ถามจริงๆ เถอะ คุณผู้หญิงอยากผอม ผอมไปเพื่ออะไรกัน?

กระทู้นี้เริ่มมาจากที่เดินเจอแฟนเก่าโดยบังเอิญ
และเวลาเก่าๆ ในอดีต ไหลย้อนกลับมาเข้าสมองอีกครั้ง
จำได้ว่าสมัยตอนคบกันเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนที่จีบเค้าใหม่ๆ
เธอน่ารักดูมีน้ำมีนวล หน้ากลมๆ แก้มยุ้ยๆ
วันนี้เจอนางที่เซเว่นโดยบังเอิญ
สิ่งที่เห็นคือนางผอมมากไม่รู้เอาไส้เอาเครื่องในไปเก็บไว้ที่ไหน
สภาพนางเหมือนโดนสิบล้อเหยียบร่างซักสองรอบ
ผอมจนอยากจะถามว่าเธอกินข้าวใส่จานหรือใส่ถ้วยตะไล
ขณะที่จะจ่ายเงินในเซเว่นมือผมสั่นทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะซื้อขนมกินเอง หรือซื้อข้าวกล่องเซเว่นให้นางกินดี

สิ่งนี้เป็นคำถามที่ค้างคาอยู่ในสมองผมมานานมากแล้วว่า
คุณผู้หญิงที่พร่ำบ่นว่าตัวเองอ้วนๆๆๆ ลดความอ้วนเพื่ออะไรกัน
เพื่อสุขภาพที่ดี?
เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี?
เพื่อให้แฟนรู้สึกดี?
หรือเพื่อประชันระหว่างสปีชี่กันเอง

ขออนุญาตยกตัวอย่างแฟนเก่า
จะอนุญาตหรือไม่ก็ไม่รู้ละ ถือว่าขอไปละ
จำได้ว่าคบกันแรกๆ นางไม่ผอม แต่ก็ไม่อ้วน
ถ้าบอกว่าอวบตอนนั้นอาจโดนตบปากได้
ขอให้ถือว่าเป็นมาตรฐานหญิงไทย หน้าอกนิด เอวหน่อย
เซลลูไลท์มีแทรกบ้างประปราย หน้ากลมๆ แก้มยุ้ยๆ
ความสุขของเราตอนนั้นคือการขับรถไปเที่ยว และหาอะไรอร่อยๆ กิน

หลังๆ นางเริ่มเบื่ออาหารตามร้าน เอ่ยปากมาว่า
"ตัวต่อไปตัวทำอาหารให้เค้ากินนะ เราจะได้เลือกได้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร"
จากเดิม...เป็นแค่ผู้ชายที่ทำอาหารแค่พอทำเป็น
จากคำพูดนี้ เป็นแรงกระตุ้นให้ ค่อยๆ เรียนรู้ และปัจจุบันก็สนุกไปกับการทำอาหาร
เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนทำอาหารหลักของบ้าน และทริปต่างๆ เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ
ตอนช่วงนั้น เรียกว่ามีความสุขกับการทำอาหาร อบขนม ทำเค้ก ทำอาหารให้คนที่เรารักกิน

แต่เวลาผ่านไปซักพัก วันนึงนางเดินหน้าบูดมาหาพร้อมกับพูดว่า
นาง: ตัว... ช่วงนี้เค้าส่องกระจกหน้าเค้ากลมอะ เค้ารู้สึกว่าตัวเค้าอ้วน
ผม: หน้ากลมนี่ตั้งแต่คลอดแล้วเหอะ
ไม่รู้ว่าตอนคลอดหมอทำหล่นแล้วหน้าฟาดพื้นรึเปล่าถึงได้ออกมาแป้นขนาดนี้
ตั้งแต่เรารู้จักกันมาก็หน้ากลมอยู่แล้ว ที่จีบก็เพราะหน้ากลมๆ เนี่ยแหละ
นาง: ไม่ใช่สิ!!! เค้าว่าช่วงนี้เค้าหน้าบานกว่าเดิม ดูดิๆ อ้วนขึ้นแน่ๆ (พร้อมเอามือดึงเหนียงดึงหน้า)
ผม: ไม่มั้ง...อวบๆ งี้ก็น่ารักดี หนัก 50 กิโลเองคิดไรมากมาย ถ้าหนักซัก 60 ค่อยบ่นอ้วน
นาง: เอาดีๆ ดิ เค้าอ้วนขึ้นใช่ไม๊?
ผม: ก็นิดนึง แต่น่ารักดี ถึงจะอวบเค้าก็รักของเค้านะ พร้อมร้องเพลงของ TK อ้วนๆๆๆๆ ใครๆ ก็หาว่าเธอนั้นอ้วน
จากเหตุการณ์นี้ผมแทบอยากจะเอารองเท้าแตะตบปากตัวเอง
คำพูดวันนั้นมันทำให้ชีวิตนางเหมือนมีคนสนับสนุนความคิดว่านางอ้วน
นางเลยบอกว่า "คอยดู งานนี้จะลดความอ้วนแบบจริงจัง"
ผมได้แต่หัวเราะหึๆ นั่งเล่นเกมในมือถือต่อไป

แล้วนางก็เริ่มต้นในการลดน้ำหนักแบบจริงจัง
อดอาหาร ออกกำลัง คุมอาหาร
ผมเตือนก็แล้ว บ่นก็แล้ว ก็ยังไม่เลิก
คิดๆ ตอนนั้นว่าเดี๋ยวก็คงเลิกเห่อลืมๆ ไป
แต่คิดผิดจ้า!!! นางจริงจัง หักโหม
อยากถามว่าจะไปแข่งเพาะกายหญิงเหรอน้อง
หน้าท้องแบนราบซะขนาดนั้น

เคยพูดลอยลมไปว่า
"จะลดไปถึงไหน นมเนิมก็ไม่ได้มีเยอะ
ถ้าแต่งงานกันไป สงสัยลูกคงอดตาย เพราะแม่มันไม่มีนมให้ลูกกิน
ไม่ก็คงต้องให้หันมากินนมพ่อมันแทนละ
ทุกวันนี้จะแยกไม่ออกอยู่แล้วว่ายืนหันหน้าหรือหันหลัง"
พูดจบ...ความรู้สึกหนาวสันหลังแปร๊ป...ก็เกิดขึ้น
พร้อมดราม่าปรุทุขึ้นทันใด รู้สึกขึ้นมาทันทีว่างานงอกแล้วตู

นาง: ทำไม!!! เค้าลดมันไม่ดีตรงไหน...หา ตั้งแต่ลดมา สุขภาพเค้าก็ดี
ผม: เหรอ!!! (คิดในใจ ตั้งแต่แกลดมา ได้ข่าวว่าจะเป็นลมตอนเดินห้างมาสองครั้ง
เมื่อก่อนแกถึกขนาดฟ้าผ่ายังไม่น่าตาย แข่งวิ่งควายได้เป็นวันๆ)

นาง: ตั้งแต่เค้าลดๆ มากางเกงตัวเก่าๆ เค้าก็กลับมาใส่ได้ตั้งสองตัว
ผม: อื้มมมม (คิดในใจ ตั้งสองตัวที่กลับมาใส่ได้ แล้วไอ้เสื้อผ้าตัวที่แกบ่นหลวมๆ ใส่ไม่สวย
แล้วไม่กลับมาใส่อีกนั่นเป็นสิบตัวเลยนะ)

นาง: เวลาไปเดินข้างนอกกะตัว ตัวจะได้ไม่อายคนอื่นเค้าว่ามีแฟนอ้วน
ผม: คิดไปเองมั้ง!!! (คิดในใจ ถ้าจะอายก็อายเพราะมีแฟนสภาพผอมแห้งเป็นกิ้งก่าเนี่ยแหละ)

นาง: ทำไมตอบแบบนี้ ไม่พอใจใช่ไม๊ มีคนใหม่ใช่ไม๊ ใช่สิเค้าเลยทำอะไรไม่ดีไปหมด เลิกเลยไม๊
ผม: เห้ย!!! จะบ้ากันไปใหญ่ละ คิดเองเออเอง เมายาลดความอ้วนหรือเปล่าเนี่ย
แล้วนางก็เวิ่นเว้อ คร่ำครวญ งอนไปอีกพักใหญ่
เลยรู้กันว่าเรื่องนี้จะพูดมากก็ไม่ได้ จะอ้าปากพูดนิดเดียวก็ไม่ได้

แต่...เหมือนจะไม่มีอะไร
พฤติกรรมการลดความอ้วนในแต่ละวัน
มันช่างกระทบต่อคนรอบข้างเสียนี่กระไร

ผม: นี่กินข้าวแกงกระหรี่ร้านนี้กัน
คำตอบนาง "ไม่!!! ตัวเข้าใจเค้าป่ะเนี่ย เค้าลดความอ้วนอยู่
ข้าวแกงกระหรี่นี่อ้วนขนาดไหน คิดได้ไงมาชวนกินแกงกระหรี่ ไปกินโน่นร้านสลัด"
เอิ่มมมมม เมื่อวานก็สลัด วันนี้กินสลัดอีกแล้วเหรอ ก็ได้วะ

ผม: นี่ตัว เย็นนี้ไปดูหนังกัน
คำตอบนาง "เค้าจะไปฟิตเนส ตัวก็รู้ว่าเวลานี้เค้าต้องไปฟิตเนส
แล้วมาชวนไปดูหนังที่เค้าอยากดู คิดบ้างไม๊เนี่ย"
ผม: เออๆ ไปฟิตเนสไปไม่ต้องบ่นมาก เดี๋ยวนั่งรอในรถ
นาง: รีบไล่ จะหนีไปดูหนังคนเดียวใช่ไม๊ หืม?
ผม: ....

นางมาหาที่บ้าน: ตัว ทำไรอยู่หลังบ้านอะ?
ผม: กำลังลองอบ Chocolate Almond Lava สูตรใหม่
คำตอบนาง "เหรอ...ตัวถามจริงๆ เหอะ ตัวจะกวนประสาทเค้าใช่ไม๊
รู้ว่าเค้าชอบกินขนมเค้าลดความอ้วนอยู่ รู้ว่าเค้ามา ก็หาเรื่องอบขนมยั่วเค้าเนี่ยนะ?
ร้อยวันพันปีเห็นทำแต่อาหารคาว อยู่ๆ ก็จะมาอบขนมช่วงนี้ กลิ่นเนยมันยั่วเข้าใจไม๊"
ผม: อ้าวเห้ย ทำขนมก็ผิดเว้ย

ผม: ตัว...เพื่อนเค้าแต่งงานเสาร์นี้ไปด้วยกันนะ
คำตอบนาง "ไม่เอาอะ ตัวไปคนเดียวเลย บอกเพื่อนตัวว่าเค้าไม่สบาย
เค้ายังไม่ผอมเลย เดี๋ยวใส่ชุดเดรสยาวถ่ายรูปไม่สวย พอซื้อมาใส่ไม่สวยก็ใส่ครั้งเดียว เปลืองเงิน"
ผม: ... (เอิ่ม!! ได้ข่าวว่างานแต่งงานทุกครั้งก็ซื้อเดรสใหม่ทุกครั้ง ใส่แค่ครั้งเดียวทุกครั้งด้วย
สงสัยเหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงไปงานแต่งงานต้องซื้อชุดใหม่ จะมีใครจำได้ไม๊ว่า นี่ชุดครั้งก่อน)

นาง: ตัว เค้าพูดจริงๆ นะ จะทำอาหารอะไรช่วยเห็นใจคนลดความอ้วนอย่างเค้าด้วย
คิดเผื่อด้วยเข้าใจไม๊ พอเค้าไม่กิน เดินหนี ตัวก็ถ่ายรูปแล้วอัพเฟสบุค
เค้าเปิดมาเห็นเค้าก็อยาก เข้าใจไม๊ พอเพื่อนตัวมาไลค์เยอะๆ มันก็เด้งขึ้นมาไม่หยุด
ผม: ไรฟะ แล้วเข้ามาดูทำไม
นาง: อ้าวต้องเข้ามาดูดิใครตอบบ้าง แหมชอบนักใช่ไม๊มีคนนั้นคนนี้มาเม้นว่าขอกินหน่อยมาทำให้กินหน่อย
ผม: ....มาเอามีดมาแทงชั้นเลยดีกว่าจบๆ ไป

ไม่ใช่เอาแฟนเก่ามาเผา จริงๆ ก็มีโม้เม้นดีๆ หลายๆ อย่างในความทรงจำ
แต่เพียงอยากยกเคสเหล่านี้มาแชร์ให้แก่มนุษย์ผู้หญิงที่ใฝ่หาความผอมเข้าใจในมุมของผู้ชายบ้างขำๆ
แต่ก็ยังมีหลายๆ เหตุการณ์ที่ชวนตีกันเพราะเรื่องลดความอ้วนเนี่ยแหละ

และสุดท้ายคู่ของเราก็ต้องเลิกกันไป แต่เป็นเพราะเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องลดความอ้วน

บอกเลยว่าที่ผ่านมานางหมดเงินไปกับภารกิจพิชิตน้ำหนักและเซลลูไลท์ แต่ถือว่าเงินนางเราไม่ก้าวก่าย
นางเสียสุขภาพจิต เสียอารมณ์ เสียความรู้สึก พลาดโอกาส พลาดเหตุการณ์ที่สำคัญๆ
เพราะนางบอกกับตัวเองว่าชั้นยังอ้วนอยู่ ไม่อยากเอาร่างนี้ไปให้ใครเห็น
โมเมนต์ชีวิตคู่แทนที่จะมีอะไรให้จดจำมากกว่านี้ ในสมองที่จำติดใจเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้

คุณผู้หญฺิงครับ คุณรู้ไหมว่าคุณแฟนบางคน
เค้าไม่ได้รักคุณเพราะคุณผอมหรืออ้วน
คุณจะรักษาสุขภาพนั่นคือสิ่งที่ดี แต่อย่าสุดโต่ง
...เค้ารักคุณเพราะคุณเป็นคุณ
เพราะเค้าอยู่ด้วยกับคุณ
ทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน
ใช้ชีวิตร่วมกับคุณ แล้วมีความสุข...
...เท่านั้นเอง

อยากกลับไปบอกนางตอนนั้นว่า
ไม่ต้องผอมให้สวยเพื่อผม ต่อให้อวบๆ ผมก็คิดว่าน่ารักจะตาย

ไม่ต้องหักโหม "ผอม" หรอก
ผู้ชายบางคนปวดกบาลแทน

และ... ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าผู้หญิงที่ไม่ได้อ้วน แต่บ่นว่าอ้วนๆ มันอ้วนตรงไหน

ขออนุญาติแก้ไขเพิ่มเติมนิดนึงครับ
ต้องขออภัยหากว่าการใช้สรรพนามเรียกแฟนเก่าอาจขัดหูขัดตาบางท่านไปบ้าง
แต่ขอออกตัวไว้ว่าไม่ได้มีความคิดลบหลู่ดูหมิ่นเพศหญิงแต่อย่างไร ด้วยความสัตย์จริงครับ
ผมยอมรับครับว่าเป็นผู้ชายปากร้าย ยียวน กวนประสาท ซึ่งชีวิตปกติก็เป็นอย่างนี้
ทั้งขณะอยู่กับแฟน หรือใช้ชีวิตอยู่บ้านกับครอบครัว แม้กระทั่งในที่ทำงานสบช่องก็จะกวนประสาทเจ้านาย
ไม่เลือกเวลา คนรอบข้างที่รู้จักผมดีจะรู้ว่า คำพูดผมไม่ได้มีอะไรเลย ยียวนกวนประสาทไปเรื่อย
แม้แต่กระทั่งเวลานายเหมือนอารมณ์จะมาคุ แต่ผมก็กวนประสาทใส่เค้า เค้าก็รู้ว่ามันกวนตีนไปเรื่อย
เรียกรอยยิ้มเสียงหัวเราะ ของพี่ๆ ในฝ่าย ช่วยลดบรรยากาศ ความเครียด ของนายไปได้

เพราะฉะนั้นเวลาคบกับแฟนส่วนใหญ่จะเป็นโมเม้น เหมือนเป็นเพื่อนกันมากๆ
เวลาที่เดินจับมืออาจน้อยกว่า เวลาที่เรากอดคอกัน
เวลาหวานก็มีตามปกติ แต่เวลาพูดจากวนประสาทจะมีมากกว่า
มันยิ้มได้ มันหัวเราะ มันมีความสุขได้ แบบไม่ต้องหวานใส่กันจนคนอื่นเลี่ยน
บ่อยครั้งถ้าเห็นแฟนจะชวนทะเลาะก็จะเล่นเป็นเพื่อนสาวใส่
คำพูดคำจาจิกกัดก็อาจมีติดมาบ้าง แต่จิกกัดเพราะเราอยากให้เรายิ้มใส่กัน
บางทีแฟนก็จะหันมาพูดว่า "ปากหมานะเราน่ะ" ถ้าเป็นคนอื่นคงมีเรื่อง
แต่เราออกแนวหัวเราะและตลกใส่กันมากกว่าครับ

ขออภัยอีกครั้งครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
คุณจขกท.นี่สำนวนดีครับ
ปากคอน่าจะเราะร้าย แต่ผมชอบสไตล์การเล่าเรื่องแบบนี้นะ



คำถาม: ทำไมผู้หญิงอยากผอม

คำตอบ: เพราะโลกนี้ไม่มีที่ยืนให้คนอ้วนครับ
และโลกนี้ตัดสินกันที่รูปลักษณ์ภายนอก

ผมเคยซื้อนิตยสาร A Day, Hamburger มาดู
เปิดไล่ดูทีละหน้าเลยนะ นับดูว่ามีคนอ้วนกี่รูป
ผลคือ A Day (น่าจะใช่นะ) มีแค่ 6 รูป
แต่นั่นคือคุณสุกี้ ซึ่งเป็นเมนของฉบับนั้น
เลยลองไปดู Playboy, Penthouse, Hustler (แบบโหลด PDF มา) บ้าง
ไม่เจอคนอ้วนๆเลย พวกนิตยสารทั้งหลายจะลงแต่รูปคนที่ไม่อ้วน
หรือแม้แต่หนังสารคดีทั้งหลาย มีน้อยมากที่นางเอกจะอ้วนๆ
(แต่ของญี่ปุ่นก็มีบ้างนะ แฮ่ม)

อีกอย่างก็การตลาดของฟิตเนส หรืออาหาร
หรือสินค้าสารพัดที่อยากขายให้คนอยากผอม
จะเห็นบ่อยๆว่า มีพวกกระทู้ประมาณว่า
"ลดน้ำหนักได้แล้วกลายเป็นคน มีคุณค่ามากขึ้น" ฯลฯ
ผมก็ไม่ว่าอะไร การออกกำลังกายเป็นเรื่องดี
แต่ไม่ใช่ว่า ทำให้เกิดการแบ่งแยกกับคนที่หุ่นอวบหรืออ้วน
ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป บางคนเขาอ้วนเพราะมีโรค
หรือการเผาผลาญเขาได้แค่นั้น ฯลฯ
เห็นบางคนออกกำลังกาย แต่ยังสูบบุหรี่กินเหล้า
หรือแม้แต่หมอบางคนก็มาโพสต์ว่าไปกินเหล้าเข้าบาร์โน่นนี่
มันเป็นการทำลายสุขภาพในตัวไม่ใช่เหรอ ก็ไม่รู้สินะ

ก็คงจริงอย่างที่ซิกมุนด์ ฟรอยด์ บอกว่า
การกระทำของคนเราเป็นไปเพราะแรงขับเคลื่อนด้านเซ็กซ์
ที่อยากผอมเพราะมันทำให้เพศตรงข้ามสนใจ
แต่สำหรับผม ผมไม่ได้เน้นรูปลักษณ์ภายนอก
ทัศนคติที่ดี หรือจิตใจมากกว่าที่ทำให้ผมหลงรักผู้หญิง
โชคดีที่ไม่เคยมีแฟนบ้าลดน้ำหนัก ไม่งั้นคงปวดตับ


ปิดท้ายด้วยประโยคนึงในเพลง Everybody's Free (To Wear Sunscreen) ของ Baz Luhrmann

Do not read beauty magazines, they will only make you feel ugly
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ถามว่าอยากผอมไปเพื่ออะไร ก็แล้วแต่ว่าลดลงไปขนาดไหน

ถ้าจากอ้วน น้ำหนักเกินจริงๆ ลดลงมาจนน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้วพอแค่นั้น ก็น่าจะแปลว่าลดเพื่อสุขภาพค่ะ เพราะน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติย่อมดีต่อสุขภาพกว่าน้ำหนักเกินอยู่แล้ว

แต่ถ้าลดจนน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ แบบนี้ไม่ใช่เพื่อสุขภาพแล้วค่ะ(เพราะน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ก็อันตรายพอๆกับน้ำหนักเกิน) ถ้าอยากสุขภาพดีจริงก็ต้องลดแค่ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ต่ำกว่า

แต่พวกที่ลดจนต่ำกว่าเกณฑ์นี่น่าจะลดเพราะอยากสวยตามค่านิยมหรืออยากให้ผู้ชายชอบมากกว่าค่ะ
เพราะในเมืองไทยมีค่านิยมว่ายิ่งผอมมากยิ่งสวยมาก ดูจากเสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ ตัดออกมาไม่รู้จะประหยัดผ้าไปถึงไหน ตัดให้ผู้ใหญ่ใส่แต่ดูขนาดแล้วเด็กสี่ขวบน่าจะใส่ได้พอดี ต้องผอมแห้งเท่านั้นถึงจะใส่ได้ คนมีน้ำมีนวลใส่กันไม่ค่อยได้หรอกค่ะ

อีกทั้งผู้ชาย(ส่วนใหญ่ในเมืองไทย) ก็มีสายตาตัดสินความอ้วนผอมที่คลาดเคลื่อนไปเยอะ มองคนอวบน้ำหนักเกินนิดหน่อย(แบบน้องอลิส)ว่าอ้วน มองคนน้ำหนักเกณฑ์ปกติว่าอวบ มองคนน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ว่ากำลังดี
เคยเห็นบ่อยไป พอมีผู้หญิงตั้งกระทู้ถามว่า (สมมติ)สูง 160 น้ำหนักเท่าไหร่ถึงพอดี ก็จะชอบมีพวกผุ้ชายน่ะแหละมาตอบประมาณว่า '42-45 ครับ กำลังดี เป็นผู้หญิงอย่าให้เกิน 50'
แต่หารู้ไม่ว่าสำหรับส่วนสูง 160 น้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์ปกติจริงๆคือ 50-55 เพราะฉะนั้นไอ้ที่แนะนำว่า 42-45 หรือไม่เกิน 50 นั่นน่ะไม่ใช่กำลังดีเลย  ในทางการแพทย์ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ เสี่ยงโรคผอมซึ่งอันตรายไม่แพ้โรคอ้วน

ก็เพราะค่านิยมแบบนี้ และสายตาคนทั่วไปที่ตัดสินกันอย่างคลาดเคลื่อน ทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่มโนว่าตัวเองอ้วน ดูไม่สวย(ตามค่านิยม) ทั้งๆที่จริงๆแล้วน้ำหนักไม่ได้อยู่ในเกณฑ์อ้วนเลย ถ้าอยากดูดีก็ไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก แค่ออกกำลังกาย เน้นเวท กินคลีนแบบไม่ไดเอทก็ดูดีแล้ว

ความคิดเห็นที่ 3
อืมม์...สำหรับฉันที่อยากลดน้ำหนัก เพื่อภาพลักษณ์ของตัวเองค่ะ (มันรู้สึกมีปมเวลาอยู่กับเพื่อนที่หุ่นดีๆ) ถ้าจะลดน้ำหนักเพื่อผู้ชายคงไม่เพราะไม่อยากมีชีวิตครอบครัวค่ะ (แต่สำหรับคนอื่นไม่รู้) น้ำหนักมากเกินตัวโรคเยอะค่ะ เจ็บข้อ ปวดกระดูก เคลื่อนไหวช้า อึดอัด

ฉันเป็นคนหน้ากลมเหมือนแฟนเก่าคุณ พอน้ำหนักเริ่มลงมันเหี่ยวไม่น่ารักเลย เพื่อนๆบอกให้พอแล้วกลัวไม่น่ารักคะ (เพื่อนฉันกับคุณคิดเหมือนกัน)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่