ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห สุดท้ายค่ะ
หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 52 (1/2)
เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เกียรติคุณหมอสาวโดยไม่ควบคุมตัวเธอ ไหมแก้วก็รับปากว่าจะไม่หนีความผิดไปไหนทั้งนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้วที่เธอต้องกลัวนายทรงชัย และไหมแก้วรู้ดีว่าเมื่อความลับถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น ต่อจากนี้คือการก้มหน้ายอมรับความผิด
ทั้งความทางกฎหมายข้อหาให้ความเท็จในอดีต รวมถึงข้อหาการให้ความช่วยเหลือโจร และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่อีกข้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาคือ ความผิดที่กระทำต่อชายหนุ่ม
เมื่อตำรวจได้คำให้การของเธอ ไหมแก้วเอ่ยลานายอำเภอและไปกลับไปที่รถแล้วพบว่าเขานั่งรอในรถเรียบร้อยแล้ว เมื่อหญิงสาวนั่งลงบนเบาะแข็งแล้วปิดประตูรถกระบะ ชายหนุ่มก็ออกรถทันทีโดยไม่รอช้า ก้องปฐพียังคงทำหน้าที่สารถีให้เพื่อไปส่งเธอที่หมู่บ้านช้าง แต่เขานั่งเงียบมาตลอดทางโดยไม่ชวนเธอสนทนา เมื่อบรรยากาศในรถมันแสนอึมครึม ไหมแก้วจึงมองป่าข้างทางเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในอารมณ์ที่เกิดขึ้น
หนทางอีกยาวไกลกว่าจะถึงหมู่บ้านช้าง ไหมแก้วยังไม่มีการเอื้อนเอ่ยวาจากับชายหนุ่มด้วยรู้ดีว่าการเล่าความรู้สึกที่แท้จริงมันจะเป็นข้ออ้างหรือคำแก้ตัวตามที่เขาปักใจเชื่อ แค่คำขอโทษ เขาคงไม่อยากฟัง ความรู้สึกของเขาที่มีให้เธอคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเพราะเขาได้แสดงท่าทีเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนจนเธอไม่กล้าที่พูดจะบอกอะไรทั้งสิ้น
แต่เธอเริ่มรู้สึกผิดสังเกตเมื่อความเร็วของยานพาหนะลดลงจนมันจอดสนิทชิดขอบทาง ไหมแก้วหันไปทางชายหนุ่มที่ดับเครื่องแล้วปิดไฟหน้ารถทำให้แสงเดียวที่มีหายไป และรอบกายของพวกเขาจึงมีแต่ความมืดมิด
“คุณจอดรถทำไมคะ” ไหมแก้วถามด้วยความหวาดหวั่นแต่ไม่มีเสียงตอบนอกจากดวงตาขุ่น
หัวใจเธอกระตุกเมื่อมือหนาทั้งสองเคลื่อนมาจับต้นแขนของเธอ ชายหนุ่มเหนี่ยวรั้งตัวเธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ร่างหนาเคลื่อนตามเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
“ผมอยากได้คำตอบที่ชัดเจน”
“ฉันก็ตอบไปแล้วนี่คะ คุณก็ได้ยินพร้อมกับเจ้าหน้าที่และนายอำเภอแล้ว” ไหมแก้วออกแรงขัดขืน
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดี !” ก้องปฐพีพูดกระชากเสียงแล้วดึงเธอเข้าไปใกล้มากขึ้น
“ฉันต้องรีบกลับนะคะ คุณช่วยออกรถด้วย” เธอพูดพร้อมกับเบนหน้าหนีดวงตาสีนิลที่จ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“จะรีบกลับไปไหนล่ะครับ ไหนๆ เราก็มีโอกาสอยู่ด้วยกันแล้ว”
เขามองหญิงสาวที่ตัวสั่นงันงกด้วยดวงตากร้าว แต่ในเวลานี้อารมณ์มันเต็มไปด้วยไฟโมโหหญิงสาวที่ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ การปิดบังความลับเรื่องคดีฉุดดวงแขนั้นไม่ได้ทำให้เขามองเธอไปจากเดิม แต่ไอ้เรื่องที่เธอถ่วงเวลาเขาไว้ด้วยจูบที่ทำให้เขาหลงเธอหัวปักหัวปำต่างหากที่ทำร้ายเขามากเกินทน เธอย่ำยีความรู้สึกของเขาไม่ต่างจากฆาตกรเลือดเย็นเลยสักนิด ยิ่งคิดก็ยิ่งเผลอบีบแขนเธอแรงขึ้นจนหญิงสาวทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ
“คุณไหม...ทำไมคุณทำกับผมได้ลงคอ” เขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้เธอ และเจ็บทุกครั้งที่มองใบหน้านวล ดวงตาหวานคม และเรียวปากที่เขายังไหลหลงอยู่แม้กระทั่งตอนนี้
“ปล่อยฉันเถอะ คุณไม่ได้ต้องการทำแบบนี้หรอก” ไหมแก้วบอกเขาให้ได้สติ
“ทำแบบนี้? แบบไหนหรือครับ” เขากระตุกยิ้มถาม
“ก็แบบที่คุณกำลังทำอยู่นี่ยังไง ถ้าคุณจะโกรธจะเกลียดฉัน ฉันไม่ว่าแต่อย่าใช้กำลังกับฉัน เพราะมันแค่เป็นต้องการสนองอารมณ์ที่มันอยู่ในหัวคุณตอนนี้ !”
ชายหนุ่มยิ้มเยาะหญิงสาวที่มองเขาด้วยสายตาตำหนิ
“แล้วตอนที่คุณกระโดดจูบผมตอนนั้นมันสนองอะไรในหัวคุณหรือเปล่า ไอ้จูบที่คุณแสร้งทำมันขึ้นมาปั่นหัวจิตหัวใจ ไอ้คำพูดที่คุณให้ความหวังลมๆแล้งๆ นั่นมันสนองอะไรในหัวคุณแล้วอย่างนั้นสิ”
ความเจ็บแค้นปนความเศร้าแสดงออกทางดวงตาสีนิล เขาอยากให้เธอรู้ว่าในตอนนี้ว่าเขารวดร้าวแค่ไหน และสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่นี่มันมีสาเหตุมาจากเธอทั้งนั้น
ถ้าเขาอยากฟัง เธอก็จะบอกไหมแก้วสบตาของชายหนุ่มโดยไม่หลบเลี่ยง “ที่ฉันจูบคุณคืนนั้น...มันไม่ได้สนองอะไรในหัวของฉันเลย มันเป็นแค่ฉากหนึ่งในละครที่ฉันสร้างมันขึ้นมา ฉันไม่ได้คิดว่าเด็กคนนั้นอยู่อยู่หรือตาย...ฉันคิดแค่ว่าให้คุณรอดจากนายทรงชัยที่ขู่ฉันว่าเขาจะทำร้ายคุณหากคุณเข้าใกล้เพลงพิณ”
“จูบนั่นทำเพื่อแค่ปกป้องผม? ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยและแค่นหัวเราะ “คุณใช้จูบเป็นวิธีการปกป้องผม...รั้งให้ผมหลงมัวเมาในจูบที่ไม่ประสีประสาอย่างนั้นหรือ...คุณเล่นละครได้เก่งมาก เก่งจนคนอย่างผมเชื่อสนิทใจว่าคุณเต็มใจ”
“โชคดีที่เพลงพิณมันทำบุญมาเยอะ ถึงรอดตายในคืนนั้น แต่คนที่คุณช่วยชีวิตไว้กลับเจ็บเจียนตายในวันนี้” เขาเอ่ยเสียงตัดพ้อ แววตาของก้องปฐพีขุ่นขึ้นทวีคูณ ชายหนุ่มหายใจหอบสะท้านเมื่อความรุ่มร้อนคุกรุ่นอัดแน่นจนอยากระเบิด จูบที่ทำให้เขาละเมอเพ้อพกนั่นไม่ได้สนองตอบอะไรเธอทั้งสิ้น เขาทำให้เธอเชื่อมาตลอดว่าเธอมีใจให้เขา
“ผมล่ะโคตรสำนึกในพระคุณ ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้จูบของคุณผมคงไม่มีชีวิตให้ไอ้บ้าที่ไหนมายิงเฉียดปอดแล้วมองเห็นคุณยืนกอดกับผู้ชาย” เขาเจ็บช้ำนักที่ผู้หญิงคนนี้ฉุดชีวิตเขาขึ้นจากความตาย แต่เธอกลับทำร้ายเขาด้วยเหตุผลที่เสียดแทงหัวใจ
“คุณจะคิดอย่างไรก็เรื่องของคุณ แต่ฉันจะถือว่าทำบุญบูชาโทษ” เธอสวนกลับเมื่อทนไม่ได้กับคำพูดและสายตาเหยียดของเขา
ก้องปฐพีแค่นยิ้ม
“ไม่ครับคุณหมอ คุณได้บุญมากทีเดียว ขอบคุณมากสำหรับจูบช่วยชีวิตจูบนั้น ผมขอให้ชื่อว่า จูบการกุศล !”
แม้เธอจะรู้สึกผิดและเสียใจมากเพียงใด แต่คำพูดแสบสันต์กับดวงตาเย้ยหยันทำให้หญิงสาวอารมณ์ตีกลับ เธอมองเขาผิดมาตลอดเลยหรือ ผู้ชายคนนี้เวลารักก็รักเจียนตาย แต่เวลาเกลียดก็เกลียดเข้าไส้สินะ
“ถ้าฉันไม่พยายามทำอะไรสักอย่าง ฉันก็คงจะโดนนายทรงชัยทำร้ายถึงชีวิต และคุณก็อาจตายในหมู่บ้านเดือดร้อนให้ฉันต้องพิสูจน์ศพ ดังนั้นฉันจะให้ชื่อจูบนั้นว่า จูบพลีชีพ !”
“นี่คุณเห็นปากผมเป็นสมรภูมิรบหรือ !” เขาทำตาโตแล้วชี้ปากตัวเอง
หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 52 (2/2)
หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 52 (1/2)
เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เกียรติคุณหมอสาวโดยไม่ควบคุมตัวเธอ ไหมแก้วก็รับปากว่าจะไม่หนีความผิดไปไหนทั้งนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้วที่เธอต้องกลัวนายทรงชัย และไหมแก้วรู้ดีว่าเมื่อความลับถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น ต่อจากนี้คือการก้มหน้ายอมรับความผิด
ทั้งความทางกฎหมายข้อหาให้ความเท็จในอดีต รวมถึงข้อหาการให้ความช่วยเหลือโจร และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่อีกข้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาคือ ความผิดที่กระทำต่อชายหนุ่ม
เมื่อตำรวจได้คำให้การของเธอ ไหมแก้วเอ่ยลานายอำเภอและไปกลับไปที่รถแล้วพบว่าเขานั่งรอในรถเรียบร้อยแล้ว เมื่อหญิงสาวนั่งลงบนเบาะแข็งแล้วปิดประตูรถกระบะ ชายหนุ่มก็ออกรถทันทีโดยไม่รอช้า ก้องปฐพียังคงทำหน้าที่สารถีให้เพื่อไปส่งเธอที่หมู่บ้านช้าง แต่เขานั่งเงียบมาตลอดทางโดยไม่ชวนเธอสนทนา เมื่อบรรยากาศในรถมันแสนอึมครึม ไหมแก้วจึงมองป่าข้างทางเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในอารมณ์ที่เกิดขึ้น
หนทางอีกยาวไกลกว่าจะถึงหมู่บ้านช้าง ไหมแก้วยังไม่มีการเอื้อนเอ่ยวาจากับชายหนุ่มด้วยรู้ดีว่าการเล่าความรู้สึกที่แท้จริงมันจะเป็นข้ออ้างหรือคำแก้ตัวตามที่เขาปักใจเชื่อ แค่คำขอโทษ เขาคงไม่อยากฟัง ความรู้สึกของเขาที่มีให้เธอคงไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเพราะเขาได้แสดงท่าทีเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนจนเธอไม่กล้าที่พูดจะบอกอะไรทั้งสิ้น
แต่เธอเริ่มรู้สึกผิดสังเกตเมื่อความเร็วของยานพาหนะลดลงจนมันจอดสนิทชิดขอบทาง ไหมแก้วหันไปทางชายหนุ่มที่ดับเครื่องแล้วปิดไฟหน้ารถทำให้แสงเดียวที่มีหายไป และรอบกายของพวกเขาจึงมีแต่ความมืดมิด
“คุณจอดรถทำไมคะ” ไหมแก้วถามด้วยความหวาดหวั่นแต่ไม่มีเสียงตอบนอกจากดวงตาขุ่น
หัวใจเธอกระตุกเมื่อมือหนาทั้งสองเคลื่อนมาจับต้นแขนของเธอ ชายหนุ่มเหนี่ยวรั้งตัวเธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ร่างหนาเคลื่อนตามเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ
“ผมอยากได้คำตอบที่ชัดเจน”
“ฉันก็ตอบไปแล้วนี่คะ คุณก็ได้ยินพร้อมกับเจ้าหน้าที่และนายอำเภอแล้ว” ไหมแก้วออกแรงขัดขืน
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดี !” ก้องปฐพีพูดกระชากเสียงแล้วดึงเธอเข้าไปใกล้มากขึ้น
“ฉันต้องรีบกลับนะคะ คุณช่วยออกรถด้วย” เธอพูดพร้อมกับเบนหน้าหนีดวงตาสีนิลที่จ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“จะรีบกลับไปไหนล่ะครับ ไหนๆ เราก็มีโอกาสอยู่ด้วยกันแล้ว”
เขามองหญิงสาวที่ตัวสั่นงันงกด้วยดวงตากร้าว แต่ในเวลานี้อารมณ์มันเต็มไปด้วยไฟโมโหหญิงสาวที่ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ การปิดบังความลับเรื่องคดีฉุดดวงแขนั้นไม่ได้ทำให้เขามองเธอไปจากเดิม แต่ไอ้เรื่องที่เธอถ่วงเวลาเขาไว้ด้วยจูบที่ทำให้เขาหลงเธอหัวปักหัวปำต่างหากที่ทำร้ายเขามากเกินทน เธอย่ำยีความรู้สึกของเขาไม่ต่างจากฆาตกรเลือดเย็นเลยสักนิด ยิ่งคิดก็ยิ่งเผลอบีบแขนเธอแรงขึ้นจนหญิงสาวทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ
“คุณไหม...ทำไมคุณทำกับผมได้ลงคอ” เขาเองก็เจ็บปวดไม่แพ้เธอ และเจ็บทุกครั้งที่มองใบหน้านวล ดวงตาหวานคม และเรียวปากที่เขายังไหลหลงอยู่แม้กระทั่งตอนนี้
“ปล่อยฉันเถอะ คุณไม่ได้ต้องการทำแบบนี้หรอก” ไหมแก้วบอกเขาให้ได้สติ
“ทำแบบนี้? แบบไหนหรือครับ” เขากระตุกยิ้มถาม
“ก็แบบที่คุณกำลังทำอยู่นี่ยังไง ถ้าคุณจะโกรธจะเกลียดฉัน ฉันไม่ว่าแต่อย่าใช้กำลังกับฉัน เพราะมันแค่เป็นต้องการสนองอารมณ์ที่มันอยู่ในหัวคุณตอนนี้ !”
ชายหนุ่มยิ้มเยาะหญิงสาวที่มองเขาด้วยสายตาตำหนิ
“แล้วตอนที่คุณกระโดดจูบผมตอนนั้นมันสนองอะไรในหัวคุณหรือเปล่า ไอ้จูบที่คุณแสร้งทำมันขึ้นมาปั่นหัวจิตหัวใจ ไอ้คำพูดที่คุณให้ความหวังลมๆแล้งๆ นั่นมันสนองอะไรในหัวคุณแล้วอย่างนั้นสิ”
ความเจ็บแค้นปนความเศร้าแสดงออกทางดวงตาสีนิล เขาอยากให้เธอรู้ว่าในตอนนี้ว่าเขารวดร้าวแค่ไหน และสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่นี่มันมีสาเหตุมาจากเธอทั้งนั้น
ถ้าเขาอยากฟัง เธอก็จะบอกไหมแก้วสบตาของชายหนุ่มโดยไม่หลบเลี่ยง “ที่ฉันจูบคุณคืนนั้น...มันไม่ได้สนองอะไรในหัวของฉันเลย มันเป็นแค่ฉากหนึ่งในละครที่ฉันสร้างมันขึ้นมา ฉันไม่ได้คิดว่าเด็กคนนั้นอยู่อยู่หรือตาย...ฉันคิดแค่ว่าให้คุณรอดจากนายทรงชัยที่ขู่ฉันว่าเขาจะทำร้ายคุณหากคุณเข้าใกล้เพลงพิณ”
“จูบนั่นทำเพื่อแค่ปกป้องผม? ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยและแค่นหัวเราะ “คุณใช้จูบเป็นวิธีการปกป้องผม...รั้งให้ผมหลงมัวเมาในจูบที่ไม่ประสีประสาอย่างนั้นหรือ...คุณเล่นละครได้เก่งมาก เก่งจนคนอย่างผมเชื่อสนิทใจว่าคุณเต็มใจ”
“โชคดีที่เพลงพิณมันทำบุญมาเยอะ ถึงรอดตายในคืนนั้น แต่คนที่คุณช่วยชีวิตไว้กลับเจ็บเจียนตายในวันนี้” เขาเอ่ยเสียงตัดพ้อ แววตาของก้องปฐพีขุ่นขึ้นทวีคูณ ชายหนุ่มหายใจหอบสะท้านเมื่อความรุ่มร้อนคุกรุ่นอัดแน่นจนอยากระเบิด จูบที่ทำให้เขาละเมอเพ้อพกนั่นไม่ได้สนองตอบอะไรเธอทั้งสิ้น เขาทำให้เธอเชื่อมาตลอดว่าเธอมีใจให้เขา
“ผมล่ะโคตรสำนึกในพระคุณ ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้จูบของคุณผมคงไม่มีชีวิตให้ไอ้บ้าที่ไหนมายิงเฉียดปอดแล้วมองเห็นคุณยืนกอดกับผู้ชาย” เขาเจ็บช้ำนักที่ผู้หญิงคนนี้ฉุดชีวิตเขาขึ้นจากความตาย แต่เธอกลับทำร้ายเขาด้วยเหตุผลที่เสียดแทงหัวใจ
“คุณจะคิดอย่างไรก็เรื่องของคุณ แต่ฉันจะถือว่าทำบุญบูชาโทษ” เธอสวนกลับเมื่อทนไม่ได้กับคำพูดและสายตาเหยียดของเขา
ก้องปฐพีแค่นยิ้ม
“ไม่ครับคุณหมอ คุณได้บุญมากทีเดียว ขอบคุณมากสำหรับจูบช่วยชีวิตจูบนั้น ผมขอให้ชื่อว่า จูบการกุศล !”
แม้เธอจะรู้สึกผิดและเสียใจมากเพียงใด แต่คำพูดแสบสันต์กับดวงตาเย้ยหยันทำให้หญิงสาวอารมณ์ตีกลับ เธอมองเขาผิดมาตลอดเลยหรือ ผู้ชายคนนี้เวลารักก็รักเจียนตาย แต่เวลาเกลียดก็เกลียดเข้าไส้สินะ
“ถ้าฉันไม่พยายามทำอะไรสักอย่าง ฉันก็คงจะโดนนายทรงชัยทำร้ายถึงชีวิต และคุณก็อาจตายในหมู่บ้านเดือดร้อนให้ฉันต้องพิสูจน์ศพ ดังนั้นฉันจะให้ชื่อจูบนั้นว่า จูบพลีชีพ !”
“นี่คุณเห็นปากผมเป็นสมรภูมิรบหรือ !” เขาทำตาโตแล้วชี้ปากตัวเอง