Queue Please !
ไม่แปลกใจที่เห็นสลิ่มตื่นเต้นเรื่องข้าราชการคนหนึ่งต้องเข้าแถวเตรียมขึ้นเครื่อง
เพราะสลิ่มมักจะมีความคิดความเห็นแตกต่างจากคนปกติธรรมดา คนทั่วไปเห็นว่าการกระทำแบบนี้ไม่ดี ไม่ถูกไม่ควร แต่สลิ่มว่าดีอะ
อย่างการปิดสนามบินสุวรรณภูมินั่นไง ทั่วโลกเขามองว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็น "ผู้ก่อการร้าย" แต่สลิ่มเค้าภูมิใจจะตายไป
เพราะเค้าคิดว่าเค้าเป็น “ผู้ก่อการดี” ซะงั้น !
การปิดล้อมสถานที่ราชการ ยึดทำเนียบ บุกรัฐสภา บุกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ปิดล้อมสถานที่ไม่ให้คนเข้าไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง
โอ๊ย สลิ่มเป็นปลื้มมาก เพราะเค้าว่าเค้าเป็น “คนดี” เป็นคนดีที่ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อชาติล่มจมอะดิชิมิ ?
แต่การได้ทำอะไรซักอย่างที่คนทั่วไปเขาทำกันเป็นเรื่องธรรมดา
สลิ่มกลับมองว่ามันคือความดีสุดยอดเหนือมนุษย์ขั้นเทพเจ้าดาวนาเม็กซ์เลยทีเดียวเชียวแหละ .... นึกๆไปแล้วก็ฮาดี ....
การเข้าแถวต่อคิวเป็นเรื่องมารยาทปกติของคนทั่วไป แต่สลิ่มกลับเห็นเป็นเรื่องมหัศจรรย์พันลึก สุด Amazing !
ดิฉันเองไม่แปลกใจสลิ่มเท่าไหร่ ที่เรื่องแบบนี้จะสุด Amazing สำหรับพวกเขา อาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่ค่อยได้ใช้มารยาทแบบนี้
ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ก็เป็นได้ อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งพวกเขาคิดว่าตัวเอง อยู่เหนือกว่าคนอื่น ทำตัววีไอพีกว่าคนอื่นอยู่เป็นประจำ
(วีไอพีในกะลา) จึงไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น ว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นมารยาทสังคมที่คนทั่วไปใครๆก็รู้และทำกัน
ดิฉันมีเรื่องฮาๆ ของการลัดคิวที่ประสบมาด้วยตัวเอง จะเล่าให้เพื่อนๆฟังพอคลายเครียดนะคะ

เรื่องแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เหตุเกิดที่สนามบินภูเก็ต ดิฉันกำลังเข้าแถวต่อคิวเพื่อเช็คอินขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ อีกคนเดียวข้างหน้าก็จะถึงคิวของดิฉันแล้ว
แต่เค้าคงติดปัญหาอะไรซักอย่างจึงคุยกับพนักงานอยู่นาน พอดีคนข้างหลังดิฉันที่มากัน 2 คนน่าจะเป็นคุณป้ากับหลานสาว ก็รออยู่
ด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างหงุดหงิด
พอถึงคิวของดิฉัน ซึ่งกำลังลากกระเป๋าเข้าเช็คอิน บังเอิญดิฉันมีกระเป๋ากล้องและกระเป๋าโน๊ตบุคเป็นสัมภาระอีก 2 ใบ เลยดูพะรุงพะรัง
และช้า แล้วอยู่ๆก็มีมนุษย์ป้าคนหนึ่ง โผล่พรวดพราดมาจากด้านหลัง ถึงเคาท์เตอร์ก่อนเลย มาลัดคิวดิฉัน แล้วก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ เช็คอิน
ตัดหน้าดิฉันไป
พอดิฉันงงเสร็จ ก็เดินเข้าไปข้างเคาท์เตอร์พลางบอกพนักงานว่าดิฉันมาก่อน พนักงานบอกว่าเธอไม่ทราบว่าใครมาก่อนหลัง เพราะ
เธอมีหน้าที่เช็คอินเท่านั้น เรื่องอื่นเคลียร์กันเอง.... เป็นไงล่ะตรู เงิบดิ !
ดิฉันนี่ ... ลมออกหูเลย ได้แต่กัดฟันกรอดๆ เพราะยายมนุษย์ป้าคนนั้นเธอก็ลอยหน้าลอยตา ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น .......

จนกระทั่ง ผู้โดยสารสองคนที่ต่อคิวหลังดิฉันทนไม่ไหวเข้ามาด่า ถูกแล้วค่ะ คุณป้าคนนั้นเธอเข้ามาด่า ด่ายายมนุษย์ป้าว่า หน้าดาน
ไม่รู้จักมารยาท ไม่มีจิตสำนึก ขนาดน้องเค้า(หมายถึงดิฉัน) เข้ามาทวงสิทธิ์ของเค้าแล้ว หล่อนก็ยังคงหน้าดานทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้จักอาย
เท่านั้นยังไม่พอ คุณป้ายังด่าพนักงานที่เช็คอินด้วย โทษฐานไม่สนใจลูกค้า ปล่อยให้เรื่องลัดคิดกัน เป็นเรื่องของผู้โดยสารที่ต้อง
จัดการกันเอง ทำลอยตัวไม่จัดการปัญหา
มนุษย์ป้าลัดคิวคนนั้น เธอก็นิ่งไม่ตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น จนเช็คอินเสร็จและเดินจากไป คุณป้าเธอก็ยังตามไปด่า ๆๆๆๆ
เสียงดังลั่นบริเวณนั้นเลย (แหะ ๆ ยอมรับว่าสะจายค่ะ) จนทั้งดิฉันและหลานสาวต้องไปพาตัวคุณป้ากลับมาเช็คอินต่อ
เพราะเด่วตกเครื่องกันซะก่อน .....
ปล. ยายมนุษย์ป้าลัดคิวคนนั้นเธอใส่ปลอกรัดข้อมือเป็นลายธงชาติด้วยนะคะ (จะเชยไปไหน)

จากรูป .... เจ้าหน้าที่สนามบิน กำลังเคลียร์อยู่กับคุณป้านักทวงสิทธิ์
เรื่องที่ 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เหตุเกิดที่ร้านสะดวกซื้อ สาขาหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต
ดิฉันกำลังยืนต่อคิวจ่ายเงินค่าขนมอยู่หน้าเคาท์เตอร์ บังเอิญสาขานั้นเป็นสาขาที่ขายดีมาก ลูกค้าเยอะ จึงมีการต่อคิวกันเป็น 2 แถว
คือการต่อคิวนั้นเป็นการต่อคิวแบบไทยๆ แถวใครแถวมัน ถ้าคุณโชคดีไปต่อคิวในแถวที่พนักงานทำงานเร็ว ก็ไม่ต้องรอนาน
แต่ถ้าคุณต่อคิวในแถวที่พนักงานทำงานช้า คุณก็รอไปเถอะ แม้คุณจะมาก่อนใครหลายๆคนในอีกแถวก็ตาม เหมือนคุณไปรอเข้า
ห้องน้ำหน้าห้องนั่นล่ะค่ะ

เข้าเรื่องเลยนะคะ พอถึงคิวดิฉันจะจ่ายเงิน ก็มีมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่ง ตอนแรกคิดว่าเป็นเด็กกำลังจะวัยรุ่น เพราะตัวเตี้ย ดำ ล่ำ หน้าก้อ
คอสั้น ผมหยิก พรวดพราดมาปาดหน้าดิฉันไป จนดิฉันถูกกระแทกออกมายืนงงอยู่ข้างๆ (มันจะงงอะไรนักหนาวะ)
นี่เป็นการสนทนาระหว่างดิฉันกับมนุษย์ผู้ขายคนนั้น 
ดิฉัน “น้อง ลัดคิวพี่รึป่าวคะ ?”
เตี้ยล่ำ “ผมยืนอยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้ว ไม่ได้ลัดคิว” แล้วก็ชี้มือไปที่มุมซอกชั้นวางของ (ตรูจะเห็นมุงมั๊ยล่ะ) เขาหันหน้าไปจ่ายเงินกับ
พนักงานร้านครู่หนึ่ง แล้วก็หันหน้าเฉียงๆ พูดเปรยๆต่อ
เตี้ยล่ำ “มารยาทน่ะผมมีค๊าบบบ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงออกทองแดงตามประสาคนใต้ พร้อมด้วยทำหน้าตายียวน เหลือบหางตา
มาทางดิฉัน
ดิฉัน “อ่ะค่ะ ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ” พูดจบดิฉันก็ถอยมาเข้าคิวต่อจากเขา แต่เขาไม่ยอมจบกลับพูดต่อไปว่า
เตี้ยล่ำ “ผมน่ะมีมารยาทพอ พ่อแม่สอนมาดีค๊าบบบ ว่าแต่คนถามล่ะ มีมารยาทไม๊ พ่อแม่ได้สอนไม๊ค๊าบบบ มารยาทน่ะค๊าบบบ”
เตี้ยล่ำยังพล่ามไม่ยอมหยุดพร้อมทั้งท่าทางยียวนกวน ...teen มั่กๆ
ดิฉัน “อ้าว ใครไปว่าอะไรล่ะ ก็แค่ถาม ถ้าไม่ได้ลัดคิวก็ไม่เป็นไร เรามองไม่เห็นว่าคุณยืนอยู่ตรงนั้น ก็อยู่อีกแถวนิ”
ดิฉันคิดว่าชักเยอะไปนะนายเตี้ย
เตี้ยล่ำ “ว่าไงล่ะ พ่อแม่คุณได้สอนมั๊ยค๊าบบบ มารยาทน่ะค๊าบบบ”
ดิฉัน เงียบ พยายามระงับสติอารมณ์ ถึงตอนนี้คนเริ่มมองตรึม เพราะนายเตี้ยเริ่มใช้เสียงดังข่ม และพูดเป็นภาษาใต้
ดิฉันฟังออกมั่งไม่ออกมั่ง แต่เข้าใจว่าคงด่าหรือสบถคำหยาบเพราะได้ยินคำฮิตในหมู่คนใต้ เหมือนน้องเหนี่ยวไก่
จนกระทั่งนายเตี้ยจ่ายเงินเสร็จและเดินออกไป แต่พอเดินไปถึงประตู เขาก็หันมามองดิฉัน ซึ่งกำลังมองตามหลังเขาไป
เตี้ยล่ำ “มองอะไร ห๊า ถามว่ามองอะไร มองหน้ามีปัญหารายม่าย ?”
ดิฉัน จ้องหน้านายเตี้ยไม่ยอมหลบ แต่ไม่พูดอะไร จนนายเตี้ยโมโห และทำท่าจะเดินกลับเข้ามาหาดิฉันอีกครั้งเหมือนจะ
เอาเรื่อง แต่แฟนเขาฉุดแขนไว้และชวนให้เดินออกไป แต่นายเตี้ยก็ยังไม่ยอมไป กลับถามหาเรื่องดิฉันอย่างนักเลง
อันธพาล (นี่พ่อแม่มุงสอนมาดีแล้วใช่ไหมเนี่ย ?)
เตี้ยล่ำ “ว่าไง มีคำถามรายม่ายค๊าบบบบ มีม่ายค๊าบบบ ปัญหาน่ะ มีม่ายค๊าบบบ?”
ดิฉัน ดิฉันไม่ตอบแต่ตายังจ้องนายเตี้ยไม่กระพริบ เตรียมพร้อมมีเรื่องตบกบาลคนแคระ
(ถึงตอนนี้ไม่คิดว่านายเตี้ยนั่นเป็นเด็กแล้วค่ะ)
เตี้ยล่ำ “ถ้ามีก็ถามมาได้นะค๊าบบบบ แต่ไม่มีก็ดีแล้ว แต่อย่ามามองหน้าผมแบบนี้ เดี๋ยวไม่สวย”
พูดแล้วนายเตี้ยก็หันหลังเดินกร่างๆออกไปกับแฟนสาว
ดิฉันนี่ อึ้งไปพักหนึ่ง (อยากจะตบกบาลตัวเองเรียกสติซักป๊าบ มันจะงงไรกันนักหนา) ก่อนจะเดินถามหาผู้จัดการร้าน เพื่อขอเทปจาก
กล้องวงจรปิด กะจะเอามาเผยแพร่ให้เห็นพฤติกรรมมารยาทดีของนายเตี้ยซักหน่อย ให้เป็น Share of the day ไปเลย แต่ผู้จัดการ
กลับไปแล้ว เหลือแต่พนักงานอาวุโส ซึ่งเธอบอกว่า ดิฉันต้องไปแจ้งความก่อน แล้วเอาใบแจ้งความมาขอเทปกล้องวงจรปิด
ดิฉันจึงเลิกล้มความตั้งใจไป
เรื่องที่ 3
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เหตุเกิดที่สนามบินดอนเมือง วันนั้นดิฉันกลับจากบ้านที่สกลฯ มาลงดอนเมือง บังเอิญเป็นช่วงที่เสร็จสิ้นการแข่งขัน
เอเชี่ยนเกมส์ที่ Inchon เครื่องที่มาจากเกาหลีบางไฟลท์ก็มาลงที่นี่ วันนั้นคนจึงเยอะมาก แม้ไฟลท์ที่ดิฉันมาจะเป็นไฟลท์
ที่ดึกแล้วก็ตาม

พอรับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินออกมาจะเรียกแท็กซี่กลับคอนโด เนื่องจากคนเยอะมากอย่างที่ว่า การเข้าแถวต่อคิวเรียกแท็กซี่
จึงยาวเฟื้อยลามไปถึงข้างใน Terminal หาปลายแถวเพื่อต่อคิวไม่เจอเลย มีความโกลาหลอย่างยิ่ง เพราะต่างคนต่างเร่งรีบ
เมื่อต่อคิวได้แล้ว แถวก็เลื่อนเข้าไปเรื่อยๆ ถัดจากข้างหน้าดิฉันไปประมาณ 3 – 4 คน มีกลุ่มมนุษย์ป้าและมนุษย์สาว 4 คน
กำลังเอะอะโวยวายทะเลาะอยู่กับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง พี่ผู้หญิงคนนั้นเธอแต่งตัวสะดุดตามาก ใส่หมวกปีกกว้าง เสื้อเชิตลายสก็อต
มีผ้าพันคอสีแดง กางเกงยีนส์ทรงเดป และใส่รองเท้าบู๊ทสูง เธอแต่งตัวคล้าย Cowgirl (น่าจะมาจากอีสาน)

โดยมนุษย์กลุ่มนั้นกล่าวหาว่า พี่ผู้หญิงเธอลัดคิว ซึ่งพี่ผู้หญิงเธอก็พยายามอธิบายว่า เธอนั้นไม่ได้ลัดคิว เธอมาก่อนแล้วและ
กลุ่มของเธอรออยู่ข้างหน้า เธอเพียงแต่แตกกลุ่มย้อนออกไปรับของจากเพื่อนที่มาไม่ทันและเข้าคิวอยู่ปลายๆแถวด้านหลัง
และกำลังจะเดินตามลู่กลับเข้าไปรวมกลุ่มที่อยู่ด้านหน้า
แต่มนุษย์ป้าและสาวกลุ่มนั้นไม่ฟัง กลับพากันรุมด่าเธออย่างสาดเสียเทเสียว่า ไร้การศึกษา บ้านนอก ไม่รู้มารยาทสังคมไม่ศิวิไลซ์
แถมใช้คำพูดดูถูกดูแคลนประมาณว่า เธอแต่งตัวไร้รสนิยม เป็นภรรยาฝรั่ง อะไรทำนองนี้ ยังไม่พอ ยังท้าทายและ ผลักอกไล่เธอ
ให้ไปต่อคิวด้านหลัง
พี่ผู้หญิงคนนั้นเธอก็ไม่ยอม จนจะมีเรื่องตบกันกลางสนามบิน ท่ามกลางสายตาคนดูนับร้อย ก็พอดีเพื่อนของพี่ Cowgirl คนหนึ่ง
มาพาตัวเธอย้อนกลับออกไปอีกทาง เพื่อรวมกลุ่ม เรื่องจึงทำท่าจะยุติ

แต่ ..... มนุษย์ป้าและสาวกลุ่มนั้น ยังไม่หนำใจ อารมณ์ยังต่อเนื่องอยากโชว์พาวด์อยู่ ยังคงพูดดูถูกพี่คนนั้นไม่หยุด ว่า บ้านนอก
ไร้การศึกษา บลาๆๆ ในขณะที่แถวก็ค่อยๆ เลื่อนไปเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงคิวที่มีพนักงานยืนคุมอยู่ ก็มีพนักงานหญิงคนหนึ่ง เข้ามา
บอกว่า พี่ผู้หญิงคนนั้นเธอไม่ได้ลัดคิว เธอมาก่อน แต่มีเหตุให้ต้องแตกคิวไปรับของกับเพื่อนที่อยู่ด้านหลัง อย่างที่เธอชี้แจงตอนแรก
แต่มนุษย์กลุ่มนั้น กลับว่าพนักงานเข้าข้างคนผิด จนพนักงานคนนั้นต้องล่าถอยไปเพราะไม่อยากมีเรื่องโดยใช่เหตุ

ดิฉันนี่ .... งงเลย (อีกแระมันงงอีกแระ งงอีกทีมีตบเรียกสตินะบอกก่อน) อะไรมันจะเยอะขนาดน้านนนน ....
แต่ยังไม่ทันมีใครมาตบเรียกสติ ดิฉันก็หายงง เพราะเหลือบไปเห็นกระเป๋าสัมภาระของมนุษย์ป้าและสาวกลุ่มนั้น
เห็นมีริ้วสายลายธงชาติไทย ผูกติดไว้ที่กระเป๋าทุกใบ เป็นเครื่องหมายกันหลงเอาไว้ จึงถึงบางอ้อ .... อ๋อ พวกคนดีนี่เอง !!
edit : ใส่รูปค่ะ
+ + + + Stand in a line. Please ! ! ..... ( Pechnamnil Amy C. ) + + + +
ไม่แปลกใจที่เห็นสลิ่มตื่นเต้นเรื่องข้าราชการคนหนึ่งต้องเข้าแถวเตรียมขึ้นเครื่อง
เพราะสลิ่มมักจะมีความคิดความเห็นแตกต่างจากคนปกติธรรมดา คนทั่วไปเห็นว่าการกระทำแบบนี้ไม่ดี ไม่ถูกไม่ควร แต่สลิ่มว่าดีอะ
อย่างการปิดสนามบินสุวรรณภูมินั่นไง ทั่วโลกเขามองว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็น "ผู้ก่อการร้าย" แต่สลิ่มเค้าภูมิใจจะตายไป
เพราะเค้าคิดว่าเค้าเป็น “ผู้ก่อการดี” ซะงั้น !
การปิดล้อมสถานที่ราชการ ยึดทำเนียบ บุกรัฐสภา บุกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ปิดล้อมสถานที่ไม่ให้คนเข้าไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง
โอ๊ย สลิ่มเป็นปลื้มมาก เพราะเค้าว่าเค้าเป็น “คนดี” เป็นคนดีที่ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อชาติล่มจมอะดิชิมิ ?
แต่การได้ทำอะไรซักอย่างที่คนทั่วไปเขาทำกันเป็นเรื่องธรรมดา
สลิ่มกลับมองว่ามันคือความดีสุดยอดเหนือมนุษย์ขั้นเทพเจ้าดาวนาเม็กซ์เลยทีเดียวเชียวแหละ .... นึกๆไปแล้วก็ฮาดี ....
การเข้าแถวต่อคิวเป็นเรื่องมารยาทปกติของคนทั่วไป แต่สลิ่มกลับเห็นเป็นเรื่องมหัศจรรย์พันลึก สุด Amazing !
ดิฉันเองไม่แปลกใจสลิ่มเท่าไหร่ ที่เรื่องแบบนี้จะสุด Amazing สำหรับพวกเขา อาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่ค่อยได้ใช้มารยาทแบบนี้
ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ก็เป็นได้ อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งพวกเขาคิดว่าตัวเอง อยู่เหนือกว่าคนอื่น ทำตัววีไอพีกว่าคนอื่นอยู่เป็นประจำ
(วีไอพีในกะลา) จึงไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น ว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นมารยาทสังคมที่คนทั่วไปใครๆก็รู้และทำกัน
ดิฉันมีเรื่องฮาๆ ของการลัดคิวที่ประสบมาด้วยตัวเอง จะเล่าให้เพื่อนๆฟังพอคลายเครียดนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องที่ 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่องที่ 3
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
edit : ใส่รูปค่ะ