูหมิ่นของขุนนางง่อก๊กเพราะล้มเหลวในการศึกครั้งใหญ่ แทนที่เขาจะสำนึกตน กลับสั่งลงโทษขุนพลที่ร่วมรบกับตนเองอย่างบ้าคลั่ง และยังกระทำการกดขี่ข่มเหงขุนนางในราชสำนักเป็นการระบายความแค้น พฤติกรรมนี้กินเวลาหลายเดือนจนฝ่ายราชสำนักง่อก๊กซึ่งนำโดยซุนจุ๋น พระญาติอาวุโสเล็งเห็นว่าจะเป็นภัยต่อแผ่นดิน จึงสั่งวางแผนลอบสังหารจูกัดเก๊กและล้างบางตระกูลจูกัดในง่อก๊กจนหมดสิ้น
- ส่วนเกียงอุยก็จัดกองทัพบุกวุยก๊กอีกครั้งในปีเดียวกัน แต่ก็ถูกทัพของต้านท่ายกับกุยห้วยตีโต้จนต้องถอยกลับไปอีกครั้งเช่นเคย
ค.ศ. 254
- ฝ่ายง่อก๊ก เค้าลางศึกสายเลือดก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เมื่อซุนจุ๋น ได้รับคำแนะนำจากซุนลู่ปานบุตรสาวตัวแสบของซุนกวน ให้ลงมือสำเร็จราชการแทนพระเจ้าซุนเหลียงที่ยังเยาว์วัย แล้วกุมอำนาจภาคส่วนต่าง ๆ ในราชสำนัก ครองอำนาจคนเดียวถึงสามตำแหน่ง คือผู้บัญชาการทหาร สมุหนายก และยศชั้นพระยา ทำให้การกระทำครั้งนี้ของซุนจุ๋นจึงเป็นที่ขัดแย้งต่อขุนนางง่อก๊กฝ่ายต่าง ๆ เป็นอันมาก
- ฝ่ายจ๊กก๊ก เกียงอุยยังคงไม่ลดละ ยกทัพบุกวุยก๊กอีกครั้ง คราวนี้เตรียมการมาดีจึงตีชิงหัวเมืองชายแดนได้หลายจุด แต่ก็เกิดความขัดแย้งในการวางแผนแนวรบเป็นการภายใน บวกกับฝ่ายวุยก๊กได้จัดกำลังเสริมมาตอบโต้ เกียงอุยจึงตัดสินใจถอยทัพกลับอีกครั้ง
- ฝ่ายวุยก๊ก สองพี่น้องตระกูลสุมาเริ่มวางอำนาจบาตรใหญ่ในวุยก๊กโดยที่ไม่มีใครทัดทานได้ ด้วยเครือข่ายบุคลากรฝ่ายตระกูลสุมานั้นแทรกซึมไปทั่วราชสำนักและทุกหัวเมืองเสียหมดสิ้น ฝ่ายพระเจ้าโจฮองซึ่งเติบโตมาเป็นวัยหนุ่มแล้วจึงเกิดขัตติยะมานะ วางแผนกับขุนนางฝ่ายในหลายคนเพื่อหาทางโค่นล้มอำนาจของตระกูลสุมา แต่ด้วยข่าวรั่วออกไปก่อน สุมาสูจึงใช้อำนาจปลดพระเจ้าโจฮองออกจากตำแหน่งฮ่องเต้อย่างอุกอาจ แล้วจึงตั้งโจมอ หลานของโจผีซึ่งมีอายุเพียง 13 ปีขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินสืบแทน
ค.ศ. 255
- ฝ่ายง่อก๊ก ขุนนางราชสำนักต่างไม่พอใจในความเหิมเกริมของซุนจุ๋นผู้บ้าอำนาจ ซุนอิงพระญาติอีกฝ่ายจึงรวบรวมพรรคพวกพยายามก่อปฏิวัติเพื่อโค่นล้มอำนาจซุนจุ๋นแต่ล้มเหลว จึงถูกสั่งประหารชีวิตหมดสิ้น หนึ่งในนั้นมีซุนลู่อี้ น้องสาวของซุนลู่ปานรวมอยู่ด้วย
- ส่วนจ๊กก๊กนั้น เกียงอุยผู้ไม่ย่อท้อได้ฉวยโอกาสสถานการณ์ภายในวุยก๊กไม่มั่นคง เกณฑ์ไพร่พลเปิดศึกกับวุยก๊กต่อเนื่องอีก คราวนี้มีขุนพลแฮหัวป๋า อดีตแม่ทัพวุยก๊กที่แปรพักตร์มาเมื่อครั้งสุมาอี้ทำรัฐประหาร แต่ก็ถูกขุนพลต้านท่ายรับมือและตอบโต้กลับจนต้องถอยทัพกลับไปอีก
- ขุนพลกุยห้วยผู้มีผลงานป้องกันการโจมตีจากทัพจ๊กก๊กมาหลายครั้งก็ได้ล้มป่วยจนเสียชีวิตในปีนี้ วรรณกรรมสามก๊กระบุว่าเขาถูกเกียงอุยสังหารในการรบ
- ฝ่ายวุยก๊กนั้น เหตุจากการปลดพระเจ้าโจฮองแล้วแต่งตั้งพระเจ้าโจมอของตระกูลสุมานั้น ได้มีผู้ไม่พอใจมากมาย โดยเฉพาะขุนพลบู๊ขิวเขียมผู้เคยสร้างความชอบเมื่อครั้งขยายดินแดนที่ประเทศเกาหลี และขุนพลบุนขิม ซึ่งมีบุตรชายชื่อบุนเอี๋ยงเป็นนักรบหนุ่มฝีมือดี ประวัติศาสตร์บันทึกว่าบุนเอี๋ยงนั้นเก่งกาจสง่างามดุจจูล่งแห่งจ๊กก๊กกลับชาติมาเกิดใหม่เลยทีเดียว ทั้งบู๊ขิวเขียมและบุนขิมได้ร่วมมือกันก่อปฏิวัติขึ้นที่เมืองสิ่วชุน
- สุมาสูนำทัพออกรบกับฝ่ายกบฏโดยมีเตงงายและจงโฮยเป็นแม่ทัพหลัก สู้รบรุกรับอย่างสูสี จนในที่สุดก็สามารถกำจัดบู๊ขิวเขียมได้ แต่บุนขิมได้นำทัพฝ่าวงล้อมหลบหนีออกมาโดยมีบุนเอี๋ยงเป็นผู้นำทัพอย่างกล้าหาญ ในที่สุดก็สามารถถอยทัพไปลี้ภัยที่ง่อก๊กได้สำเร็จ
- ระหว่างการรบครั้งนั้น สุมาสูกำลังเป็นโรคเนื้องอกที่ตาซ้าย และได้รับการรักษาอย่างไม่ต่อเนื่องเพราะอยู่ระหว่างการทำศึกปราบกบฏระยะยาว สุดท้ายเมื่ออาการกำเริบหนักจึงได้เรียกสุมาเจียวมาสั่งเสียมอบหมายตำแหน่งสมุหนายกให้ต่อแล้วก็สิ้นชีวิต
- เมื่อสุมาเจียวขึ้นสานต่องานแทนพี่ชายก็เหิมเกริมคุกคามอำนาจพระเจ้าโจมอหนักยิ่งกว่าเดิม
.
.
.
เนื่องจากข้อความยาวเกิน ต่อที่ reply 1 นะครับ
เปิด Timeline 100 ปี สงครามสามก๊ก ตอนที่ 8 (ค.ศ.251-260)
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/33665166/
ตอนที่ 3 http://pantip.com/topic/33674170/
ตอนที่ 4 http://pantip.com/topic/33683393/
ตอนที่ 5 http://pantip.com/topic/33691647/
ตอนที่ 6 http://pantip.com/topic/33701632/
ตอนที่ 7 http://pantip.com/topic/33715259/
จะพยายามอัพเดททั้งในเว็บพันทิปและในเพจ https://www.facebook.com/threekingdomhappyfamily
อย่างสม่ำเสมอนะครับผม แต่ถ้ามีล่าช้าประการใดบ้างต้องขออภัยด้วยนะครับ
ตอนที่ 8 นี้ก็จะเป็นอีกช่วงเวลาที่ วรรณกรรมต้นฉบับเขียนแบบก้าวกระโดดมาก ๆ บางเหตุการณ์ไม่มีการเอ่ยถึงเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่า 60-70% ของเหตุการณ์ในสองตอนต่อจากนี้ คือ Unseen จริง ๆ ไม่สามารถพบได้ในวรรณกรรมสามก๊กอย่างแน่นอน จึงขอนำเสนอมา ณ ที่นี้ครับ
ตอนที่ 8 ปี ค.ศ. 251-260
ตระกูลสุมากุมอำนาจราชวงศ์วุยเบ็ดเสร็จ ง่อก๊กผลัดเปลี่ยนอำนาจครั้งใหญ่
ค.ศ. 251
- กล่าวถึงวุยก๊ก ด้วยเหตุการณ์รัฐประหารของสุมาอี้เมื่อสองปีก่อน ทำให้ขุนนางอองหลิง (เป็นเครือญาติของอองอุ้น ผู้ที่เคยวางแผนกำจัดตั๋งโต๊ะเมื่อราว 60 ปีก่อน) ก่อปฏิวัติขึ้นที่เมืองสิ่วชุน แต่ก็ถูกกองทัพของตระกูลสุมาปราบปรามได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แม้ว่าเรื่องราวจะสงบลง แต่การก่อปฏิวัติของอองหลิงก็ได้เป็นแม่แบบสำคัญของเหล่าขุนนางวุยก๊กที่ไม่พอใจต่อตระกูลสุมาในเวลาต่อไป
- สุมาอี้ซึ่งแม้ว่าจะกุมอำนาจทุกอย่างในวุยก๊กได้หมดสิ้น แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้กำเริบเสิบสานขยายอำนาจใด ๆ ยิ่งกว่าเดิมอีก เนื่องด้วยมีอายุมากและล้มป่วยด้วยโรคชราแล้ว บทบาททางการเมืองทั้งหมดเขาจึงมอบหมายให้แก่บุตรชายทั้งสอง สุมาสู สุมาเจียว แล้วจึงใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ จนกระทั่งเสียชีวิตลงในปีนี้ด้วยวัย 72 ปี
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น พระเจ้าซุนกวนซึ่งมีพระชนมายุถึง 69 ชันษาแล้ว ก็ได้แต่งตั้งพระมเหสีอย่างเป็นทางการครั้งแรกคือ พานฮองเฮา (ก่อนหน้านี้ซุนกวนมีภรรยาหลายคนแต่ยังไม่เคยแต่งตั้งใครเป็นภรรยาหลวง) ผู้เป็นมารดาของรัชทายาทซุนเหลียง และยังแต่งตั้งจูกัดเก๊ก บุตรชายของจูกัดกิ๋นที่เคยทำผลงานการสู้รบกับวุยก๊กหลายครั้ง ให้มีตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกด้วย
- ฝ่ายจ๊กก๊กนั้น บิฮุยกับเกียงอุยได้ริเริ่มความขัดแย้งกันอยู่เนือง ๆ เนื่องด้วยหลังจากเกียงอุยพ่ายแพ้ในการบุกวุยก๊กมา 3 ครั้งติด ๆ กัน จึงถูกบิฮุยจำกัดอำนาจในการบริหารกองทัพ และไม่สามารถยกทัพจำนวนมากเพื่อเปิดศึกใหญ่ได้ รวมถึงบิฮุยยังสามารถบริหารกองทัพเพื่อคานอำนาจเกียงอุยได้อยู่ด้วย
- เตงจี๋ ขุนนางวาทศิลป์ดีที่ขงเบ้งเคยใช้งานในการเจรจาสงบศึกกับง่อก๊กเมื่อครั้งพระเล่าปี่เปิดศึกที่อิเหลง เสียชีวิตในปีนี้ด้วยโรคชรา
ค.ศ. 252
- ฝ่ายง่อก๊กนั้น พระเจ้าซุนกวนประชวรหนัก โดยพานฮองเฮาเริ่มแทรกแซงกิจการบริหารแผ่นดินแทนด้วยพระองค์เอง จึงทำให้ถูกลอบปลงพระชนม์อย่างลึกลับโดยข้าราชบริพารใกล้ตัว เพราะเกรงว่าพระนางจะกุมอำนาจแทนซุนกวนหรือซุนเหลียง
- ในเวลาต่อมาไม่นาน พระเจ้าซุนกวนก็สิ้นพระชนม์ด้วยโรคชรา รัชทายาทซุนเหลียงจึงสืบราชบัลลังก์ต่อด้วยวัยเพียงแค่ 9 ชันษาเท่านั้น พร้อมทั้งสั่งประหารผู้ที่เกี่ยวข้องในการลอบปลงพระชนม์มารดาของพระองค์ทั้งหมด การครองราชย์ของซุนเหลียงจึงริเริ่มด้วยกลิ่นคาวเลือดดังที่เห็นนี้
- ฝ่ายวุยก๊ก นำโดยสุมาสู บุตรชายคนโตของสุมาอี้ เมื่อทราบข่าวง่อก๊กผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน จึงแสดงฝีมือนำทัพบุกง่อก๊กจากหลายทิศทาง แต่ฝ่ายง่อก๊กที่นำโดยจูกัดเก๊กนั้นก็ถือว่ามีความชำนาญในชัยภูมิมากกว่า อีกทั้งยังมีเตงฮองขุนพลอาวุโสฝีมือดีคอยวางแผนรับมือ ในที่สุดก็สามารถตีทัพวุยแตกพ่ายกลับไปได้ทั้งหมดอย่างดงาม
ค.ศ. 253
- ฝ่ายจ๊กก๊ก สมุหนายกบิฮุยจัดงานเลี้ยงรับรองขุนพลเชลยวุยก๊กที่เกียงอุยจับกุมมาได้ แต่กลับถูกลอบสังหารอย่างไม่มีใครคาดคิด ส่งผลให้ไม่มีผู้ใดคานอำนาจทางการทหารกับเกียงอุยในจ๊กก๊กได้อีก ด้วยเหตุนี้ เกียงอุยจึงจัดเตรียมกำลังพลออกทำสงครามกับวุยก๊กอีกครั้ง พร้อมกับการส่งสาส์นนัดแนะกับทางง่อก๊กเพื่อเปิดศึกพร้อมกันอีกด้วย
- ฝ่ายง่อก๊ก เมื่อจูกัดเก๊กได้รับสาส์นนัดแนะจากเกียงอุย จึงเหิมเกริมจัดกำลังพลรุกรานดินแดนวุยก๊กอย่างต่อเนื่องทันที แต่คราวนี้ฝ่ายสุมาสูได้เตรียมรับมือมาพร้อมกว่า รวมทั้งฝ่ายจูกัดเก๊กไม่สามารถทำการรบได้เต็มประสิทธิภาพเนื่องด้วยโรคระบาดรุมเร้ากองทัพ
- ผลการต่อสู้ครั้งนี้ วุยก๊กสามารถต้านทัพเกียงอุยไว้จนกระทั่งเสบียงหมดจนต้องถอยทัพกลับ และยังตอบโต้ทัพจูกัดเก๊กอย่างรุนแรงจนง่อก๊กสูญเสียกำลังพลไปอย่างมหาศาล ศึกสองด้านนี้วุยก๊กจึงเป็นผู้ชนะ
- จูกัดเก๊กเมื่อพ่ายแพ้กลับไป ก็เป็นที่ดูหมิ่นของขุนนางง่อก๊กเพราะล้มเหลวในการศึกครั้งใหญ่ แทนที่เขาจะสำนึกตน กลับสั่งลงโทษขุนพลที่ร่วมรบกับตนเองอย่างบ้าคลั่ง และยังกระทำการกดขี่ข่มเหงขุนนางในราชสำนักเป็นการระบายความแค้น พฤติกรรมนี้กินเวลาหลายเดือนจนฝ่ายราชสำนักง่อก๊กซึ่งนำโดยซุนจุ๋น พระญาติอาวุโสเล็งเห็นว่าจะเป็นภัยต่อแผ่นดิน จึงสั่งวางแผนลอบสังหารจูกัดเก๊กและล้างบางตระกูลจูกัดในง่อก๊กจนหมดสิ้น
- ส่วนเกียงอุยก็จัดกองทัพบุกวุยก๊กอีกครั้งในปีเดียวกัน แต่ก็ถูกทัพของต้านท่ายกับกุยห้วยตีโต้จนต้องถอยกลับไปอีกครั้งเช่นเคย
ค.ศ. 254
- ฝ่ายง่อก๊ก เค้าลางศึกสายเลือดก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เมื่อซุนจุ๋น ได้รับคำแนะนำจากซุนลู่ปานบุตรสาวตัวแสบของซุนกวน ให้ลงมือสำเร็จราชการแทนพระเจ้าซุนเหลียงที่ยังเยาว์วัย แล้วกุมอำนาจภาคส่วนต่าง ๆ ในราชสำนัก ครองอำนาจคนเดียวถึงสามตำแหน่ง คือผู้บัญชาการทหาร สมุหนายก และยศชั้นพระยา ทำให้การกระทำครั้งนี้ของซุนจุ๋นจึงเป็นที่ขัดแย้งต่อขุนนางง่อก๊กฝ่ายต่าง ๆ เป็นอันมาก
- ฝ่ายจ๊กก๊ก เกียงอุยยังคงไม่ลดละ ยกทัพบุกวุยก๊กอีกครั้ง คราวนี้เตรียมการมาดีจึงตีชิงหัวเมืองชายแดนได้หลายจุด แต่ก็เกิดความขัดแย้งในการวางแผนแนวรบเป็นการภายใน บวกกับฝ่ายวุยก๊กได้จัดกำลังเสริมมาตอบโต้ เกียงอุยจึงตัดสินใจถอยทัพกลับอีกครั้ง
- ฝ่ายวุยก๊ก สองพี่น้องตระกูลสุมาเริ่มวางอำนาจบาตรใหญ่ในวุยก๊กโดยที่ไม่มีใครทัดทานได้ ด้วยเครือข่ายบุคลากรฝ่ายตระกูลสุมานั้นแทรกซึมไปทั่วราชสำนักและทุกหัวเมืองเสียหมดสิ้น ฝ่ายพระเจ้าโจฮองซึ่งเติบโตมาเป็นวัยหนุ่มแล้วจึงเกิดขัตติยะมานะ วางแผนกับขุนนางฝ่ายในหลายคนเพื่อหาทางโค่นล้มอำนาจของตระกูลสุมา แต่ด้วยข่าวรั่วออกไปก่อน สุมาสูจึงใช้อำนาจปลดพระเจ้าโจฮองออกจากตำแหน่งฮ่องเต้อย่างอุกอาจ แล้วจึงตั้งโจมอ หลานของโจผีซึ่งมีอายุเพียง 13 ปีขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินสืบแทน
ค.ศ. 255
- ฝ่ายง่อก๊ก ขุนนางราชสำนักต่างไม่พอใจในความเหิมเกริมของซุนจุ๋นผู้บ้าอำนาจ ซุนอิงพระญาติอีกฝ่ายจึงรวบรวมพรรคพวกพยายามก่อปฏิวัติเพื่อโค่นล้มอำนาจซุนจุ๋นแต่ล้มเหลว จึงถูกสั่งประหารชีวิตหมดสิ้น หนึ่งในนั้นมีซุนลู่อี้ น้องสาวของซุนลู่ปานรวมอยู่ด้วย
- ส่วนจ๊กก๊กนั้น เกียงอุยผู้ไม่ย่อท้อได้ฉวยโอกาสสถานการณ์ภายในวุยก๊กไม่มั่นคง เกณฑ์ไพร่พลเปิดศึกกับวุยก๊กต่อเนื่องอีก คราวนี้มีขุนพลแฮหัวป๋า อดีตแม่ทัพวุยก๊กที่แปรพักตร์มาเมื่อครั้งสุมาอี้ทำรัฐประหาร แต่ก็ถูกขุนพลต้านท่ายรับมือและตอบโต้กลับจนต้องถอยทัพกลับไปอีก
- ขุนพลกุยห้วยผู้มีผลงานป้องกันการโจมตีจากทัพจ๊กก๊กมาหลายครั้งก็ได้ล้มป่วยจนเสียชีวิตในปีนี้ วรรณกรรมสามก๊กระบุว่าเขาถูกเกียงอุยสังหารในการรบ
- ฝ่ายวุยก๊กนั้น เหตุจากการปลดพระเจ้าโจฮองแล้วแต่งตั้งพระเจ้าโจมอของตระกูลสุมานั้น ได้มีผู้ไม่พอใจมากมาย โดยเฉพาะขุนพลบู๊ขิวเขียมผู้เคยสร้างความชอบเมื่อครั้งขยายดินแดนที่ประเทศเกาหลี และขุนพลบุนขิม ซึ่งมีบุตรชายชื่อบุนเอี๋ยงเป็นนักรบหนุ่มฝีมือดี ประวัติศาสตร์บันทึกว่าบุนเอี๋ยงนั้นเก่งกาจสง่างามดุจจูล่งแห่งจ๊กก๊กกลับชาติมาเกิดใหม่เลยทีเดียว ทั้งบู๊ขิวเขียมและบุนขิมได้ร่วมมือกันก่อปฏิวัติขึ้นที่เมืองสิ่วชุน
- สุมาสูนำทัพออกรบกับฝ่ายกบฏโดยมีเตงงายและจงโฮยเป็นแม่ทัพหลัก สู้รบรุกรับอย่างสูสี จนในที่สุดก็สามารถกำจัดบู๊ขิวเขียมได้ แต่บุนขิมได้นำทัพฝ่าวงล้อมหลบหนีออกมาโดยมีบุนเอี๋ยงเป็นผู้นำทัพอย่างกล้าหาญ ในที่สุดก็สามารถถอยทัพไปลี้ภัยที่ง่อก๊กได้สำเร็จ
- ระหว่างการรบครั้งนั้น สุมาสูกำลังเป็นโรคเนื้องอกที่ตาซ้าย และได้รับการรักษาอย่างไม่ต่อเนื่องเพราะอยู่ระหว่างการทำศึกปราบกบฏระยะยาว สุดท้ายเมื่ออาการกำเริบหนักจึงได้เรียกสุมาเจียวมาสั่งเสียมอบหมายตำแหน่งสมุหนายกให้ต่อแล้วก็สิ้นชีวิต
- เมื่อสุมาเจียวขึ้นสานต่องานแทนพี่ชายก็เหิมเกริมคุกคามอำนาจพระเจ้าโจมอหนักยิ่งกว่าเดิม
.
.
.
เนื่องจากข้อความยาวเกิน ต่อที่ reply 1 นะครับ