กระทู้ที่จะขอเล่าและขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆพันทิปต่อจากนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับคนๆหนึ่งครับ
โดยเรื่องราวทั้งหมดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2557 ที่เมืองทางฝั่งตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ระหว่างที่ผมเรียนและทำงานอยู่ที่นั่น
เรื่องราวทั้งหมดอาจจะยาวหน่อยครับ แต่นี่เป็นกระทู้แรกของผม อยากให้เพื่อนๆช่วยคิดหรือแสดงความเห็นครับว่า ถ้าเจอลูกหนี้แบบนี้จะทำอย่างไร?
ผมอยากให้เพื่อนๆในพันทิป ไม่ต้องเข้าข้างผม แต่อ่านอย่างพิจารณาและเข้าใจ
สิ่งที่ผมเล่าต่อไปนี้ ผมขอสบานต่อพระสยามเทวาธิราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หากสิ่งที่ผมได้พูดไปไม่เป็นความจริง ขอให้มีอันเป็นไป
ทำสิ่งใดขอให้ไม่เจริญรุ่งเรือง หากสิ่งที่ผมกระทำผิดจริงผมขอยอมรับความผิดนี้ทุกประการแต่เพียงผู้เดียว
ผมกับคนนี้รู้จักกันทางเฟซบุ๊กครับ ตั้งแต่สิงหาคม ปี'54 ( เรื่องเกิดตอนปี 57 ก็รุ้จักกันได้ประมาณ 3 ปีกว่า)
เค้าเป็นรุ่นน้องผมปีนึงแต่ก็คุยกันเหมือนเพื่อนครับ เค้าเรียนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลย่านท่าพระจันทร์และรังสิต
ตอนนั้นเค้าเรียนปีสุดท้ายครับ กำลังอยู่ในช่วงรอมหาลัยเปิดเทอม (ซึ่งตอนนั้นเค้าบอกว่ามหาลัยปิด 6 เดือน ต้อนรับ AEC)
เค้าอยากมาหางานทำที่ออสเตรเลีย มาหาเงินจ่ายค่าเทอมระหว่างปิดเทอม และก็อยากเอาเงินไปให้แม่สัก 2 หมื่น
ส่วนตัวเราก็ยินดีที่จะให้คำปรึกษา ทั้งเรื่องการขอวีซ่า เรื่องที่พัก และเรื่องที่ทำงาน
เราก็ถามว่า "จะมากี่เดือน" เค้าก็บอกจะมา 3 เดือน ( มิ.ย.,ก.ค. และ ส.ค.)
เราบอกว่า 3 เดือนมีแต่วีซ่าท่องเที่ยวนะ จริงๆแล้วตามกฏหมายทำงานไม่ได้
แต่เราก็อาสาถามเจ้าของร้าน ว่ามีเพื่อนวีซ่าท่องเที่ยว 3 เดือน มาขอทำงานจะได้ไหม? เป็นพนักงานเสิร์ฟ?
(ภาษาอังกฤษของเค้าถือว่า อยู่ในระดับดีมาก)
เจ้าของร้าน โอเคครับ ยินดีให้ทำงาน ( แม้ว่าจะผิดกฏหมายก็เถอะ)
เค้าก็ทำเรื่องยื่นขอวีซ่า ขอที่อยู่กับเราเพื่อยื่นให้ทางสถานฑูต แล้วก็จองตั๋วบินมาหาเรา
มาถึงตรงนี้ ผมขอรวบรัดตัดตอนจนถึงวันที่เค้าบินมาถึง(10 พ.ค. 57)เลยนะครับ
เค้าขออาศัยแชร์ห้องกับเราครับ ซึ่งโดยปกติห้องที่ผมอยู่คนเดียวนั้น เป็นห้องใหญ่พอสมควร
เราจ่ายค่าเช่าคนเดียว $130 AUD/Week แต่พอเค้ามาขออาศัยอยู่ด้วย เจ้าของบ้านเลยคิด $180 AUD/Week ครับ
หารสองคนก็ตกคนละ $90/Week
ปกติผมจะจดค่าใช้จ่าย รวมทั้งค่าบ้านลงในสมุดรายรับรายจ่ายอยู่แล้วครับ รวมทั้งบันทึกวันที่เค้ามาอยู่วันแรก
โดยปกติผมจะจ่ายค่าบ้านทุก 4 อาทิตย์ครับ ( 1 เดือน ) ตั้งแต่ที่เค้ามาอยู่ผมต้องสำรองจ่ายให้เค้าไปก่อน (เพราะเค้ายังไม่มีงานทำ)
ผมเปลี่ยนมาจ่ายค่าบ้านทุก 3 อาทิตย์ โดยจ่ายทั้งส่วนของผมและส่วนของเค้าครับ
$180*3=$540/3weeks
จนกระทั่งเค้าได้งานทำ ซึ่งก็เป็นที่ทำงานเดียวกันกับผม คือเป็นร้านอาหารไทยครับ
เค้าเป็นเด็กเสิร์ฟ ส่วนผมทำผัดกับข้าวในครัว.....
อยู่ด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน 1 เดือนแรก ผ่านไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร
จนผ่านเข้าเดือนที่ 2 เราสองคนเริ่มมีปัญหากัน ระหองระแหง ต่างคนต่างไม่พูดกันครับ
เหมือนบางทีไม่ได้มีปัญหากัน แต่ก็ไม่พูด ก็กลายเป็นว่าเข้าใจผิด โดยที่เราไม่เคยมาทำความเข้าใจกันเลย
ส่วนใหญ่เป็นปัญหาจุกจิก อย่างเช่น เค้าติดซีรีย์และนอนดึก (ตี3-4) แต่ผมนี่มีเรียน มีงานทำ ต้องตื่นเช้า
บางทีก็อึดอัดครับ มันก็รบกวนเราอ่ะนะ ใจเขาใจเรา แต่เราก็ไม่เคยบ่นหรือพูดอะไร เพราะคิดว่ายังไงเดี๋ยวเขาก็กลับ ไม่เป็นไรหรอก
บางทีก็นอนดิ้นครับ ดิ้นจนเราตื่น ไอ้เราก็เป็นประเภทหลับยากอยู่แล้ว ตื่นทีตีหนึ่ง นอนอีกทีตีห้าครับ เช้าก็ไปเรียนต่อ 8 โมงเช้า
เราพยายามเก็บปัญหานี้ไว้โดยไม่บอก เพราะเราเลือกที่จะให้เขามาอยู่ด้วยแล้ว
นี่เป็นปัญหาแค่ส่วนหนึ่ง ที่นำไปสู่ความขัดแย้งครับ
ไว้มาเล่าต่อ.... ติดตามนะครับ ขอรวบรวมข้อมูลแป๊บ
ลูกหนี้ทีเด็ด...เจอแบบนี้จะทำอย่างไร?
โดยเรื่องราวทั้งหมดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2557 ที่เมืองทางฝั่งตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ระหว่างที่ผมเรียนและทำงานอยู่ที่นั่น
เรื่องราวทั้งหมดอาจจะยาวหน่อยครับ แต่นี่เป็นกระทู้แรกของผม อยากให้เพื่อนๆช่วยคิดหรือแสดงความเห็นครับว่า ถ้าเจอลูกหนี้แบบนี้จะทำอย่างไร?
ผมอยากให้เพื่อนๆในพันทิป ไม่ต้องเข้าข้างผม แต่อ่านอย่างพิจารณาและเข้าใจ
สิ่งที่ผมเล่าต่อไปนี้ ผมขอสบานต่อพระสยามเทวาธิราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หากสิ่งที่ผมได้พูดไปไม่เป็นความจริง ขอให้มีอันเป็นไป
ทำสิ่งใดขอให้ไม่เจริญรุ่งเรือง หากสิ่งที่ผมกระทำผิดจริงผมขอยอมรับความผิดนี้ทุกประการแต่เพียงผู้เดียว
ผมกับคนนี้รู้จักกันทางเฟซบุ๊กครับ ตั้งแต่สิงหาคม ปี'54 ( เรื่องเกิดตอนปี 57 ก็รุ้จักกันได้ประมาณ 3 ปีกว่า)
เค้าเป็นรุ่นน้องผมปีนึงแต่ก็คุยกันเหมือนเพื่อนครับ เค้าเรียนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาลย่านท่าพระจันทร์และรังสิต
ตอนนั้นเค้าเรียนปีสุดท้ายครับ กำลังอยู่ในช่วงรอมหาลัยเปิดเทอม (ซึ่งตอนนั้นเค้าบอกว่ามหาลัยปิด 6 เดือน ต้อนรับ AEC)
เค้าอยากมาหางานทำที่ออสเตรเลีย มาหาเงินจ่ายค่าเทอมระหว่างปิดเทอม และก็อยากเอาเงินไปให้แม่สัก 2 หมื่น
ส่วนตัวเราก็ยินดีที่จะให้คำปรึกษา ทั้งเรื่องการขอวีซ่า เรื่องที่พัก และเรื่องที่ทำงาน
เราก็ถามว่า "จะมากี่เดือน" เค้าก็บอกจะมา 3 เดือน ( มิ.ย.,ก.ค. และ ส.ค.)
เราบอกว่า 3 เดือนมีแต่วีซ่าท่องเที่ยวนะ จริงๆแล้วตามกฏหมายทำงานไม่ได้
แต่เราก็อาสาถามเจ้าของร้าน ว่ามีเพื่อนวีซ่าท่องเที่ยว 3 เดือน มาขอทำงานจะได้ไหม? เป็นพนักงานเสิร์ฟ?
(ภาษาอังกฤษของเค้าถือว่า อยู่ในระดับดีมาก)
เจ้าของร้าน โอเคครับ ยินดีให้ทำงาน ( แม้ว่าจะผิดกฏหมายก็เถอะ)
เค้าก็ทำเรื่องยื่นขอวีซ่า ขอที่อยู่กับเราเพื่อยื่นให้ทางสถานฑูต แล้วก็จองตั๋วบินมาหาเรา
มาถึงตรงนี้ ผมขอรวบรัดตัดตอนจนถึงวันที่เค้าบินมาถึง(10 พ.ค. 57)เลยนะครับ
เค้าขออาศัยแชร์ห้องกับเราครับ ซึ่งโดยปกติห้องที่ผมอยู่คนเดียวนั้น เป็นห้องใหญ่พอสมควร
เราจ่ายค่าเช่าคนเดียว $130 AUD/Week แต่พอเค้ามาขออาศัยอยู่ด้วย เจ้าของบ้านเลยคิด $180 AUD/Week ครับ
หารสองคนก็ตกคนละ $90/Week
ปกติผมจะจดค่าใช้จ่าย รวมทั้งค่าบ้านลงในสมุดรายรับรายจ่ายอยู่แล้วครับ รวมทั้งบันทึกวันที่เค้ามาอยู่วันแรก
โดยปกติผมจะจ่ายค่าบ้านทุก 4 อาทิตย์ครับ ( 1 เดือน ) ตั้งแต่ที่เค้ามาอยู่ผมต้องสำรองจ่ายให้เค้าไปก่อน (เพราะเค้ายังไม่มีงานทำ)
ผมเปลี่ยนมาจ่ายค่าบ้านทุก 3 อาทิตย์ โดยจ่ายทั้งส่วนของผมและส่วนของเค้าครับ
$180*3=$540/3weeks
จนกระทั่งเค้าได้งานทำ ซึ่งก็เป็นที่ทำงานเดียวกันกับผม คือเป็นร้านอาหารไทยครับ
เค้าเป็นเด็กเสิร์ฟ ส่วนผมทำผัดกับข้าวในครัว.....
อยู่ด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน 1 เดือนแรก ผ่านไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร
จนผ่านเข้าเดือนที่ 2 เราสองคนเริ่มมีปัญหากัน ระหองระแหง ต่างคนต่างไม่พูดกันครับ
เหมือนบางทีไม่ได้มีปัญหากัน แต่ก็ไม่พูด ก็กลายเป็นว่าเข้าใจผิด โดยที่เราไม่เคยมาทำความเข้าใจกันเลย
ส่วนใหญ่เป็นปัญหาจุกจิก อย่างเช่น เค้าติดซีรีย์และนอนดึก (ตี3-4) แต่ผมนี่มีเรียน มีงานทำ ต้องตื่นเช้า
บางทีก็อึดอัดครับ มันก็รบกวนเราอ่ะนะ ใจเขาใจเรา แต่เราก็ไม่เคยบ่นหรือพูดอะไร เพราะคิดว่ายังไงเดี๋ยวเขาก็กลับ ไม่เป็นไรหรอก
บางทีก็นอนดิ้นครับ ดิ้นจนเราตื่น ไอ้เราก็เป็นประเภทหลับยากอยู่แล้ว ตื่นทีตีหนึ่ง นอนอีกทีตีห้าครับ เช้าก็ไปเรียนต่อ 8 โมงเช้า
เราพยายามเก็บปัญหานี้ไว้โดยไม่บอก เพราะเราเลือกที่จะให้เขามาอยู่ด้วยแล้ว
นี่เป็นปัญหาแค่ส่วนหนึ่ง ที่นำไปสู่ความขัดแย้งครับ
ไว้มาเล่าต่อ.... ติดตามนะครับ ขอรวบรวมข้อมูลแป๊บ