ปลาทู....ที่ไม่มีหัว

กระทู้สนทนา
ผมไม่รู้นะครับว่าเรื่องที่มันเกิดกับผมจะไปเหมือนกับเรื่องราวของชีวิตใครบ้าง แต่มันเกิดขึ้นจริงมาตั้งแต่ผมจำความได้
ตั้งแต่เด็กๆ อาหารบ้านผมจะมีอยู่ไม่กี่อย่าง น้ำพริกปลาหมอ ปลาที่ได้มาจากการวางข่ายดักปลาในคลอง (บางทีแทนที่จะได้ปลามาทำกิน เวลาไปเก็บข่ายที่ดักปลาไว้ในนั้นกลายเป้นงูเห่าติดอยู่หลายตัว ต้องทิ้งข่ายนั้นไปเพราะไม่กล้าที่จะเก็บมันกลับมาใช้อีก) กระถินที่มันอยู่ริมรั้วบ้าน ผักบุ้งที่ผมกับพ่อลงน้ำไปเด็ดยอด มาทำผัดผักบุ้ง ฝักกระเจี๊ยบที่เราปลูกไว้ในแปลงหน้าบ้าน ของกินทุกอย่างเท่าที่จำได้ในวัยเด็ก มันมาจากสิ่งที่แทบไม่ต้องซื้อหาตามตลาด  
หลายคนคงมองว่าครอบครัวเราลำบาก ผมไม่รู้ว่าลำบากหรือเปล่า รู้แต่ว่าตอนนั้นผมสนุกกับการได้ออกไปหาของกินเหล่านี้มาทำกัน ที่เล่านี้อย่าคิดนะครับว่าพวกเราอยู่ชนบทห่างไกล แต่มันแค่ชานเมืองกรุงเทพเมือประมาณ 30 ปีที่แล้ว
ผมกลับมาคิดดูแล้ว ด้วยครอบครัวที่มีพ่อทำมาหาเลี้ยงอยู่คนเดียว แม่ก็ช่วยเป็นแม่บ้านที่ดี คอยปลูกผักสวนครัว ดูแลจัดการงานบ้านให้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ลูกๆสามคนที่กำลังอยู่ในวัยเรียน ค่าใช้จ่ายในบ้านคงจะมากเอาการ และ เราเลยจำเป้นต้องกินอยู่อย่างประหยัดที่สุด แต่เราก็ไม่เคยรู้สึกว่ามันลำบาก คงเพราะด้วยความที่เราเป็นเด็ก กับข้าวบางอย่างที่เราจำเป็นต้องซื้อหามาไว้ติดครัวประจำก็พวก ไข่ไก่ หอม กระเทียม นานๆทีที่เราจะได้ซื้อหมูมาทำผัดกระเพรา เรื่องซื้อแกงถุงแบบที่มี ขายอยู่เกลือนตลาดอย่างทุกวันนี้ที่จำได้นั้นน้อยครั้งมาก
แต่มีเมนูหนึ่งที่ผมชอบกินเป็นพิเศษคือ "ปลาทูทอด"
ปลาทูสมัยนั้นเป็นปลาทูตัวเล็กๆ ถึงเนื้อจะไม่เยอะเท่าปลาทูอินโดที่ขายในตลาดแบบทุกวันนี้ แต่รสชาตินั้นหอมมันกว่าอย่างเทียบไม่ได้
ทุกครั้งที่มีเมนูปลาทูทอดตั้งอยุ่บนโต๊ะ ผมไม่เคยเห็นหัวของปลาทูอยู่ในจานเลย และไม่เคยถามว่าหัวมันหายไปไหน ไม่สงสัยอะไร ก็ได้แต่กินๆไป จนเริ่มโตมาเข้าช่วงวัยรุ่น ถึงได้ถามแม่ว่า ทำไมปลาทูไม่มีหัว แม่ก็ได้แต่บอกว่า หัวปลาทูมันแข็งมีก้างเยอะ กลัวพวกเรากินไปเดี๋ยวติดคอเลยเอาออกทิ้งไป
ผมก็เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง เพราะเคยกินข้าวกล่องพร้อมเพื่อนๆที่โรงเรียน เค้าเอาปลาทูมากินก็เห็นมาทั้งหัว แต่เพื่อนผมมันก็กินแต่ตัว ส่วนหัวทิ้งไป มันคงไม่อร่อย หรือก้างเยอะจริงๆอย่างที่แม่ว่า
จนวันหนึ่งผมบังเอิญได้คำตอบว่าหัวมันหายไปไหน มันเกิดในช่วงเช้าวันอาทิตย์ พ่อไม่ไปทำงานโอที แม่ซื้อปลาทูมาทอดตอนเช้า กลิ่นหอมชวนให้ผมสะลืมละลือตื่นมาแต่ก็ยังไม่ออกจากห้อง จนได้ยินเสียงช้อนกระทบจาน พ่อกับแม่กำลังกินข้าวเช้ากันอยู่ ผมเปิดประตูห้องออกไป เห็นทั้งคู่กำลังกินข้าว และในจานทั้งคู่มีหัวปลาทูอยู่ มีทั้งหัวที่ถูกกัดไปแล้วและหัวบางตัวที่ถูกฉีกออกมาวางไว้ ส่วนในจานกับข้าวมันคือตัวเนื้อปลาทูที่วางเรียงไว้ ภาพนั้นผมยังจำได้ ผมไม่เข้าใจหรอกครับว่า เพราะหัวมันอร่อย , กลัวก้างติดคอเรา หรือ เหตุผลอะไร แต่ก็มีอีกอย่างที่คิดไว้ คงเพราะท่านต้องการให้พวกเราได้กินเนื้อ ส่วนพวกท่านยอมที่จะกินหัวมันแทน ผมคิดได้แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งถึงสิ่งที่ท่านทำให้ในตอนนั้น คงเพราะเรายังเป็นวัยรุ่น จนเมื่อเริ่มโตช่วงอายุประมาณ 17 ปี ก็มีอันต้องออกจากบ้านไปใช้ชีวิต หาเลี้ยงตัวและส่งตัวเองเรียน ผมออกมาใช้ชีวิตคนเดียวเกือบ 20 ปี จนเรื่องราวหัวปลาทูมันจางหายไป อาจจะลืมนึกถึงไปเลยก็ว่าได้
ตอนนี้หลังจากที่ได้ออกไปใช้ชีวิตคนเดียว จนคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับมาดูแลครอบครัว เพราะท่านอายุมากกันแล้วทั้งคู่ คงเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีที่จะอยู่ด้วยกัน ผมเลยตัดสินใจหันหลังกลับมาอยู่กับท่านอีกครั้งในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนจะจากกันไปตลอดกาล
ผมเพิ่งได้กลับมาอยู่เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง พ่อแม่ดูมีความสุขและสบายในช่วงวัยเกษียน อาหารการกินก็ทำเองบ้างหรือซื้อบ้างแล้วแต่โอกาส จนวันนี้ผมกลับจากทำงานตอนดึก ทุกคนหลับกันหมดแล้ว เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารด้วยความหิว เปิดฝาชีออกมา มีน้ำพริกที่ทำเอง ผักสดวางเคียง และในอีกจานคือปลาทู 6 ตัว และทุกตัวไม่มีหัว
ภาพพ่อกับแม่ที่กินหัวปลาทูมันย้อนกลับมากระแทกให้น้ำตาผมเอ่อออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผมนั่งมองจานปลาทูหกตัวนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้ ผมได้แต่ยิ้มแต่ก็มีน้ำตาไหลออกมาด้วย ความหิวมันหายไปชั่วขณะ ในหัวแต่เห็นภาพเก่าๆภาพนั้น คิดไปไกลถึงขนาดว่าถ้าไม่มีท่านอยู่แล้ว เราจะเป็นยังงัย
ถึงเราจะโตขึ้น ท่านก็ยังคิดถึงเราก่อนเสมอและยอมให้สิ่งที่ดีกว่ากับลูกตลอด ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน ปลาทูที่บ้านผมมันยังคงไม่มีหัว เหมือนเดิม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่