สวัสดีครับ ผมอายุ 22 ครับ เพื่อนๆรุ่นเดียวกันกำลังจะเรียนจบปีนี้ (แต่ผมลาออกมาทำธุรกิจ)
ชอบใส่เสื้อยืดแขนยาว กางเกงนอน สภาพก็ดูเหมือนเด็กกะโหลกกะลาทั่วไป
ผมนั้นมีหลักการอยู่ข้อหนึ่งคือ "ห้ามไปละเมิดใครเด็ดขาด นั่นคือหน้าที่ แต่การอภัยหรือมีน้ำใจนั้น เป็นสิทธิ์ที่พึงเลือกว่าจะให้หรือไม่ให้ก็ได้"
เช่น "นั่งอยู่บน BTS มีชายหนุ่มกำยำถือของมาเยอะ เราจะลุกให้ก็ได้ เพราะถือเป็นน้ำใจที่เราเลือกจะให้(ผมว่าควรมีบ่อยๆ)" แต่ "ถ้าเรานั่งอยู่ก่อน แล้วมีป้าแก่ๆมา หากเราไม่อยากจะลุกให้ ก็ไม่ได้ผิดเลยที่จะเลือกไม่ลุกให้ สิทธิ์ของเรา ...อย่างไรก็ตาม ก็ ห้าม ไปดึงใครให้ลุกให้เรานั่งก็แล้วกัน เพราะมันผิด มันละเมิดผู้อื่น"
เรื่องก็เริ่มขึ้นตรงนี้ครับ ผมหาที่พักใกล้กับ Major รัชโยธิน เพื่อที่จะได้ทำงานสะดวกๆ เลยเลือกพักที่ Green House Mansion ซอย 30
ห้องเช่า 6 เดือน เดือนละหมื่น ห้องสภาพพอใช้ เก็บของได้
ผมก็ได้วางเงินจองห้องเอาไว้ครับ ห้องอยู่ชั้น3 แต่ปรากฏว่า พอมาอีกที เค้าบอกว่า "น้อง พี่ปล่อยห้องน้องไปแล้ว มีแต่ชั้นสองจะยังเอาอยู่มั้ย ถ้าไม่เอาก็ให้เอาเงินประกันคืนไป"
ผมรู้สึกแย่มาก เพราะดูห้องไว้แล้ว วางแผนเวลาไว้แล้ว ทำไมมาพูดง่ายๆแบบนี้ ถ้าเกิดว่าจองแล้วมันยกเลิกได้ เค้าจะยอมเสียเงินจองกันทำไม อยู่ดีๆเอาเงินเราไปวางในมือคนอื่นเพื่อ? เสียแผนหมด แต่ตอนนั้นก็พูดไปว่า "ได้พี่ ไม่เป็นไร ชั้นสองก็ได้ ผมถือว่า
ช่วยๆกัน"
วันแรกที่เข้ามา ผมถามพี่ผู้หญิงว่า
"พี่ครับ วันนั้นผมย้ำสามรอบ ว่าวันเข้าห้อง ตรงนี้จะมีปลั๊กให้โคมไฟใช่มั้ย พี่ตอบว่าใช่ค่ะ แล้วทำไมไม่มีล่ะครับ"
พี่เค้าก็ไม่ตอบ สุดท้าย ผมต้องเดินปลั๊กสามตาเอง ไม่งั้นเปิดโคมไฟไม่ได้
อยู่มาได้ 2 เดือนครับ ห้องมีปัญหาหลายอย่าง ราวแขวนผ้าไม่มี(มีรูน็อต แต่ราวไม่ได้ติดให้ -*-) กลอนประตูห้องน้ำไม่มี(ล็อกห้องน้ำไม่ได้ ปิดประตูให้สนิทไม่ได้เลย) หลอดไฟขาด เน็ตช้าจนต้องติดใหม่เอง แอร์มีน้ำหยด
ระหว่างระยะเวลานั้น ผมได้ใช้ความอดทนอย่างมาก ในการไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งรับเรื่องไว้ แล้วไม่เคยติดตามเลย ไม่มาซ่อมตามเวลาที่นัดหมาย ไม่ยอมซ่อมของให้ เพราะอ้างไม่มีอะไหล่ ให้รอไปเรื่อยๆ ผมก็บอกเหมือนเดิมว่า "ไม่เป็นไรพี่
ช่วยๆกันเนาะ" ทุกครั้งไป
ครั้งหนึ่ง ผมต้องการทำบัตรคีย์การ์ดอีกใบ เพื่อซ่อนเอาไว้นอกตึก เผื่อเวลาลืมไว้ในห้อง จะได้มีอีกอัน จะได้เข้าห้องได้
ผมก็ลงไปซื้อที่สำนักงานเค้า ซึ่งตามหลักแล้ว พนักงานของตึก ก็มีหน้าที่ต้องขายเพิ่มให้ผม แต่ก็ทำให้เสียเวลามาก ซึ่งผมก็กำลังรีบไปประชุมด้วย
"แต่ถ้าซื้อไปแล้ว เราไม่รับซื้อคืนนะคะ"
"ครับ" ผมตอบ "เข้าใจแล้ว"
"น้องจะเอาไปทำไมอีกคะ"
"ผมจะเอาไว้สำรองครับ" (ในใจคือคิดว่า "ทำไมต้องมายุ่งด้วยล่ะ ผมจะเอาไปทำไมเรื่องของผม ผมไม่ได้มีหน้าที่ต้องอธิบายให้ใครฟังนะ เสียเวลาผมมั้ยเนี่ย")
"แต่วันนั้นคุณแม่น้องก็ซื้อไปแล้วนะคะ"
"ครับ แต่ผมจะอยากได้ไว้อีกอัน"
"ทำไมคะ"
.... คือพูดง่ายๆ กว่าผมจะได้ซื้อของที่ผมต้องซื้อได้เนี่ย ผมต้องอธิบายเหตุผล ด้วยความอดทนอดกลั้น ให้กับลูกจ้างของตึก ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องอดทนไปทำไม วันนั้นผมไปประชุมสาย หลังจากวันนั้น ผมก็รู้สึกแย่กับวิธีการทำงานของคนที่นี่มากขึ้นๆ
เวลาผ่านไป ห้องที่มีความบกพร่อง ก็ไม่ได้รับการแก้ไข สัญญา 6 เดือน ผมอยู่มาจนขึ้นเดือนที่ 3 แล้ว ครึ่งนึงแล้ว ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ผมทวงแล้ว ทวงอีก นัดแล้ว นัดอีก ยิ่งกว่าช่องเจ็ด HD ซะอีก ก็ยังไม่ยอมจัดการให้ผม ผมต้องขอยืนยันด้วยครับ ว่าผมสามารถสุภาพได้มาก ทั้งแบบจริงใจ และแบบเสแสร้ง ไม่อย่างนั้น ทำธุรกิจร้านอาหารไม่ได้หรอกครับ แต่ผมก็รู้ตัวแหละครับ ว่าความอดทน ในการยอมถูกละเมิด มันใกล้สิ้นสุดแล้ว
การอภัยให้ผู้อื่น เมื่อผู้อื่นมาละเมิดเรา มันเป็นน้ำใจที่พึงมีครับ แต่นานเข้าๆ เราก็ไม่อาจยอมถูกเอาเปรียบได้ ไม่อย่างนั่น ถ้ายอมทุกครั้ง ต่อไปทั้งชีวิต ก็ต้องถูกเขาเอาเปรียบอยู่ร่ำไป มันผ่านพ้นช่วงที่เราจะรอมชอมมาแล้ว
แล้ว
วันที่เรื่องร้ายเกิดก็มาถึงครับ ผมนัดช่างเอาไว้(อีกครั้ง) ว่าจะให้มาทำห้องตอน 11 โมง
เพิ่งนึกได้ว่า พรุ่งนี้เช้า มีประชุมผู้ถือหุ้น Major (ฝั่งตรงข้ามที่พักนี่แหละ) ตอน 10 โมง คงกลับมาไม่ทัน เลยเลื่อนนัดไป เป็นบ่ายสอง
ปรากฏว่า ผมไปประชุมแล้ว บ่าย 1 เข้าแล้ว ผมยังอยากอยู่ที่งานต่อเพื่อหาคอนเน็คชั่น แต่ก็จำได้ว่านัดช่างเอาไว้ให้มาซ่อมห้อง ก็เลยกลับมารอที่ห้องตั้งแต่ 13.45 ครับ ปรากฏว่า
ผมต้องรออีกสี่สิบนาที ช่างถึงจะมา ทั้งๆที่ก็นัดหมายเอาไว้แล้ว ผมรู้สึกแย่ เพราะแทนที่ผมจะได้งาน ผมอุส่ารีบกลับมาหา "ช่าง" เพราะเกรงใจเวลาเขา แต่เขาไม่เกรงใจผมเลย หรือว่าเห็นผมเป็นเด็กก็ไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่างมาถึง ช่างก็จัดการซ่อมทุกอย่างให้
ช่างคนหนึ่ง เข้ามาหยิบจับของในอ่างล้างจานผม โดยไม่ขอเลย ผมก็ถามว่า "พี่ทำอะไรครับ" ไม่ตอบ "พี่ทำอะไรครับ" ไม่ตอบอีก "พี่ ...ทำอะไรครับ" ไม่ตอบอีก จนผมต้องเดินไปดู (ก็ไม่รู้อยู่ดีว่า อยู่ๆมาหยิบทำไม จนตอนนี้ ยังไม่เข้าใจ) เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมโมโหในวันนั้นเลยครับ
หลังจากนั้น ช่างก็ซ่อมสวิชไฟ แต่ปรากฏว่า
สวิชไฟ ไม่ได้เป็นแบบที่ปรับหรี่ได้ดังเดิม พอผมถามว่าทำไมไม่เหมือนเดิมล่ะ ช่างบอกว่า "มันไม่มีแล้ว ถ้ามี ต้องสั่งมาจากจีนนะ" ผมก็ตอบว่า "ครับ" เพราะผมจะเอาแบบที่ปรับหรี่ได้ ผมชอบนอนอ่านหนังสือ แล้วพอจะนอน ก็หรี่ไฟลงให้สลัว แต่ช่างบอกว่า "แต่มันเสียค่าไฟเท่ากันนะ"
ผมต้องใช้เวลาอธิบายกับช่างอีก ว่า ผมไม่ได้สนใจค่าไฟ ผมอยากให้มันปรับได้เหมือนเดิม ช่างก็บอกอีกว่า "มันต้องสั่งอะไหล่มาจากจีนนะ"
ผมก็ต้องบอกอีกรอบ ความประมาณว่า ก็เอาซี่ จะทำอะไรอะ ก็ทำเลย ผมไม่ได้อยากรับรู้ แต่ผมเนี่ย เซ็นสัญญารับห้องเช่านี้มา ในสภาพอย่างไร ก็อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่คิดจะเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน หรือคิดจะมีอะไรขาดหายไป ก็ไม่ต้องซ่อมก็ได้งั้นหรือ?? แบบนี้ไม่โอเคเลย ในสัญญาบอกว่า 3 เดือนแรกซ่อมฟรีไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงต้องมีปัญหา
ช่างบอกผมว่า "ไม่รู้ครับ ต้องไปคุยกับข้างล่างเอง"
ผมลงไปเลยครับ คุยเลย
เป็นพี่ผู้หญิงคนที่ปล่อยห้องที่ผมจองไว้นั่นแหละ มาคุย ผมถามว่า
พี่ครับ ราวแขวนผ้าขนหนู เมื่อไหร่จะได้"
พี่เค้าตอบคำเดิมทุกประการณ์เหมือนเดือนที่แล้วว่า "ไม่รู้ ตอนนี้อะมันยังไม่ได้"
"แล้วเมื่อไหร่จะได้ครับพี่"
"ก็ไม่รู้อะค่ะ เพราะตอนนี้มันยังไม่มี"
ผมนิ่งไปซักพักแล้วถามว่า
"แต่ความจริง มันควรจะมีรึเปล่าครับ"
"แต่ตอนนี้มันไม่มีไง"
"แต่ความจริงมันควรจะมีรึเปล่าครับ" ผมถามซ้ำ
"ก็ตอนนี้อะ มันยังไม่มี"
"ผมไม่ได้ถามเลยว่าตอนนี้มันมีรึเปล่า ผมรู้อยู่แล้ว ผมถามว่า จริงๆมันควรจะมีรึเปล่าครับพี่"
"ก็ตอนนี้มันยังไม่มี เทอจะมาเอาคำตอบอะไรจากพี่" ตอนนี้เค้าตะคอกผมเลยครับ จากนั้นก็ไม่ฟังอะไรอีกเลย พูดใส่อารมณ์ใส่ผม "เนี่ยก็มันไม่มี ถ้ามีพี่ก็ติดให้ไปแล้ว จะมาเอาคำตอบอะไร พี่ให้ไม่ได้หรอก มันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่ ....."
ชาวพันทิปครับ ผมก็ไม่ไหวหรอกครับ โกรธแล้วครับ
"พี่ครับ มันแปลว่าอะไรอะครับ" ผมถาม "แบบนี้ ถ้าเกิดพี่หาไม่ได้จนหมดสัญญา เท่ากับว่า ผมจะไม่ได้ใช้ราวแขวนผ้าใช่มั้ยครับ"
"ก็ใช่สิ"
ผมนี่อึ้งเลยครับ ไม่รู้จะเถียงต่อยังไง มันเลวร้ายมาก คืออะไรเนี่ย ตรรกะไหน
"พี่คิดแบบนั้นจริงๆหรอคับ" ผมถาม "ผมว่ามันไม่ใช่นะ"
"น้องอะ อย่ามาด่าพี่แบบนี้ พี่ไม่ชอบ" พี่เค้าบอก ผมก็คิดในใจว่า กุยังไม่ได้ด่าใครเลยนะ กุมาทวงสิทธิ์ที่ควรจะได้ ซึ่งเคยยอมมาหลายรอบแล้วด้วยซ้ำ
จากนั้น พี่ช่าง เขาก็เดินเข้ามาสมทบ เขาคิดว่าเถียงกันเรื่องสวิชไฟแบบหรี่ได้ไม่ได้อยู่ ก็เลยพูดว่า
"ไอ้สวิชแบบนี้ เขาจะเปลี่ยนกันทั้งตึกแล้ว น้องจะมาเอาอะไร"
ผมตอบว่า "ก็จะเอาเหมือนเดิม อย่างที่เซ็นรับห้องมานั่นแหละครับ"
"แต่เขาจะเปลี่ยนกันหมดแล้วนะ" พี่เขาพูดเสียงแข็ง
"อ้าวพี่" ผมท้วง "แล้วแบบนี้ ถ้าวันไหนพี่เกิดอยากจะมาเปลี่ยนตู้ออก เปลี่ยนผนังใหม่ เป็นแบบที่ผมไม่ชอบ ไม่ได้เช่ามาแต่แรก ก็ทำได้หรอครับ"
"จริงๆมันก็ไม่ใช่หรอก พี่หามาเปลี่ยนให้ก็ได้" พี่เขาตอบ "แต่เอาตรงๆนะ ยังไม่เคยพบผู้เช่าแบบนี้" จากนั้นก็มองผมด้วยสายตาดูถูก
"ใช่ พี่ก็ไม่เคยเจอเรื่องมากแบบนี้" พี่ผู้หญิงสมทบ
"น้องบอกจะอ่านหนังสือ พี่ถามคำนึงเถอะ" พี่ผู้ชายถาม "ไปอ่านตรงจุดที่ไฟมันดีไม่ได้หรอ ทำไมต้องมาอ่านตรงที่ไฟมันเสียด้วย จะทำให้เรื่องมากทำไม"
จากนั้นพี่ผู้หญิงก็ชี้หน้าผม แล้วพูดว่า
"อ๋อ นี่คงจะมีปัญหามาจากที่ห้องแล้วสิ ก็เลยมาใส่กับพี่"
"ผมไม่ได้คิดจะมีปัญหาเลยครับ" ผมตอบ "แต่มันหน้าที่พี่รึเปล่า ไอ้เรื่องการซ่อมแซม หรือติดอุปกรณ์ให้ครบเนี่ย แล้วผมก้ยังไม่ได้ด่าใครเลย"
พี่คนนั้นยังชี้หน้าผมอยู่ พูดว่า "น้องด่าไปแล้วไง"
ผมไม่ยอมหรอกครับ ถูกละเมิดขนาดนี้ ผมโกรธเป็นไฟ
"เอาเป็นว่า ถ้าเกิดว่าผมไม่ได้ตามที่แจ้งไปตามระเบียบ ก็เอาสัญญามาดูกัน แล้วขอเบอร์เจ้านายคุณมาด้วย ผมจะได้คุยกับเค้าโดยตรง"
พี่เค้าก็หน้าเสียไปนิดนึง แล้วพี่ผู้ชายพูดว่า
"ขอร้องอย่าลามปามเจ้านายผม"
"ผมไ่ม่ได้ลามปามครับ ผมเองก็เป็นคนทำธุรกิจ เมื่อถูกโกง ก็อยากจะคุยกันให้รู้เรื่อง ในเมื่อพวกคุณให้คำตอบไม่ได้ แถมยังปฎิบัติกับผมแบบนี้ ผมคงทนไม่ได้อีกต่อไป"
"น้องไม่ต้องมาขอเบอร์นายพี่ พี่ไม่ให้หรอก" พี่ผู้หญิงพูด "เอาเป็นว่า เดี๋ยวพี่จะไปหาเก่าๆมาติดให้ก็แล้วกัน แต่ก็บอกลเลยนะว่าไม่เคยเจอแบบนี้ ต้ังแต่อยู่มา จบมั้ยล่ะ น้องจบมั้ย ...จบมั้ย"
ผมนิ่งเงียบอยู่พักนึง ผมต้องไว้เชิงซักหน่อย จะได้ไม่ดูเหวอเกินไป แล้วจึงพูดว่า
"ถ้าอย่างนั้น ผมพูดจาอะไรที่ถือว่าล่วงเกิน ก็ต้องขอโทษพี่ด้วยแล้วกัน ในฐานะที่ผมเด็กกว่า" แล้วก็ยกมือไหว้ไปคนละที (สารภาพว่า เป็นการกระทำที่ ต ร อ แ ห ล ที่สุดเท่าที่เคยฝืนทำมาในชีวิตเลย)
"อะไม่เป็นไร" พี่ผู้ชายพูด "น้องน่ะสบายแล้ว แต่พี่ ยังต้องทำงานทั้งวันทุกวัน น่าจะเห็นใจกันบ้าง"
"พอเถอะ..." พี่ผู้หญิงพูด "น้องนี่เขาไม่ได้มารับรู้กับเราหรอก เอาเป็นว่าจบแล้วกัน"
ผมจะบอกให้นะครับ ผมเดินออกมาจากสำนักงาน ขึ้นมาชั้นสอง ในใจรู้สึกแค้นเคือง เดือดดาล ผมถูกละเมิดสิทธิ์อย่างรุนแรง โดนดูถูก เหยียดหยาม กระทำการโดยไม่ให้เกียรติ และเสียเวลาที่มีค่ามากไป ผมเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และแสดงน้ำใจแล้ว แต่กลับโดนทั้งละเมิดสิทธิ์ และถูกกระทำโดยไร้มารยาท
แม้แต่เอาเรื่องใหญ่เท่าฟ้ามาละเมิดผม หากผมเลือกจะให้อภัย นั่นก็คือน้ำใจที่ผมอยากจะให้ได้
แต่หากมีเรื่องเล็กเท่ารูหนู แต่ละเมิดผมจนผมทักท้วงสิทธิ์ คุณก็ต้องรีบแก้ไขให้ ไม่ใช่มาบอกว่า เรื่องเล็กๆ ทำไมเรื่องมาก
อีกประการณ์ ผมโกรธเพราะ ผมเองได้มอบน้ำใจ ในการอภัยไปก็มากแล้ว จึงไม่คิดว่าสมควรได้รับคำสบประมาทเช่นนี้อีก
ผมไม่รู้จะเอาไปฟ้องใคร และไม่รู้ว่าใครจะช่วยได้ ในเมื่อคนที่มีหน้าที่ดูแล ทำแบบนี้ซะเอง สัญญาก็ยังติดอยู่อีกสามเดือน ประกอบกับไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องเป็นคนที่หนีไปไหนด้วย ผมพยายามติดต่อหาเจ้าของ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้น ผมต้องการคำขอโทษ และการแก้ไขอย่างถูกต้อง
ผมจึงเขียนโพสนี้ขึ้นมา ขอประนามการกระทำของเจ้าหน้าที่ Green House Mansion พหลโยธิน 30 ซึ่งในความเห็นของผม เป็นการกระทำที่เลวทรามอย่างที่สุด
หากผู้ใดรู้จักเจ้าของ หรือมีเบอร์ติดต่อ กรุณาแจ้งให้ผมทราบด้วยเถอะครับ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ถูกเอาเปรียบโดยคนพวกนี้ ถ้าเจ้าของเค้าได้มารู้ว่าลูกน้องตัวเองปฎิบัติกับลูกค้าผู้เช่ายังไง ผมเชื่อเหลือเกินว่าเค้าจะไม่ปล่อยให้มันผ่านไป ผมหวังว่าผมจะไม่ได้โลกสวยจนเกินไป
หากท่านเป็นเจ้าของ Green House Mansion พหลโยธิน 30 และได้อ่านกระทู้นี้ ขอความกรุณาเถอะครับ ช่วยดำเนินการให้ถูกต้องที เพื่อจะได้เป็นลูกค้ากันต่อไปนานๆนะครับ
หากยังมีกระทู้นี้ ก็เท่ากับว่า ผมยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และอย่ามาอยู่ที่นี่เลยครับ เจ้าหน้าที่ เขาไม่ต้อนรับคุณ
เราโดนพนักงานที่พักแห่งหนึ่ง ชี้หน้าด่า ดูถูก และเอาเปรียบ เตือนเพื่อนๆ อย่าไปอยู่ครับ
ชอบใส่เสื้อยืดแขนยาว กางเกงนอน สภาพก็ดูเหมือนเด็กกะโหลกกะลาทั่วไป
ผมนั้นมีหลักการอยู่ข้อหนึ่งคือ "ห้ามไปละเมิดใครเด็ดขาด นั่นคือหน้าที่ แต่การอภัยหรือมีน้ำใจนั้น เป็นสิทธิ์ที่พึงเลือกว่าจะให้หรือไม่ให้ก็ได้"
เช่น "นั่งอยู่บน BTS มีชายหนุ่มกำยำถือของมาเยอะ เราจะลุกให้ก็ได้ เพราะถือเป็นน้ำใจที่เราเลือกจะให้(ผมว่าควรมีบ่อยๆ)" แต่ "ถ้าเรานั่งอยู่ก่อน แล้วมีป้าแก่ๆมา หากเราไม่อยากจะลุกให้ ก็ไม่ได้ผิดเลยที่จะเลือกไม่ลุกให้ สิทธิ์ของเรา ...อย่างไรก็ตาม ก็ ห้าม ไปดึงใครให้ลุกให้เรานั่งก็แล้วกัน เพราะมันผิด มันละเมิดผู้อื่น"
เรื่องก็เริ่มขึ้นตรงนี้ครับ ผมหาที่พักใกล้กับ Major รัชโยธิน เพื่อที่จะได้ทำงานสะดวกๆ เลยเลือกพักที่ Green House Mansion ซอย 30
ห้องเช่า 6 เดือน เดือนละหมื่น ห้องสภาพพอใช้ เก็บของได้
ผมก็ได้วางเงินจองห้องเอาไว้ครับ ห้องอยู่ชั้น3 แต่ปรากฏว่า พอมาอีกที เค้าบอกว่า "น้อง พี่ปล่อยห้องน้องไปแล้ว มีแต่ชั้นสองจะยังเอาอยู่มั้ย ถ้าไม่เอาก็ให้เอาเงินประกันคืนไป"
ผมรู้สึกแย่มาก เพราะดูห้องไว้แล้ว วางแผนเวลาไว้แล้ว ทำไมมาพูดง่ายๆแบบนี้ ถ้าเกิดว่าจองแล้วมันยกเลิกได้ เค้าจะยอมเสียเงินจองกันทำไม อยู่ดีๆเอาเงินเราไปวางในมือคนอื่นเพื่อ? เสียแผนหมด แต่ตอนนั้นก็พูดไปว่า "ได้พี่ ไม่เป็นไร ชั้นสองก็ได้ ผมถือว่าช่วยๆกัน"
วันแรกที่เข้ามา ผมถามพี่ผู้หญิงว่า "พี่ครับ วันนั้นผมย้ำสามรอบ ว่าวันเข้าห้อง ตรงนี้จะมีปลั๊กให้โคมไฟใช่มั้ย พี่ตอบว่าใช่ค่ะ แล้วทำไมไม่มีล่ะครับ"
พี่เค้าก็ไม่ตอบ สุดท้าย ผมต้องเดินปลั๊กสามตาเอง ไม่งั้นเปิดโคมไฟไม่ได้
อยู่มาได้ 2 เดือนครับ ห้องมีปัญหาหลายอย่าง ราวแขวนผ้าไม่มี(มีรูน็อต แต่ราวไม่ได้ติดให้ -*-) กลอนประตูห้องน้ำไม่มี(ล็อกห้องน้ำไม่ได้ ปิดประตูให้สนิทไม่ได้เลย) หลอดไฟขาด เน็ตช้าจนต้องติดใหม่เอง แอร์มีน้ำหยด
ระหว่างระยะเวลานั้น ผมได้ใช้ความอดทนอย่างมาก ในการไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งรับเรื่องไว้ แล้วไม่เคยติดตามเลย ไม่มาซ่อมตามเวลาที่นัดหมาย ไม่ยอมซ่อมของให้ เพราะอ้างไม่มีอะไหล่ ให้รอไปเรื่อยๆ ผมก็บอกเหมือนเดิมว่า "ไม่เป็นไรพี่ ช่วยๆกันเนาะ" ทุกครั้งไป
ครั้งหนึ่ง ผมต้องการทำบัตรคีย์การ์ดอีกใบ เพื่อซ่อนเอาไว้นอกตึก เผื่อเวลาลืมไว้ในห้อง จะได้มีอีกอัน จะได้เข้าห้องได้
ผมก็ลงไปซื้อที่สำนักงานเค้า ซึ่งตามหลักแล้ว พนักงานของตึก ก็มีหน้าที่ต้องขายเพิ่มให้ผม แต่ก็ทำให้เสียเวลามาก ซึ่งผมก็กำลังรีบไปประชุมด้วย
"แต่ถ้าซื้อไปแล้ว เราไม่รับซื้อคืนนะคะ"
"ครับ" ผมตอบ "เข้าใจแล้ว"
"น้องจะเอาไปทำไมอีกคะ"
"ผมจะเอาไว้สำรองครับ" (ในใจคือคิดว่า "ทำไมต้องมายุ่งด้วยล่ะ ผมจะเอาไปทำไมเรื่องของผม ผมไม่ได้มีหน้าที่ต้องอธิบายให้ใครฟังนะ เสียเวลาผมมั้ยเนี่ย")
"แต่วันนั้นคุณแม่น้องก็ซื้อไปแล้วนะคะ"
"ครับ แต่ผมจะอยากได้ไว้อีกอัน"
"ทำไมคะ"
.... คือพูดง่ายๆ กว่าผมจะได้ซื้อของที่ผมต้องซื้อได้เนี่ย ผมต้องอธิบายเหตุผล ด้วยความอดทนอดกลั้น ให้กับลูกจ้างของตึก ผมไม่รู้ว่าผมจะต้องอดทนไปทำไม วันนั้นผมไปประชุมสาย หลังจากวันนั้น ผมก็รู้สึกแย่กับวิธีการทำงานของคนที่นี่มากขึ้นๆ
เวลาผ่านไป ห้องที่มีความบกพร่อง ก็ไม่ได้รับการแก้ไข สัญญา 6 เดือน ผมอยู่มาจนขึ้นเดือนที่ 3 แล้ว ครึ่งนึงแล้ว ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ผมทวงแล้ว ทวงอีก นัดแล้ว นัดอีก ยิ่งกว่าช่องเจ็ด HD ซะอีก ก็ยังไม่ยอมจัดการให้ผม ผมต้องขอยืนยันด้วยครับ ว่าผมสามารถสุภาพได้มาก ทั้งแบบจริงใจ และแบบเสแสร้ง ไม่อย่างนั้น ทำธุรกิจร้านอาหารไม่ได้หรอกครับ แต่ผมก็รู้ตัวแหละครับ ว่าความอดทน ในการยอมถูกละเมิด มันใกล้สิ้นสุดแล้ว
การอภัยให้ผู้อื่น เมื่อผู้อื่นมาละเมิดเรา มันเป็นน้ำใจที่พึงมีครับ แต่นานเข้าๆ เราก็ไม่อาจยอมถูกเอาเปรียบได้ ไม่อย่างนั่น ถ้ายอมทุกครั้ง ต่อไปทั้งชีวิต ก็ต้องถูกเขาเอาเปรียบอยู่ร่ำไป มันผ่านพ้นช่วงที่เราจะรอมชอมมาแล้ว
แล้ววันที่เรื่องร้ายเกิดก็มาถึงครับ ผมนัดช่างเอาไว้(อีกครั้ง) ว่าจะให้มาทำห้องตอน 11 โมง
เพิ่งนึกได้ว่า พรุ่งนี้เช้า มีประชุมผู้ถือหุ้น Major (ฝั่งตรงข้ามที่พักนี่แหละ) ตอน 10 โมง คงกลับมาไม่ทัน เลยเลื่อนนัดไป เป็นบ่ายสอง
ปรากฏว่า ผมไปประชุมแล้ว บ่าย 1 เข้าแล้ว ผมยังอยากอยู่ที่งานต่อเพื่อหาคอนเน็คชั่น แต่ก็จำได้ว่านัดช่างเอาไว้ให้มาซ่อมห้อง ก็เลยกลับมารอที่ห้องตั้งแต่ 13.45 ครับ ปรากฏว่า ผมต้องรออีกสี่สิบนาที ช่างถึงจะมา ทั้งๆที่ก็นัดหมายเอาไว้แล้ว ผมรู้สึกแย่ เพราะแทนที่ผมจะได้งาน ผมอุส่ารีบกลับมาหา "ช่าง" เพราะเกรงใจเวลาเขา แต่เขาไม่เกรงใจผมเลย หรือว่าเห็นผมเป็นเด็กก็ไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่างมาถึง ช่างก็จัดการซ่อมทุกอย่างให้ ช่างคนหนึ่ง เข้ามาหยิบจับของในอ่างล้างจานผม โดยไม่ขอเลย ผมก็ถามว่า "พี่ทำอะไรครับ" ไม่ตอบ "พี่ทำอะไรครับ" ไม่ตอบอีก "พี่ ...ทำอะไรครับ" ไม่ตอบอีก จนผมต้องเดินไปดู (ก็ไม่รู้อยู่ดีว่า อยู่ๆมาหยิบทำไม จนตอนนี้ ยังไม่เข้าใจ) เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมโมโหในวันนั้นเลยครับ
หลังจากนั้น ช่างก็ซ่อมสวิชไฟ แต่ปรากฏว่า สวิชไฟ ไม่ได้เป็นแบบที่ปรับหรี่ได้ดังเดิม พอผมถามว่าทำไมไม่เหมือนเดิมล่ะ ช่างบอกว่า "มันไม่มีแล้ว ถ้ามี ต้องสั่งมาจากจีนนะ" ผมก็ตอบว่า "ครับ" เพราะผมจะเอาแบบที่ปรับหรี่ได้ ผมชอบนอนอ่านหนังสือ แล้วพอจะนอน ก็หรี่ไฟลงให้สลัว แต่ช่างบอกว่า "แต่มันเสียค่าไฟเท่ากันนะ"
ผมต้องใช้เวลาอธิบายกับช่างอีก ว่า ผมไม่ได้สนใจค่าไฟ ผมอยากให้มันปรับได้เหมือนเดิม ช่างก็บอกอีกว่า "มันต้องสั่งอะไหล่มาจากจีนนะ"
ผมก็ต้องบอกอีกรอบ ความประมาณว่า ก็เอาซี่ จะทำอะไรอะ ก็ทำเลย ผมไม่ได้อยากรับรู้ แต่ผมเนี่ย เซ็นสัญญารับห้องเช่านี้มา ในสภาพอย่างไร ก็อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่คิดจะเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน หรือคิดจะมีอะไรขาดหายไป ก็ไม่ต้องซ่อมก็ได้งั้นหรือ?? แบบนี้ไม่โอเคเลย ในสัญญาบอกว่า 3 เดือนแรกซ่อมฟรีไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงต้องมีปัญหา
ช่างบอกผมว่า "ไม่รู้ครับ ต้องไปคุยกับข้างล่างเอง"
ผมลงไปเลยครับ คุยเลย
เป็นพี่ผู้หญิงคนที่ปล่อยห้องที่ผมจองไว้นั่นแหละ มาคุย ผมถามว่า
พี่ครับ ราวแขวนผ้าขนหนู เมื่อไหร่จะได้"
พี่เค้าตอบคำเดิมทุกประการณ์เหมือนเดือนที่แล้วว่า "ไม่รู้ ตอนนี้อะมันยังไม่ได้"
"แล้วเมื่อไหร่จะได้ครับพี่"
"ก็ไม่รู้อะค่ะ เพราะตอนนี้มันยังไม่มี"
ผมนิ่งไปซักพักแล้วถามว่า
"แต่ความจริง มันควรจะมีรึเปล่าครับ"
"แต่ตอนนี้มันไม่มีไง"
"แต่ความจริงมันควรจะมีรึเปล่าครับ" ผมถามซ้ำ
"ก็ตอนนี้อะ มันยังไม่มี"
"ผมไม่ได้ถามเลยว่าตอนนี้มันมีรึเปล่า ผมรู้อยู่แล้ว ผมถามว่า จริงๆมันควรจะมีรึเปล่าครับพี่"
"ก็ตอนนี้มันยังไม่มี เทอจะมาเอาคำตอบอะไรจากพี่" ตอนนี้เค้าตะคอกผมเลยครับ จากนั้นก็ไม่ฟังอะไรอีกเลย พูดใส่อารมณ์ใส่ผม "เนี่ยก็มันไม่มี ถ้ามีพี่ก็ติดให้ไปแล้ว จะมาเอาคำตอบอะไร พี่ให้ไม่ได้หรอก มันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่ ....."
ชาวพันทิปครับ ผมก็ไม่ไหวหรอกครับ โกรธแล้วครับ
"พี่ครับ มันแปลว่าอะไรอะครับ" ผมถาม "แบบนี้ ถ้าเกิดพี่หาไม่ได้จนหมดสัญญา เท่ากับว่า ผมจะไม่ได้ใช้ราวแขวนผ้าใช่มั้ยครับ"
"ก็ใช่สิ"
ผมนี่อึ้งเลยครับ ไม่รู้จะเถียงต่อยังไง มันเลวร้ายมาก คืออะไรเนี่ย ตรรกะไหน
"พี่คิดแบบนั้นจริงๆหรอคับ" ผมถาม "ผมว่ามันไม่ใช่นะ"
"น้องอะ อย่ามาด่าพี่แบบนี้ พี่ไม่ชอบ" พี่เค้าบอก ผมก็คิดในใจว่า กุยังไม่ได้ด่าใครเลยนะ กุมาทวงสิทธิ์ที่ควรจะได้ ซึ่งเคยยอมมาหลายรอบแล้วด้วยซ้ำ
จากนั้น พี่ช่าง เขาก็เดินเข้ามาสมทบ เขาคิดว่าเถียงกันเรื่องสวิชไฟแบบหรี่ได้ไม่ได้อยู่ ก็เลยพูดว่า
"ไอ้สวิชแบบนี้ เขาจะเปลี่ยนกันทั้งตึกแล้ว น้องจะมาเอาอะไร"
ผมตอบว่า "ก็จะเอาเหมือนเดิม อย่างที่เซ็นรับห้องมานั่นแหละครับ"
"แต่เขาจะเปลี่ยนกันหมดแล้วนะ" พี่เขาพูดเสียงแข็ง
"อ้าวพี่" ผมท้วง "แล้วแบบนี้ ถ้าวันไหนพี่เกิดอยากจะมาเปลี่ยนตู้ออก เปลี่ยนผนังใหม่ เป็นแบบที่ผมไม่ชอบ ไม่ได้เช่ามาแต่แรก ก็ทำได้หรอครับ"
"จริงๆมันก็ไม่ใช่หรอก พี่หามาเปลี่ยนให้ก็ได้" พี่เขาตอบ "แต่เอาตรงๆนะ ยังไม่เคยพบผู้เช่าแบบนี้" จากนั้นก็มองผมด้วยสายตาดูถูก
"ใช่ พี่ก็ไม่เคยเจอเรื่องมากแบบนี้" พี่ผู้หญิงสมทบ
"น้องบอกจะอ่านหนังสือ พี่ถามคำนึงเถอะ" พี่ผู้ชายถาม "ไปอ่านตรงจุดที่ไฟมันดีไม่ได้หรอ ทำไมต้องมาอ่านตรงที่ไฟมันเสียด้วย จะทำให้เรื่องมากทำไม"
จากนั้นพี่ผู้หญิงก็ชี้หน้าผม แล้วพูดว่า
"อ๋อ นี่คงจะมีปัญหามาจากที่ห้องแล้วสิ ก็เลยมาใส่กับพี่"
"ผมไม่ได้คิดจะมีปัญหาเลยครับ" ผมตอบ "แต่มันหน้าที่พี่รึเปล่า ไอ้เรื่องการซ่อมแซม หรือติดอุปกรณ์ให้ครบเนี่ย แล้วผมก้ยังไม่ได้ด่าใครเลย"
พี่คนนั้นยังชี้หน้าผมอยู่ พูดว่า "น้องด่าไปแล้วไง"
ผมไม่ยอมหรอกครับ ถูกละเมิดขนาดนี้ ผมโกรธเป็นไฟ
"เอาเป็นว่า ถ้าเกิดว่าผมไม่ได้ตามที่แจ้งไปตามระเบียบ ก็เอาสัญญามาดูกัน แล้วขอเบอร์เจ้านายคุณมาด้วย ผมจะได้คุยกับเค้าโดยตรง"
พี่เค้าก็หน้าเสียไปนิดนึง แล้วพี่ผู้ชายพูดว่า
"ขอร้องอย่าลามปามเจ้านายผม"
"ผมไ่ม่ได้ลามปามครับ ผมเองก็เป็นคนทำธุรกิจ เมื่อถูกโกง ก็อยากจะคุยกันให้รู้เรื่อง ในเมื่อพวกคุณให้คำตอบไม่ได้ แถมยังปฎิบัติกับผมแบบนี้ ผมคงทนไม่ได้อีกต่อไป"
"น้องไม่ต้องมาขอเบอร์นายพี่ พี่ไม่ให้หรอก" พี่ผู้หญิงพูด "เอาเป็นว่า เดี๋ยวพี่จะไปหาเก่าๆมาติดให้ก็แล้วกัน แต่ก็บอกลเลยนะว่าไม่เคยเจอแบบนี้ ต้ังแต่อยู่มา จบมั้ยล่ะ น้องจบมั้ย ...จบมั้ย"
ผมนิ่งเงียบอยู่พักนึง ผมต้องไว้เชิงซักหน่อย จะได้ไม่ดูเหวอเกินไป แล้วจึงพูดว่า
"ถ้าอย่างนั้น ผมพูดจาอะไรที่ถือว่าล่วงเกิน ก็ต้องขอโทษพี่ด้วยแล้วกัน ในฐานะที่ผมเด็กกว่า" แล้วก็ยกมือไหว้ไปคนละที (สารภาพว่า เป็นการกระทำที่ ต ร อ แ ห ล ที่สุดเท่าที่เคยฝืนทำมาในชีวิตเลย)
"อะไม่เป็นไร" พี่ผู้ชายพูด "น้องน่ะสบายแล้ว แต่พี่ ยังต้องทำงานทั้งวันทุกวัน น่าจะเห็นใจกันบ้าง"
"พอเถอะ..." พี่ผู้หญิงพูด "น้องนี่เขาไม่ได้มารับรู้กับเราหรอก เอาเป็นว่าจบแล้วกัน"
ผมจะบอกให้นะครับ ผมเดินออกมาจากสำนักงาน ขึ้นมาชั้นสอง ในใจรู้สึกแค้นเคือง เดือดดาล ผมถูกละเมิดสิทธิ์อย่างรุนแรง โดนดูถูก เหยียดหยาม กระทำการโดยไม่ให้เกียรติ และเสียเวลาที่มีค่ามากไป ผมเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และแสดงน้ำใจแล้ว แต่กลับโดนทั้งละเมิดสิทธิ์ และถูกกระทำโดยไร้มารยาท
แม้แต่เอาเรื่องใหญ่เท่าฟ้ามาละเมิดผม หากผมเลือกจะให้อภัย นั่นก็คือน้ำใจที่ผมอยากจะให้ได้
แต่หากมีเรื่องเล็กเท่ารูหนู แต่ละเมิดผมจนผมทักท้วงสิทธิ์ คุณก็ต้องรีบแก้ไขให้ ไม่ใช่มาบอกว่า เรื่องเล็กๆ ทำไมเรื่องมาก
อีกประการณ์ ผมโกรธเพราะ ผมเองได้มอบน้ำใจ ในการอภัยไปก็มากแล้ว จึงไม่คิดว่าสมควรได้รับคำสบประมาทเช่นนี้อีก
ผมไม่รู้จะเอาไปฟ้องใคร และไม่รู้ว่าใครจะช่วยได้ ในเมื่อคนที่มีหน้าที่ดูแล ทำแบบนี้ซะเอง สัญญาก็ยังติดอยู่อีกสามเดือน ประกอบกับไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องเป็นคนที่หนีไปไหนด้วย ผมพยายามติดต่อหาเจ้าของ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้น ผมต้องการคำขอโทษ และการแก้ไขอย่างถูกต้อง
ผมจึงเขียนโพสนี้ขึ้นมา ขอประนามการกระทำของเจ้าหน้าที่ Green House Mansion พหลโยธิน 30 ซึ่งในความเห็นของผม เป็นการกระทำที่เลวทรามอย่างที่สุด
หากผู้ใดรู้จักเจ้าของ หรือมีเบอร์ติดต่อ กรุณาแจ้งให้ผมทราบด้วยเถอะครับ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ถูกเอาเปรียบโดยคนพวกนี้ ถ้าเจ้าของเค้าได้มารู้ว่าลูกน้องตัวเองปฎิบัติกับลูกค้าผู้เช่ายังไง ผมเชื่อเหลือเกินว่าเค้าจะไม่ปล่อยให้มันผ่านไป ผมหวังว่าผมจะไม่ได้โลกสวยจนเกินไป
หากท่านเป็นเจ้าของ Green House Mansion พหลโยธิน 30 และได้อ่านกระทู้นี้ ขอความกรุณาเถอะครับ ช่วยดำเนินการให้ถูกต้องที เพื่อจะได้เป็นลูกค้ากันต่อไปนานๆนะครับ
หากยังมีกระทู้นี้ ก็เท่ากับว่า ผมยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และอย่ามาอยู่ที่นี่เลยครับ เจ้าหน้าที่ เขาไม่ต้อนรับคุณ