สู้ๆครับพี่น้องหมอ
จากกระทู้
http://pantip.com/topic/33647321
แค่อยากให้รู้ว่า ไม่ว่าใครจะว่าอะไรยังไง พวกคุณก็คือ คนสำคัญกลุ่มหนึ่งในชีวิตของมนุษย์ทั่วโลก อยู่ดี
พวกคุณมีคุณค่า และเป็นความหวัง ในการพยาบาลความเจ็บป่วย
หมอดี หมอเลว หมอทุ่มเท หมอขี้เกียจ หมอดราม่า หมอไฮโซ หมอรากหญ้า ผมเข้าใจว่า มันมีหมดแล่ะ
ไม่ต่างอะไรกับอาชีพอื่น นั่นคือความจริง
ใครจะว่าอย่างไรอย่าไปคิดมาก อาชีพอื่นมันก็มีคนหลายประเภทเหมือนกัน
ไม่อยากให้กดดันตัวเอง และน้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง
แค่อยากให้มองโลกในแง่ดีว่า อยากน้อยพวกคุณก็มีงานทำ ไม่ตกงาน
บางคนบางอาชีพ เค้าเดินตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพื่อไปสมัครงาน แค่จะเป็นลูกจ้างรายวัน ต่างบ้านต่างถิ่น (หมอหลายคน น่าจะเข้าใจอารมณ์คนทำงานไกลบ้านได้ดีเหมือนกัน)
แทบคลานเข้าไป เค้ายังไม่เอาเลย บางคนทำแต่เช้ายันรุ่ง ยังได้เดือนละไม่กี่พันเอง สวัสดิการก็ไม่มี เค้าก็ทำ
เหลือเงินติดตัวไม่ถึงร้อย ในแต่ละเดือน อย่าว่าแต่ส่งบ้านเลย แค่ลำพังเอาตัวเองให้รอด ครั้นจะขอที่บ้านนั้นก็ไม่มี
พูดถึงเครดิตด้านการเงิน นั้นไม่ต้องพูดถึงครับ คนหลายคนแทบไม่เคยสัมผัส
ที่ยกตัวอย่างมานี่ ไม่ได้เจตนาบอกว่าอาชีพไหน กว่าจะได้มาเป็นนั้น ยาก ดี มีคุณค่า โอกาส มากน้อยอะไรหรอกนะครับ
แค่อยากพูดให้กำลังใจ
ส่วนตัวเป็นวิศวกรเครื่องกล ทำงานมา 6 ปีตั้งแต่เรียนจบ รายได้หักทุกอย่างแล้วเดือนละ 5 หมื่น
(วิศวกรบางคนก็ได้น้อยกว่านี้ หรือมากกว่านี้มากๆ)
ทำงานสายซ่อมบำรุงเครื่องจักร
ทำงาน 8 ชม/วัน สัปดาห์ละ 5 วัน ดูเหมือนมันชิลๆ มันก็ไม่เสมอไปเหมือนกันนะครับ
ต้อง on call 24 ชั่วโมงเหมือนกัน เครื่องในไลน์มีปัญหาเมื่อไหร่ นั่นคือ สวรรค์ล่มเหมือนกัน
ความกดดันก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะงานผลิตไม่ได้ นั่นคือโบนัสรวมทั้งแผนก ทั้งบริษัท รวมทั้ง OT ของพนักงานที่อาจจะถูกงด
ซึ่งก็นั่นแล่ะครับ ความหวังของหลายๆปากท้อง หลายร้อยหลายพันคน ผมคิดถึงตรงนี้เลยทำให้ฮึดที่จะ solve problem ได้แต่ละเคส
ถามว่า แล้วมันเครียดเหมือนหมอมั้ย จริงอยู่มันคนละแบบ อันหนึ่งอยู่กับชีวิตคนล้วนๆ
อาจจะไม่แรงเท่า แต่ก็เครียดนะครับ ทั้งความกดดันจากเเพื่อนร่วมงานที่ไม่ใช่วิศวกร ที่คิดและพูดว่า วิศวกรต้องทำได้ ต้องแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
แต่มันคือความโชคดีหน่อย ที่ว่า ของพังมันเปลี่ยน มันซ่อมได้ ไม่เหมือนคนที่ตายแล้วตายเลย
แต่คุณรู้ไหม กว่าจะหาสาเหตุของปัญหาได้แต่ละอย่าง บางเคส แทบไม่ได้นอนเหมือนกัน ละเมอเห็นวงจร
ตรรกะต่างๆ ศัพท์เอนจิเนียร์ มั่วพัวพัน ในหัวไปหมด บางครั้งคุยกับที่บ้านแทบไม่รู้เรื่อง เพราะเอาภาษางาน ไปพูด จนแม่เห็นความผิดปกติ
ชีวิตคนนั้นก็สำคัญ ความปลอดภัยคือ สิ่งแรกที่วิศวกรทุกคนต้องตระหนักเหมือนกัน
เครื่องหนีบมือ เด็กในไลน์ จากการที่เด็กไม่ทำตาม instruction มี Bug หรือช่องโหว่ ของ machine design
นั่นคือ ฝันร้ายของเหล่าวิศกรผู้ดูแล เคยมีน้องที่อยากลาออกจากเคสนี้เหมือนกัน เพราะเค้าคิดว่าเป็นความผิดพลาดของตัวเอง
บางสายเซ็นต์อนุมัติโปรเจ็คที่กระทบคนอีกเป็นลายแสนคน นั่นคือคอแขวนอยู่กับโครงการนั้นไปทั้งชีวิต
แล้วพวกโรงงานมีเปิด แล้วมันมีปิด มีให้คนออกนะครับ ดราม่าทีนี่ไม่ใช่แค่คนสองคน
นี่คือความเครียด และความไม่แน่นอนของอาชีพพวกผม พวกผมตกงานได้ทุกเมื่อนะครับ
อยากบอกว่าไม่ใช่แค่คุณอาชีพเดียวที่กดดัน เพียงแต่มันคนละแบบ
ยังมีอีกหลายกลุ่ม หลายคนที่ต้องทนกับความดราม่า จากอาชีพเราเองเป็นคนเลือก และไม่ได้เต็มใจเลือก เหมือนคุณอยู่อีกมากมาย
ลองมองหามุมดีๆ benefit ที่ได้รับ มันก็น่าจะทำให้มีพลังได้ขึ้นมาบ้าง
ตั้งเป้าหมายว่าจะทำอะไร ถึงเมื่อไหร่ แล้วจะทำอะไรในอนาคต ผมว่ามันสดใสแน่นอน
ยิ่งพวกคุณไม่น่าจะมีปัญหาในการแพลนจะทำอะไรสักอย่างอยู่แล้ว เครดิตในการที่จะลงทุนต่อยอดทำอะไรสักอย่างนั้นดีและสดใสอย่างปฏเสธไม่ได้
สู้ๆนะครับ
โรงงานขาดผมได้ (วิศวกรเดียวนี้แทบจะล้น)
แต่โรงพยาบาลขาดพวกคุณไม่ได้นะครับบบบ หมอแต่ละปีก็มีน้อยไม่เพียงพอ หากแยกร่างได้คงแยกกันแล้วล่ะมั้งในแต่ละวัน
ยังไงก็ดีใจมากนะ ที่เดี๋ยวนี้เริ่มมีอาชีพหมอออกมาระบายความเครียด แชร์ประสบการ มุมมองกันกันบ่อยๆ
มองในแง่ดีสิ่งที่จะได้รับคือ พวกเราจะเข้าใจอาชีพคุณมากขึ้นไง น้องๆที่กำลังเลือกสายเรียนก็จะได้รับรู้ และเข้าใจมากขึ้น
ว่าแต่ละอาชีพจริงๆ เมื่อจบมาแล้วนั้นทำอะไรบ้าง
คุณหมอ และน้องๆ ที่กำลังตัดสินใจเลือกเรียน เลือกอาชีพ
ลองอ่านคอมเมนต์ต่อจากนี้ดู
ว่าจะมีอาชีพไหนอีกบ้างที่ทำแล้วมันเครียด มีสไตล์ไหนบ้าง ความรับผิดชอบอยู่ในขั้นไหนบ้าง
ขอเรียนเชิญเพื่อนๆ หลากหลายอาชีพ มาแชร์ประสบการณ์ กันได้เลยครับ....
มีอาชีพไหน ที่เครียด กดดัน เหมือนหมอบ้าง???
จากกระทู้ http://pantip.com/topic/33647321
แค่อยากให้รู้ว่า ไม่ว่าใครจะว่าอะไรยังไง พวกคุณก็คือ คนสำคัญกลุ่มหนึ่งในชีวิตของมนุษย์ทั่วโลก อยู่ดี
พวกคุณมีคุณค่า และเป็นความหวัง ในการพยาบาลความเจ็บป่วย
หมอดี หมอเลว หมอทุ่มเท หมอขี้เกียจ หมอดราม่า หมอไฮโซ หมอรากหญ้า ผมเข้าใจว่า มันมีหมดแล่ะ
ไม่ต่างอะไรกับอาชีพอื่น นั่นคือความจริง
ใครจะว่าอย่างไรอย่าไปคิดมาก อาชีพอื่นมันก็มีคนหลายประเภทเหมือนกัน
ไม่อยากให้กดดันตัวเอง และน้อยเนื้อต่ำใจตัวเอง
แค่อยากให้มองโลกในแง่ดีว่า อยากน้อยพวกคุณก็มีงานทำ ไม่ตกงาน
บางคนบางอาชีพ เค้าเดินตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพื่อไปสมัครงาน แค่จะเป็นลูกจ้างรายวัน ต่างบ้านต่างถิ่น (หมอหลายคน น่าจะเข้าใจอารมณ์คนทำงานไกลบ้านได้ดีเหมือนกัน)
แทบคลานเข้าไป เค้ายังไม่เอาเลย บางคนทำแต่เช้ายันรุ่ง ยังได้เดือนละไม่กี่พันเอง สวัสดิการก็ไม่มี เค้าก็ทำ
เหลือเงินติดตัวไม่ถึงร้อย ในแต่ละเดือน อย่าว่าแต่ส่งบ้านเลย แค่ลำพังเอาตัวเองให้รอด ครั้นจะขอที่บ้านนั้นก็ไม่มี
พูดถึงเครดิตด้านการเงิน นั้นไม่ต้องพูดถึงครับ คนหลายคนแทบไม่เคยสัมผัส
ที่ยกตัวอย่างมานี่ ไม่ได้เจตนาบอกว่าอาชีพไหน กว่าจะได้มาเป็นนั้น ยาก ดี มีคุณค่า โอกาส มากน้อยอะไรหรอกนะครับ
แค่อยากพูดให้กำลังใจ
ส่วนตัวเป็นวิศวกรเครื่องกล ทำงานมา 6 ปีตั้งแต่เรียนจบ รายได้หักทุกอย่างแล้วเดือนละ 5 หมื่น
(วิศวกรบางคนก็ได้น้อยกว่านี้ หรือมากกว่านี้มากๆ)
ทำงานสายซ่อมบำรุงเครื่องจักร
ทำงาน 8 ชม/วัน สัปดาห์ละ 5 วัน ดูเหมือนมันชิลๆ มันก็ไม่เสมอไปเหมือนกันนะครับ
ต้อง on call 24 ชั่วโมงเหมือนกัน เครื่องในไลน์มีปัญหาเมื่อไหร่ นั่นคือ สวรรค์ล่มเหมือนกัน
ความกดดันก็ใช่ว่าจะไม่มี เพราะงานผลิตไม่ได้ นั่นคือโบนัสรวมทั้งแผนก ทั้งบริษัท รวมทั้ง OT ของพนักงานที่อาจจะถูกงด
ซึ่งก็นั่นแล่ะครับ ความหวังของหลายๆปากท้อง หลายร้อยหลายพันคน ผมคิดถึงตรงนี้เลยทำให้ฮึดที่จะ solve problem ได้แต่ละเคส
ถามว่า แล้วมันเครียดเหมือนหมอมั้ย จริงอยู่มันคนละแบบ อันหนึ่งอยู่กับชีวิตคนล้วนๆ
อาจจะไม่แรงเท่า แต่ก็เครียดนะครับ ทั้งความกดดันจากเเพื่อนร่วมงานที่ไม่ใช่วิศวกร ที่คิดและพูดว่า วิศวกรต้องทำได้ ต้องแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
แต่มันคือความโชคดีหน่อย ที่ว่า ของพังมันเปลี่ยน มันซ่อมได้ ไม่เหมือนคนที่ตายแล้วตายเลย
แต่คุณรู้ไหม กว่าจะหาสาเหตุของปัญหาได้แต่ละอย่าง บางเคส แทบไม่ได้นอนเหมือนกัน ละเมอเห็นวงจร
ตรรกะต่างๆ ศัพท์เอนจิเนียร์ มั่วพัวพัน ในหัวไปหมด บางครั้งคุยกับที่บ้านแทบไม่รู้เรื่อง เพราะเอาภาษางาน ไปพูด จนแม่เห็นความผิดปกติ
ชีวิตคนนั้นก็สำคัญ ความปลอดภัยคือ สิ่งแรกที่วิศวกรทุกคนต้องตระหนักเหมือนกัน
เครื่องหนีบมือ เด็กในไลน์ จากการที่เด็กไม่ทำตาม instruction มี Bug หรือช่องโหว่ ของ machine design
นั่นคือ ฝันร้ายของเหล่าวิศกรผู้ดูแล เคยมีน้องที่อยากลาออกจากเคสนี้เหมือนกัน เพราะเค้าคิดว่าเป็นความผิดพลาดของตัวเอง
บางสายเซ็นต์อนุมัติโปรเจ็คที่กระทบคนอีกเป็นลายแสนคน นั่นคือคอแขวนอยู่กับโครงการนั้นไปทั้งชีวิต
แล้วพวกโรงงานมีเปิด แล้วมันมีปิด มีให้คนออกนะครับ ดราม่าทีนี่ไม่ใช่แค่คนสองคน
นี่คือความเครียด และความไม่แน่นอนของอาชีพพวกผม พวกผมตกงานได้ทุกเมื่อนะครับ
อยากบอกว่าไม่ใช่แค่คุณอาชีพเดียวที่กดดัน เพียงแต่มันคนละแบบ
ยังมีอีกหลายกลุ่ม หลายคนที่ต้องทนกับความดราม่า จากอาชีพเราเองเป็นคนเลือก และไม่ได้เต็มใจเลือก เหมือนคุณอยู่อีกมากมาย
ลองมองหามุมดีๆ benefit ที่ได้รับ มันก็น่าจะทำให้มีพลังได้ขึ้นมาบ้าง
ตั้งเป้าหมายว่าจะทำอะไร ถึงเมื่อไหร่ แล้วจะทำอะไรในอนาคต ผมว่ามันสดใสแน่นอน
ยิ่งพวกคุณไม่น่าจะมีปัญหาในการแพลนจะทำอะไรสักอย่างอยู่แล้ว เครดิตในการที่จะลงทุนต่อยอดทำอะไรสักอย่างนั้นดีและสดใสอย่างปฏเสธไม่ได้
สู้ๆนะครับ
โรงงานขาดผมได้ (วิศวกรเดียวนี้แทบจะล้น)
แต่โรงพยาบาลขาดพวกคุณไม่ได้นะครับบบบ หมอแต่ละปีก็มีน้อยไม่เพียงพอ หากแยกร่างได้คงแยกกันแล้วล่ะมั้งในแต่ละวัน
ยังไงก็ดีใจมากนะ ที่เดี๋ยวนี้เริ่มมีอาชีพหมอออกมาระบายความเครียด แชร์ประสบการ มุมมองกันกันบ่อยๆ
มองในแง่ดีสิ่งที่จะได้รับคือ พวกเราจะเข้าใจอาชีพคุณมากขึ้นไง น้องๆที่กำลังเลือกสายเรียนก็จะได้รับรู้ และเข้าใจมากขึ้น
ว่าแต่ละอาชีพจริงๆ เมื่อจบมาแล้วนั้นทำอะไรบ้าง
คุณหมอ และน้องๆ ที่กำลังตัดสินใจเลือกเรียน เลือกอาชีพ
ลองอ่านคอมเมนต์ต่อจากนี้ดู
ว่าจะมีอาชีพไหนอีกบ้างที่ทำแล้วมันเครียด มีสไตล์ไหนบ้าง ความรับผิดชอบอยู่ในขั้นไหนบ้าง
ขอเรียนเชิญเพื่อนๆ หลากหลายอาชีพ มาแชร์ประสบการณ์ กันได้เลยครับ....