สวัสดีฮะทุกๆท่าน จขกท วันนี้เราจะมารีวิว 108 ปัญหาต่างๆ ที่ผู้ใช้บริการเครื่องบิน มักจะสงสัย(บางครั้งก็โวย) ว่าทำไม๊
ทำไม ชั้นจะต้องทำตามที่พวกเทอๆ (ทั้งแอร์และสจ๊วต) บอกด้วย มายุ่งวุ่นวายไรกับชีวิตชั้นนักยะ ! เพราะเดี๋ยวนี้ การเดิน
ทางโดยเครื่องบินกำลังเป็นที่นิยมไปทุกหย่อมหญ้า เนื่องจากราคาที่ไม่สูงนัก เครื่องบินจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม
ในวงกว้างขึ้น แต่ก็นั่นละฮะท่านผู้อ่าน พอคนมากขึ้น ก็จะมีบางท่านที่เพิ่งขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก หรือแม้กระทั่ง ผู้ที่เคย
ใช้บริการอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีข่าว มีคลิปออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ (ส่วนมากจะในพันทิพนี่ละ) จขกท เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้น เพื่อให้
เข้าใจ บทบาท และหน้าที่ ของแต่ละคนอย่างแจ่มแจ้ง !
นักบิน - แน่นอนละครับ ขับเครื่องบิน รวมถึงเป็นคนตัดสินใจในสถานการณ์สำคัญต่างๆและ นำพาท่านผู้โดยสารไปถึง
ที่หมายโดยปลอดภัย
เหล่าแอร์ , สจ๊วต - แน่นอนฮะว่าการบริการ ย่อมเป็นเรื่องสำคัญของคนที่รักจะทำอาชีพนี้ แต่ อ๊ะๆ อย่าเข้าใจผิดว่าพวก
เค้าเป็นเหมือนคนใช้บนเครื่องบิน ที่ต้องทำตามใจท่านๆทุกอย่าง เพราะหน้าที่หลักที่เค้าต้องรับผิดชอบคือ
' การดูแลรักษาความปลอดภัย '
ของท่านผู้โดยสารตลอดการเดินทางต่างหาก ลองคิดดูนะฮะ หากเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์ขึ้นภายในเครื่อง
ใครจะรับมือกับปัญหาเหล่านั้นกันล่ะ !! ถ้านักบินเดินออกมาแก้ไขเองก็คงหลอนน่าดูนะ(ละใครขับเครื่อง)
เอาล่ะ เกริ่นมาก็ยาว มาเริ่มตั้งแต่เดินขึ้นเครื่องกันเลย !!
ข้อที่ 1 " กระเป๋าของชั้น ทำไมชั้นจะเอาขึ้นไปไม่ได้ !! "
ปัญหาระดับชาติ ที่ถ้าไม่อธิบายก็คงไม่รู้ กระเป๋า..เอาขึ้นไปได้ฮะ แต่ต้องอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักและขนาดที่สายการบินนั้นๆกำหนด
เนื่องจากในเคบิน (หรือตรงที่มีที่นั่งนั่นล่ะ) จะมีที่เก็บกระเป๋าที่อยู่บนหัว " ซึ่งจะถูกกำหนดไว้แล้วว่าสามารถรองรับน้ำหนักได้เท่าไร
และ 1 ตู้เก็บกระเป๋านั้น ต้องใช้งานร่วมกันกับผู้โดยสาร 3 ท่าน (ในกรณี 3 ที่นั่ง) ลองคิดดูถ้าท่านเอากระเป๋าใบมหึมาขึ้นมา
แล้วผู้โดยสารท่านอื่นจะเก็บสัมภาระได้อย่างไร ในเมื่อพื้นที่ มันก็มีอยู่แค่นั้นแหละ และที่สำคัญ หากน้ำหนักเกินและเครื่องบิน
เกิดตกหลุมอากาศ สั่น หรือรับแรงกระแทก แน่นอนย่อมมีสิทธิสูงที่ฝาตู้นั้นจะหล่นลงมา เนื่องจากมัน รับน้ำหนักที่มากเกินไปอยู่ !
(ซึ่งแน่นอนว่ากระเป๋าไปเขื่องของท่านมันก็จะหล่นมาทับหัวท่านเองนั่นล่ะ ดีไม่ดีมันจะไปโดนคนข้างๆด้วย ) และในกรณีฉุกเฉิน
ถ้าท่านต้องรีบหนีออกจากเครื่องบิน ซึ่งแน่นอนว่านอกจากทุกคนจะรีบร้อนหนีและเบียดกันจนเป็นปลากระป๋องแล้วยังมาเจอ
กระเป๋าใบยักษ์ขวางทางหนีอันแสนแคบอีก ..... ก็บายจ้า...... เพราะฉะนั้น โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องแล้วขึ้นเครื่องแบบสวยๆ
เดินชิลๆ แล้วไปรอรับกระเป๋าที่สนามบินลากไปแบบชิคๆ ดีกว่านะ !
ข้อที่ 2 " โทรศัพท์ของชั้น จะปิดไม่ปิดมันก็เรื่องของชั้น ทำไมชั้นต้องปิดเดี๋ยวนี้ !! "
นอกจากโทรศัพท์แล้ว อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคที่ส่งสัญญาณทุกชนิด ก็มันจะได้รับการแจ้งว่าต้องปิดให้เรียบร้อยหากเครื่อง
กำลังจะบินขึ้นหรือลง ทำไมน่ะหรือ !! นั่นก็เพราะว่า นักบินจำเป็นต้องติดต่อกับหอบังคับวิทยุการบินนั่นเอง ซึ่งหากการสื่อสาร
ผิดพลาดก็เหมือนกับสี่แยกแล้วไฟจราจรผิดพลาดนั่นแหละ ลองคิดดูถ้านักบินกำลังจะขอลงจอดหรือบินขึ้นแล้วโดนสัญญาณ
' เค้ารักนะจะเอง กำลังจิบินขึ้นละ จุ๊บๆ '
แล้วเกิดมีเครื่องอีกลำขวางทางขึ้นหรือลงอยู่ ........ ก็บายจ้า
ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานว่าสัญญาณโทรศัพท์จะทำให้เกิดอุบัติเหตุจริงๆ แต่ก็คงไม่มีใครอยากพิสูจน์หรอกเน๊าะ กันไว้ดีกว่าแก้นะฮะ
เร็วๆนี้ก็เพิ่งมีประเด็นกับสายการบินสายหนึ่ง ที่มีเด็กน้อยคนนึงไม่ยอมปิดไอแพด แล้วคุณพ่อคุณแม่จึงขอให้แอร์สาวช่วย
อยากให้ลองนึกดูนะ ว่าช่วงเวลาก่อนจะบินขึ้นก็มีเวลาน้อยนิด (ลองคิดดูถ้ามีคนขอให้ช่วยสัก 10 คน ) ถ้าทุกท่านไม่ทำ
ตามหรือรับผิดชอบในส่วนของตน แอร์หรือสจ๊วตก็คงไม่สามารถเดินไปบอกกับท่านทุกๆคนได้ทันเช่นกันเน้อออออ
ข้อที่ 3 " ทำไมต้องให้ชั้นเก็บโต๊ะหน้าเก้าอี้ ทำไมต้องให้นั่งรัดเข็มขัด เทอไม่รู้เหรอ ชั้นน่ะ นักทรงตัวระดับโลก !! "
ลองคิดกันเล่นๆ ถ้าท่านเปิดโต๊ะไว้แล้วเครื่องบินเกิดได้รับแรงกระแทก แล้วท่านดั๊นน ไม่ได้คาดเข็มขัดอีก
โต๊ะที่ท่านเปิดไว้นั่นแหละ มันจะเสียบเข้าที่ลิ้นปี่ท่านแบบ อะเฮื้ออออออ กระอักเลือดเป็นจอมยุทธแน่นอน
หรือท่านอาจจะกระเด็นขึ้นไปหัวชนตู้เก็บสัมภาระเหนือหัวท่านเหมือนมาริโอ้เก็บเห็ดก็ได้ แต่สิ่งที่ออกมา
มันจะไม่ใช่เหรียญน่ะสิ มันจะเป็นกระเป๋าใบเขื่องของท่านเอง ........ ก็บายจ้า
ข้อที่ 4 " เธอจะสาธิตอะไรก็ทำไป ไม่ต้องเรียกชั้น ชั้นขึ้นเครื่องบินมาบ่อยแล้ว !! "
ข้อนี้หลายๆท่านที่ขึ้นเครื่องบินบ่อยๆคงเคยเจอ แต่ท่านรู้ไหม การสาธิการใส่หน้ากากที่ดูรูปร่างแปลกๆนั่นน่ะ สำคัญมาก
เนื่องจากโดยปกติแล้ว เราจะบินสูงอยู่ที่ระดับ 30000++ ฟีท ซึ่งสูงมาก และคนเรา " ไม่สามารถหายใจได้ "
ที่ระดับความสูงขนาดนั้น หลายท่านอาจจะเถียง เอ้า แล้วทำไมอยู่บนเครื่องถึงหายใจได้ละ นั่นก็เพราะในเครื่องมีระบบ
ปรับความดันในอากาศ ให้ท่านเหมือนอยู่สูงแค่ 8000 ฟีท ซึ่งสามารถหายใจได้แต่ก็ลำบากนี้สนึง ที่นี้พอจะเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยละ
หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น ท่านเองนั่นแหละที่จะต้องใส่หน้ากากหรือชูชีพให้กับตัวท่านเอง เหล่าแอร์สาวจะไม่ได้มาเดินใส่
หน้ากากให้ท่านหรอกนะ !! เพราะร่างกายคนเราขาดอากาศได้เพียง 4 นาทีก็เอ๋อแล้ว แล้วถ้าท่านๆไม่ตั้งใจฟังตอนเทอเหล่า
นั้นสาธิตวิธีใช้ล่ะก็พวกหล่อนก็คงไม่สามารถเดินใส่หน้ากากให้ทันทุกคนทันหรอกนะ หล่อนคงบายจ้าไปก่อนแล้ว เพราะงั้น
ถ้าเกิดเหตุการณ์จริงขึ้น ทุกคนก็คงต้องร้องเพลง I will survive กันเองแล้วล่ะจ้ะ
ข้อที่ 5 " จับนิดจับหน่อย เป็นอะไรไปล่ะน้องสาว !! "
ข้อนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยไม่แพ้กัน ก็ชุดแอร์สาวมันทั้งสวยทั้งรัดรูป ใครจะไปอดใจไหวเล่า แต่อย่าลืมว่าพวกเทอ
ก็เป็นผู้หญิงคนนึง และขึ้นมาบริการท่านเพื่อความสะดวก ความปลอดภัย ไม่ใช่ ' เพื่อความใคร่ ' เครื่องบินนะจ๊ะ
ไม่ใช่อาบ อบ นวด ถึงพวกเทอจะไม่มีสิทธิว่าหรือตอบโต้ท่านก็ตาม ในข้อนี้รวมถึงการที่ท่านพูดจาหยาบคาย
ก้าวร้าวด้วยน้า พวกเทอมาบริการ ไม่ใช่มารองรับอารมณ์ เพราะงั้นพอถึงที่หมาย ก็จะมีบุรุษในเครื่องแบบมารับตัวท่านไปอย่างแน่นอน.... ก็บายจ้า
ข้อที่ 6 " ชั้นจะนั่งตรงนี้ ที่มันกว้าง เทอมีสิทธิอะไรมาย้ายชั้น !! "
หลายๆท่านคงเคยได้นั่งที่นั่งตรงบริเวณปีกหรือบางลำที่มีประตูตรงกลาง ก็จะรู้สึกได้ว่า ทำไมที่ตรงนี่มันช่างกว้างขวาง
ราวกับเป็นอภิสิทธิชน แต่ทำไม๊ ถึงไม่ให้วางกระเป๋าตรงนี้ แม้กระเป๋าใบเล็กก็ตาม นั่นก็เพราะตรงที่ท่านนั่งน่ะมันเป็น
" ทางออกฉุกเฉิน "
นั่นเอง หลายครั้งที่เหล่าแอร์จะมาถามท่านว่าพร้อมจะนั่งตรงนี้ไหม นั่นก็เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น
แล้วท่านที่นั่งอยู่ติดกับทางออกไม่ฟังแอร์สาวเหล่านั้นอธิบายหรือสาธิตวิธีการหนีให้ฟัง เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา......ก็บายจ้า
ข้อที่ 7 " มาสายแค่ 5 นาทีเอง ทำไมไม่รอกันบ้างเลย คนไทยแล้งน้ำใจ " 
หลายๆท่านที่เคยตกเครื่องอาจจะรู้สึกแบบนี้ แต่อยากให้ลองคิดดูว่าเครื่องบินมีกำหนดเวลาที่แน่นอน
เพราะช่องจอดเครื่องบินในสนามบินนั้น หาใช่เป็นของสายการบินนั้นๆแต่อย่างใด แต่มันเป็นของสนามบินนั้นๆต่างหาก
และคิดค่าจอดเป็น " นาที " ซึ่งหากท่านจะให้เครื่องบินรอท่านที่มาสาย รอก็ด้ายยย แต่ขอเก็บค่าจอดที่เกินไปกับท่านได้มั้ย
รับรองได้ว่า แพงกว่าราคาตั๋วที่ท่านไปซื้อในเที่ยวบินใหม่ แน่นอน และอีกอย่างคือ มันจะทำให้เที่ยวบินอื่นๆในวันนั้น
" ดีเลย์ไปทั้งหมด "
โหยมาสาย 5 นาทีเกิดปัญหาขนาดนี้ คราวหน้ามาก่อนเวลา นั่งส่องแอร์สาวเพลินๆที่สนามบินดีกว่านะเออออ
เห็นมั้ยล่ะว่า ทุกๆเรื่องที่มันเกิดขึ้น มันมีผลต่อความปลอดภัยของตัวท่านเองทั้งนั้นแหละ ที่พวกนางทำเพราะนางรักท่าน
แต่บางอย่างกฏก็ต้องเป็นกฏ นางไม่สามารถลดหย่อนให้ท่านได้ เพราะมันเกินกว่าความรับผิดชอบของนางจะรับไหวหากเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งหลายครั้งที่ท่านไม่พอใจแล้วก็ร้องเรียนด้วยอารมณ์ล้วนๆซึ่งมันมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของนางเลยทีเดียว
ตอนแรกเจ้าของกระทู้ก็เคยเป็นนะ ชั้นจ่ายเงิน เทอต้องบริการชั้น แต่ถ้าวันนึงเราลองได้รู้ ลองนึกถึงใจเค้าใจเรา การเดินทางก็จะราบเรียบได้เห็นหน้าแอร์สาวๆเป็นนางฟ้า มิใช่นางมารนะ เอออออ..... แต่เก๊าก็คิดนะ ว่าที่โวยๆกัน อาจจะเป็นเพราะว่าไม่รู้ก็เป็นได้ ก็หวังว่ากระทู้นี้คงช่วยอะไรได้บ้าง ไม่มากก็น้อยยยยย
7 ปัญหาคาใจ ' ทำไมชั้นจะต้องทำตามหล่อน ' บนเครื่องบิน !!
ทำไม ชั้นจะต้องทำตามที่พวกเทอๆ (ทั้งแอร์และสจ๊วต) บอกด้วย มายุ่งวุ่นวายไรกับชีวิตชั้นนักยะ ! เพราะเดี๋ยวนี้ การเดิน
ทางโดยเครื่องบินกำลังเป็นที่นิยมไปทุกหย่อมหญ้า เนื่องจากราคาที่ไม่สูงนัก เครื่องบินจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม
ในวงกว้างขึ้น แต่ก็นั่นละฮะท่านผู้อ่าน พอคนมากขึ้น ก็จะมีบางท่านที่เพิ่งขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก หรือแม้กระทั่ง ผู้ที่เคย
ใช้บริการอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีข่าว มีคลิปออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ (ส่วนมากจะในพันทิพนี่ละ) จขกท เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้น เพื่อให้
เข้าใจ บทบาท และหน้าที่ ของแต่ละคนอย่างแจ่มแจ้ง !
นักบิน - แน่นอนละครับ ขับเครื่องบิน รวมถึงเป็นคนตัดสินใจในสถานการณ์สำคัญต่างๆและ นำพาท่านผู้โดยสารไปถึง
ที่หมายโดยปลอดภัย
เหล่าแอร์ , สจ๊วต - แน่นอนฮะว่าการบริการ ย่อมเป็นเรื่องสำคัญของคนที่รักจะทำอาชีพนี้ แต่ อ๊ะๆ อย่าเข้าใจผิดว่าพวก
เค้าเป็นเหมือนคนใช้บนเครื่องบิน ที่ต้องทำตามใจท่านๆทุกอย่าง เพราะหน้าที่หลักที่เค้าต้องรับผิดชอบคือ
' การดูแลรักษาความปลอดภัย '
ของท่านผู้โดยสารตลอดการเดินทางต่างหาก ลองคิดดูนะฮะ หากเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์ขึ้นภายในเครื่อง
ใครจะรับมือกับปัญหาเหล่านั้นกันล่ะ !! ถ้านักบินเดินออกมาแก้ไขเองก็คงหลอนน่าดูนะ(ละใครขับเครื่อง)
เอาล่ะ เกริ่นมาก็ยาว มาเริ่มตั้งแต่เดินขึ้นเครื่องกันเลย !!
ข้อที่ 1 " กระเป๋าของชั้น ทำไมชั้นจะเอาขึ้นไปไม่ได้ !! "
ปัญหาระดับชาติ ที่ถ้าไม่อธิบายก็คงไม่รู้ กระเป๋า..เอาขึ้นไปได้ฮะ แต่ต้องอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักและขนาดที่สายการบินนั้นๆกำหนด
เนื่องจากในเคบิน (หรือตรงที่มีที่นั่งนั่นล่ะ) จะมีที่เก็บกระเป๋าที่อยู่บนหัว " ซึ่งจะถูกกำหนดไว้แล้วว่าสามารถรองรับน้ำหนักได้เท่าไร
และ 1 ตู้เก็บกระเป๋านั้น ต้องใช้งานร่วมกันกับผู้โดยสาร 3 ท่าน (ในกรณี 3 ที่นั่ง) ลองคิดดูถ้าท่านเอากระเป๋าใบมหึมาขึ้นมา
แล้วผู้โดยสารท่านอื่นจะเก็บสัมภาระได้อย่างไร ในเมื่อพื้นที่ มันก็มีอยู่แค่นั้นแหละ และที่สำคัญ หากน้ำหนักเกินและเครื่องบิน
เกิดตกหลุมอากาศ สั่น หรือรับแรงกระแทก แน่นอนย่อมมีสิทธิสูงที่ฝาตู้นั้นจะหล่นลงมา เนื่องจากมัน รับน้ำหนักที่มากเกินไปอยู่ !
(ซึ่งแน่นอนว่ากระเป๋าไปเขื่องของท่านมันก็จะหล่นมาทับหัวท่านเองนั่นล่ะ ดีไม่ดีมันจะไปโดนคนข้างๆด้วย ) และในกรณีฉุกเฉิน
ถ้าท่านต้องรีบหนีออกจากเครื่องบิน ซึ่งแน่นอนว่านอกจากทุกคนจะรีบร้อนหนีและเบียดกันจนเป็นปลากระป๋องแล้วยังมาเจอ
กระเป๋าใบยักษ์ขวางทางหนีอันแสนแคบอีก ..... ก็บายจ้า...... เพราะฉะนั้น โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องแล้วขึ้นเครื่องแบบสวยๆ
เดินชิลๆ แล้วไปรอรับกระเป๋าที่สนามบินลากไปแบบชิคๆ ดีกว่านะ !
ข้อที่ 2 " โทรศัพท์ของชั้น จะปิดไม่ปิดมันก็เรื่องของชั้น ทำไมชั้นต้องปิดเดี๋ยวนี้ !! "
นอกจากโทรศัพท์แล้ว อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคที่ส่งสัญญาณทุกชนิด ก็มันจะได้รับการแจ้งว่าต้องปิดให้เรียบร้อยหากเครื่อง
กำลังจะบินขึ้นหรือลง ทำไมน่ะหรือ !! นั่นก็เพราะว่า นักบินจำเป็นต้องติดต่อกับหอบังคับวิทยุการบินนั่นเอง ซึ่งหากการสื่อสาร
ผิดพลาดก็เหมือนกับสี่แยกแล้วไฟจราจรผิดพลาดนั่นแหละ ลองคิดดูถ้านักบินกำลังจะขอลงจอดหรือบินขึ้นแล้วโดนสัญญาณ
' เค้ารักนะจะเอง กำลังจิบินขึ้นละ จุ๊บๆ '
แล้วเกิดมีเครื่องอีกลำขวางทางขึ้นหรือลงอยู่ ........ ก็บายจ้า
ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานว่าสัญญาณโทรศัพท์จะทำให้เกิดอุบัติเหตุจริงๆ แต่ก็คงไม่มีใครอยากพิสูจน์หรอกเน๊าะ กันไว้ดีกว่าแก้นะฮะ
เร็วๆนี้ก็เพิ่งมีประเด็นกับสายการบินสายหนึ่ง ที่มีเด็กน้อยคนนึงไม่ยอมปิดไอแพด แล้วคุณพ่อคุณแม่จึงขอให้แอร์สาวช่วย
อยากให้ลองนึกดูนะ ว่าช่วงเวลาก่อนจะบินขึ้นก็มีเวลาน้อยนิด (ลองคิดดูถ้ามีคนขอให้ช่วยสัก 10 คน ) ถ้าทุกท่านไม่ทำ
ตามหรือรับผิดชอบในส่วนของตน แอร์หรือสจ๊วตก็คงไม่สามารถเดินไปบอกกับท่านทุกๆคนได้ทันเช่นกันเน้อออออ
ข้อที่ 3 " ทำไมต้องให้ชั้นเก็บโต๊ะหน้าเก้าอี้ ทำไมต้องให้นั่งรัดเข็มขัด เทอไม่รู้เหรอ ชั้นน่ะ นักทรงตัวระดับโลก !! "
ลองคิดกันเล่นๆ ถ้าท่านเปิดโต๊ะไว้แล้วเครื่องบินเกิดได้รับแรงกระแทก แล้วท่านดั๊นน ไม่ได้คาดเข็มขัดอีก
โต๊ะที่ท่านเปิดไว้นั่นแหละ มันจะเสียบเข้าที่ลิ้นปี่ท่านแบบ อะเฮื้ออออออ กระอักเลือดเป็นจอมยุทธแน่นอน
หรือท่านอาจจะกระเด็นขึ้นไปหัวชนตู้เก็บสัมภาระเหนือหัวท่านเหมือนมาริโอ้เก็บเห็ดก็ได้ แต่สิ่งที่ออกมา
มันจะไม่ใช่เหรียญน่ะสิ มันจะเป็นกระเป๋าใบเขื่องของท่านเอง ........ ก็บายจ้า
ข้อที่ 4 " เธอจะสาธิตอะไรก็ทำไป ไม่ต้องเรียกชั้น ชั้นขึ้นเครื่องบินมาบ่อยแล้ว !! "
ข้อนี้หลายๆท่านที่ขึ้นเครื่องบินบ่อยๆคงเคยเจอ แต่ท่านรู้ไหม การสาธิการใส่หน้ากากที่ดูรูปร่างแปลกๆนั่นน่ะ สำคัญมาก
เนื่องจากโดยปกติแล้ว เราจะบินสูงอยู่ที่ระดับ 30000++ ฟีท ซึ่งสูงมาก และคนเรา " ไม่สามารถหายใจได้ "
ที่ระดับความสูงขนาดนั้น หลายท่านอาจจะเถียง เอ้า แล้วทำไมอยู่บนเครื่องถึงหายใจได้ละ นั่นก็เพราะในเครื่องมีระบบ
ปรับความดันในอากาศ ให้ท่านเหมือนอยู่สูงแค่ 8000 ฟีท ซึ่งสามารถหายใจได้แต่ก็ลำบากนี้สนึง ที่นี้พอจะเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยละ
หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น ท่านเองนั่นแหละที่จะต้องใส่หน้ากากหรือชูชีพให้กับตัวท่านเอง เหล่าแอร์สาวจะไม่ได้มาเดินใส่
หน้ากากให้ท่านหรอกนะ !! เพราะร่างกายคนเราขาดอากาศได้เพียง 4 นาทีก็เอ๋อแล้ว แล้วถ้าท่านๆไม่ตั้งใจฟังตอนเทอเหล่า
นั้นสาธิตวิธีใช้ล่ะก็พวกหล่อนก็คงไม่สามารถเดินใส่หน้ากากให้ทันทุกคนทันหรอกนะ หล่อนคงบายจ้าไปก่อนแล้ว เพราะงั้น
ถ้าเกิดเหตุการณ์จริงขึ้น ทุกคนก็คงต้องร้องเพลง I will survive กันเองแล้วล่ะจ้ะ
ข้อที่ 5 " จับนิดจับหน่อย เป็นอะไรไปล่ะน้องสาว !! "
ข้อนี้ก็เกิดขึ้นบ่อยไม่แพ้กัน ก็ชุดแอร์สาวมันทั้งสวยทั้งรัดรูป ใครจะไปอดใจไหวเล่า แต่อย่าลืมว่าพวกเทอ
ก็เป็นผู้หญิงคนนึง และขึ้นมาบริการท่านเพื่อความสะดวก ความปลอดภัย ไม่ใช่ ' เพื่อความใคร่ ' เครื่องบินนะจ๊ะ
ไม่ใช่อาบ อบ นวด ถึงพวกเทอจะไม่มีสิทธิว่าหรือตอบโต้ท่านก็ตาม ในข้อนี้รวมถึงการที่ท่านพูดจาหยาบคาย
ก้าวร้าวด้วยน้า พวกเทอมาบริการ ไม่ใช่มารองรับอารมณ์ เพราะงั้นพอถึงที่หมาย ก็จะมีบุรุษในเครื่องแบบมารับตัวท่านไปอย่างแน่นอน.... ก็บายจ้า
ข้อที่ 6 " ชั้นจะนั่งตรงนี้ ที่มันกว้าง เทอมีสิทธิอะไรมาย้ายชั้น !! "
หลายๆท่านคงเคยได้นั่งที่นั่งตรงบริเวณปีกหรือบางลำที่มีประตูตรงกลาง ก็จะรู้สึกได้ว่า ทำไมที่ตรงนี่มันช่างกว้างขวาง
ราวกับเป็นอภิสิทธิชน แต่ทำไม๊ ถึงไม่ให้วางกระเป๋าตรงนี้ แม้กระเป๋าใบเล็กก็ตาม นั่นก็เพราะตรงที่ท่านนั่งน่ะมันเป็น
" ทางออกฉุกเฉิน "
นั่นเอง หลายครั้งที่เหล่าแอร์จะมาถามท่านว่าพร้อมจะนั่งตรงนี้ไหม นั่นก็เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้น
แล้วท่านที่นั่งอยู่ติดกับทางออกไม่ฟังแอร์สาวเหล่านั้นอธิบายหรือสาธิตวิธีการหนีให้ฟัง เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา......ก็บายจ้า
ข้อที่ 7 " มาสายแค่ 5 นาทีเอง ทำไมไม่รอกันบ้างเลย คนไทยแล้งน้ำใจ "
หลายๆท่านที่เคยตกเครื่องอาจจะรู้สึกแบบนี้ แต่อยากให้ลองคิดดูว่าเครื่องบินมีกำหนดเวลาที่แน่นอน
เพราะช่องจอดเครื่องบินในสนามบินนั้น หาใช่เป็นของสายการบินนั้นๆแต่อย่างใด แต่มันเป็นของสนามบินนั้นๆต่างหาก
และคิดค่าจอดเป็น " นาที " ซึ่งหากท่านจะให้เครื่องบินรอท่านที่มาสาย รอก็ด้ายยย แต่ขอเก็บค่าจอดที่เกินไปกับท่านได้มั้ย
รับรองได้ว่า แพงกว่าราคาตั๋วที่ท่านไปซื้อในเที่ยวบินใหม่ แน่นอน และอีกอย่างคือ มันจะทำให้เที่ยวบินอื่นๆในวันนั้น
" ดีเลย์ไปทั้งหมด "
โหยมาสาย 5 นาทีเกิดปัญหาขนาดนี้ คราวหน้ามาก่อนเวลา นั่งส่องแอร์สาวเพลินๆที่สนามบินดีกว่านะเออออ
เห็นมั้ยล่ะว่า ทุกๆเรื่องที่มันเกิดขึ้น มันมีผลต่อความปลอดภัยของตัวท่านเองทั้งนั้นแหละ ที่พวกนางทำเพราะนางรักท่าน
แต่บางอย่างกฏก็ต้องเป็นกฏ นางไม่สามารถลดหย่อนให้ท่านได้ เพราะมันเกินกว่าความรับผิดชอบของนางจะรับไหวหากเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งหลายครั้งที่ท่านไม่พอใจแล้วก็ร้องเรียนด้วยอารมณ์ล้วนๆซึ่งมันมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของนางเลยทีเดียว
ตอนแรกเจ้าของกระทู้ก็เคยเป็นนะ ชั้นจ่ายเงิน เทอต้องบริการชั้น แต่ถ้าวันนึงเราลองได้รู้ ลองนึกถึงใจเค้าใจเรา การเดินทางก็จะราบเรียบได้เห็นหน้าแอร์สาวๆเป็นนางฟ้า มิใช่นางมารนะ เอออออ..... แต่เก๊าก็คิดนะ ว่าที่โวยๆกัน อาจจะเป็นเพราะว่าไม่รู้ก็เป็นได้ ก็หวังว่ากระทู้นี้คงช่วยอะไรได้บ้าง ไม่มากก็น้อยยยยย