เมื่อ 12 ปีที่แล้วเราอยู่ที่เชียงใหม่ ตอนนั้นรับงานแปลมาชิ้นหนึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับ marketing แล้วมีเรื่อง presentation อยู่ในเล่มเดียวกันอีกด้วย
หนังสือเล่มนี้ยาว 400 หน้า แต่ลูกค้าคัดมาให้แปลแค่ 100 หน้า และทุกๆ 1 หน้าเราแปลๆไปแล้วติดศัพท์ประมาณ 1 คำ แบบว่า หาที่ไหนก็ไม่เจอ (สมัยนั้น google มันยังไม่เก่งมากนัก) เราก็คิดว่างานนี้เราคงแปลผิดตั้งประมาณ 100 แห่งแน่ะ! เล่นเอาเครียดไปเลย
ในใจก็คิดว่านี่ถ้าลูกค้าให้เราแปลหมด 400 หน้าเราก็คงแปลผิดตั้งประมาณ 400 แห่ง สบายใจเฉิบไปเลย...555+++...อ้าวแล้วไอ้หนังสือแนวนี้ที่เค้าแปลขายกันน่ะ นักแปลเค้าไปหาศัพท์ที่ไหนกันอะ...!!???...
เราก็เลยออกนอกบ้านไปเดินๆเล่นตามร้านขายคอมพิวเตอร์กับขาย software ในเชียงใหม่ เดินไปกินเบียร์ไปคลายเครียดอะ...555+++... แล้วโชคก็เข้าข้างเราที่สายตาเรากวาดไปเจอ Encarta Encyclopedia เป็นแผ่น DVD วางตระหง่านอยู่อะ เลยลองซื้อมาใช้เล่นๆ แล้วเจอ Encarta Dictionaries ติดมาด้วย (มันมี applications หลายอย่างให้มา...และมันใช้คำว่า dictionaries เพราะมันแปลหลายภาษา) แต่โหไอ้แปลอังกฤษเป็นอังกฤษนี่ของเค้าเด็ดจริงๆแฮะ เจ้า Encarta Dictionaries ช่วยให้เราหาศัพท์ที่เราไม่รู้ในงานชิ้นนั้นเจอหมดเลยอะ! เราเลยสงสัยว่าฝรั่งคนที่เขียนหนังสือเล่มที่เราแปลน่ะ (คนเขียน 2 คน) เค้าคือ 2 คนในบรรดา lexicographers หลายๆคนที่ผลิต Encarta Dictionary (อันที่แปลอังกฤษเป็นอังกฤษ) หรือเปล่าหว่า (เรามโนไปว่างั้นจริงๆ)...555+++...โหตอนนั้นกระโดดโลดเต้นดีใจจนสุดฤทธิ์เลยอะ!
^
ตั้งแต่นั้นมา เราก็เลยต้องมี Encarta Encyclopedia ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เรา (เพราะมันช่วยให้เราหาศัพท์ยากๆในการทำงานแปลได้รวดเร็วมากๆ) จนเวลามันก็ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว (มันจะมี version ใหม่ออกมาทุกๆปี) แต่อยู่ดีๆผู้ผลิต (คือ Microsoft) ก็ออก Encarta Encyclopedia เป็น version สุดท้ายในปี 2009 แล้วก็เลิกผลิต version ต่อไปซะแล้ว เล่นเอาเราจ๋อยไปเลย เราได้แต่เฝ้าคิดถึง Encarta Dictionary (อังกฤษ-อังกฤษ) ที่มีความจุสูงมากๆของเรา แบบว่าคิดถึงเพื่อนรักคู่ชีวิตของเรารายนี้เอาซะมากๆเลยหละ...ฮือๆๆ...
แต่อยู่ดีๆเมื่อไม่นานมานี้ เราค้นพบว่า my long lost friend รายนี้น่ะ เค้ากลับมาหาเราแล้วหละ แต่แอบมาเงียบๆกับ Microsoft Office 2013 (หรือ version ต่ำกว่านั้นหน่อยๆก็น่าจะมีอยู่แล้วนะ) และอยู่ในโปรแกรม Word ซึ่งถ้าใครไม่รู้วิธีหาก็จะหามันไม่เจอหรอก
เราจะแนะนำวิธีงัด Encarta Dictionary มาใช้งาน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ท่านผู้อ่าน
ก่อนอื่นสิ่งแรกที่คุณต้องทำ ก็คือ
1 คอมพิวเตอร์ต้องต่อเน็ต
2 ต้อง log in เข้า Microsoft account
^
เมื่อทำ 2 อย่างนี้แล้วก็
ลุยเล้ย...
เอ้าลองเปิด *.docx file เปล่าๆดูนะ
แล้วพิมพ์คำว่า fast เข้าไป เพื่อที่จะทดลองหาศัพท์ตัวนี้และคำแปลของมันนะ
วิธีการก็คือ
1 เอา mouse ชี้ที่คำว่า fast แล้วกดปุ่มขวาของ mouse
2 มันจะมี list ให้เลือก ให้เลือกคำว่า translate แล้วคุณก็จะเห็นหน้าต่างทางขวามือโผล่ขึ้นมา
3 ในหน้าต่างทางขวามือ ตรงช่องที่สองถัดจากข้างบน ให้กด dropdown menu แล้วเลือก Encarta Dictionary: English (North America)
พอเลือกแล้ว ในหน้าต่างข้างขวา คุณก็จะเห็นศัพท์คำว่า fast โผล่ขึ้นมา พร้อมด้วยคำแปล ของมัน (สำหรับศัพท์บางคำ จะมี idiomatic expressions และ/หรือ ตัวอย่างประโยคให้ด้วยดิ)
หน้าต่างทางขวามือจะเป็นแบบในรูปนี้
คราวนี้ นี้ลองพิมพ์คำว่า virtue เข้าไปเพื่อทดลองหาหาศัพท์ตัวนี้และคำแปลของมัน แต่คราวนี้อย่าไปเสียเวลาทำแบบหาคำแปล fast นะ เพราะคุณต้องกดปุ่มหลายปุ่ม (เหมือนที่อธิบายไว้ตอนหาคำศัพท์ fast และคำแปลของมัน) แต่ให้กดปุ่มลัดไปเลย นั่นก็คือ
1 เอามือข้างหนึ่งกดปุ่ม Alt คาไว้ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งจับ mouse ไป click ที่คำว่า virtue
แค่นี้เอง เพียงขั้นตอนเดียว คุณก็จะได้คำศัพท์ virtue พร้อมคำแปลของมันโผล่มาที่หน้าต่างทางขวามือทันที และในการหาศัพท์ครั้งต่อๆไป ก็จะใช้วิธีลัดแบบนี้ได้ไปเรื่อยๆ
หน้าต่างทางขวามือจะเป็นแบบในรูปนี้
หมายเหตุ
application ตัวนี้นอกจากจะแปลอังกฤษ-อังกฤษได้แล้ว มันยังแปลภาษาอื่นได้อีกด้วย ลองไล่ๆดูใน dropdown menu เอาเองว่ามันแปลภาษาอะไรได้บ้าง
คนที่จะใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ได้อย่างน้อยที่สุดควรรู้ defining vocabulary ประมาณ 2000 – 3000 คำ
ไปดูข้อมูลเกี่ยวกับ defining vocabulary ได้ที่นี่
http://en.wikipedia.org/wiki/Defining_vocabulary
จริงๆแล้วการหัดอ่านภาษาอังกฤษควรหัดอ่านจากง่ายไปหายาก โดยใช้บทเรียนแบบ graded readers อะไรทำนองนี้
ไปดูข้อมูลเรื่อง graded readers ได้ที่นี่
http://en.wikipedia.org/wiki/Graded_reader
^
ถ้าค่อยๆฝึกอ่านแบบนี้จะไม่ต้องเปิด dictionaries จนท้อใจ
สมัยนี้เทคโนโลยีใหม่ๆช่วยให้เรียนภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น แทนที่คุณจะนั่งทนทุกข์ทรมานอ่านหนังสือกระดาษเป็นเล่มๆแล้วเปิด dictionaries กระดาษเป็นเล่มๆนะ คุณอ่าน ebooks จะง่ายกว่า ถ้าหา ebook เป็น *.pdf file ได้นะ แล้วแปลงมันเป็น texts แล้วใช้ Word เปิดอ่านมัน โดยมี Encarta Dictionary เป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยคุณอยู่ คุณก็จะเคี้ยวหนังสือศัพท์ยากๆลงได้ง่ายหน่อย (เพราะ dictionary ตัวนี้มันจุคำศัพท์เยอะมากๆ) ดีกว่าไปเปิด dictionaries กระดาษให้เสียเวลาและเมื่อยมือ แล้วพอกลับมาเปิดหนังสือกระดาษอ่านอีก ก็ตาลายหาไม่เจอแล้วว่าอ่านไปถึงไหน แถมยังท้อใจอีกต่างหาก
บางทีเราหาหนังสือเล่มที่เราอยากอ่าน หรือเล่มที่ศัพท์ยากๆ เป็น ebook ไม่ได้ เราจำใจยอมซื้อหนังสือกระดาษมาเป็นเล่มๆ แล้วลงทุนฉีกหนังสือ scan มันทั้งเล่ม เพื่อทำ ebook เลย ถ้า scanner เร็วๆนะ เผลอๆยอมเสียเวลา scan แล้วได้อ่าน ebook ที่เป็น texts หักกลบลบเวลากันแล้วกลายเป็นประหยัดเวลาไปเลยก็มี...!!???...แต่สมัยนี้ถ้าไม่อยากฉีกหนังสือก็น่าจะหา stand อะไรมาตั้ง smartphone แล้วใช้ smartphone ถ่ายภาพหนังสือ (โดยไม่ต้องฉีกหนังสือ) แทน scanner ได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วเราคิดว่าวิธีหลังมันช้าอะ เรายอมฉีกหนังสือ แล้ว scan มันด้วยความเร็วสูงไปเลย (โดยใช้ sheet-fed scanner (ที่มันวางกระดาษได้เป็นปึกๆคล้ายๆ printer อะ)) ไม่เสียดายหนังสือกระดาษหรอก เพราะ ebook ที่ได้มามันจะปลอดภัยจากปลวก น้ำท่วม และจะไม่เจอปัญหากระดาษกลายเป็นสีเหลือง แล้วข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าถ้าเพื่อนคนไหนอยากได้หนังสืออะไร แล้วเรามี ebook เล่มนั้นๆ เราก็ทำ copies แล้วไล่แจก ebooks ให้เพื่อนได้เลย ไม่ต้องคอยมานอยด์ว่าเพื่อนเราจะทำหนังสือเราเป็นรอยหรือทำหนังสือเราหายหรือเปล่า...555+++...
ในยุคนี้เราก็เลยเลิกจดศัพท์ไปตั้งนานนมแล้วหละ เพราะ dictionaries หาได้ทุกหนแห่งเช่น dictionaries ที่เป็น applications ซึ่งติดตั้งบน smartphone ที่พกพาไปไหนมาไหนได้ หรือ online dictionaries ที่ใช้ smartphone เปิดใช้งานได้ด้วย wifi หรือ 3g เป็นต้น
แต่ก็อย่าลืมนะว่า Encarta Dictionary มีข้อดีตรงที่มันจุคำศัพท์เยอะมากๆ ซึ่งเหมาะสำหรับนักแปลหรือคนที่ต้องการฝึกอ่านจับใจความเพื่อทำความเข้าใจภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็ว แต่ dictionaries ที่ช่วยให้คุณพูดเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ (เพราะมันมีตัวอย่างประโยคให้ตั้งมากมายที่จะสอนให้คุณเอาคำศัพท์สร้างประโยคพลิกแพลงได้อย่างหลากหลายและเป็นธรรมชาติ) ก็คือ Longman Dictionary of Contemporary English กับ Oxford Advanced Learner's Dictionary อยู่ดีนั่นแหละ
ดังนั้น ในการเรียนภาษาอังกฤษ อย่ายึดติดกับ dictionary เพียงแค่ยี่ห้อเดียว แต่ต้องหัดใช้ dictionaries หลายๆยี่ห้อ เพราะ dictionaries มีหลายชนิด ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อันหลากหลาย ซึ่งผู้ใช้จะต้องรู้ว่า dictionary ยี่ห้อไหนใช้ทำอะไรได้บ้าง
Encarta Dictionary, my long lost friend, is back!:แนะนำ dictionary ดีๆให้เพื่อนๆเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่
หนังสือเล่มนี้ยาว 400 หน้า แต่ลูกค้าคัดมาให้แปลแค่ 100 หน้า และทุกๆ 1 หน้าเราแปลๆไปแล้วติดศัพท์ประมาณ 1 คำ แบบว่า หาที่ไหนก็ไม่เจอ (สมัยนั้น google มันยังไม่เก่งมากนัก) เราก็คิดว่างานนี้เราคงแปลผิดตั้งประมาณ 100 แห่งแน่ะ! เล่นเอาเครียดไปเลย
ในใจก็คิดว่านี่ถ้าลูกค้าให้เราแปลหมด 400 หน้าเราก็คงแปลผิดตั้งประมาณ 400 แห่ง สบายใจเฉิบไปเลย...555+++...อ้าวแล้วไอ้หนังสือแนวนี้ที่เค้าแปลขายกันน่ะ นักแปลเค้าไปหาศัพท์ที่ไหนกันอะ...!!???...
เราก็เลยออกนอกบ้านไปเดินๆเล่นตามร้านขายคอมพิวเตอร์กับขาย software ในเชียงใหม่ เดินไปกินเบียร์ไปคลายเครียดอะ...555+++... แล้วโชคก็เข้าข้างเราที่สายตาเรากวาดไปเจอ Encarta Encyclopedia เป็นแผ่น DVD วางตระหง่านอยู่อะ เลยลองซื้อมาใช้เล่นๆ แล้วเจอ Encarta Dictionaries ติดมาด้วย (มันมี applications หลายอย่างให้มา...และมันใช้คำว่า dictionaries เพราะมันแปลหลายภาษา) แต่โหไอ้แปลอังกฤษเป็นอังกฤษนี่ของเค้าเด็ดจริงๆแฮะ เจ้า Encarta Dictionaries ช่วยให้เราหาศัพท์ที่เราไม่รู้ในงานชิ้นนั้นเจอหมดเลยอะ! เราเลยสงสัยว่าฝรั่งคนที่เขียนหนังสือเล่มที่เราแปลน่ะ (คนเขียน 2 คน) เค้าคือ 2 คนในบรรดา lexicographers หลายๆคนที่ผลิต Encarta Dictionary (อันที่แปลอังกฤษเป็นอังกฤษ) หรือเปล่าหว่า (เรามโนไปว่างั้นจริงๆ)...555+++...โหตอนนั้นกระโดดโลดเต้นดีใจจนสุดฤทธิ์เลยอะ!
^
ตั้งแต่นั้นมา เราก็เลยต้องมี Encarta Encyclopedia ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เรา (เพราะมันช่วยให้เราหาศัพท์ยากๆในการทำงานแปลได้รวดเร็วมากๆ) จนเวลามันก็ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว (มันจะมี version ใหม่ออกมาทุกๆปี) แต่อยู่ดีๆผู้ผลิต (คือ Microsoft) ก็ออก Encarta Encyclopedia เป็น version สุดท้ายในปี 2009 แล้วก็เลิกผลิต version ต่อไปซะแล้ว เล่นเอาเราจ๋อยไปเลย เราได้แต่เฝ้าคิดถึง Encarta Dictionary (อังกฤษ-อังกฤษ) ที่มีความจุสูงมากๆของเรา แบบว่าคิดถึงเพื่อนรักคู่ชีวิตของเรารายนี้เอาซะมากๆเลยหละ...ฮือๆๆ...
แต่อยู่ดีๆเมื่อไม่นานมานี้ เราค้นพบว่า my long lost friend รายนี้น่ะ เค้ากลับมาหาเราแล้วหละ แต่แอบมาเงียบๆกับ Microsoft Office 2013 (หรือ version ต่ำกว่านั้นหน่อยๆก็น่าจะมีอยู่แล้วนะ) และอยู่ในโปรแกรม Word ซึ่งถ้าใครไม่รู้วิธีหาก็จะหามันไม่เจอหรอก
เราจะแนะนำวิธีงัด Encarta Dictionary มาใช้งาน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ท่านผู้อ่าน
ก่อนอื่นสิ่งแรกที่คุณต้องทำ ก็คือ
1 คอมพิวเตอร์ต้องต่อเน็ต
2 ต้อง log in เข้า Microsoft account
^
เมื่อทำ 2 อย่างนี้แล้วก็
ลุยเล้ย...
เอ้าลองเปิด *.docx file เปล่าๆดูนะ
แล้วพิมพ์คำว่า fast เข้าไป เพื่อที่จะทดลองหาศัพท์ตัวนี้และคำแปลของมันนะ
วิธีการก็คือ
1 เอา mouse ชี้ที่คำว่า fast แล้วกดปุ่มขวาของ mouse
2 มันจะมี list ให้เลือก ให้เลือกคำว่า translate แล้วคุณก็จะเห็นหน้าต่างทางขวามือโผล่ขึ้นมา
3 ในหน้าต่างทางขวามือ ตรงช่องที่สองถัดจากข้างบน ให้กด dropdown menu แล้วเลือก Encarta Dictionary: English (North America)
พอเลือกแล้ว ในหน้าต่างข้างขวา คุณก็จะเห็นศัพท์คำว่า fast โผล่ขึ้นมา พร้อมด้วยคำแปล ของมัน (สำหรับศัพท์บางคำ จะมี idiomatic expressions และ/หรือ ตัวอย่างประโยคให้ด้วยดิ)
หน้าต่างทางขวามือจะเป็นแบบในรูปนี้
คราวนี้ นี้ลองพิมพ์คำว่า virtue เข้าไปเพื่อทดลองหาหาศัพท์ตัวนี้และคำแปลของมัน แต่คราวนี้อย่าไปเสียเวลาทำแบบหาคำแปล fast นะ เพราะคุณต้องกดปุ่มหลายปุ่ม (เหมือนที่อธิบายไว้ตอนหาคำศัพท์ fast และคำแปลของมัน) แต่ให้กดปุ่มลัดไปเลย นั่นก็คือ
1 เอามือข้างหนึ่งกดปุ่ม Alt คาไว้ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งจับ mouse ไป click ที่คำว่า virtue
แค่นี้เอง เพียงขั้นตอนเดียว คุณก็จะได้คำศัพท์ virtue พร้อมคำแปลของมันโผล่มาที่หน้าต่างทางขวามือทันที และในการหาศัพท์ครั้งต่อๆไป ก็จะใช้วิธีลัดแบบนี้ได้ไปเรื่อยๆ
หน้าต่างทางขวามือจะเป็นแบบในรูปนี้
หมายเหตุ
application ตัวนี้นอกจากจะแปลอังกฤษ-อังกฤษได้แล้ว มันยังแปลภาษาอื่นได้อีกด้วย ลองไล่ๆดูใน dropdown menu เอาเองว่ามันแปลภาษาอะไรได้บ้าง
คนที่จะใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ได้อย่างน้อยที่สุดควรรู้ defining vocabulary ประมาณ 2000 – 3000 คำ
ไปดูข้อมูลเกี่ยวกับ defining vocabulary ได้ที่นี่
http://en.wikipedia.org/wiki/Defining_vocabulary
จริงๆแล้วการหัดอ่านภาษาอังกฤษควรหัดอ่านจากง่ายไปหายาก โดยใช้บทเรียนแบบ graded readers อะไรทำนองนี้
ไปดูข้อมูลเรื่อง graded readers ได้ที่นี่
http://en.wikipedia.org/wiki/Graded_reader
^
ถ้าค่อยๆฝึกอ่านแบบนี้จะไม่ต้องเปิด dictionaries จนท้อใจ
สมัยนี้เทคโนโลยีใหม่ๆช่วยให้เรียนภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น แทนที่คุณจะนั่งทนทุกข์ทรมานอ่านหนังสือกระดาษเป็นเล่มๆแล้วเปิด dictionaries กระดาษเป็นเล่มๆนะ คุณอ่าน ebooks จะง่ายกว่า ถ้าหา ebook เป็น *.pdf file ได้นะ แล้วแปลงมันเป็น texts แล้วใช้ Word เปิดอ่านมัน โดยมี Encarta Dictionary เป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยคุณอยู่ คุณก็จะเคี้ยวหนังสือศัพท์ยากๆลงได้ง่ายหน่อย (เพราะ dictionary ตัวนี้มันจุคำศัพท์เยอะมากๆ) ดีกว่าไปเปิด dictionaries กระดาษให้เสียเวลาและเมื่อยมือ แล้วพอกลับมาเปิดหนังสือกระดาษอ่านอีก ก็ตาลายหาไม่เจอแล้วว่าอ่านไปถึงไหน แถมยังท้อใจอีกต่างหาก
บางทีเราหาหนังสือเล่มที่เราอยากอ่าน หรือเล่มที่ศัพท์ยากๆ เป็น ebook ไม่ได้ เราจำใจยอมซื้อหนังสือกระดาษมาเป็นเล่มๆ แล้วลงทุนฉีกหนังสือ scan มันทั้งเล่ม เพื่อทำ ebook เลย ถ้า scanner เร็วๆนะ เผลอๆยอมเสียเวลา scan แล้วได้อ่าน ebook ที่เป็น texts หักกลบลบเวลากันแล้วกลายเป็นประหยัดเวลาไปเลยก็มี...!!???...แต่สมัยนี้ถ้าไม่อยากฉีกหนังสือก็น่าจะหา stand อะไรมาตั้ง smartphone แล้วใช้ smartphone ถ่ายภาพหนังสือ (โดยไม่ต้องฉีกหนังสือ) แทน scanner ได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วเราคิดว่าวิธีหลังมันช้าอะ เรายอมฉีกหนังสือ แล้ว scan มันด้วยความเร็วสูงไปเลย (โดยใช้ sheet-fed scanner (ที่มันวางกระดาษได้เป็นปึกๆคล้ายๆ printer อะ)) ไม่เสียดายหนังสือกระดาษหรอก เพราะ ebook ที่ได้มามันจะปลอดภัยจากปลวก น้ำท่วม และจะไม่เจอปัญหากระดาษกลายเป็นสีเหลือง แล้วข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าถ้าเพื่อนคนไหนอยากได้หนังสืออะไร แล้วเรามี ebook เล่มนั้นๆ เราก็ทำ copies แล้วไล่แจก ebooks ให้เพื่อนได้เลย ไม่ต้องคอยมานอยด์ว่าเพื่อนเราจะทำหนังสือเราเป็นรอยหรือทำหนังสือเราหายหรือเปล่า...555+++...
ในยุคนี้เราก็เลยเลิกจดศัพท์ไปตั้งนานนมแล้วหละ เพราะ dictionaries หาได้ทุกหนแห่งเช่น dictionaries ที่เป็น applications ซึ่งติดตั้งบน smartphone ที่พกพาไปไหนมาไหนได้ หรือ online dictionaries ที่ใช้ smartphone เปิดใช้งานได้ด้วย wifi หรือ 3g เป็นต้น
แต่ก็อย่าลืมนะว่า Encarta Dictionary มีข้อดีตรงที่มันจุคำศัพท์เยอะมากๆ ซึ่งเหมาะสำหรับนักแปลหรือคนที่ต้องการฝึกอ่านจับใจความเพื่อทำความเข้าใจภาษาอังกฤษอย่างรวดเร็ว แต่ dictionaries ที่ช่วยให้คุณพูดเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ (เพราะมันมีตัวอย่างประโยคให้ตั้งมากมายที่จะสอนให้คุณเอาคำศัพท์สร้างประโยคพลิกแพลงได้อย่างหลากหลายและเป็นธรรมชาติ) ก็คือ Longman Dictionary of Contemporary English กับ Oxford Advanced Learner's Dictionary อยู่ดีนั่นแหละ
ดังนั้น ในการเรียนภาษาอังกฤษ อย่ายึดติดกับ dictionary เพียงแค่ยี่ห้อเดียว แต่ต้องหัดใช้ dictionaries หลายๆยี่ห้อ เพราะ dictionaries มีหลายชนิด ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์อันหลากหลาย ซึ่งผู้ใช้จะต้องรู้ว่า dictionary ยี่ห้อไหนใช้ทำอะไรได้บ้าง