<<< ตอนก่อนหน้า :
http://pantip.com/topic/33074383
บทที่ 16 (1/2)
“ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ลงไปกินข้าวเย็นกับข้า”
ชายหนุ่มที่กำลังถูกบ่นถึงเปิดประตูเข้ามาอย่างแรง ด้วยอารมณ์ไม่พอใจหญิงสาวที่หลบหน้าไม่ยอมลงไปกินข้าวเช้ากับเขา ทั้งที่เขาได้สั่งไว้แล้วว่า ถ้าเขาอยู่ เธอต้องลงไปกินข้าวกับเขาทุกมื้อ
ศศิธรสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทรงอำนาจของชายหนุ่มที่กำลังเดินตรงดิ่งเข้ามาหาเธอ และด้วยสัญชาติญาณเอาตัวรอดและกลไกปกป้องตัวเอง เธอก็ก้าวถอยหนีพร้อมทั้งยกมือขึ้นห้ามชายหนุ่มที่กำลังมุ่งตรงมาที่เธอทันที “อุทุราชา! ทะ...ท่าน ยะ...อย่า...”
“หือ” ชายหนุ่มหยุดเดินและหรี่ตาคมมองหญิงสาวด้วยความสงสัยใคร่รู้กับท่าทางและคำพูดแปลกๆ ของเธอ “เป็นอะไรไปอีก”
“หยุดอยู่แค่นั้น...อย่าเข้ามานะ”
“นี่ข้าเผลอทำอะไรให้เจ้าโกรธหรือไม่พอใจอีกแล้วรึ”
หญิงสาวส่ายหัวแทบจะทันที ใครจะกล้าไปมีปัญหากับเขา...และเธอก็คงไม่กล้า
“ข้าก็ว่าข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” นอกจากที่เขาใช้สิทธิ์เจ้าของห้องและสามีกำมะลอขอนอนห้องเดียว เตียงเดียวกับหญิงสาวเมื่อคืนนี้และตลอดเวลาที่เธออยู่ที่กลาพิมพ์...เท่านั้นเอง
อินทุยิ้มออกมาเต็มหน้าเมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์ทวงสิทธิ์เมื่อคืน แต่เมื่อเห็นอาการถอยหลังหนีไปห่างจนแทบจะอยู่คนละมุมห้องของหญิงสาว อารมณ์ไม่พอใจก็กลับมาอีกครั้ง “แล้วเจ้าเป็นอะไร ถอยหนีข้าทำไม”
และหญิงสาวก็ยังคงปิดปากเงียบอยู่เช่นเคย ซึ่งผิดวิสัยของเธอ จนเขาทนรับความอึดอัดที่ต่างคนต่างเงียบไม่ไหว จนต้องสาวเท้าเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำเสียงเข้มที่มักใช้เวลาบังคับขู่เอาความจริงกับคนของเขา “พูดซิ!”
ด้วยอารามตกใจกับน้ำเสียงและการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วของชายหนุ่ม ทำให้ศศิธรหลุดพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาจนหมดสิ้น “ทำไมท่านไม่บอกข้าว่าท่านเป็นพระราชา เป็นผู้ปกครองที่นี่ ท่านบอกข้าว่าท่านเป็นทหาร ข้าก็นึกว่าท่านมีตำแหน่งเป็นนายทหารคนหนึ่ง หรืออาจจะมียศสูงหน่อยแค่นั้น แต่นี่...ท่านเป็นถึงอุทุราชา อุทุราชาเชียวนะ...แล้วข้าจะต้องทำตัวกับท่านอย่างไร ข้าจะทำอย่างไร ข้าจะพูดกับท่านอย่างไร”
“เดี๋ยวนะ...ช้าๆ ใจเย็นๆ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นห้าม พร้อมกับร้องห้ามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงกึ่งขำกึ่งทึ่งกับความคิดเกี่ยวกับตำแหน่งอุทุราชาของเขาจากประโยคยาวเหยียดของศศิธร
“ข้าทนใจเย็นไม่ไหวแล้ว” ศศิธรเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายุ่งสนิท “ท่านเป็นถึงผู้ปกครองนคร ปกครองเมือง ปกครองรัฐ หรือปกครองอะไรก็ตาม ที่มันดูยิ่งใหญ่มากๆ แล้วข้า...โอ๊ยยย ข้าทำตัวไม่ถูก”
ศศิธรเอามือกุมขมับอย่างคนคิดไม่ตก หนักเข้าก็ดึงทึ้งผมตัวเองด้วยความสับสนวุ่นวายใจ
“เจ้ากำลัง...”
“บ้า...ข้ากำลังจะเป็นบ้า” หญิงสาวพูดต่อประโยคของชายหนุ่มออกมาด้วยน้ำเสียงกึ่งพูดกึ่งตะโกน เหมือนต้องการระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมาให้หมด เหมือนเธอกำลังจะประสาทเสียในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
อินทุหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง เมื่อได้ยินหญิงสาวที่มีใบหน้ายุ่งเหยิงกำลังว่ากล่าวตัวเธอเอง เขาจึงก้าวเดินเข้าไปหาเธอเพื่อจะปลอบให้จิตใจที่ว้าวุ่นของเธอสงบลง “ศศิธร...มาหาข้า”
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธคำพูดเชื้อเชิญนุ่มๆ แต่แฝงไปด้วยอำนาจ พร้อมกับก้าวถอยหนีชายหนุ่มไปเรื่อยๆ จนแผ่นหลังสัมผัสกับฝาผนังเย็นเฉียบเพราะเป็นด้านที่ติดกับระเบียงที่มีลมเย็นพัดผ่านตลอดเวลา
เมื่อเจอการปฏิเสธทั้งท่าทาง สีหน้าและแววตา ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้าไปหาหญิงสาวแทน
“อย่า...อย่าเข้ามา หยุดอยู่ตรงนั้น” ศศิธรสั่งห้ามชายหนุ่มจบก็ทรุดตัวนั่งแหม่ะลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง และหมดทางหนีทีไล่ เมื่อก้าวถอยมาจนอยู่สุดมุมห้อง แล้วหมดหนทางที่จะขยับตัวหนีไปไหนได้แล้ว
“เจ้ากำลังสั่งข้า”
“กะ...ก็ใช่” ศศิธรกำลังเกิดอาการสับสนในชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ มันก้ำกึ่งระหว่าง...การพยศกับการยอมสิโรราบ...ให้กับชายหนุ่มร่างยักษ์มากไปด้วยอำนาจที่ยืนกอดอกจ้องมองเธออยู่ไม่ห่างจากบริเวณที่เธอทรุดนั่งลงอย่างอ่อนแรง
“แต่ข้าเป็นอุทุราชา เจ้าลืมไปแล้วหรือ”
“ท่าน...ข้า...” หญิงสาวรู้สึกว่าเธอกำลังจะบ้าขึ้นมาจริงๆ เธอกำลังทำตัวไม่ถูก ยิ่งคิดว่าเขาเป็นใคร แล้วเธอเป็นใคร เธอก็ยิ่งว้าวุ่น หดหู่ สับสน ปนเปกันไปหมด
“ข้าก็คือข้า”
“แต่ข้า...”
“เจ้าก็คือเจ้า”
เหมือนอินทุจะเข้าใจความรู้สึกของศศิธรเป็นอย่างดี จึงพูดออกมาเช่นนี้ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง พร้อมกับดึงหญิงสาวเข้ามากอดเพื่อถ่ายทอดความเชื่อมั่นให้แก่หญิงสาว ให้เธอได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง
“แล้วข้าจะต้องทำตัวอย่างไรกับท่าน ท่านเป็นถึงพระราชา” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนานอยู่ภายในอ้อมแขนแกร่ง
“เจ้าคิดอะไรของเจ้าเนี่ย”
“ท่านอาจจะเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งของสักรัฐ หรือสักแคว้นหนึ่งก็เป็นได้”
“ข้าเป็นแค่คนที่ปกครองที่นี่เท่านั้น อุทุราชาก็เหมือนหัวโขนที่พวกเขาจับสวมให้กับข้า แต่งตั้งข้าขึ้นมา เพื่อให้มาดูแลดินแดนแห่งนี้ให้สงบร่มเย็นเท่านั้น ไม่แน่กลาพิมพ์อาจจะเป็นเพียงแค่เมืองลับแลในนิทานปรำปราสำหรับคนยุคเจ้าก็เป็นได้”
“มันก็จริง” ศศิธรยอมรับออกมาเสียงอ่อย เพราะเท่าที่เธอเคยได้เรียนประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ประถมจนถึงปัจจุบันที่เธอพยายามค้นคว้าหาตัวยามารักษาแม่ ซึ่งเวลาส่วนใหญ่ของเธอก็หมดไปกับหนังสือโบราณมากมาย แต่เธอก็ไม่เคยอ่านเจอประวัติของเมืองกลาพิมพ์ หรืออุทุราชาเลยสักนิด
“แต่...ท่าน...ท่านเป็นถึงอุทุราชา ข้าจะต้องปฏิบัติตัวต่อท่านอย่างไร”
“ก็ทำเหมือนเดิม”
“ข้าทำไม่ได้” หญิงสาวส่ายหน้าเถียงอยู่กับอกอุ่น เธอไม่อยากเงยหน้าขึ้นมองเขาสักนิด เพราะเมื่อเธอเห็นใบหน้าคมของเขา เธอก็จะหวนคิดได้ว่าเขาเป็นใครทุกที
“แต่ข้าว่าเจ้าทำได้นะ”
“ข้าทำไม่ได้หรอก ข้าทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้แน่ๆ”
“เมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร...เจ้าก็แค่ไม่ดื้อ ไม่เถียง เชื่อฟังข้า แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
“อะไรนะ!”
ได้ยินคำสั่งกึ่งประชดประชันของอุทุราชาก็ทำให้ศศิธรเผลอลืมตัวลืมคิดว่าเขาเป็นใครไปชั่วขณะ เผลอเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าและขึ้นเสียงกับเขา ก่อนจะก้มหน้าลงกับอกกว้างตามเดิมเมื่อเห็นใบหน้าราวเทพบุตรของเขาที่อยู่ห่างกับหน้าเธอไม่ถึงคืบ แล้วเธอก็มีสติคิดได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร
“เจ้าทำไม่ได้งั้นรึ” อินทุถามพลางซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ได้แกล้งหญิงสาวให้รู้สึกกลัวเขาขึ้นมาบ้าง ไม่งั้นเธอก็เอาแต่เถียงและขัดคำสั่งเขาท่าเดียว
======================
มีต่อนะคะ (2/2)
ลิขิตแห่งจันทร์ by พลอยลภัสร์ (โรแมนติด-แฟนตาซี) บทที่ 16
(โรมานแมนติค-แฟนตาซี)
พลอยลภัสร์ : เขียน
Fanpage : www.facebook.com/ploylapas
<<< ตอนก่อนหน้า : http://pantip.com/topic/33074383
บทที่ 16 (1/2)
“ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ลงไปกินข้าวเย็นกับข้า”
ชายหนุ่มที่กำลังถูกบ่นถึงเปิดประตูเข้ามาอย่างแรง ด้วยอารมณ์ไม่พอใจหญิงสาวที่หลบหน้าไม่ยอมลงไปกินข้าวเช้ากับเขา ทั้งที่เขาได้สั่งไว้แล้วว่า ถ้าเขาอยู่ เธอต้องลงไปกินข้าวกับเขาทุกมื้อ
ศศิธรสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทรงอำนาจของชายหนุ่มที่กำลังเดินตรงดิ่งเข้ามาหาเธอ และด้วยสัญชาติญาณเอาตัวรอดและกลไกปกป้องตัวเอง เธอก็ก้าวถอยหนีพร้อมทั้งยกมือขึ้นห้ามชายหนุ่มที่กำลังมุ่งตรงมาที่เธอทันที “อุทุราชา! ทะ...ท่าน ยะ...อย่า...”
“หือ” ชายหนุ่มหยุดเดินและหรี่ตาคมมองหญิงสาวด้วยความสงสัยใคร่รู้กับท่าทางและคำพูดแปลกๆ ของเธอ “เป็นอะไรไปอีก”
“หยุดอยู่แค่นั้น...อย่าเข้ามานะ”
“นี่ข้าเผลอทำอะไรให้เจ้าโกรธหรือไม่พอใจอีกแล้วรึ”
หญิงสาวส่ายหัวแทบจะทันที ใครจะกล้าไปมีปัญหากับเขา...และเธอก็คงไม่กล้า
“ข้าก็ว่าข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” นอกจากที่เขาใช้สิทธิ์เจ้าของห้องและสามีกำมะลอขอนอนห้องเดียว เตียงเดียวกับหญิงสาวเมื่อคืนนี้และตลอดเวลาที่เธออยู่ที่กลาพิมพ์...เท่านั้นเอง
อินทุยิ้มออกมาเต็มหน้าเมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์ทวงสิทธิ์เมื่อคืน แต่เมื่อเห็นอาการถอยหลังหนีไปห่างจนแทบจะอยู่คนละมุมห้องของหญิงสาว อารมณ์ไม่พอใจก็กลับมาอีกครั้ง “แล้วเจ้าเป็นอะไร ถอยหนีข้าทำไม”
และหญิงสาวก็ยังคงปิดปากเงียบอยู่เช่นเคย ซึ่งผิดวิสัยของเธอ จนเขาทนรับความอึดอัดที่ต่างคนต่างเงียบไม่ไหว จนต้องสาวเท้าเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำเสียงเข้มที่มักใช้เวลาบังคับขู่เอาความจริงกับคนของเขา “พูดซิ!”
ด้วยอารามตกใจกับน้ำเสียงและการเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วของชายหนุ่ม ทำให้ศศิธรหลุดพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาจนหมดสิ้น “ทำไมท่านไม่บอกข้าว่าท่านเป็นพระราชา เป็นผู้ปกครองที่นี่ ท่านบอกข้าว่าท่านเป็นทหาร ข้าก็นึกว่าท่านมีตำแหน่งเป็นนายทหารคนหนึ่ง หรืออาจจะมียศสูงหน่อยแค่นั้น แต่นี่...ท่านเป็นถึงอุทุราชา อุทุราชาเชียวนะ...แล้วข้าจะต้องทำตัวกับท่านอย่างไร ข้าจะทำอย่างไร ข้าจะพูดกับท่านอย่างไร”
“เดี๋ยวนะ...ช้าๆ ใจเย็นๆ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นห้าม พร้อมกับร้องห้ามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงกึ่งขำกึ่งทึ่งกับความคิดเกี่ยวกับตำแหน่งอุทุราชาของเขาจากประโยคยาวเหยียดของศศิธร
“ข้าทนใจเย็นไม่ไหวแล้ว” ศศิธรเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายุ่งสนิท “ท่านเป็นถึงผู้ปกครองนคร ปกครองเมือง ปกครองรัฐ หรือปกครองอะไรก็ตาม ที่มันดูยิ่งใหญ่มากๆ แล้วข้า...โอ๊ยยย ข้าทำตัวไม่ถูก”
ศศิธรเอามือกุมขมับอย่างคนคิดไม่ตก หนักเข้าก็ดึงทึ้งผมตัวเองด้วยความสับสนวุ่นวายใจ
“เจ้ากำลัง...”
“บ้า...ข้ากำลังจะเป็นบ้า” หญิงสาวพูดต่อประโยคของชายหนุ่มออกมาด้วยน้ำเสียงกึ่งพูดกึ่งตะโกน เหมือนต้องการระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมาให้หมด เหมือนเธอกำลังจะประสาทเสียในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
อินทุหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง เมื่อได้ยินหญิงสาวที่มีใบหน้ายุ่งเหยิงกำลังว่ากล่าวตัวเธอเอง เขาจึงก้าวเดินเข้าไปหาเธอเพื่อจะปลอบให้จิตใจที่ว้าวุ่นของเธอสงบลง “ศศิธร...มาหาข้า”
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธคำพูดเชื้อเชิญนุ่มๆ แต่แฝงไปด้วยอำนาจ พร้อมกับก้าวถอยหนีชายหนุ่มไปเรื่อยๆ จนแผ่นหลังสัมผัสกับฝาผนังเย็นเฉียบเพราะเป็นด้านที่ติดกับระเบียงที่มีลมเย็นพัดผ่านตลอดเวลา
เมื่อเจอการปฏิเสธทั้งท่าทาง สีหน้าและแววตา ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้าไปหาหญิงสาวแทน
“อย่า...อย่าเข้ามา หยุดอยู่ตรงนั้น” ศศิธรสั่งห้ามชายหนุ่มจบก็ทรุดตัวนั่งแหม่ะลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง และหมดทางหนีทีไล่ เมื่อก้าวถอยมาจนอยู่สุดมุมห้อง แล้วหมดหนทางที่จะขยับตัวหนีไปไหนได้แล้ว
“เจ้ากำลังสั่งข้า”
“กะ...ก็ใช่” ศศิธรกำลังเกิดอาการสับสนในชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ มันก้ำกึ่งระหว่าง...การพยศกับการยอมสิโรราบ...ให้กับชายหนุ่มร่างยักษ์มากไปด้วยอำนาจที่ยืนกอดอกจ้องมองเธออยู่ไม่ห่างจากบริเวณที่เธอทรุดนั่งลงอย่างอ่อนแรง
“แต่ข้าเป็นอุทุราชา เจ้าลืมไปแล้วหรือ”
“ท่าน...ข้า...” หญิงสาวรู้สึกว่าเธอกำลังจะบ้าขึ้นมาจริงๆ เธอกำลังทำตัวไม่ถูก ยิ่งคิดว่าเขาเป็นใคร แล้วเธอเป็นใคร เธอก็ยิ่งว้าวุ่น หดหู่ สับสน ปนเปกันไปหมด
“ข้าก็คือข้า”
“แต่ข้า...”
“เจ้าก็คือเจ้า”
เหมือนอินทุจะเข้าใจความรู้สึกของศศิธรเป็นอย่างดี จึงพูดออกมาเช่นนี้ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง พร้อมกับดึงหญิงสาวเข้ามากอดเพื่อถ่ายทอดความเชื่อมั่นให้แก่หญิงสาว ให้เธอได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง
“แล้วข้าจะต้องทำตัวอย่างไรกับท่าน ท่านเป็นถึงพระราชา” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนานอยู่ภายในอ้อมแขนแกร่ง
“เจ้าคิดอะไรของเจ้าเนี่ย”
“ท่านอาจจะเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งของสักรัฐ หรือสักแคว้นหนึ่งก็เป็นได้”
“ข้าเป็นแค่คนที่ปกครองที่นี่เท่านั้น อุทุราชาก็เหมือนหัวโขนที่พวกเขาจับสวมให้กับข้า แต่งตั้งข้าขึ้นมา เพื่อให้มาดูแลดินแดนแห่งนี้ให้สงบร่มเย็นเท่านั้น ไม่แน่กลาพิมพ์อาจจะเป็นเพียงแค่เมืองลับแลในนิทานปรำปราสำหรับคนยุคเจ้าก็เป็นได้”
“มันก็จริง” ศศิธรยอมรับออกมาเสียงอ่อย เพราะเท่าที่เธอเคยได้เรียนประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ประถมจนถึงปัจจุบันที่เธอพยายามค้นคว้าหาตัวยามารักษาแม่ ซึ่งเวลาส่วนใหญ่ของเธอก็หมดไปกับหนังสือโบราณมากมาย แต่เธอก็ไม่เคยอ่านเจอประวัติของเมืองกลาพิมพ์ หรืออุทุราชาเลยสักนิด
“แต่...ท่าน...ท่านเป็นถึงอุทุราชา ข้าจะต้องปฏิบัติตัวต่อท่านอย่างไร”
“ก็ทำเหมือนเดิม”
“ข้าทำไม่ได้” หญิงสาวส่ายหน้าเถียงอยู่กับอกอุ่น เธอไม่อยากเงยหน้าขึ้นมองเขาสักนิด เพราะเมื่อเธอเห็นใบหน้าคมของเขา เธอก็จะหวนคิดได้ว่าเขาเป็นใครทุกที
“แต่ข้าว่าเจ้าทำได้นะ”
“ข้าทำไม่ได้หรอก ข้าทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้แน่ๆ”
“เมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร...เจ้าก็แค่ไม่ดื้อ ไม่เถียง เชื่อฟังข้า แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
“อะไรนะ!”
ได้ยินคำสั่งกึ่งประชดประชันของอุทุราชาก็ทำให้ศศิธรเผลอลืมตัวลืมคิดว่าเขาเป็นใครไปชั่วขณะ เผลอเงยหน้าขึ้นจ้องหน้าและขึ้นเสียงกับเขา ก่อนจะก้มหน้าลงกับอกกว้างตามเดิมเมื่อเห็นใบหน้าราวเทพบุตรของเขาที่อยู่ห่างกับหน้าเธอไม่ถึงคืบ แล้วเธอก็มีสติคิดได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร
“เจ้าทำไม่ได้งั้นรึ” อินทุถามพลางซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ได้แกล้งหญิงสาวให้รู้สึกกลัวเขาขึ้นมาบ้าง ไม่งั้นเธอก็เอาแต่เถียงและขัดคำสั่งเขาท่าเดียว
======================
มีต่อนะคะ (2/2)