ยาคุมกำเนิด ภัยใกล้ตัวที่อันตรายกว่าที่คิด อยากให้ผู้หญิงหลายๆคนได้อ่านก่อนที่จะตัดสินใจทานยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมน คุณผู้ชายที่มีแฟนทานยาคุมอยู่หรือกำลังจะให้แฟนหยุดยาคุมก็อยากให้อ่านไว้ค่ะ
ดิฉันทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันมาเกือบ 1 ปี เหตุผลที่ตัดสินใจเริ่มทานคือต้องการจะลดอาการปวดท้องประจำเดือนและอาการ PMS หรือ premenstrual syndrome เช่นอาการปวดหลัง คลื่นไส้ ปวดหัว เหนื่อยง่ายทั้งหลาย ผู้หญิงบางคนอาจจะมีอาการนี้มากกว่าคนอื่นๆ แต่สำหรับดิฉัน อาการ PMS ค่อนข้างหนักและส่งผลต่อสังคมและคนรอบข้าง ประจำเดือนมาไม่ปกติ บางครั้งมาทุกครึ่งเดือน บางครั้งมาสองเดือนที แต่หลังจากทานยาคุมไปเดือนสองเดือนแล้ว อาการ PMS ลดลงมาก ยาคุมที่ทานคือ Mycrogynon 30 ชนิดมีตัวยา 21 เม็ดกับ Placebo pills ที่ไม่มีตัวยา 7 เม็ด ตั้งแต่เริ่มทานยามา ประจำเดือนมาปกติทุกเดือน ช่วงที่ทาน Placebo pills หรือช่วง Withdrawal period (ประจำเดือนจะมาประมาณวันที่ 3 ของช่วงที่ทาน Placebo pills) ช่วงแรกๆที่ทานยาคุม รู้สึกได้ว่าชีวิตดีขึ้นมากเพราะไม่ต้องทนกับอาการหงุดหงิดง่ายก่อนมีประจำเดือนอีกต่อไป อาจจะมีอาการ PMS บ้างเล็กน้อย แต่ก็จะเป็นแค่ช่วงสองสามวันก่อนประจำเดือนมา อย่างน้อยก็รู้ล่วงหน้าว่ามันจะมาเมื่อไหร่ เตรียมตัวเตรียมใจได้ก่อน ไม่เหมือนตอนก่อนทานยาคุมที่เดาไม่ถูกว่าอาการ PMS จะมาเมื่อไหร่
ผ่านไปเกือบหนึ่งปี ประจำเดือนมาปกติทุกเเดิอน ดิฉันตัดสินใจหยุดยา เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องทานอีก ประจำเดือนมาเป็นปกติและ PMS น้อยลงมาก และได้อ่านบทความหนึ่งที่ว่า ยาคุมกำเนิดส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดลง ดิฉันจึงตัดสินใจหยุดยาโดยหวังว่า ความสัมพันธ์กับแฟนจะกระชุ่มกระชวยขึ้น (ช่วงที่ทานยาคุม ความต้องการทางเพศน้อยลงมากกว่าช่วงก่อนทานยาคุม) สามสี่วันหลังจากหยุดยา เริ่มมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง และใจเต้นแรงแบบไม่มีเหตุผล มีอาการซึมเศร้าหลังจากตื่นนอน ร้องไห้ไม่มีเหตุผล จากที่เคยเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสมองโลกในแง่ดี กลับเป็นคนเก็บตัวและกลัวการเข้าสังคมพบประเพื่อนๆ ดิฉันตัดสินใจกลับไปทานยาคุมอีกครั้งหนึ่งหลังหยุดทานไปสามอาทิตย์ โดยที่ไม่ได้รอให้ประจำเดือนปกติมาก่อน หลังจากกลับไปทานยาคุม อาการที่ว่าก็ไม่หายไป อาทิตย์ที่สองหลังจากทานยามีอาการคันและระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ อาการทุกอย่างเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในช่วงอาทิตย์ที่สอง ดิฉันเข้าพบแพทย์เนื่องจากอาการคันรุนแรงมากจนนอนไม่หลับ หมอบอกว่าดิฉันมีอาการ Yeast infection หรือที่เรียกว่า vaginal thrush และอาการนี้อาจมีผลมาจากตัวยาในยาคุมกำเนิด อาการปวดหัวและความเครียดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ดิฉันตัดสินใจหยุดยาคุมอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้บอกตัวเองว่าจะไม่กลับไปกินยาอันตรายตัวนี้อีกแล้ว ตอนนี้เป็นอาการทิตย์ที่สามหลังจากหยุดยาคุม อาการระคายเคืองที่อวัยวะเพศหายดีแล้วเนื่องจากทานยาที่ได้รับจากหมอ แต่อาการวิตกกังวลยังไม่หายไป จากที่เคยเป็นคนสุขภาพดี ออกกำลังกายเป็นประจำ ตอนนี้ร่างกายทรุดโทรม สิวขึ้น ปวดหัวคล้ายไมเกรน เป็นโรคกระเพาะเพราะเครียด พยายามออกกำลังกายให้เหมือนปกติที่เคยทำเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ค่อยจะมีแรง อาการวิตกกังวลเรื่องความสัมพันธ์กับแฟนหนักขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนโดยที่แฟนไม่ได้ทำตัวเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเลยแม้แต่น้อย บางครั้งเดินๆอยู่ ความรู้สึกกังวลว่าแฟนเหมือนอยากจะบอกเลิกกับเราก็เด้งขึ้นมาในหัว ใจเต้นแรง หายใจไม่ค่อยสะดวก หายใจสั้นๆจนบางครั้งเจ็บหน้าอก คลื่นไส้ ดิฉันรู้เลยว่า อาการที่เป็นอยู่ไม่ใช่ตัวเอง และเริ่มศึกษาหาต้นเหตุของความรู้สึกและอาการที่กำลังเป็นอยู่
อาทิตย์ที่ผ่านมาดิฉันเริ่มหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ได้รู้ว่า อาการที่ตัวเองเป็นอยู่ เป็นอาการที่ผู้หญิงทั่วโลกเจอหลังจากหยุดยาคุมกำเนิดชนิดมีฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหนก็ตาม เป็นอาการที่แทบทุกคนจะต้องเจอหลังจากหยุดยาคุมกำเนิด บางคนอาจจะเริ่มรู้สึกถึงอาการต่างๆที่ดิฉันด้านบน หลังจากหยุดยาไปสองเดือน บางคนมีอาการตั้งแต่อาทิตย์แรกที่หยุดยา บางคนอาจจะสามถึงสี่เดือนหลังหยุดยา และอาการเหล่านี้ จะหายไปภายใน 3-6 เดือน หรือสำหรับบางคน 1 ปี เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาปรับตัวกับการสร้างฮอร์โมนที่เคยได้รับจากยาคุม สำหรับบางคน อาการอาจจะหนักแค่เดือนแรกและจะเริ่มดีขึ้นช่วงที่ไข่ตก และหนักขึ้นช่วงก่อนประจำเดือนมา อาการที่แทบทุกคนเจอคือ Anxiety disorder หรือวิตกกังวล บางคนอาจจะรุนแรงจนมีอาการ Anxiety Panic ตกใจตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน ใจเต้นแรงตลอดทั้งวันโดยไม่มีเหตุผล หากมีอาการวิตกกังวลติดต่อกันไปนานๆก็จะเริ่มมีอาการ Depression หรือโรคซึมเศร้า ตัวดิฉันเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมาตลอด ทำสมาธิ ออกกำลังกาย เล่นโยคะสม่ำเสมอ ในช่วงที่มีอาการ Depression ดิฉันเริ่มมีความคิดด้านลบมากขึ้น กิจกรรมที่เคยทำแล้วมีความสุข ดิฉันก็หมดความกระตือรือร้นที่จะทำ แต่ดิฉันก็มีความรู้สึกลึกๆได้ว่า อาการทั้งหมดที่เป็นอยู่ ความคิดหลายๆอย่างตอนนี้ที่อยู่ดีๆก็เด้งขึ้นมาในหัวมันไม่ใช่ตัวดิฉัน เพราะชีวิตทุกย่างตอนนี้ของดิฉันไม่มีปัญหาอะไร ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์ (หลังจากหยุดยาคุม ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด) ดิฉันจึงสรุปด้วยตัวเองว่าความเครียดและความกังวลที่เป็นอยู่เป็นผลมาจากการหยุดยาคุมกำเนิด บางคนอาจจะแนะนำให้กลับไปทานยาคุมอีกครั้ง แต่สำหรับดิฉันแล้ว ไม่มีทางกลับไปทานยาอันตรายตัวนี้อีกต่อไปแน่นอน
สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ดิฉันเริ่มรับประทานวิตามินเสริมหลายชนิดที่ช่วยลดอาการ Anxiety และ Depression ค่ะ คือไม่คิดว่าตัวเองจะกลายมาเป็นพวกบ้าวิตามินได้ขนาดนี้ คือแต่ก่อนไม่เคยเชื่อเลยว่าวิตามินพวกนี้จะช่วยได้จริงๆ แต่เนื่องจากตอนนี้ ดิฉันไม่รู้จะพึ่งอะไรอีกแล้วนอกจากการทานอาหารเสริม ออกกำลังกาย และคิดบวกอยู่ตลอดเวลา Anti-depressant pills จะเป็นทางเลือกสุดท้ายของดิฉัน (สามปีก่อนดิฉันเคยมีประวัติโรคซึมเศร้าและทาน Anti-depressant pills สองตัว มีแต่ผลข้างเคียงที่รุนแรงจนต้องเลิกทานไปตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ทาน เนื่องจากมีประสบการณ์โรคซึมเศร้ามาก่อน ดิฉันรู้ดีว่าอาการของโรคเป็นอย่างไร และรู้ว่าต้องคิดอย่างไรถึงจะไม่ตกหลุมลงไปในอารมณ์ทุกข์และความซึมเศร้ารุนแรง อาการซึมเศร้าครั้งนี้จึงไม่รุนแรงมาก เพราะตัวเองรู้วิธีคิด วิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองตกหลุมพรางของความคิดลบเหมือนช่วงสามปีที่แล้วอีก) ข้างล่างนี้เป็นลิสต์อาหารเสริมที่ดิฉันทานอยู่ค่ะ
1. Omega 3 Fish Oil : จากผลการวิจัย คนที่มีอาการซึมเศร้าจะขาด Omega 3 acid มากกว่าคนปกติ สารอาหารตัวนี้จึงสำคัญมากสำหรับการรักษาโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ทานวันละ 3-5 แคปซูล พร้อมอาหาร (หนึ่งแคปซูลมี Omega 3 fatty acid 900mg, EPA 540mg, DHA 350mg) ตัวที่ทานอยู่เป็นของ Holland & Barrett ค่ะ
2. Vitamin B-Complex : คือวิตามิน B รวม คือมีทั้ง B1, B2, B6, B12 และ Folic Acid ซึ่งช่วยในเรื่องอารมณ์วิตกกังวล ลดความล้าและความรู้สึกอ่อนเพลียซึ่งเกิดขึ้นจากอาการซึมเศร้า ตัวนี้ทานตามโดสที่บอกไว้ข้างขวดหรือมากกว่านั้นได้โดยไม่มีผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมเรื่องจำนวนโดสที่ควรทานค่ะ
3. Magnesium Citrate ช่วยลดอาการวิตกกังวล
4. L-Theanine & Lemon Balm ลดความเครียดและความวิตกกังวล
5. Passionflower ช่วยเรื่องอาการวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นค่ะ
6. Vitamin D3 : เนื่องจากดิฉันอยู่ในประเทศที่ไม่ค่อยจะมีแดด วิตามินตัวนี้จึงสำคัญมาก ช่วยลดอาการซึมเศร้าที่เกิดจาก SAD หรือ Seasonal affective disorder ซึ่งเป็นอาการซึมเศร้าที่เกิดขึ้นมากในประเทศที่ได้รับแสงแดดตามธรรมชาติไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายขาดวิตามิน D จากแสงแดด วิธีที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมคือการรักษาโรคซึมเศร้าด้วยแสงไฟ โคมไฟและหลอดไฟพิเศษสำหรับรักษา SAD มีขายตามห้ามสรรพสินค้าหรือตามอินเตอร์เน็ตค่ะ แต่สำหรับประเทศไทยคิดว่าทุกคนคงได้รับแสงแดดเพียงพออยู่แล้ว การออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่นวิ่งจ็อกกิ้งในสวน หรือเต้นแอโรบิคกลางแจ้งช่วยรักษาอาการซึมเศร้าได้มากๆค่ะ
7. Evening Primrose Oil ช่วยลดอาการ PMS
8. 5-HTP ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ลดไมเกรน ลดอาการ PMS และลดอาการวิตกกังวล
9. Calcium กับ Vitamin C : ไม่ได้ช่วยทางตรง แต่จากการวิจัย คนที่เป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลมักจะขาดสารอาหารสองตัวนี้ค่ะ
10. นอกจากทานอาหารเสริมแล้ว อาหารการกินปกติก็ต้อง Clean ด้วยค่ะ หยุดทานเครื่องดื่มมึนเมา ทั้งเบียร์ เหล้า ไวน์ ลดกาแฟและคาเฟอีนที่มีแต่จะทำให้ใจเต้นแรงขึ้นและเพิ่มอาการ Anxiety ลดอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในประมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป ทานผักผลไม้ที่ช่วยเรื่องอาการวิตกกังวล เช่น Spinach มะเขือเทศ กล้วย หรือดื่มชาที่ไม่มีคาเฟอีนเช่นชา คาโมไมล์ หรือชาที่มีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ถั่ว เช่น Walnuts หรือเนื้อสัตว์จำพวกไก่และเนื้อวัว จากการวิจัย ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ประมาณหนึ่งค่ะ
11. Cannabis / Weed / Marijuana : ใช้รักษาโรค Depression ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีผลการวิจัยบางอันที่บอกว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักจะมีสารเหล่านี้ในร่างกายมากกว่าคนปกติ เลยสรุปว่า โรคซึมเศร้าอาจเกิดจากการรับสารเสพติดเหล่านี้เข้าไป แต่ก็มีผลการวิจัยใหม่บอกว่า กัญชาอาจช่วยรักษาอาการซึมเศร้าให้ทุเลาลงได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผลการสำรวจออกมาว่าคนที่ติดกัญชามักจะเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากโรคซึมเศร้า ทำให้คนเหล่านั้นหาหนทางรักษาอาการเหล่านั้น โดยการเสพกัญชา แต่ต้องเป็นในปริมาณน้อยเท่านั้น เพราะหากมากเกินไปอาจเกิดอาการเสพติดและมีผลข้างเคียงตามมาได้ค่ะ
หวังว่าข้อมูลข้างบนจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้หญิงหลายๆคน รวมถึงคนทั่วไปที่กำลังต่อสู้กับโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้านะคะ ที่สำคัญคือต้องคิดบวกอยู่ตลอดเวลา ต้องฉุดตัวเองขึ้นให้ทันเวลาก่อนที่ความคิดลบที่ไม่ใช่ตัวเราจะฉุดเราลงไปในหลุมของความซึมเศร้า ดิฉันเคยตกลงไปในหลุมนั้นมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขึ้นมาข้างบนตรงนี้ การหัดมองโลกในแง่ดี หาคนปรึกษา หรือเขียนบันทึกประจำวันช่วยได้มากๆค่ะ หากใครมีประสบการณ์อะไรที่ช่วยในการรักษาโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้าตามธรรมชาติโดยไม่ใช้ยา มาแชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ
เตือนภัยผู้หญิง! ยาคุมกำเนิดกับผลข้างเคียงรุนแรง โรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้าหลังหยุดยา
ดิฉันทานยาคุมกำเนิดติดต่อกันมาเกือบ 1 ปี เหตุผลที่ตัดสินใจเริ่มทานคือต้องการจะลดอาการปวดท้องประจำเดือนและอาการ PMS หรือ premenstrual syndrome เช่นอาการปวดหลัง คลื่นไส้ ปวดหัว เหนื่อยง่ายทั้งหลาย ผู้หญิงบางคนอาจจะมีอาการนี้มากกว่าคนอื่นๆ แต่สำหรับดิฉัน อาการ PMS ค่อนข้างหนักและส่งผลต่อสังคมและคนรอบข้าง ประจำเดือนมาไม่ปกติ บางครั้งมาทุกครึ่งเดือน บางครั้งมาสองเดือนที แต่หลังจากทานยาคุมไปเดือนสองเดือนแล้ว อาการ PMS ลดลงมาก ยาคุมที่ทานคือ Mycrogynon 30 ชนิดมีตัวยา 21 เม็ดกับ Placebo pills ที่ไม่มีตัวยา 7 เม็ด ตั้งแต่เริ่มทานยามา ประจำเดือนมาปกติทุกเดือน ช่วงที่ทาน Placebo pills หรือช่วง Withdrawal period (ประจำเดือนจะมาประมาณวันที่ 3 ของช่วงที่ทาน Placebo pills) ช่วงแรกๆที่ทานยาคุม รู้สึกได้ว่าชีวิตดีขึ้นมากเพราะไม่ต้องทนกับอาการหงุดหงิดง่ายก่อนมีประจำเดือนอีกต่อไป อาจจะมีอาการ PMS บ้างเล็กน้อย แต่ก็จะเป็นแค่ช่วงสองสามวันก่อนประจำเดือนมา อย่างน้อยก็รู้ล่วงหน้าว่ามันจะมาเมื่อไหร่ เตรียมตัวเตรียมใจได้ก่อน ไม่เหมือนตอนก่อนทานยาคุมที่เดาไม่ถูกว่าอาการ PMS จะมาเมื่อไหร่
ผ่านไปเกือบหนึ่งปี ประจำเดือนมาปกติทุกเเดิอน ดิฉันตัดสินใจหยุดยา เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องทานอีก ประจำเดือนมาเป็นปกติและ PMS น้อยลงมาก และได้อ่านบทความหนึ่งที่ว่า ยาคุมกำเนิดส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดลง ดิฉันจึงตัดสินใจหยุดยาโดยหวังว่า ความสัมพันธ์กับแฟนจะกระชุ่มกระชวยขึ้น (ช่วงที่ทานยาคุม ความต้องการทางเพศน้อยลงมากกว่าช่วงก่อนทานยาคุม) สามสี่วันหลังจากหยุดยา เริ่มมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง และใจเต้นแรงแบบไม่มีเหตุผล มีอาการซึมเศร้าหลังจากตื่นนอน ร้องไห้ไม่มีเหตุผล จากที่เคยเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใสมองโลกในแง่ดี กลับเป็นคนเก็บตัวและกลัวการเข้าสังคมพบประเพื่อนๆ ดิฉันตัดสินใจกลับไปทานยาคุมอีกครั้งหนึ่งหลังหยุดทานไปสามอาทิตย์ โดยที่ไม่ได้รอให้ประจำเดือนปกติมาก่อน หลังจากกลับไปทานยาคุม อาการที่ว่าก็ไม่หายไป อาทิตย์ที่สองหลังจากทานยามีอาการคันและระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ อาการทุกอย่างเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆในช่วงอาทิตย์ที่สอง ดิฉันเข้าพบแพทย์เนื่องจากอาการคันรุนแรงมากจนนอนไม่หลับ หมอบอกว่าดิฉันมีอาการ Yeast infection หรือที่เรียกว่า vaginal thrush และอาการนี้อาจมีผลมาจากตัวยาในยาคุมกำเนิด อาการปวดหัวและความเครียดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ดิฉันตัดสินใจหยุดยาคุมอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้บอกตัวเองว่าจะไม่กลับไปกินยาอันตรายตัวนี้อีกแล้ว ตอนนี้เป็นอาการทิตย์ที่สามหลังจากหยุดยาคุม อาการระคายเคืองที่อวัยวะเพศหายดีแล้วเนื่องจากทานยาที่ได้รับจากหมอ แต่อาการวิตกกังวลยังไม่หายไป จากที่เคยเป็นคนสุขภาพดี ออกกำลังกายเป็นประจำ ตอนนี้ร่างกายทรุดโทรม สิวขึ้น ปวดหัวคล้ายไมเกรน เป็นโรคกระเพาะเพราะเครียด พยายามออกกำลังกายให้เหมือนปกติที่เคยทำเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ค่อยจะมีแรง อาการวิตกกังวลเรื่องความสัมพันธ์กับแฟนหนักขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนโดยที่แฟนไม่ได้ทำตัวเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเลยแม้แต่น้อย บางครั้งเดินๆอยู่ ความรู้สึกกังวลว่าแฟนเหมือนอยากจะบอกเลิกกับเราก็เด้งขึ้นมาในหัว ใจเต้นแรง หายใจไม่ค่อยสะดวก หายใจสั้นๆจนบางครั้งเจ็บหน้าอก คลื่นไส้ ดิฉันรู้เลยว่า อาการที่เป็นอยู่ไม่ใช่ตัวเอง และเริ่มศึกษาหาต้นเหตุของความรู้สึกและอาการที่กำลังเป็นอยู่
อาทิตย์ที่ผ่านมาดิฉันเริ่มหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ได้รู้ว่า อาการที่ตัวเองเป็นอยู่ เป็นอาการที่ผู้หญิงทั่วโลกเจอหลังจากหยุดยาคุมกำเนิดชนิดมีฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหนก็ตาม เป็นอาการที่แทบทุกคนจะต้องเจอหลังจากหยุดยาคุมกำเนิด บางคนอาจจะเริ่มรู้สึกถึงอาการต่างๆที่ดิฉันด้านบน หลังจากหยุดยาไปสองเดือน บางคนมีอาการตั้งแต่อาทิตย์แรกที่หยุดยา บางคนอาจจะสามถึงสี่เดือนหลังหยุดยา และอาการเหล่านี้ จะหายไปภายใน 3-6 เดือน หรือสำหรับบางคน 1 ปี เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาปรับตัวกับการสร้างฮอร์โมนที่เคยได้รับจากยาคุม สำหรับบางคน อาการอาจจะหนักแค่เดือนแรกและจะเริ่มดีขึ้นช่วงที่ไข่ตก และหนักขึ้นช่วงก่อนประจำเดือนมา อาการที่แทบทุกคนเจอคือ Anxiety disorder หรือวิตกกังวล บางคนอาจจะรุนแรงจนมีอาการ Anxiety Panic ตกใจตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน ใจเต้นแรงตลอดทั้งวันโดยไม่มีเหตุผล หากมีอาการวิตกกังวลติดต่อกันไปนานๆก็จะเริ่มมีอาการ Depression หรือโรคซึมเศร้า ตัวดิฉันเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมาตลอด ทำสมาธิ ออกกำลังกาย เล่นโยคะสม่ำเสมอ ในช่วงที่มีอาการ Depression ดิฉันเริ่มมีความคิดด้านลบมากขึ้น กิจกรรมที่เคยทำแล้วมีความสุข ดิฉันก็หมดความกระตือรือร้นที่จะทำ แต่ดิฉันก็มีความรู้สึกลึกๆได้ว่า อาการทั้งหมดที่เป็นอยู่ ความคิดหลายๆอย่างตอนนี้ที่อยู่ดีๆก็เด้งขึ้นมาในหัวมันไม่ใช่ตัวดิฉัน เพราะชีวิตทุกย่างตอนนี้ของดิฉันไม่มีปัญหาอะไร ทั้งเรื่องเพื่อน เรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์ (หลังจากหยุดยาคุม ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด) ดิฉันจึงสรุปด้วยตัวเองว่าความเครียดและความกังวลที่เป็นอยู่เป็นผลมาจากการหยุดยาคุมกำเนิด บางคนอาจจะแนะนำให้กลับไปทานยาคุมอีกครั้ง แต่สำหรับดิฉันแล้ว ไม่มีทางกลับไปทานยาอันตรายตัวนี้อีกต่อไปแน่นอน
สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ดิฉันเริ่มรับประทานวิตามินเสริมหลายชนิดที่ช่วยลดอาการ Anxiety และ Depression ค่ะ คือไม่คิดว่าตัวเองจะกลายมาเป็นพวกบ้าวิตามินได้ขนาดนี้ คือแต่ก่อนไม่เคยเชื่อเลยว่าวิตามินพวกนี้จะช่วยได้จริงๆ แต่เนื่องจากตอนนี้ ดิฉันไม่รู้จะพึ่งอะไรอีกแล้วนอกจากการทานอาหารเสริม ออกกำลังกาย และคิดบวกอยู่ตลอดเวลา Anti-depressant pills จะเป็นทางเลือกสุดท้ายของดิฉัน (สามปีก่อนดิฉันเคยมีประวัติโรคซึมเศร้าและทาน Anti-depressant pills สองตัว มีแต่ผลข้างเคียงที่รุนแรงจนต้องเลิกทานไปตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ทาน เนื่องจากมีประสบการณ์โรคซึมเศร้ามาก่อน ดิฉันรู้ดีว่าอาการของโรคเป็นอย่างไร และรู้ว่าต้องคิดอย่างไรถึงจะไม่ตกหลุมลงไปในอารมณ์ทุกข์และความซึมเศร้ารุนแรง อาการซึมเศร้าครั้งนี้จึงไม่รุนแรงมาก เพราะตัวเองรู้วิธีคิด วิธีป้องกันไม่ให้ตัวเองตกหลุมพรางของความคิดลบเหมือนช่วงสามปีที่แล้วอีก) ข้างล่างนี้เป็นลิสต์อาหารเสริมที่ดิฉันทานอยู่ค่ะ
1. Omega 3 Fish Oil : จากผลการวิจัย คนที่มีอาการซึมเศร้าจะขาด Omega 3 acid มากกว่าคนปกติ สารอาหารตัวนี้จึงสำคัญมากสำหรับการรักษาโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ทานวันละ 3-5 แคปซูล พร้อมอาหาร (หนึ่งแคปซูลมี Omega 3 fatty acid 900mg, EPA 540mg, DHA 350mg) ตัวที่ทานอยู่เป็นของ Holland & Barrett ค่ะ
2. Vitamin B-Complex : คือวิตามิน B รวม คือมีทั้ง B1, B2, B6, B12 และ Folic Acid ซึ่งช่วยในเรื่องอารมณ์วิตกกังวล ลดความล้าและความรู้สึกอ่อนเพลียซึ่งเกิดขึ้นจากอาการซึมเศร้า ตัวนี้ทานตามโดสที่บอกไว้ข้างขวดหรือมากกว่านั้นได้โดยไม่มีผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมเรื่องจำนวนโดสที่ควรทานค่ะ
3. Magnesium Citrate ช่วยลดอาการวิตกกังวล
4. L-Theanine & Lemon Balm ลดความเครียดและความวิตกกังวล
5. Passionflower ช่วยเรื่องอาการวิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นค่ะ
6. Vitamin D3 : เนื่องจากดิฉันอยู่ในประเทศที่ไม่ค่อยจะมีแดด วิตามินตัวนี้จึงสำคัญมาก ช่วยลดอาการซึมเศร้าที่เกิดจาก SAD หรือ Seasonal affective disorder ซึ่งเป็นอาการซึมเศร้าที่เกิดขึ้นมากในประเทศที่ได้รับแสงแดดตามธรรมชาติไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายขาดวิตามิน D จากแสงแดด วิธีที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมคือการรักษาโรคซึมเศร้าด้วยแสงไฟ โคมไฟและหลอดไฟพิเศษสำหรับรักษา SAD มีขายตามห้ามสรรพสินค้าหรือตามอินเตอร์เน็ตค่ะ แต่สำหรับประเทศไทยคิดว่าทุกคนคงได้รับแสงแดดเพียงพออยู่แล้ว การออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่นวิ่งจ็อกกิ้งในสวน หรือเต้นแอโรบิคกลางแจ้งช่วยรักษาอาการซึมเศร้าได้มากๆค่ะ
7. Evening Primrose Oil ช่วยลดอาการ PMS
8. 5-HTP ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ลดไมเกรน ลดอาการ PMS และลดอาการวิตกกังวล
9. Calcium กับ Vitamin C : ไม่ได้ช่วยทางตรง แต่จากการวิจัย คนที่เป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลมักจะขาดสารอาหารสองตัวนี้ค่ะ
10. นอกจากทานอาหารเสริมแล้ว อาหารการกินปกติก็ต้อง Clean ด้วยค่ะ หยุดทานเครื่องดื่มมึนเมา ทั้งเบียร์ เหล้า ไวน์ ลดกาแฟและคาเฟอีนที่มีแต่จะทำให้ใจเต้นแรงขึ้นและเพิ่มอาการ Anxiety ลดอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ในประมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป ทานผักผลไม้ที่ช่วยเรื่องอาการวิตกกังวล เช่น Spinach มะเขือเทศ กล้วย หรือดื่มชาที่ไม่มีคาเฟอีนเช่นชา คาโมไมล์ หรือชาที่มีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ถั่ว เช่น Walnuts หรือเนื้อสัตว์จำพวกไก่และเนื้อวัว จากการวิจัย ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ประมาณหนึ่งค่ะ
11. Cannabis / Weed / Marijuana : ใช้รักษาโรค Depression ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีผลการวิจัยบางอันที่บอกว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักจะมีสารเหล่านี้ในร่างกายมากกว่าคนปกติ เลยสรุปว่า โรคซึมเศร้าอาจเกิดจากการรับสารเสพติดเหล่านี้เข้าไป แต่ก็มีผลการวิจัยใหม่บอกว่า กัญชาอาจช่วยรักษาอาการซึมเศร้าให้ทุเลาลงได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผลการสำรวจออกมาว่าคนที่ติดกัญชามักจะเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากโรคซึมเศร้า ทำให้คนเหล่านั้นหาหนทางรักษาอาการเหล่านั้น โดยการเสพกัญชา แต่ต้องเป็นในปริมาณน้อยเท่านั้น เพราะหากมากเกินไปอาจเกิดอาการเสพติดและมีผลข้างเคียงตามมาได้ค่ะ