เครียดมากครับ กิจการใกล้จะไปไม่ไหวแล้ว ด้วยภาระหนี้ที่มีกำลังจ่ายไม่เพียงพอ ผมควรบริหารเงินก้อนสุดท้ายนี้อย่างไรดีครับ

เนื่องจากเป็นปัญหาของน้องชายผม ซึ่ง

ตอนนี้มีหนี้ OD อยู่ 6 ล้าน ใช้เต็มวงเงินแล้ว,  มีหนี้เงินกู้ SME อีกประมาณ 8 ล้าน (ใช้ไปเกือบเต็มแล้ว), มีหนี้ที่ต้องชำระค่าสินค้าที่สั่งจากโรงงาน (สำหรับเดือนนี้ต้องผ่านเช็คประมาณ 4 ล้าน)
มีรายจ่ายแต่ละเดือน (รายจ่ายของครอบครัว+ค่าเช่าต่าง ๆ (เช่าบ้าน,เช่าโกดังเก็บของ, เช่าที่จอดรถ)า+ค่าเล่าเรียน+
ค่าเงินเดือนลูกน้อง+ค่าผ่อนรถ+ค่าไฟ+ค่าน้ำ+ค่าโทรศัพท์+ค่ากินอยู่ ... ฯลฯ) รวมแล้ว เดือนละ = 3 แสน (ยังไม่รวมพวกดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร)
พวก คชจ. เหล่านี้ ทำแผนเตรียมปรับลดแล้วละครับ ก็มีการปรับลดได้บ้าง แต่ก็ยังมากอยู่  เพราะเป็น คชจ.คงที่เยอะ  แต่จะพยายามพิจารณาว่า
เอาที่เหลือที่สำคัญจริง ๆ   เหลือแต่ คชจ.ที่เป็นดอกเบี้ย ไม่ทราบจะจัดการอย่างไรดี

ตอนนี้มีเงินในมืออยู่ 10 ล้าน

ผมควรจัดสรรอย่างไรดี  ตอนนี้อย่าเพิ่งขอตัวเลขอะไรจากผมเพิ่มเติมนะครับ  เพราะผมก็ยังไม่ได้ตัวเลขที่ชัดเจนจากน้องชายมา
เนื่องจากเป็นปัญหาของครอบครัว ที่น้องชายเป็นผู้ดำเนินกิจการ ซึ่งเขาก็หาเลี้ยงคนทั้งบ้านทั้งหมด 8 ชีวิต  เขารับผิดชอบเพียงคนเดียว หลังจากผมกลายเป็นคนทุพลภาพ เขาจึงรับภาระไปทั้งหมด  โดยไม่เคยปรึกษา หรือปริปากเวลามีปัญหาใด ๆ  เขาจะรับไว้เองทั้งหมด ก้มหน้าก้มตาสู้ไปคนเดียว ไม่อยากให้ผมหรือพ่อแม่กลุ้มใจ

ผมมาทราบเอาตอนนี้ ซึ่งมันก็เละเทะมากแล้ว  น้องชายผมเครียดมาก ผมเองก็เครียดไปด้วย เพราะสงสารมันที่ต้องแบกรับภาระ และแบกรับความรู้สึก
ทั้งหมดไว้อยู่คนเดียว


ผมบอกให้เขาทำรายการ รายรับ - รายจ่าย - หนี้ที่ค้าชำระทั้งหมดออกมา  (ซึ่งผมยังไม่ได้ตัวเลข) เพื่อที่จะวางแผนได้ว่าเราสามารถทำอะไรต่อไปได้บ้าง
และเร็ว ๆ นี้ครอบครัวก็จะปรึกษากันว่าจะจัดการวิกฤติอย่างไร

ผมอยากช่วยน้อง แต่ไม่ทราบจะให้คำแนะนำอย่างไรที่ถูกต้อง เพราะตอนนี้สับสน และมืดไปหมด สงสารทั้งพ่อแม่ สงสารทั้งน้องชาย และยังมีหลานที่ยังเรียนอยู่อีก
ณ.ตอนนี้นะครับ เรายังไม่เคยค้างชำระดอกเบี้ยธนาคาร ยังจ่ายครบทุกเดือน  และเช็คที่สั่งจ่ายโรงงานต่าง ๆ เป็นค่าสินค้า ก็ยังไม่เคยปล่อยให้เด้งสักใบ  ประคองให้ผ่านไปได้ เพื่อรักษาเครดิต
แต่ด้วยจุดนี้ด้วยละครับที่ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินเพิ่มขึ้น เพราะเนื่องจากน้องชายเริ่มผ่านเช็คไม่ไหว แต่ไม่อยากให้เด้ง น้องชายจึงไปทำเรื่องกู้ SME เพิ่มขึ้นมา ในลักษณะว่า "ไม่มีทางเลิอก"
ไม่อยากให้เช็คเด้ง ก็เลยต้องกู้มาโปะให้เช็คผ่านไปก่อน

ที่คิดเอาไว้จากสมองที่ไมค่อยปราดเปรื่องของผม

หากเอาเงิน 10 ล้านไปจ่ายเงินกู้ SME ก่อน เนื่องจากดอกแพงกว่า OD ธนาคาร
แต่ถ้าจ่ายไปแล้ว ก็จะเหลือเงินไม่พอไปจ่าย OD Bank ซึ่งมันก็จะเกิดค่าใช้จ่ายที่เป็นดอกเบี้ยมาอีกทุกเดือน
และไม่มีเงินไปชำระหนี้ค่าสินค้าที่สั่งจากโรงงานอีก

หรือ

เข้าไปเจรจากับธนาคารเรื่องข้อจำกัดในการชำระหนี้ที่กำลังเกิดขึ้น ก็ไม่ทราบว่าทางธนาคารจะสามารถช่วยผ่อนปรนอะไรได้บ้าง
และเข้าไปเจรจากับโรงงานต่าง ๆ ที่เราสั่งสินค้าว่า ตอนนี้เรามีปัญหาในการชำระหนี้ อยากให้ช่วยเหลือยืดอายุในการผ่อนชำระ  แม้ว่าเรายังไม่เคยปล่อยให้เช็คเด้งเลยก็ตาม
แต่ถ้าเข้าไปคุยกับโรงงานแล้ว ส่วนตัวคิดว่า เขาน่าจะประณีประนอมให้  แต่นั่นหมายถึง  สินค้าที่จะสั่งในครั้งต่อไป เขาคงไม่กล้าปล่อยเครดิตให้เราเหมือนที่ผ่านมา
เพราะรู้แล้วว่าเรามีปัญหาในการชำระ  ก็จะเกิดปัญหาไม่สินค้ามาขายเพื่อสร้างรายได้อีก

คิดเผื่อต่อไปว่า หาเงินสดมาอีกสักก้อน ถ้าหากโรงงานไม่ปล่อยเครดิต ก็ขอซื้อเงินสดในวงเงินเท่าที่มี  แต่ก็คงได้ไม่มากเหมือนตอนได้ credit  มันก็ดีตรงที่ว่าหยุดหนี้เก่าเอาไว้
แล้วค่อย ๆ ผ่อนชำระไป  แต่ก็มีปัญหาที่ว่า สินค้าในมือมีน้อย  ขายแล้ว รายได้ก็ไม่พอค่าใช้จ่ายอีก

ผมก็บอกน้องไปว่า ยังไงสถานการณ์แบบนี้ ต้องหารายได้เสริมทางอื่น ๆ (ยังคิดไม่ออกครับว่าจะทำอะไรเสริม แต่ต้องทำแน่ ๆ)

ขอคำแนะนำหน่อยครับ มืดไปหมดจริง ๆ ว่า ผมควรทำอย่างไรเป็นอย่างแรก ทีละขั้นตอน
เพราะถ้าหากเงินก้อนสุดท้ายนี้ ดำเนินการไปผิดพลาด นั่นหมายถึงทุกอย่างจบหมด

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

======================================================================
ณ.ตอนนี้อ่านถึง คคห.ที่ 55   ผมอ่านทุกความคิดเห็นนะครับ  เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง แต่ก็ขอบคุณทุกคำแนะนำและกำลังใจครับ
ถือว่าทุกท่านเสียสละเวลาอ่าน เสียสละเวลาออกความคิดเห็น  ผมก็ขอบคุณมากแล้ว

ตอนนี้ผมค่อนข้างเอียงไปทาง นำเงินไปเสริมสภาพคล่องนะครับ  แต่ทั้งหมด คงต้องดูที่เราจะประชุมกันในครอบครัวพรุ่งนี้
ที่ห่วงมากไม่น้อยไปกว่าวิกฤติกิจการก็คือ  "ความรู้สึกของคนในครองครัวครับ"  แต่เราก็ผ่านมันไป

ฝากภาพร่างรูปการ์ตูนแบบเร่งด่วน ไม่ได้สวยงามอะไรหรอกนะครับ  แต่แทนคำพูดขอบคุณที่ผมอยากจะบอกดัง ๆ ว่าที่จริง
มันมีมากกว่าคำว่าขอบคุณ  แต่พูดได้ 2 พยางค์นี้วนไปวนมา   ผมอบอุ่นมากครับ


===================================================================
กล่าวขอบคุณทุก ๆ ท่านครับ
http://pantip.com/topic/33464866/comment131
===================================================================
อัพเดทอีกเล็กน้อย และขอขอบคุณทุก ๆ ท่านครับ
http://pantip.com/topic/33464866/comment167
===================================================================
ขอบคุณครับ
http://pantip.com/topic/33464866/comment194
===================================================================
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เคยผ่านช่วงเวลานี้มาเหมือนกันขออนุญาติแนะนำนะครับ .....ต้องจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังสิ่งแรกที่ต้องทำและเห็นผลทันทีคือ การเจรจา. เราต้องไม่หนี ไม่หลบหน้า

ทางโรงงานซัพพลายเออร์..ขอเทอมการจ่ายเงินนานขึ้น. ส่วนที่ค้างเขาอยู่ต้องกำหนดชัดเจนและเป็นไปได้จริงว่าจะจ่ายเมื่อไหร่หรือจะผ่อนจ่ายยังไง

ทางธนาคารเข้าไปขอขายวงเงินโอดีเพิ่มขึ้นอีกได้ไหมถ้าจำเป็นมีสินทรัพย์ต้องค้ำประกันเพิ่มเติม

ถ้ามีรายจ่ายประจำ300k. ควรจะมีเงินสำรองไปอย่างต่ำ6เดือนเท่ากับต้อง สำรองไว้ 2ล้าน ส่วน 8ล้านที่เหลือปิดหนี้smeแบงค์ก่อนเลยครับดอกเบี้ยสูง

ส่วนเรื่องการเพิ่มยอดขาย การลดรายจ่าย  คิดว่าน้องจขกทคงทำมาตลอดก่อนวิกฤติแล้วและมีน้องคนเดียวรู้วิธีการนี้ดีที่สุดว่าอะไรลดได้อะไรเพิ่มได้

ตอนนี้ทั้งโรงงาน คู่ค้า ธนาคารลำบากหมดพวกเขาเข้าใจคุณดี ถ้าเจอคนดีให้โอกาสคุณกลับมายืนได้อย่าลืมบุญคุณพวกเขา

ทุกครั้งที่เกิดวิกฤติหรือหนักใจสังเกตุว่าสมองจะทำงานไม่เต็มร้อย เทคนิคส่วนตัวผมคือไปทำบุญกับสิ่งที่เราศรัทธา. พาพ่อแม่ไปทานข้าวคุยเล่นออกจากความทุข์บ้าง
เดี๋ยวจะมีอะไรแวบเหมือนแสงสว่างเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้เราครับ
ความคิดเห็นที่ 31
ข้อมูลที่พอมี คือยอดหนี้ 14 ล้าน เงินสดหมุน 10 ล้าน
รายจ่าย fix cost 3 แสน + ดอกเบี้ย (น่าจะเดือนละแสน) + ต้นทุนสินค้า
รายได้ ไม่รู้ สัดส่วนกำไร สุทธิ ไม่รู้
สิ่งที่ผมอยากแนะนำคือ

1 หากยอดขายยังโอเค กำไรยังพอ(มากกว่าสองแสนต่อเดือน) มีลุ้น 10 ล้านนั้น อย่าไปคืนธนาคารครับ
พัฒนาแผนการตลาด สู้แบบสุนัขจนตรอก เพิ่มรายได้ ควบคุมรายจ่าย  เราต้องใช้เงิน 10 ล้านนั้นเพิ่มรายได้ให้มากกว่าดอกเบี้ยมากๆ
เราต้องเริ่มวิ่งหาลูกค้าบ้าง ขยายไลน์สินค้าที่เกี่ยวข้องและขายควบคู่กันได้
ลดต้นทุนสินค้า ลองหาโรงงานจากที่อื่นบ้างหรือยัง บางครั้งของนำเข้าจากจีนก็ลดต้นทุนสินค้าไป 30-40% นะ(แล้วแต่ประเภทสินค้า)
สำหรับนักธุรกิจที่เก่ง เพิ่มรายได้สำคัญกว่าลดรายจ่ายมากๆ แต่ต้องประหนักเสมอว่า
ทุกรายได้ที่เราจะเพิ่มหมายถึงเราต้องแย่ง คู่แข่งของเรามา ดังนั้นเราต้องเก่งกว่า ดีกว่า ในทุกๆด้าน
เพราะคู่แข่งเราก็กำลังทำในสิ่งเดียวกัน สุดท้ายคนที่ดีกว่าเก่งกว่า วิสัยทรรศไกลกว่าคือผู้อยู่รอด

2 ยอดขายติดลบอย่างหนัก กำไร ไม่ถึงสองแสนต่อเดือน
คุณต้องปรับธุรกิจใหม่ ทุกๆธุรกิจมันจะเป็นวัฐจักรครับ มีรุ่ง มีร่วง ต้องยอมรับในจุดนี้
ลองเดินถอยออกมา มองในมุมมองใหม่ว่า asset ที่เรามีสามารถปรับเป็นธุรกิจอะไรได้บ้างที่จะสามารถหาเงิน 400K+ ต่อเดือนได้
สร้างธุรกิจใหม่เป็นช่วงที่ลำบากที่สุดและยิ่งตอนนี้อยู่ในช่วงเศษฐกิจแย่ ดังนั้นมันจึงเหมือนลำบากยกกำลังสอง
สิ่งที่จะทำให้เราผ่านพ้นไปได้คือความสามารถ พยายามมองในมุมมองที่ต่างจากคนทั่วไป แต่เป็นไปได้
หากต้องลงทุนในธุรกิจใหม่จริงอยากให้เวลาคำนวน ตัวเลขคำนวนจากผลลัพที่แย่ที่สุดไว้ก่อน แล้วเริ่มจากตรงนั้น

ขอให้ จขกท กับครอบครัวผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยดีนะครับ
หากทั้งครอบครัวร่วมแรงร่วมใจธุรกิจจะไปได้ดีและง่ายขึ้นมาก
และทุกๆวิกฤตมันคือการหล่อหลอมศักยภาพในตัวเราถ้าเราผ่านมันไปได้

ปล อย่าโยกเงินแล้วปล่อยล้มเลยนะครับ การทำแบบนั้นแย่มากๆ หากทุกคนทำแบบนั้นเมื่อเจอวิกฤต แบงคงล้ม ตอนนั้นวิกฤตเศษฐกิจ
จะหนักมาก ผลลัพที่ตามมาจะยิ่งแย่ขึ้นอีกหลายๆเท่า

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แก้ไข เพิ่มเติม หลังจากได้ข้อมูลเพิ่มจาก rep 167

เอาละ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ เพราะคำตอบในทางเลือกครั้งก่อน ข้อ 1 ตัดทิ้ง เหลือข้อ 2
ก่อนจะบอก อะไรอยากบอก จขกท ก่อนว่าผมเคยผ่านต้มยำกุ้งมา ตอนนั้นบ้านผมเจอหนักกว่า จขกท เยอะสุดท้ายก็ล้ม
ดรอปเรียน ออกมาทำงานตั้งแต่อายุ 17 หาเงินแค่พอมีที่ชุกหัวนอน กับมีข้าวให้กินก็พอใจละ  
แต่บ้านผมก็ยืนขึ้นใหม่ได้ และยืนขึ้นใหม่รอบนี้ ทุกคนแกร่งกว่าเดิม เศษฐกิจตกรอบนี้สำหรับผมแล้ว สบายๆชิวๆมากเพราะหนักกว่านี้
ก็เจอมาแล้ว ดังนั้น จขกท ก็เช่นกัน ขอให้มีกำลังใจลุกขึ้นใหม่ อย่าท้อในนี้ทุกคนพร้อมจะสนับสนุน เพราะพันทิฟมีคนดีๆเยอะ จขกท คงเห็นแล้ว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอามาบ่นมามากพอละ เรามีลงรายละเอียดเลยดีกว่า
เรามาดูก่อนว่า จขกท มีอะไรในมือมั้ง
-บ้าน จขกท ต้องเคยมีฐานะดีมากในระดับหนึ่ง สามารถหาเงิน  13 ล้านในเวลาอันรวดเร็วได้ ดังนั้นมี connection ระดับหนึ่ง
-มีเงิน 13M
-มี 8 ชีวิต ที่ต้องเลี้ยงดู โดยมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 200K+-
-น้องชายที่ทำธุรกิจ โดยไม่ได้สนใจบัญชี มากนัก แต่ผมเชื่อว่าน้องชาย จขกท ต้องเก่งในอีกหลายๆด้าน
ดังนั้น อย่างแรกที่ต้องทำคือประนอมหนี้ กับทุกฝ่าย
เงิน 13 ล้าน ต้องแยก 10 ล้านออกมา ลงทุนกับธุรกิจใหม่ โดยเป้าหมายคือ กำไร 400k ต่อเดือน
ซึ้งจริงๆแล้ว ไม่ยากแต่ว่า ช่วงนี้เศษฐกิจแบบนี้ ธุรกิจที่ ทำกำไรเยอะยังลำบากเลยช่วงนี้
ตอนนี้ต้องกลับมาค้นดูอีกทีว่า จขกท ยังเหลือ connection กับ ประสบการณ์ที่ธุรกิจทางบ้านสั่งสมมา
สามารถทำธุรกิจอะไรได้บ้าง บ่อยครั้งที่ know how และ knowledge ของพวกคุณมีมูลค่าทางตลาดและสามารถหาเงินได้เยอะ
แต่พวกคุณอาจจะมองข้ามมันไป
-ช่วงนี้พยายามอย่าจ้างพนักงานจริงถ้าไม่จำเป็น ทำเองมันทุกอย่างเลย จะเป็นช่วงที่โหดที่สุด ลำบากมากที่สุด เหนื่อยที่สุด
แต่ลึกๆลงไป ก็สนุกและมีความสุขมากเหมือนกันนะ 555+
ถึง จขกท จะทุลภาพแต่ดูแล้วก็มองอะไรเด็ดขาดดี ลองมาดูแลบัญชีดีไหม?
ลูกๆมีใครช่วยงานได้ยัง ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนในบ้านร่วมแรงร่วมใจกัน ธุรกิจจะไปได้ดีแน่นอนครับ ถึงแม้จะต้องเริ่มใหม่ก็ตาม

ปล ปล่อยกิจการของคุณพ่อให้ล้ม คงเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ แต่ถ้าผมเป็นจขกท ผมจะหาทางหาเงินเยอะๆ มากู้กิจการคืน เพราะผมไม่มีความสุขหากต้องปล่อยมันจมไปตลอด
ความคิดเห็นที่ 26
ถ้าธุรกิจไปไม่ไหว    หรือไม่คิดจะเอาชีวิตนี้ ทำธุรกิจแล้วในช่วง  ห้า   หก ปีนี้

เอา แบบโหดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   มั้ยย ครับ..


ย้านทรัพย์สิน  ไปไว้ชื่อคนอื่น ที่เราไว้ใจ   ที่ไม่ใช่คนที่เราจดทะเบียนเด้วย


บ้าน  ทรัพย์สิน  ที่เป็นชื่อเรา   เปลี่ยนให้หมด        เอาเงินสดไปซ่อน   ใส่เซฟในบ้านที่ไม่ใช่ชื่อเรา


หรือบ้านที่โอนให้ภรรยา ที่ไปจดทะเบียนหย่าแล้ว แต่ยังอยู่ด้วยกัน  หย่าหลอกเฉยๆ


เงินสดเก็บไว้    พอหมดอายุความ และสิ้นสุดการล้มละลาย

พี่มีเงินสดในมือ    ยังไงก็มีทุน  ทำธุรกิจอยู่แล้ว      ...  


ถ้าอยากทำธุรกิจอีกครั้ง ก็มีทุน    ไม่ต้องไปง้อ ธนาคาร..


นิเรียกล้มบนฟูก..สบายๆๆๆๆ     อย่าโง่เหมือน พ่อ แม่  ผม         ที่จ่ายทุกบาททุกสตางค์  


แต่พวกล้มบนฟูกไม่ต้องจ่ายอะไรเลย   และรวยกว่าพวกเราอีก..



มีเงินอยู่กับตัว ก็คือมีพระเจ้าอยู่ในมือพร้อมใช้.


...... แต่การโกงมันเป็นสิ่งไม่ดี   ผิดศีลธรรม      แต่ธนาคารเค้าไม่สนหรอกศีลธรรม   อะไรที่ทำกำไรและเค้าได้ประโยชน์

ต่อให้เคยล้มบนฟูก  แต่มีเงินมาให้ธนาคารมาทำธุรกิจได้อีกรอบ ธนาคารก็ไม่สน.

___

  ความเห็น จากเด็ก  ปอสาม  นะครับ     ไม่รู้จะช่วยได้ป่าว
ความคิดเห็นที่ 1
ตอนนี้คุณมี ยอดหนี้ ค่าใช้จ่าย แล้ว

ต้องลองไปหาตัวเลขฝั่ง

ลูกหนี้  สต็อคสินค้าคงเหลือ สินทรัพย์ทุน

มาประกอบเรื่องครับ จะออกมาเป็นตัวเน็ตๆ ก่อน ลองคิดก่อนว่า ถ้าเคลียร์สินค้าในมือออกไป จะได้มาเท่าไหร่

ยอดหนี้ 6+8 เงินสดในมือ 10 และน่าจะมีสต็อคในมืออีกประมาณนึง เพราะมีการเช่าโกดัง ด้วย ผมว่าสถานการณยังพอไปได้นะครับ

ใจเย็นๆ ครับ ค่อยๆดึงข้อมูลมาประกอบเรื่อยๆ เรื่องมันจะชัดขึ้นอีกครับ

ปล.ทำธุรกิจสิ่งที่ต้องมีไว้คือสภาพคล่องครับ อย่าเพิ่งเอาไปชำระหนี้หมด ขาดเงินสด เท่ากับหายใจไม่ได้แล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 44
ลดขนาดลง แล้วแปรทั้งหมดออกเป็นรายได้

สินค้าที่สามารถทำเงินได้ต่อเดือนมีอีกมากน้อย และเท่าไหร่

สามารถขายได้ไปตลอดอีกนานเท่าไหร่

ตัวไหนที่ขายได้สม่ำเสมอ ให้ดีลกับทางร้านค้า รักษาเครดิตไว้ เพราะเราต้องใช้เขาอีก

อันไหนตัดได้ รีบตัดออกไป และไม่สร้างเพิ่มเข้ามา ระบายออกให้เป้นตัวเงินเร็วที่สุด

จำนวนค่าใช้จ่ายสิ่งที่จะลดต่อมาคือยอดในการสั่งของ

สามแสนค่าใช้จ่ายประจำเดือน นี้ดูไม่มากเท่าไหร่คิดว่ากิจการไม่ใหญ่นัก

ทั้งยังรวมภายในครอบครัวอีก

ในความเห็น เหมือนลงทุนเกินตัวไป โดยเฉพาะในการกู้เงินทั้งหมดครับ



ปรับวิธีทำงานใหม่กับน้องชายคุณ

คุณมีสมอง ยังคิด ยังเขียน ยังโต้ตอบได้ อันนี้เยี่ยม คุณเป็นสมองให้เขา

และเขาเป็นผู้ทำงาน ติดต่อผ่านคอมฯ หรือโทรศัพท์ แค่นั้นก็ได้ คุณไม่ต้องปรากฏตัว



ใจเย็นๆนะครับ ดูเหมืนยังไม่ได้เลวร้ายอะไรมากเหมือนที่คุณคิด

ต้อนนี้ใจเย็นๆ ทำตรงหน้าไปให้ดีที่สุด และหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

ขอธนาคารช่วยลดการชำระหนี้ให้ ผ่อนจ่ายน้อยลงแต่ยาวนานขึ้น

ดูเหมือนเครดิตคุณดี และเป็นคนที่รักษาสัจจะกันดีนะครับทั้งพี่และน้อง

ผมว่าหากไปขอความช่วยเหลือจริงๆไม่ลำบากอะไรหรอก แต่ให้รีบทำ และกล้ายอมรับเปิดเผย



ผมว่าเป็นวิกฤติที่ดี ที่ครอบครัวคุณจะได้เรียนรู้ในประสบการณ์ใหม่อันนี้

และผมหวังว่าจะช่วยกันฟันฝ่าออกไปได้ในที่สุด และเร็ววันนะครับ

...

...

.....ล้ม แล้วก็ปัดฝุ่น ลุกขึ้นมาครับ ...ไม่เห็นจะยาก...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่