บทนำ + บทที่ ๑
http://pantip.com/topic/33609275
บทที่ ๒
http://pantip.com/topic/33614328
บทที่ ๓
http://pantip.com/topic/33631961
ขอบคุณทุกคนสำหรับคำแนะนำและขอบคุณที่ติดตามค่ะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------
เพียงหนึ่งดวงใจ บทที่ ๔
“โจรปล้นสวาทอย่างข้าย่อมต้องการ...” เขาไม่พูดต่อ กระนั้นมทนาลัยย่อมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร หล่อนหวาดกลัวจนต้องรีบยื่นข้อเสนอ
“ข้า...ข้าขอตอบแทนอย่างอื่นได้ไหม”
“อย่างอื่น อืม...” เขาทำเป็นครุ่นคิด ขณะพาหล่อนเดินกลับไปยังกระโจมของโจรกลุ่มนั้น “ขอข้าคิดดูก่อนแล้วกัน”
บัดนี้บรรดาผู้หญิงที่ถูกจับมาได้รับการปล่อยตัวและต่างแยกย้ายกลับบ้านกลับช่องของตัวเองไปจนหมดแล้ว โจรกลุ่มนั้นถูกจับมัดมือมัดเท้าและสลบไม่ได้สติอยู่หน้ากระโจม
โจรบ้ากามพาหล่อนเข้าไปในกระโจม มีลูกน้องอีกสองคนตามเข้ามาด้านใน
“พวกเจ้าไม่ต้องเข้ามา” เขาสั่งโดยไม่หันไปมอง “ปิดประตูกระโจมให้ด้วย”
ส่วนของประตูที่ถูกพับทบไว้บนหลังคาถูกปล่อยลงมาจนภายในกระโจมมืดทะมึน ยิ่งในสภาพอันล่อแหลมและหน้าสิ่วหน้าขวานด้วยแล้ว มทนาลัยก็ยิ่งรู้สึกถึงความมืดมน
โจรบ้ากามวางหล่อนลงบนเบาะนุ่ม แล้วผละออกห่างโดยมือข้างหนึ่งยังจับหล่อนไว้ไม่ยอมปล่อย
ไม่นานหลังจากนั้น แสงไฟจากตะเกียงก็ส่องสว่างช่วยขับไล่ความมืดไปส่วนหนึ่ง
มทนาลัยเห็นเขาชัดขึ้น เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนชื้นแฉะ เสื้อผ้าของหล่อนยิ่งย่ำแย่กว่านั้นหลายเท่า
“อยู่กับข้าสักสี่ห้าวันดีไหมสาวน้อย...” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ แม้จะมองไม่เห็นจมูกของเขา หล่อนก็รู้ว่ามันกำลังคลอเคลียอยู่กับแก้มของหล่อน “มาเป็นผู้หญิงของข้าดีไหม”
บ้า! เข้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ! หล่อนต่อว่าเขา ขณะที่เขากลับช่วยแก้มัดให้กับหล่อน...ทั้งมือและเท้า
มทนาลัยไม่รู้ว่าเขาปล่อยหล่อนทำไม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาขบคิด หล่อนควรหนีเอาตัวรอด ดังนั้นเมื่อเป็นอิสระ หล่อนก็กระโจนไปที่ประตูกระโจมทันที
วิ่งไปได้แค่ไม่กี่ก้าว เท้าของหล่อนก็ลอยเหนือพื้นเมื่อถูกเขากอดรัดไว้ทั้งตัว
“เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นรึไง คนของข้าข้างนอกนั่นออกจะเยอะแยะ” แล้วเขาก็กดปลายจมูกลงบนแก้มหล่อน...แม้จะมีผ้าปิดหน้าปิดตาอยู่แต่หล่อนก็รู้สึกได้ว่านั่นคือจมูกของเขา
“เนื้อตัวเจ้าหอมแปลก...กลิ่นหอมๆ แบบนี้ข้าชอบ”
เป็นถ้อยคำแทะโลมอย่างไร้มารยาท เจ้านางน้อยนิ่วหน้า ทั้งชิงชัง ทั้งหวาดกลัวและไม่พอใจ
“คนบ้า! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” หล่อนดิ้นสุดแรงจนมวยผมดำขลับที่กระเซอะกระเซิงของหล่อนแผ่สยายเต็มกลางหลัง ปอยผมบางส่วนตกลงมาปรกใบหน้า แต่โจรบ้ากามจับผมปอยนั้นทัดหลังใบหูให้อย่างเบามือ
มทนาลัยไม่คิดรับความใจดีของเขา หล่อนสะบัดหน้าหนี แล้วประกาศกร้าว
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า! ข้ารังเกียจคนชั่วช้าอย่างเจ้า!”
‘คนชั่วช้า’ ชะงักมือข้างในอากาศก่อนจะทิ้งลงข้างลำตัวแล้วหัวเราะร่วน ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าแม้แต่น้อยนิด
ก็แน่ละ...โจรป่าอย่างเขาคงโดยด่ามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ภูมิต้านทานคงมากกว่าคนปกติหลายเท่า!
เจ้าหล่อนค่อนขอดเขาในใจ ก่อนจะอาศัยช่วงเวลาที่อีกฝ่ายเผลอใช้ท่าไม้ตาย...อ้าปากงับเนื้อหนั่นแน่นบนไหล่ขวาของเขาเต็มแรง ทว่า...เขาเป็นคนประเภทไม่รับรู้ความเจ็บปวดหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เพราะเพียงสะดุ้งหนึ่งครั้งแล้วยืนเฉยให้หล่อนกัดเล่นเสียอย่างนั้น
หรือเขา ‘โรคจิต’ ชื่นชอบความเจ็บปวดกันแน่
ชายผู้นั้นไม่ได้ผลักไส ไม่ได้ดิ้นรน ทว่ากลับเป็นหล่อนเองที่ยอมปล่อยคมเขี้ยวจากไหล่ของเขาเพราะความงุนงง ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองสบดวงตาสีนิลอันทรงพลัง ความขบขันยังไม่จางหาย แต่บัดนี้ที่เพิ่มขึ้นมาคือความทึ่งกึ่งไม่พอใจ
"เจ้าบอกว่าอย่าแตะต้องเจ้า แต่ตอนนี้ข้า...กอดเจ้าทั้งตัว มันเกินคำว่าแตะต้องไปแล้วนะ เจ้าว่าไหม” ใช่แค่พูดยังกระชับอ้อมกอดแน่นกว่าเดิมจนหล่อนรู้สึกว่ากายของหล่อนแทบจะกลืนไปกับกายอันรุ่มร้อนของเขาเสียแล้ว
“ตัวเล็กแค่นี้ พิษสงไม่เบาเหมือนกันนี่”
ไม่อาจถือเป็นคำชม และมทนาลัยก็ไม่ได้สนใจด้วย หล่อนยังไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าทั้งมือและฟันของหล่อนใช้ไม่ได้ผล ยกเท้าขึ้นมาเตะหน้าแข้งของเขา
“อย่าพยายามเลย เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอกน่า” เขายกขาหลบหล่อนได้อย่างว่องไว
“ปล่อยข้านะ! ปล่อย! เจ้าไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับข้า!”
“สิทธิ์งั้นหรือ ข้าว่าข้ามีนะ”
เสียงกระซิบชิดอยู่ริมใบหู ตามมาด้วยเสียงหัวเราะต่ำๆ
อีกแล้วที่เขาหัวเราะ มีอะไรน่าขันนักหนา!
“เจ้าคิดผิดแล้วที่ทำกับข้าแบบนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร”
“ใคร เจ้าคือใคร ไหนบอกข้าซิ”
“ข้าเป็น...เป็นข้าบาทบริจาริกาขององค์รุทรบดินทร์!” เป็นครั้งแรกที่หล่อนนึกถึงกษัตริย์พระองค์นั้นด้วยความหวัง ทั้งที่ปกติแล้วมีแต่ความหม่นเศร้ามืดมน
“เจ้ารู้จักพระองค์ไหม รู้รึเปล่าว่าพระองค์โหดเหี้ยมขนาดไหน หากทรงทราบว่าเจ้าจับตัวข้า และยังทำมิดีมิร้ายกับข้าอีก จะทรงไม่ปล่อยเจ้าแน่! เจ้าจะต้องถูกทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า วันแล้ววันเล่าในคุก!”
เอื้อนเอ่ยออกไปอย่างมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องกริ่งเกรงกับคำขู่เหล่านี้... คำขู่ที่หล่อนได้ยินได้ฟังมาจากคนอื่นนั่นแหละ!
มีต่อค่ะ >>
เพียงหนึ่งดวงใจ บทที่ ๔
บทที่ ๒ http://pantip.com/topic/33614328
บทที่ ๓ http://pantip.com/topic/33631961
ขอบคุณทุกคนสำหรับคำแนะนำและขอบคุณที่ติดตามค่ะ
---------------------------------------------------------------------------------------------------
เพียงหนึ่งดวงใจ บทที่ ๔
“โจรปล้นสวาทอย่างข้าย่อมต้องการ...” เขาไม่พูดต่อ กระนั้นมทนาลัยย่อมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร หล่อนหวาดกลัวจนต้องรีบยื่นข้อเสนอ
“ข้า...ข้าขอตอบแทนอย่างอื่นได้ไหม”
“อย่างอื่น อืม...” เขาทำเป็นครุ่นคิด ขณะพาหล่อนเดินกลับไปยังกระโจมของโจรกลุ่มนั้น “ขอข้าคิดดูก่อนแล้วกัน”
บัดนี้บรรดาผู้หญิงที่ถูกจับมาได้รับการปล่อยตัวและต่างแยกย้ายกลับบ้านกลับช่องของตัวเองไปจนหมดแล้ว โจรกลุ่มนั้นถูกจับมัดมือมัดเท้าและสลบไม่ได้สติอยู่หน้ากระโจม
โจรบ้ากามพาหล่อนเข้าไปในกระโจม มีลูกน้องอีกสองคนตามเข้ามาด้านใน
“พวกเจ้าไม่ต้องเข้ามา” เขาสั่งโดยไม่หันไปมอง “ปิดประตูกระโจมให้ด้วย”
ส่วนของประตูที่ถูกพับทบไว้บนหลังคาถูกปล่อยลงมาจนภายในกระโจมมืดทะมึน ยิ่งในสภาพอันล่อแหลมและหน้าสิ่วหน้าขวานด้วยแล้ว มทนาลัยก็ยิ่งรู้สึกถึงความมืดมน
โจรบ้ากามวางหล่อนลงบนเบาะนุ่ม แล้วผละออกห่างโดยมือข้างหนึ่งยังจับหล่อนไว้ไม่ยอมปล่อย
ไม่นานหลังจากนั้น แสงไฟจากตะเกียงก็ส่องสว่างช่วยขับไล่ความมืดไปส่วนหนึ่ง
มทนาลัยเห็นเขาชัดขึ้น เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนชื้นแฉะ เสื้อผ้าของหล่อนยิ่งย่ำแย่กว่านั้นหลายเท่า
“อยู่กับข้าสักสี่ห้าวันดีไหมสาวน้อย...” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ แม้จะมองไม่เห็นจมูกของเขา หล่อนก็รู้ว่ามันกำลังคลอเคลียอยู่กับแก้มของหล่อน “มาเป็นผู้หญิงของข้าดีไหม”
บ้า! เข้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ! หล่อนต่อว่าเขา ขณะที่เขากลับช่วยแก้มัดให้กับหล่อน...ทั้งมือและเท้า
มทนาลัยไม่รู้ว่าเขาปล่อยหล่อนทำไม แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาขบคิด หล่อนควรหนีเอาตัวรอด ดังนั้นเมื่อเป็นอิสระ หล่อนก็กระโจนไปที่ประตูกระโจมทันที
วิ่งไปได้แค่ไม่กี่ก้าว เท้าของหล่อนก็ลอยเหนือพื้นเมื่อถูกเขากอดรัดไว้ทั้งตัว
“เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นรึไง คนของข้าข้างนอกนั่นออกจะเยอะแยะ” แล้วเขาก็กดปลายจมูกลงบนแก้มหล่อน...แม้จะมีผ้าปิดหน้าปิดตาอยู่แต่หล่อนก็รู้สึกได้ว่านั่นคือจมูกของเขา
“เนื้อตัวเจ้าหอมแปลก...กลิ่นหอมๆ แบบนี้ข้าชอบ”
เป็นถ้อยคำแทะโลมอย่างไร้มารยาท เจ้านางน้อยนิ่วหน้า ทั้งชิงชัง ทั้งหวาดกลัวและไม่พอใจ
“คนบ้า! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” หล่อนดิ้นสุดแรงจนมวยผมดำขลับที่กระเซอะกระเซิงของหล่อนแผ่สยายเต็มกลางหลัง ปอยผมบางส่วนตกลงมาปรกใบหน้า แต่โจรบ้ากามจับผมปอยนั้นทัดหลังใบหูให้อย่างเบามือ
มทนาลัยไม่คิดรับความใจดีของเขา หล่อนสะบัดหน้าหนี แล้วประกาศกร้าว
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า! ข้ารังเกียจคนชั่วช้าอย่างเจ้า!”
‘คนชั่วช้า’ ชะงักมือข้างในอากาศก่อนจะทิ้งลงข้างลำตัวแล้วหัวเราะร่วน ไม่สะทกสะท้านกับคำด่าแม้แต่น้อยนิด
ก็แน่ละ...โจรป่าอย่างเขาคงโดยด่ามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ภูมิต้านทานคงมากกว่าคนปกติหลายเท่า!
เจ้าหล่อนค่อนขอดเขาในใจ ก่อนจะอาศัยช่วงเวลาที่อีกฝ่ายเผลอใช้ท่าไม้ตาย...อ้าปากงับเนื้อหนั่นแน่นบนไหล่ขวาของเขาเต็มแรง ทว่า...เขาเป็นคนประเภทไม่รับรู้ความเจ็บปวดหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เพราะเพียงสะดุ้งหนึ่งครั้งแล้วยืนเฉยให้หล่อนกัดเล่นเสียอย่างนั้น
หรือเขา ‘โรคจิต’ ชื่นชอบความเจ็บปวดกันแน่
ชายผู้นั้นไม่ได้ผลักไส ไม่ได้ดิ้นรน ทว่ากลับเป็นหล่อนเองที่ยอมปล่อยคมเขี้ยวจากไหล่ของเขาเพราะความงุนงง ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองสบดวงตาสีนิลอันทรงพลัง ความขบขันยังไม่จางหาย แต่บัดนี้ที่เพิ่มขึ้นมาคือความทึ่งกึ่งไม่พอใจ
"เจ้าบอกว่าอย่าแตะต้องเจ้า แต่ตอนนี้ข้า...กอดเจ้าทั้งตัว มันเกินคำว่าแตะต้องไปแล้วนะ เจ้าว่าไหม” ใช่แค่พูดยังกระชับอ้อมกอดแน่นกว่าเดิมจนหล่อนรู้สึกว่ากายของหล่อนแทบจะกลืนไปกับกายอันรุ่มร้อนของเขาเสียแล้ว
“ตัวเล็กแค่นี้ พิษสงไม่เบาเหมือนกันนี่”
ไม่อาจถือเป็นคำชม และมทนาลัยก็ไม่ได้สนใจด้วย หล่อนยังไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นว่าทั้งมือและฟันของหล่อนใช้ไม่ได้ผล ยกเท้าขึ้นมาเตะหน้าแข้งของเขา
“อย่าพยายามเลย เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอกน่า” เขายกขาหลบหล่อนได้อย่างว่องไว
“ปล่อยข้านะ! ปล่อย! เจ้าไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับข้า!”
“สิทธิ์งั้นหรือ ข้าว่าข้ามีนะ”
เสียงกระซิบชิดอยู่ริมใบหู ตามมาด้วยเสียงหัวเราะต่ำๆ
อีกแล้วที่เขาหัวเราะ มีอะไรน่าขันนักหนา!
“เจ้าคิดผิดแล้วที่ทำกับข้าแบบนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร”
“ใคร เจ้าคือใคร ไหนบอกข้าซิ”
“ข้าเป็น...เป็นข้าบาทบริจาริกาขององค์รุทรบดินทร์!” เป็นครั้งแรกที่หล่อนนึกถึงกษัตริย์พระองค์นั้นด้วยความหวัง ทั้งที่ปกติแล้วมีแต่ความหม่นเศร้ามืดมน
“เจ้ารู้จักพระองค์ไหม รู้รึเปล่าว่าพระองค์โหดเหี้ยมขนาดไหน หากทรงทราบว่าเจ้าจับตัวข้า และยังทำมิดีมิร้ายกับข้าอีก จะทรงไม่ปล่อยเจ้าแน่! เจ้าจะต้องถูกทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า วันแล้ววันเล่าในคุก!”
เอื้อนเอ่ยออกไปอย่างมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องกริ่งเกรงกับคำขู่เหล่านี้... คำขู่ที่หล่อนได้ยินได้ฟังมาจากคนอื่นนั่นแหละ!
มีต่อค่ะ >>