ตอนเราท้อง เรามีอายุแค่ 21 ปี
เรียนมหา'ลัย ปี 3 (ซิ่ว)
เราคบกับแฟนคนนี้ได้ 2 ปี เจอกันที่ทำงาน
(เราทำงานไปเรียนไป)
เรากับแฟนห่างกัน 6 ปี
เราคนกรุงเทพ แฟนคน ตจว.(เกือบเหนือ)
แต่ยังไม่ได้กินอยู่ด้วยกัน แม่เรารับรู้ว่าคบกัน แต่ก็ไม่ได้สนับสนุน
พอเริ่มรู้ว่าท้อง ::
เราโทบอกแฟนว่ามีน้อง เครียดกันหมด
แต่แฟนมั่นใจว่าไม่ให้เอาออก เขาบอกว่าลูกเขา เขาก็รัก เรานี่ดีใจ(ในระดับนึง)เลย
ด่านขุ่นแม่ ::
กว่าเราจะกล้าบอกแม่ได้นี่ ทำใจเป็นอาทิตย์เลยค่ะ แม่เราตั้งความหวังกับเราสูง และไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัว เราเป็นลูกสาวคนเดียว (แถมหน้าตาผิวพรรณก็จัดว่าใช้ได้) แม่คงคิดว่าอยากให้เราได้ดีกว่านี้ อยากให้เรามีค่ากว่านี้
พอเราบอกแม่ รู้สึกได้เลยว่า "แม่เสียใจ แม่ช็อก มาก!" แม่ร้องไห้
...เราไม่เคยรู้สึกผิดเท่านี้มาก่อน...
แม่เรายืนยันจะให้เก็บเด็กไว้ ต่อให้แฟนไม่รับ แม่ก็ยืนยันจะเลี้ยงเอง พี่ชายเราด้วย
แม่เรากับแม่แฟนก็โทรคุยกันว่าจะเอายังไง จัดงานแต่งยังไงตอนไหน
คือ งานแต่งเรานี่เล็กมากค่ะ งบน้อย แต่แขก ญาติผู้ใหญ่ระดับเสี่ยทั้งนั้น (แขกอาม่าทั้งนั้นเลยค่ะ) แม่เราถึงได้เครียดเพราะกลัวเสียหน้าด้วยค่ะ
แต่งเสร็จ เราต้องออกไปอยู่บ้านแฟนที่ ตจว.
ทีนี้แล่ะ... ปัญหา "แม่ผัว&ลูกสะใภ้" เจอกับตัวนี่...รู้เลย!!
ปัญหาเรื่องเรียน ::
ดรอปยาวค่ะ ตั้งแต่เลี้ยงลูกมา 1 ปี ยังไม่มีเวลาได้อ่านหนังสือเลย เลี้ยงลูกเอง 24 ชม. แถมงานบ้านอีก ไม่ทำไม่ได้ค่ะ ไม่ใช่บ้านเรา เดี๋ยวโดนเพ่งเล็ง
ปัญหาเรื่องเงิน ::
ขัดสนมากค่ะ พูดเลย
แฟนเราทำงานคนเดียว เงินเดือน 10,000฿ (วุฒิ ม.6) แต่โชคดีที่ค่าใช้จ่ายในบ้านไม่ต้องเสีย แม่แฟนเป็นพยาบาลใกล้เกษียณ ค่าครองชีพไม่สูง
สรุป เดือนชนเดือนค่ะ
ปัญหาเลี้ยงลูก ::
พ่อแม่มือใหม่เอี่ยมมมม!!!
ไม่เคยแม้แต่เล่นหรือสัมผัสกับเด็กอ่อน
เดือนแรกนี่ เหนื่อยมากกกกกกกค่ะ
เหนื่อยเกินคำบรรยายอ่ะ ทั้งปรับตัว ทั้งอ่อนเพลีย คือแบบ โคตรคิดถึงแม่เลย. คิดถึงชีวิตวัยรุ่น คิดถึงอนาคต
ใครบ่นว่าทำงานเหนื่อยๆ แล้วบอกเป็นเลี้ยงลูกอยู่บ้านสบาย นี่จะตบให้คว่ำ!!
แต่เราโชคดีมากนะ
1. ลูกเราแข็งแรง สมบูรณ์ ครบ 32 ประการ
2. ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้เลย ฉีดวัคซีนก็ไม่เป็นไข้
3. เลี้ยงง่ายค่ะ ปกติดีทุกอย่า
ปัญหาแม่ผัว ::
ก่อนที่เราจะบอกแม่เราว่าท้อง พวกเราบอกแม่แฟนก่อนค่ะ ปฏิกิริยาแม่แฟนคือ ไม่เอา ไม่รับ ไม่เลี้ยง ไม่สน จะให้เอาออก
เราเครียดมากค่ะตอนนั้น แต่แฟนก็ให้กำลังใจว่าเดี๋ยวแม่ก็รับ
แต่ตอนเราคลอดลูก เชื่อมั้ยคะ แม่แฟนเป็นคนแรกที่มาเยี่ยม เอานม เอาอาหารมาป้อน มาดูเรา มาดูหลาน คือแบบ เราดีใจมากค่ะ ตลอดเวลาที่อยู่ รพ. แม่แฟนก็ขึ้นมาเยี่ยมทุกวัน เช้า เที่ยง เย็น ค่ำ ซื้อข้าวของ สอนอุ้ม สอนเลี้ยง ดีใจฝุดๆ ><!
ในตอนแรก แม่แฟนคงคิดว่า เราทำอะไรไม่เป็น นั่งกินนอนกิน ท่านจึงไม่ชอบเรา จริงๆเราหยิบจับไม่ถูกค่ะ เลยไม่กล้าทำอะไร แล้วไม่กล้าคุยกับแม่ด้วยค่ะ กลัว~
แต่เราเป็นคนชอบสังเกตค่ะ สังเกตเวลาแม่แฟนหยิบจับ อะไรอยู่ตรงไหน ทำอะไรยังไง
พอแม่แฟนเห็นเราทำงานบ้านเป็น ทำอาหารพอได้ ช่วยท่านเก็บกวาดบ้าน ทุกวันนี้ท่านไม่รังเกียจเราแล้วค่ะ ^^ วันแม่ปีที่แล้ว เราเอาดอกมะลิไปกราบท่าน ท่านก็อวยพรขอให้เจริญๆ. ดีใจค่ะ ^v^! (ตอนเราอยู่กับแม่เรา เราก็กราบท่านนะคะ ทั้งวันเกิดและวันแม่)
ปัญหาการใช้ชีวิตใน ตจว.
เราขี่มอไซค์ไม่เป็นค่ะ (ถามมั้ยคะทำไมไม่หัด)... เลี้ยงลูกตลอด 24 ชม. แฟนทำงาน 8.00-20.00 น. ทุกวัน จึงไม่ได้หัดขี่ซักที ลำบากมากค่ะ จะไปไหน ซื้ออะไรที ก็ต้องวานแฟน ไม่มีรถประจำทาง ไม่มีวินมอไซค์ ( _•_ )
ถามว่า มาอยู่นี่แล้ว ทำให้เราแกร่ง ถึก ขึ้นมั้ย? ... นิดหน่อยค่ะ เพราะตอนอยู่กรุงเทพ เราก็เป็น ญ ถึก อยู่แล้ว อิอิ
ปัญหาสามี ::
หนักมากค่ะ เขาเป็นคนปากหมา เราเป็นคนอ่อนไหว คือแบบ เราจะเป็นโรคประสาทอ่ะ ก่อนท้องเขาไม่ปากหมาขนาดนี้ค่ะ แค่ปากดีนิดหน่อย พอได้เราแล้ว เหมือนเราไม่มีค่าสำหรับเขามั้งคะ งานก็ไม่ได้ทำ เราก็ให้เขาง่าย เลยไร้ค่า ถึงได้บ่น ว่า เราสารพัด เรานี่คิดอยากจะหนี อยากจะเลิกอยู่บ่อยๆ
มุมดีๆ เขาก็มีเยอะนะคะ ช่วยทำงานบ้านบ้าง ช่วยดูลูก ไม่มีเรื่องผู้หญิง ไม่เสเพลเมามาย วันไหนกลับบ้านเร็ว ก็พาเรากับลูกไปขี่รถเล่น เป็นห่วงเรื่องปากท้องเรากับลูก บางเรื่องเขาก็เสียสละให้เรากับลูกได้... เพราะแบบนี้เราถึงคิดว่าโชคดีแล้วที่มีเธอ ส่วนเรื่องปากหมา เราพยายามทำหูทวนลมไป ไม่งั้นประสาทเสีย ไม่ก็บ้านแตก
ทุกวันนี้ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ เราเริ่มปรับตัวได้ 98% ละ แฟนเราก็ลดอีโก้มาหน่อยนึง แม่แฟนก็ไม่รังเกียจเราแล้ว ออกจะเห่อหลานมากด้วย ซื้อขนม ซื้อนู่นนี่ให้เรากับลูกบ่อยๆ แม่เราก็เห่อไม่แพ้กันนะ คอยซื้อชุดสวยๆส่งมาให้เรื่อยๆ สอนวิธีเลี้ยงลูกทุกวัน เรารู้สึกโชคดีในระดับนึงค่ะ
ที่เราแชร์คือ อยากเป็นกำลังใจให้วัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อม อย่าฆ่าลูกตัวเองเลยนะคะ ไม่ต้องกลัวที่จะบอกความจริงกับแม่ ตอนบอก โดนแม่โกรธแน่นอนค่ะ แม่เสียใจแน่นอน ทำใจไว้เลย แต่พอแม่เห็นหลานแล้วจะมีความสุขแบบบอกไม่ถูก
แต่ถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้ เราจะไม่ชิงสุกก่อนห่ามเลยจริงๆ เข้าใจเลย คำว่า "ดอกไม้ริมทาง" ได้ง่ายก็ไร้ค่า เจอคนดีก็โชคดีไป เจอคนเชี่ยก็ซวยเลย
ฉะนั้น ไม่สนับสนุนให้รีบมีสามีก่อนวัยอันควร นะคะ
ทุกวันนี้เราเล่นเฟส เราก็อายเพื่อนๆนะ เห็นเขารับปริญญากันหมด ทำงานได้ดิบได้ดี ไปเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้ เรากลับเลี้ยงลูกงกๆ อยู่แต่บ้าน เรียนไม่จบ รายได้ไม่มี ทั้งที่ตอนเรียน เราเรียนเก่ง มีความสามารถพอได้ แต่จะให้เรามานั่งเศร้า คอยโทษตัวเอง ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเจ้าตัวน้อยต้องการที่พึ่ง ที่เข้มแข็ง และ...เรามีความสุขทุกครั้ง ที่เห็นรอยยิ้มลูก เห็นพัฒนาการลูก เห็นการเรียนรู้ของลูก เป็นความสุขที่มีค่ามากที่สุด
อย่าคิดว่า ก็เธอโชคดีที่แฟนรับ แต่แฟนฉันไม่รับหนิ แม่ฉันก็ไม่รับ เรียนก็ยังไม่จบ รายได้ก็ไม่มี ฉันก็ต้องเอาออกสิ
"ทุกปัญหา มีทางออกเสมอค่ะ" ไม่ใช่การฆ่า การทำลาย คุณอาจจะดรอปเรียนไว้ แล้วหางานทำเสริมก่อนก็ได้ ค่าคลอด รพ.รัฐไม่แพงเลยค่ะ
จำไว้ค่ะ มีลูกไม่มีคำว่าเลวร้าย มีแต่ความชื่นใจที่บรรยายออกมาไม่ได้จริงๆ
[แชร์ประสบการณ์] วัยรุ่นท้องไม่พร้อม
เรียนมหา'ลัย ปี 3 (ซิ่ว)
เราคบกับแฟนคนนี้ได้ 2 ปี เจอกันที่ทำงาน
(เราทำงานไปเรียนไป)
เรากับแฟนห่างกัน 6 ปี
เราคนกรุงเทพ แฟนคน ตจว.(เกือบเหนือ)
แต่ยังไม่ได้กินอยู่ด้วยกัน แม่เรารับรู้ว่าคบกัน แต่ก็ไม่ได้สนับสนุน
พอเริ่มรู้ว่าท้อง ::
เราโทบอกแฟนว่ามีน้อง เครียดกันหมด
แต่แฟนมั่นใจว่าไม่ให้เอาออก เขาบอกว่าลูกเขา เขาก็รัก เรานี่ดีใจ(ในระดับนึง)เลย
ด่านขุ่นแม่ ::
กว่าเราจะกล้าบอกแม่ได้นี่ ทำใจเป็นอาทิตย์เลยค่ะ แม่เราตั้งความหวังกับเราสูง และไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัว เราเป็นลูกสาวคนเดียว (แถมหน้าตาผิวพรรณก็จัดว่าใช้ได้) แม่คงคิดว่าอยากให้เราได้ดีกว่านี้ อยากให้เรามีค่ากว่านี้
พอเราบอกแม่ รู้สึกได้เลยว่า "แม่เสียใจ แม่ช็อก มาก!" แม่ร้องไห้
...เราไม่เคยรู้สึกผิดเท่านี้มาก่อน...
แม่เรายืนยันจะให้เก็บเด็กไว้ ต่อให้แฟนไม่รับ แม่ก็ยืนยันจะเลี้ยงเอง พี่ชายเราด้วย
แม่เรากับแม่แฟนก็โทรคุยกันว่าจะเอายังไง จัดงานแต่งยังไงตอนไหน
คือ งานแต่งเรานี่เล็กมากค่ะ งบน้อย แต่แขก ญาติผู้ใหญ่ระดับเสี่ยทั้งนั้น (แขกอาม่าทั้งนั้นเลยค่ะ) แม่เราถึงได้เครียดเพราะกลัวเสียหน้าด้วยค่ะ
แต่งเสร็จ เราต้องออกไปอยู่บ้านแฟนที่ ตจว.
ทีนี้แล่ะ... ปัญหา "แม่ผัว&ลูกสะใภ้" เจอกับตัวนี่...รู้เลย!!
ปัญหาเรื่องเรียน ::
ดรอปยาวค่ะ ตั้งแต่เลี้ยงลูกมา 1 ปี ยังไม่มีเวลาได้อ่านหนังสือเลย เลี้ยงลูกเอง 24 ชม. แถมงานบ้านอีก ไม่ทำไม่ได้ค่ะ ไม่ใช่บ้านเรา เดี๋ยวโดนเพ่งเล็ง
ปัญหาเรื่องเงิน ::
ขัดสนมากค่ะ พูดเลย
แฟนเราทำงานคนเดียว เงินเดือน 10,000฿ (วุฒิ ม.6) แต่โชคดีที่ค่าใช้จ่ายในบ้านไม่ต้องเสีย แม่แฟนเป็นพยาบาลใกล้เกษียณ ค่าครองชีพไม่สูง
สรุป เดือนชนเดือนค่ะ
ปัญหาเลี้ยงลูก ::
พ่อแม่มือใหม่เอี่ยมมมม!!!
ไม่เคยแม้แต่เล่นหรือสัมผัสกับเด็กอ่อน
เดือนแรกนี่ เหนื่อยมากกกกกกกค่ะ
เหนื่อยเกินคำบรรยายอ่ะ ทั้งปรับตัว ทั้งอ่อนเพลีย คือแบบ โคตรคิดถึงแม่เลย. คิดถึงชีวิตวัยรุ่น คิดถึงอนาคต
ใครบ่นว่าทำงานเหนื่อยๆ แล้วบอกเป็นเลี้ยงลูกอยู่บ้านสบาย นี่จะตบให้คว่ำ!!
แต่เราโชคดีมากนะ
1. ลูกเราแข็งแรง สมบูรณ์ ครบ 32 ประการ
2. ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้เลย ฉีดวัคซีนก็ไม่เป็นไข้
3. เลี้ยงง่ายค่ะ ปกติดีทุกอย่า
ปัญหาแม่ผัว ::
ก่อนที่เราจะบอกแม่เราว่าท้อง พวกเราบอกแม่แฟนก่อนค่ะ ปฏิกิริยาแม่แฟนคือ ไม่เอา ไม่รับ ไม่เลี้ยง ไม่สน จะให้เอาออก
เราเครียดมากค่ะตอนนั้น แต่แฟนก็ให้กำลังใจว่าเดี๋ยวแม่ก็รับ
แต่ตอนเราคลอดลูก เชื่อมั้ยคะ แม่แฟนเป็นคนแรกที่มาเยี่ยม เอานม เอาอาหารมาป้อน มาดูเรา มาดูหลาน คือแบบ เราดีใจมากค่ะ ตลอดเวลาที่อยู่ รพ. แม่แฟนก็ขึ้นมาเยี่ยมทุกวัน เช้า เที่ยง เย็น ค่ำ ซื้อข้าวของ สอนอุ้ม สอนเลี้ยง ดีใจฝุดๆ ><!
ในตอนแรก แม่แฟนคงคิดว่า เราทำอะไรไม่เป็น นั่งกินนอนกิน ท่านจึงไม่ชอบเรา จริงๆเราหยิบจับไม่ถูกค่ะ เลยไม่กล้าทำอะไร แล้วไม่กล้าคุยกับแม่ด้วยค่ะ กลัว~
แต่เราเป็นคนชอบสังเกตค่ะ สังเกตเวลาแม่แฟนหยิบจับ อะไรอยู่ตรงไหน ทำอะไรยังไง
พอแม่แฟนเห็นเราทำงานบ้านเป็น ทำอาหารพอได้ ช่วยท่านเก็บกวาดบ้าน ทุกวันนี้ท่านไม่รังเกียจเราแล้วค่ะ ^^ วันแม่ปีที่แล้ว เราเอาดอกมะลิไปกราบท่าน ท่านก็อวยพรขอให้เจริญๆ. ดีใจค่ะ ^v^! (ตอนเราอยู่กับแม่เรา เราก็กราบท่านนะคะ ทั้งวันเกิดและวันแม่)
ปัญหาการใช้ชีวิตใน ตจว.
เราขี่มอไซค์ไม่เป็นค่ะ (ถามมั้ยคะทำไมไม่หัด)... เลี้ยงลูกตลอด 24 ชม. แฟนทำงาน 8.00-20.00 น. ทุกวัน จึงไม่ได้หัดขี่ซักที ลำบากมากค่ะ จะไปไหน ซื้ออะไรที ก็ต้องวานแฟน ไม่มีรถประจำทาง ไม่มีวินมอไซค์ ( _•_ )
ถามว่า มาอยู่นี่แล้ว ทำให้เราแกร่ง ถึก ขึ้นมั้ย? ... นิดหน่อยค่ะ เพราะตอนอยู่กรุงเทพ เราก็เป็น ญ ถึก อยู่แล้ว อิอิ
ปัญหาสามี ::
หนักมากค่ะ เขาเป็นคนปากหมา เราเป็นคนอ่อนไหว คือแบบ เราจะเป็นโรคประสาทอ่ะ ก่อนท้องเขาไม่ปากหมาขนาดนี้ค่ะ แค่ปากดีนิดหน่อย พอได้เราแล้ว เหมือนเราไม่มีค่าสำหรับเขามั้งคะ งานก็ไม่ได้ทำ เราก็ให้เขาง่าย เลยไร้ค่า ถึงได้บ่น ว่า เราสารพัด เรานี่คิดอยากจะหนี อยากจะเลิกอยู่บ่อยๆ
มุมดีๆ เขาก็มีเยอะนะคะ ช่วยทำงานบ้านบ้าง ช่วยดูลูก ไม่มีเรื่องผู้หญิง ไม่เสเพลเมามาย วันไหนกลับบ้านเร็ว ก็พาเรากับลูกไปขี่รถเล่น เป็นห่วงเรื่องปากท้องเรากับลูก บางเรื่องเขาก็เสียสละให้เรากับลูกได้... เพราะแบบนี้เราถึงคิดว่าโชคดีแล้วที่มีเธอ ส่วนเรื่องปากหมา เราพยายามทำหูทวนลมไป ไม่งั้นประสาทเสีย ไม่ก็บ้านแตก
ทุกวันนี้ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ เราเริ่มปรับตัวได้ 98% ละ แฟนเราก็ลดอีโก้มาหน่อยนึง แม่แฟนก็ไม่รังเกียจเราแล้ว ออกจะเห่อหลานมากด้วย ซื้อขนม ซื้อนู่นนี่ให้เรากับลูกบ่อยๆ แม่เราก็เห่อไม่แพ้กันนะ คอยซื้อชุดสวยๆส่งมาให้เรื่อยๆ สอนวิธีเลี้ยงลูกทุกวัน เรารู้สึกโชคดีในระดับนึงค่ะ
ที่เราแชร์คือ อยากเป็นกำลังใจให้วัยรุ่นที่ท้องไม่พร้อม อย่าฆ่าลูกตัวเองเลยนะคะ ไม่ต้องกลัวที่จะบอกความจริงกับแม่ ตอนบอก โดนแม่โกรธแน่นอนค่ะ แม่เสียใจแน่นอน ทำใจไว้เลย แต่พอแม่เห็นหลานแล้วจะมีความสุขแบบบอกไม่ถูก
แต่ถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้ เราจะไม่ชิงสุกก่อนห่ามเลยจริงๆ เข้าใจเลย คำว่า "ดอกไม้ริมทาง" ได้ง่ายก็ไร้ค่า เจอคนดีก็โชคดีไป เจอคนเชี่ยก็ซวยเลย
ฉะนั้น ไม่สนับสนุนให้รีบมีสามีก่อนวัยอันควร นะคะ
ทุกวันนี้เราเล่นเฟส เราก็อายเพื่อนๆนะ เห็นเขารับปริญญากันหมด ทำงานได้ดิบได้ดี ไปเที่ยวเฮฮาปาร์ตี้ เรากลับเลี้ยงลูกงกๆ อยู่แต่บ้าน เรียนไม่จบ รายได้ไม่มี ทั้งที่ตอนเรียน เราเรียนเก่ง มีความสามารถพอได้ แต่จะให้เรามานั่งเศร้า คอยโทษตัวเอง ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเจ้าตัวน้อยต้องการที่พึ่ง ที่เข้มแข็ง และ...เรามีความสุขทุกครั้ง ที่เห็นรอยยิ้มลูก เห็นพัฒนาการลูก เห็นการเรียนรู้ของลูก เป็นความสุขที่มีค่ามากที่สุด
อย่าคิดว่า ก็เธอโชคดีที่แฟนรับ แต่แฟนฉันไม่รับหนิ แม่ฉันก็ไม่รับ เรียนก็ยังไม่จบ รายได้ก็ไม่มี ฉันก็ต้องเอาออกสิ
"ทุกปัญหา มีทางออกเสมอค่ะ" ไม่ใช่การฆ่า การทำลาย คุณอาจจะดรอปเรียนไว้ แล้วหางานทำเสริมก่อนก็ได้ ค่าคลอด รพ.รัฐไม่แพงเลยค่ะ
จำไว้ค่ะ มีลูกไม่มีคำว่าเลวร้าย มีแต่ความชื่นใจที่บรรยายออกมาไม่ได้จริงๆ