นี่เป็นกระทู้แรกที่ตั้งเลยนะคะ อาจจะแท็กผิดๆถูกๆ หรือเขียนอะไรงงๆ ก็ขออภัยด้วยค่ะ
เข้าเรื่องเลยนะคะ คือว่า เรา อายุ 20 มีแฟนอายุ 35 คบกันมาได้ประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ แฟนไม่หล่อเลย หน้าตาเหมือนทอม อ้วน
แต่แฟนก็ดูรักเราดีนะคะ พาไปกิน ไปเดินห้างบ้างไรบ้าง ก็ปกติ
แฟนไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ ไม่โกหก ไม่เคยแม้กระทั่งพูดล้อเล่นกับใคร เค้าพูดแต่ความจริงเสมอ
เค้าเชื่อว่าทุกคำพูดที่ทุกคนพูดต่อกันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด (คือโลกสวยว่างั้น -*- )
และเวลาที่เราทำอะไรเปิ่นๆ แปลกๆ หรือมาหน้าสด เสื้อเชยๆ ยับๆ เค้าก็รับได้ค่ะ
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคือ มีเรื่องตะขิดตะขวงใจอยู่บางอย่าง
คืออย่างที่บอกว่าแฟนเราอายุมากพอสมควร คนรอบข้างก็คาดหวังว่า เค้าจะดูแลเราได้ แต่ในความเป็นจริงคือแทบจะไม่เลย
เพราะเค้ายังดูแลตัวเองแทบไม่ได้เลย แบบว่าอยู่กับแม่สองคน ไม่ทำงานอะไร เรียนหนังสือ ให้แม่เลี้ยงไปวันๆ คือแบบจนป่านนี้แล้วยังเรียนไม่จบ ป.ตรี ด้วยซ้ำ ในขณะที่เพื่อนๆของเค้า จบป.โท ทำงานดีๆ มีลูกมีเต้ากันไปหมดแล้ว แล้วไอ้ที่เรียนไม่จบก็ไม่ใช่ว่าต้องลำบากตรากตรำอะไรนะคะ คือเค้าขี้เกียจค่ะ วันไหนไม่อยากเรียนก็ไม่ไปเรียน บางวิชาเข้าเรียนแต่พอถึงวันสอบกลับไม่ไปสอบ อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ -*-
อ้อ...เคยทำงานเขียนหนังสืออยู่พักนึง ได้ค่าต้นฉบับมา 48000 ต่อ 2 เดือน ทำอยู่ 1 ปี เท่ากับว่า ในปีนั้นได้เงินเดือน เดือนละ 24000
แต่เค้าบอกว่า "ใช้ไม่พอ" ที่เรารู้สึกตะขิดตะขวงใจก็คือ เค้าบอกว่า เค้าใช้ไม่พอ คือเราสงสัยว่าใช้ไม่พอยังไง ในเมื่อ
บ้านก็ไม่ต้องเช่า (มีบ้านเป็นของตัวเอง อยู่กับแม่ ค่าน้ำค่าไฟก็ไม่ต้องออก) ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ (แม่ทำให้กินทุกวัน แถมวันๆไม่ค่อยได้ออกไปไหน ข้าวนอกบ้านแทบไม่ได้กิน) ค่าเทอมแม่ก็เป็นคนออก ครอบครัวก็ยังไม่มี (ก็คบกับตรูอยู่นี่ไง) ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆ ก็แค่ค่าโทรศัพท์ กับค่าอินเตอร์เน็ต รวมแล้วไม่ถึง 2000 แล้วรู้มั้ยคะ ว่าเงินมันหมดไปกับอะไร...
ซื้อหนังสือการ์ตูน
- โอเค..เป็นความชอบตั้งแต่เด็ก พอรับได้
ซื้อรองเท้าสเก็ตคู่ละ 20000
- ซึ่งซื้อมาแล้วก็แทบไม่ได้เล่น เรียกว่าเล่นแทบไม่เป็นเลยดีกว่า เห่ออยู่พักเดียวก็ทิ้ง ก็ไม่เข้าใจว่าจะซื้อแพงไปทำไม ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองไม่คิดจะเล่นจริงจังอะไร แบบว่าเล่นสู่รุ่นน้องเราที่ใช้คู่ละ 3500 ไม่ได้เลย -*-
ซื้อจักรยานคันละ 20000
- แล้วก็ไปจอดซี้ซั๊ว ล่อตาโจร ก็เลยหาย
ซื้อเครื่องเล่น mp3 ราคาเป็นพัน
- ก็ไปทำตกหายในฟิตเนสซะ
สมัครสมาชิกฟิตเนส เดือนละ 2000
- ก็ไม่ไปเล่นจริงๆจังๆอะไร ส่วนใหญ่ไปเข้าห้องน้ำ และไปนั่งดื่มน้ำอัดลมฟรี ทุกวันนี้ก็อ้วนเหมือนเดิม
ฯลฯ
คืออะไรที่ซื้อไปนี่ แทบไม่เห็นประโยชน์เลย -*- ถ้าเป็นคนอื่นอายุเท่านี้ มีเงินเท่านี้ คงพยายามลงทุนทำอะไรสักอย่าง สร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้ว
โอเค ในท้ายที่สุด เราก็ถือว่ามันเป็นเงินของเค้า เค้ามีสิทธิ์จะจัดการยังไงก็ได้ และคือตอนคบกันใหม่ๆ เรายังเด็ก ก็หวังว่าข้อเสียอะไรที่มองเห็น น่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกันบ้าง แต่มาจนถึงวันนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลงๆ
จริงอยู่ ว่าเค้าพยายามเทคแคร์เรา พาเราไปกินไปเที่ยว ให้ความสุขกับเรา แต่มันเป็นความสุขช่วงครั้งชั่วคราว
แต่ในวันที่เราลำบากเค้ากลับไม่อยู่ข้างเราเลย เวลาขอคำปรึกษา หรือมีความทุกข์อยากจะระบาย เค้าก็ไม่ฟัง หรือฟังก็แบบ หูทวนลม คือแบบเงียบมาก ไม่มีการตอบสนอง จนเรานึกว่าเราถือโทรศัพท์พูดคนเดียว แบบว่าไม่ตั้งใจฟังจริงๆ
หรือบางทีให้คำปรึกษาก็เป็นคำปรึกษาที่ประหลาด ที่ไม่มีใครเค้าทำกัน
อย่างเช่น
เราปรึกษาว่า เราจะต้องทำรายงาน โดยจะต้องใช้หนังสือที่ไม่มีในห้องสมุดมหาลัยเรา แต่มีอยู่ที่จุฬาฯ เราไม่มีตังค์ค่ารถไป จะทำยังไงดี?
(จริงๆ คือเราอยากจะขอตังค์ค่ารถเค้านั่นแหละ แต่เรากระดากปากที่จะพูดขอตรงๆ และอยากจะลองใจเค้าว่าจะตอบยังไง)
เค้าตอบมาว่า...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตะเองก็เดินไปสิจ๊ะ ตอนนี้ตีสาม กว่าจะเดินไปถึงจุฬาฯก็คงเช้าพอดีแหละ //น้ำเสียงจริงจัง
คือขอโทษนะคะ คือเราอยู่รังสิตค่ะ จะให้เดินไปจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถมตอนตีสามเนี่ยนะ?!!
อย่างที่เราบอกไปแล้วค่ะ แฟนเราไม่เคยพูดล้อเล่นกับใครค่ะ ทุกคำจากปากของเขาเป็นความจริงทั้งหมด...สุดท้าย วันรุ่งขึ้น เราเลยต้องยืมตังค์เพื่อนไปจุฬาฯ
คือตอนนั้นบอกตรงๆ เราโกรธและเสียใจมาก ไม่ได้เสียใจที่เค้าไม่ให้ตังค์ค่ารถ แต่โกรธและเสียใจที่เค้าเสนออะไรแบบนี้ออกมาได้
ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเราไม่สามารถทำตามได้ แล้วพอเราไม่ทำตามก็มาโกรธเรา บอกว่า ก็เค้าให้วิธีแก้ปัญหามาแล้ว ทำไมไม่ยอมทำตาม!!!
ถามจริงๆ คิดวิธีนี้ออกมาไม่เป็นห่วงเราเลยใช่มั้ย???
หรือจะเป็นตอนที่เราผ่าตัดไส้ติ่ง อยู่ที่โรงพยาบาล เราอยากให้เค้ามาเยี่ยม เค้าก็อิดออดบอกว่ามันเหนื่อยนะ ต้องปั่นจักรยาน (คนละคันกับที่หาย) ไปถึงรังสิต เรารบเร้าอยู่นาน จึงบอกว่า ขอประชุมกับ
บริษัทธุรกิจขายตรงแห่งหนึ่ง ที่ JJ Mall ก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปหา
ตอนนั้นเรานอนโรงพยาบาลคนเดียว ไม่มีญาติไม่มีเพื่อนคนไหนมาดูแล เลยเลือกอยู่ห้องรวมจะได้มีพยาบาลมาดูแลบ้าง และห้องรวมมันหมดเวลาเยี่ยมตอน 2 ทุ่ม แต่กว่าเค้าจะเลิกประชุมก็ 4 ทุ่มเข้าไปแล้ว คือเราน้อยใจมากตอนนั้น เค้าบอกว่าปั่นจักรยานมารังสิตมันเหนื่อย แต่มีแรงปั่นไปประชุมที่จตุจักร ซึ่งมันก็ห่างกันไม่กี่มากน้อยเนี่ยนะ!!! สุดท้าย เรานอนโรงพยาบาลอยู่ 5 วัน เค้าก็ไม่เคยมาเยี่ยมเราจริงๆ เราก็อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าเราไม่เป็นแค่ไส้ติ่งอักเสบ แต่เป็นหนักกว่านั้น หรืออาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เค้าจะรู้สึกยังไง ยังเห็นอีขายตรงนี่สำคัญกว่าอยู่มั้ย
จริงๆ กับเรื่อง
บริษัทธุรกิจขายตรงแห่งหนึ่ง ก็เคยทะเลาะครั้งใหญ่ครั้งนึงแล้ว เค้ามองบริษัทนี้เป็นพระเจ้า เราโกรธมากถึงขนาดที่เราถามว่า
"เธอ(จริงๆใช้สรรพนามสมัยพ่อขุนฯ)จะเลือกชั้นหรือเลือก XXX???" เค้าก็อึกอักๆ ไม่ตอบ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า จะเอาเงินจากตรงนี้มาขอเราแต่งงาน
เธอฝันไปหรือเปล่า???....ได้ข่าวว่าเธอทำมา สิบกว่าปี ยังได้เงินไม่ถึง 25000 เลยมั้ง จนสายงานที่ทำกับเขาถ้าไม่เลิกทำ ก็ได้เพชร ได้มงกุฎ อะไรของเขาไปแล้ว ตานี่ยังย่ำอยู่ที่เดิมเลยจ้า
(25000 สินสอดเราต่ำขนาดนั้นเลยเรอะ -*-)
พักหลังๆ บางครั้งไม่โทรหาเลย 2-3 วัน โทรมาก็ไม่รู้จะพูดอะไร ถ้าเราไม่ชวนคุยไว้ คุยได้ไม่ถึงนาทีก็วาง ฯลฯ (ถ้านึกออกแล้วจะมาเพิ่ม)
คือถามว่ารักเค้ามั้ย? ตอนเค้ามาจีบ ก็รู้สึกดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เอาตรงๆ มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ มันเหมือนเป็นเพื่อนกัน พี่น้องกัน ผูกพันกันแบบนั้น แต่ถ้ารู้สึกรักแบบลึกซึ้ง ขาดเค้าไม่ได้ก็คงไม่ใช่ขนาดนั้น
สรุปว่า เราควรจะคบกับคนๆนี้ต่อไปมั้ยคะ??
---------------------------------------------
อัพเดทนะคะ
ตอนนี้เค้าเรียนจบเรียบร้อยแล้วค่ะ และเรากับเค้าก็เลิกกันแล้วเรียบร้อยเหมือนกัน เค้าบอกเลิกเราก่อนด้วยสาเหตุอันสุดแสนงี่เง่า ดีค่ะ จบๆไปซะก็ดี ไม่ต้องบอกเลิกเองด้วย ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ
ถ้ามีแฟนแบบนี้...ยังควรจะคบต่อไปมั้ยคะ??
เข้าเรื่องเลยนะคะ คือว่า เรา อายุ 20 มีแฟนอายุ 35 คบกันมาได้ประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ แฟนไม่หล่อเลย หน้าตาเหมือนทอม อ้วน
แต่แฟนก็ดูรักเราดีนะคะ พาไปกิน ไปเดินห้างบ้างไรบ้าง ก็ปกติ
แฟนไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ ไม่โกหก ไม่เคยแม้กระทั่งพูดล้อเล่นกับใคร เค้าพูดแต่ความจริงเสมอ
เค้าเชื่อว่าทุกคำพูดที่ทุกคนพูดต่อกันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด (คือโลกสวยว่างั้น -*- )
และเวลาที่เราทำอะไรเปิ่นๆ แปลกๆ หรือมาหน้าสด เสื้อเชยๆ ยับๆ เค้าก็รับได้ค่ะ
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคือ มีเรื่องตะขิดตะขวงใจอยู่บางอย่าง
คืออย่างที่บอกว่าแฟนเราอายุมากพอสมควร คนรอบข้างก็คาดหวังว่า เค้าจะดูแลเราได้ แต่ในความเป็นจริงคือแทบจะไม่เลย
เพราะเค้ายังดูแลตัวเองแทบไม่ได้เลย แบบว่าอยู่กับแม่สองคน ไม่ทำงานอะไร เรียนหนังสือ ให้แม่เลี้ยงไปวันๆ คือแบบจนป่านนี้แล้วยังเรียนไม่จบ ป.ตรี ด้วยซ้ำ ในขณะที่เพื่อนๆของเค้า จบป.โท ทำงานดีๆ มีลูกมีเต้ากันไปหมดแล้ว แล้วไอ้ที่เรียนไม่จบก็ไม่ใช่ว่าต้องลำบากตรากตรำอะไรนะคะ คือเค้าขี้เกียจค่ะ วันไหนไม่อยากเรียนก็ไม่ไปเรียน บางวิชาเข้าเรียนแต่พอถึงวันสอบกลับไม่ไปสอบ อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ -*-
อ้อ...เคยทำงานเขียนหนังสืออยู่พักนึง ได้ค่าต้นฉบับมา 48000 ต่อ 2 เดือน ทำอยู่ 1 ปี เท่ากับว่า ในปีนั้นได้เงินเดือน เดือนละ 24000
แต่เค้าบอกว่า "ใช้ไม่พอ" ที่เรารู้สึกตะขิดตะขวงใจก็คือ เค้าบอกว่า เค้าใช้ไม่พอ คือเราสงสัยว่าใช้ไม่พอยังไง ในเมื่อ
บ้านก็ไม่ต้องเช่า (มีบ้านเป็นของตัวเอง อยู่กับแม่ ค่าน้ำค่าไฟก็ไม่ต้องออก) ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ (แม่ทำให้กินทุกวัน แถมวันๆไม่ค่อยได้ออกไปไหน ข้าวนอกบ้านแทบไม่ได้กิน) ค่าเทอมแม่ก็เป็นคนออก ครอบครัวก็ยังไม่มี (ก็คบกับตรูอยู่นี่ไง) ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆ ก็แค่ค่าโทรศัพท์ กับค่าอินเตอร์เน็ต รวมแล้วไม่ถึง 2000 แล้วรู้มั้ยคะ ว่าเงินมันหมดไปกับอะไร...
ซื้อหนังสือการ์ตูน
- โอเค..เป็นความชอบตั้งแต่เด็ก พอรับได้
ซื้อรองเท้าสเก็ตคู่ละ 20000
- ซึ่งซื้อมาแล้วก็แทบไม่ได้เล่น เรียกว่าเล่นแทบไม่เป็นเลยดีกว่า เห่ออยู่พักเดียวก็ทิ้ง ก็ไม่เข้าใจว่าจะซื้อแพงไปทำไม ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองไม่คิดจะเล่นจริงจังอะไร แบบว่าเล่นสู่รุ่นน้องเราที่ใช้คู่ละ 3500 ไม่ได้เลย -*-
ซื้อจักรยานคันละ 20000
- แล้วก็ไปจอดซี้ซั๊ว ล่อตาโจร ก็เลยหาย
ซื้อเครื่องเล่น mp3 ราคาเป็นพัน
- ก็ไปทำตกหายในฟิตเนสซะ
สมัครสมาชิกฟิตเนส เดือนละ 2000
- ก็ไม่ไปเล่นจริงๆจังๆอะไร ส่วนใหญ่ไปเข้าห้องน้ำ และไปนั่งดื่มน้ำอัดลมฟรี ทุกวันนี้ก็อ้วนเหมือนเดิม
ฯลฯ
คืออะไรที่ซื้อไปนี่ แทบไม่เห็นประโยชน์เลย -*- ถ้าเป็นคนอื่นอายุเท่านี้ มีเงินเท่านี้ คงพยายามลงทุนทำอะไรสักอย่าง สร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้ว
โอเค ในท้ายที่สุด เราก็ถือว่ามันเป็นเงินของเค้า เค้ามีสิทธิ์จะจัดการยังไงก็ได้ และคือตอนคบกันใหม่ๆ เรายังเด็ก ก็หวังว่าข้อเสียอะไรที่มองเห็น น่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกันบ้าง แต่มาจนถึงวันนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลงๆ
จริงอยู่ ว่าเค้าพยายามเทคแคร์เรา พาเราไปกินไปเที่ยว ให้ความสุขกับเรา แต่มันเป็นความสุขช่วงครั้งชั่วคราว
แต่ในวันที่เราลำบากเค้ากลับไม่อยู่ข้างเราเลย เวลาขอคำปรึกษา หรือมีความทุกข์อยากจะระบาย เค้าก็ไม่ฟัง หรือฟังก็แบบ หูทวนลม คือแบบเงียบมาก ไม่มีการตอบสนอง จนเรานึกว่าเราถือโทรศัพท์พูดคนเดียว แบบว่าไม่ตั้งใจฟังจริงๆ
หรือบางทีให้คำปรึกษาก็เป็นคำปรึกษาที่ประหลาด ที่ไม่มีใครเค้าทำกัน
อย่างเช่น
เราปรึกษาว่า เราจะต้องทำรายงาน โดยจะต้องใช้หนังสือที่ไม่มีในห้องสมุดมหาลัยเรา แต่มีอยู่ที่จุฬาฯ เราไม่มีตังค์ค่ารถไป จะทำยังไงดี?
(จริงๆ คือเราอยากจะขอตังค์ค่ารถเค้านั่นแหละ แต่เรากระดากปากที่จะพูดขอตรงๆ และอยากจะลองใจเค้าว่าจะตอบยังไง)
เค้าตอบมาว่า...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่างที่เราบอกไปแล้วค่ะ แฟนเราไม่เคยพูดล้อเล่นกับใครค่ะ ทุกคำจากปากของเขาเป็นความจริงทั้งหมด...สุดท้าย วันรุ่งขึ้น เราเลยต้องยืมตังค์เพื่อนไปจุฬาฯ
คือตอนนั้นบอกตรงๆ เราโกรธและเสียใจมาก ไม่ได้เสียใจที่เค้าไม่ให้ตังค์ค่ารถ แต่โกรธและเสียใจที่เค้าเสนออะไรแบบนี้ออกมาได้
ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเราไม่สามารถทำตามได้ แล้วพอเราไม่ทำตามก็มาโกรธเรา บอกว่า ก็เค้าให้วิธีแก้ปัญหามาแล้ว ทำไมไม่ยอมทำตาม!!!
ถามจริงๆ คิดวิธีนี้ออกมาไม่เป็นห่วงเราเลยใช่มั้ย???
หรือจะเป็นตอนที่เราผ่าตัดไส้ติ่ง อยู่ที่โรงพยาบาล เราอยากให้เค้ามาเยี่ยม เค้าก็อิดออดบอกว่ามันเหนื่อยนะ ต้องปั่นจักรยาน (คนละคันกับที่หาย) ไปถึงรังสิต เรารบเร้าอยู่นาน จึงบอกว่า ขอประชุมกับ บริษัทธุรกิจขายตรงแห่งหนึ่ง ที่ JJ Mall ก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปหา
ตอนนั้นเรานอนโรงพยาบาลคนเดียว ไม่มีญาติไม่มีเพื่อนคนไหนมาดูแล เลยเลือกอยู่ห้องรวมจะได้มีพยาบาลมาดูแลบ้าง และห้องรวมมันหมดเวลาเยี่ยมตอน 2 ทุ่ม แต่กว่าเค้าจะเลิกประชุมก็ 4 ทุ่มเข้าไปแล้ว คือเราน้อยใจมากตอนนั้น เค้าบอกว่าปั่นจักรยานมารังสิตมันเหนื่อย แต่มีแรงปั่นไปประชุมที่จตุจักร ซึ่งมันก็ห่างกันไม่กี่มากน้อยเนี่ยนะ!!! สุดท้าย เรานอนโรงพยาบาลอยู่ 5 วัน เค้าก็ไม่เคยมาเยี่ยมเราจริงๆ เราก็อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าเราไม่เป็นแค่ไส้ติ่งอักเสบ แต่เป็นหนักกว่านั้น หรืออาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เค้าจะรู้สึกยังไง ยังเห็นอีขายตรงนี่สำคัญกว่าอยู่มั้ย
จริงๆ กับเรื่อง บริษัทธุรกิจขายตรงแห่งหนึ่ง ก็เคยทะเลาะครั้งใหญ่ครั้งนึงแล้ว เค้ามองบริษัทนี้เป็นพระเจ้า เราโกรธมากถึงขนาดที่เราถามว่า
"เธอ(จริงๆใช้สรรพนามสมัยพ่อขุนฯ)จะเลือกชั้นหรือเลือก XXX???" เค้าก็อึกอักๆ ไม่ตอบ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า จะเอาเงินจากตรงนี้มาขอเราแต่งงาน
เธอฝันไปหรือเปล่า???....ได้ข่าวว่าเธอทำมา สิบกว่าปี ยังได้เงินไม่ถึง 25000 เลยมั้ง จนสายงานที่ทำกับเขาถ้าไม่เลิกทำ ก็ได้เพชร ได้มงกุฎ อะไรของเขาไปแล้ว ตานี่ยังย่ำอยู่ที่เดิมเลยจ้า
(25000 สินสอดเราต่ำขนาดนั้นเลยเรอะ -*-)
พักหลังๆ บางครั้งไม่โทรหาเลย 2-3 วัน โทรมาก็ไม่รู้จะพูดอะไร ถ้าเราไม่ชวนคุยไว้ คุยได้ไม่ถึงนาทีก็วาง ฯลฯ (ถ้านึกออกแล้วจะมาเพิ่ม)
คือถามว่ารักเค้ามั้ย? ตอนเค้ามาจีบ ก็รู้สึกดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เอาตรงๆ มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ มันเหมือนเป็นเพื่อนกัน พี่น้องกัน ผูกพันกันแบบนั้น แต่ถ้ารู้สึกรักแบบลึกซึ้ง ขาดเค้าไม่ได้ก็คงไม่ใช่ขนาดนั้น
สรุปว่า เราควรจะคบกับคนๆนี้ต่อไปมั้ยคะ??
---------------------------------------------
อัพเดทนะคะ
ตอนนี้เค้าเรียนจบเรียบร้อยแล้วค่ะ และเรากับเค้าก็เลิกกันแล้วเรียบร้อยเหมือนกัน เค้าบอกเลิกเราก่อนด้วยสาเหตุอันสุดแสนงี่เง่า ดีค่ะ จบๆไปซะก็ดี ไม่ต้องบอกเลิกเองด้วย ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ