จบแล้วรถไฟ-เมล์ฟรี! รัฐปรับเกณฑ์ใหม่เฉพาะ พระ-เด็กนั่งฟรี คนจนยังต้องจ่ายค่าตั๋ว 50%
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการกำหนดมาตรการดูแลค่าครองชีพในโครงการรถเมล์และรถไฟฟรีรอบใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงคำนิยาม "ผู้มีรายได้น้อย" ซึ่งจะได้รับสิทธิส่วนลดค่าโดยสาร 50% ตามโครงการรอบใหม่ โดยเห็นร่วมกันว่าผู้มีรายได้น้อยคือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 2,422 บาท/คน/เดือน หรือคิดเป็น 29,064 บาท/คน/ปี คำนวณจากการเปรียบเทียบรายได้ต่อหัวของประชากรเกษตรกับเส้นความยากจน ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เมื่อปี 2554
นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า โครงการรถเมล์รถไฟฟรีรอบใหม่ ได้ปรับปรุงสิทธิการใช้บริการฟรีเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้ใช้บริการฟรี ได้แก่ ผู้พิการ ผู้มีอายุเกิน 60 ปี เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี ทหารผ่านศึก พระภิกษุ สามเณร และแม่ชี และ 2.กลุ่มที่ได้รับส่วนลดค่าโดยสาร 50% ได้แก่ ผู้มีรายได้น้อย นักเรียน นิสิต และกลุ่มคนว่างงาน หลังจากนี้จะหารือกับกระทรวงแรงงาน เพื่อหารูปแบบการจัดทำบัตรแสดงตนของผู้มี รายได้น้อย ส่วนกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ นักเรียน นักศึกษา ทหารผ่านศึก ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการแสดงสิทธิ เพราะมีบัตรประจำตัวอยู่แล้ว
นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่า
โครงการรถไฟฟรีสามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์
เพราะคนที่ใช้บริการส่วนใหญ่ 63% เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
แต่
โครงการรถเมล์ฟรียังไม่ตรงเป้าหมายนัก เนื่องจากกลุ่มคนใช้บริการส่วนใหญ่
41% เป็นกลุ่มคนไม่มีงานทำ
อีก 23% เป็นกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา
ส่วนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีสัดส่วนการใช้บริการเพียง 18% เท่านั้น
จึงเป็นสาเหตุให้รัฐบาลต้องทบทวนมาตรการช่วยเหลือรอบใหม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1423699033
เขาอยากช่วย ผู้มีรายได้น้อย
แต่ กลายเป็นว่า พวกไม่มีงานทำมาใช้รถเมล์กันถึง 41%
ส่วน คนมีรายได้น้อย มีอยู่แค่ 18%
เพราะงี้ก็ต้องยกเลิกของฟรี ให้ผู้มีรายได้น้อย จ่ายครึ่งนึง
ส่วนพวกไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ก็ควรไปจ่ายเต็มๆครับ
เข้าใจกันได้แล้วนะครับ
ที่ต้องยกเลิก โครงการรถเมล์ฟรี เพราะคนที่ไม่ควรใช้ฟรีแต่ดันมาใช้กันซะเยอะ เขาเป็นใคร มาดูกันครับ
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการกำหนดมาตรการดูแลค่าครองชีพในโครงการรถเมล์และรถไฟฟรีรอบใหม่ ซึ่งรัฐบาลจะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงคำนิยาม "ผู้มีรายได้น้อย" ซึ่งจะได้รับสิทธิส่วนลดค่าโดยสาร 50% ตามโครงการรอบใหม่ โดยเห็นร่วมกันว่าผู้มีรายได้น้อยคือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 2,422 บาท/คน/เดือน หรือคิดเป็น 29,064 บาท/คน/ปี คำนวณจากการเปรียบเทียบรายได้ต่อหัวของประชากรเกษตรกับเส้นความยากจน ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เมื่อปี 2554
นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า โครงการรถเมล์รถไฟฟรีรอบใหม่ ได้ปรับปรุงสิทธิการใช้บริการฟรีเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้ใช้บริการฟรี ได้แก่ ผู้พิการ ผู้มีอายุเกิน 60 ปี เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี ทหารผ่านศึก พระภิกษุ สามเณร และแม่ชี และ 2.กลุ่มที่ได้รับส่วนลดค่าโดยสาร 50% ได้แก่ ผู้มีรายได้น้อย นักเรียน นิสิต และกลุ่มคนว่างงาน หลังจากนี้จะหารือกับกระทรวงแรงงาน เพื่อหารูปแบบการจัดทำบัตรแสดงตนของผู้มี รายได้น้อย ส่วนกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ นักเรียน นักศึกษา ทหารผ่านศึก ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการแสดงสิทธิ เพราะมีบัตรประจำตัวอยู่แล้ว
นางสร้อยทิพย์กล่าวว่า จากการศึกษาพบว่า
โครงการรถไฟฟรีสามารถตอบโจทย์ได้ตรงตามวัตถุประสงค์
เพราะคนที่ใช้บริการส่วนใหญ่ 63% เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
แต่โครงการรถเมล์ฟรียังไม่ตรงเป้าหมายนัก เนื่องจากกลุ่มคนใช้บริการส่วนใหญ่
41% เป็นกลุ่มคนไม่มีงานทำ
อีก 23% เป็นกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา
ส่วนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีสัดส่วนการใช้บริการเพียง 18% เท่านั้น
จึงเป็นสาเหตุให้รัฐบาลต้องทบทวนมาตรการช่วยเหลือรอบใหม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1423699033
เขาอยากช่วย ผู้มีรายได้น้อย
แต่ กลายเป็นว่า พวกไม่มีงานทำมาใช้รถเมล์กันถึง 41%
ส่วน คนมีรายได้น้อย มีอยู่แค่ 18%
เพราะงี้ก็ต้องยกเลิกของฟรี ให้ผู้มีรายได้น้อย จ่ายครึ่งนึง
ส่วนพวกไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ก็ควรไปจ่ายเต็มๆครับ
เข้าใจกันได้แล้วนะครับ