หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 47

กระทู้สนทนา
ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห สุดท้ายค่ะ




แจ้งให้ทราบค่ะ
เนื่องจากว่าผู้เขียนรีไรท์เรื่องราวโดยการตัดทอนความยาวแต่ละตอนให้กระชับ และมีการยกเนื้อหาไปขึ้นตอนถัดไป
ทำให้ลำดับตอนเลื่อนออกค่ะ  แค่เลขลำดับเลื่อนค่ะ แต่เนื้อหาต่อกัน




หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 47




คุณหมอสาวรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล เธอเปิดประตูเรือนออกรับอากาศเย็นของยามฟ้าสาง ดวงจันทร์สีเงินยวงยังคงลอยอยู่เด่นบนท้อง

ฟ้า ไหมแก้วก้าวลงบันไดเรือนพลางใช้สายตามองความเคลื่อนไหวรอบข้างอย่างระแวดระวัง รู้ตัวดีว่าการเดินทางเข้าเมืองในยามนี้อาจเป็นอันตรายแต่ถ้า

ไม่ไปตอนนี้ เธออาจเสี่ยงกับการพบเจอเอกรัตน์อีก แม้เขาจะรับปากเธอว่าจะให้เธอทำในสิ่งที่ต้องการเป็นครั้งสุดท้าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอและก้องปฐพี

ทำให้เธอไม่เชื่อในคำพูดของเอกรัตน์อีก


    ไหมแก้วบิดกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ของเธอที่จะเป็นยานพาหนะในครั้ง เพราะรถกระบะของผู้ใหญ่บ้านนั้นถูกใช้งานโดยเจ้าของที่ต้องไปๆกลับๆ สถานี

ตำรวจทุกวันเพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ เธอเองก็มีเรื่องที่ต้องสารภาพเช่นกันหากแต่ตอนนี้ความห่วงในตัวก้องปฐพีที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดเมื่อคืนทำให้เธอ

ร้อนใจและอยากให้ร่างกายของเขาปกติดี เมื่อนั้นเธอจะบอกเรื่องราวทุกอย่างกับนายอำเภอและเจ้าหน้าตำรวจและยอมรับผิดโทษฐานให้ความเท็จ

    และเมื่อถึงตอนนั้น ความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อเธอคงเสื่อมลงทันที หนทางของอาชีพการงานของเธอก็คงจะถูกตัดขาดเพราะไม่มีใครเชื่อใจเชื่อ

ถือคุณหมอสาวผู้โกหกพกลมปิดบังความจริงเพื่อช่วยคนชั่วที่คร่าเอาชีวิตของผู้หญิงสองคน

    “ดวงแข ขอโทษที่ฉันขี้ขลาดมาตลอด แต่ขอให้เธอมอบความกล้าให้ฉันด้วยเถิด” ไหมแก้วเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่กำลังโดนเมฆเคลื่อนตัวเข้า

มาทับ

    คุณหมอสาวเข้าเกียร์แล้วบิดคันเร่งเพื่อออกเดินทาง แต่เธอเห็นร่างของมนุษย์ผู้หญิงยืนมองเธออยู่ในระยะห่าง ผู้หญิงร่างบางในชุดเดรสสีดำรัดรูป

คนนั้นมีใบหน้าขาวเนียนเรียวงามรับกับดวงตาหวานซึ้งแต่ตัดกับปากสีแดงเลือด

    เธอคนนั้นเดินย่างกรายเข้ามาใกล้ แววตาแน่วแน่มองมายังไหมแก้วที่ยังตกตะลึงกับภาพหญิงงามกลางเงาจันทร์ สีหน้าเรียบเฉยไม่บอกอารมณ์ของ

เธอทำให้ไหมแก้วรู้สึกพรั่นพรึง แม้จะเคยเห็นเธอมากับผู้ใหญ่บ้านในครั้งหนึ่งก็ตาม แต่ในยามนี้ทำไมเธอถึงมาที่นี่

    “สวัสดีค่ะคุณหมอไหมแก้ว” เสียงทักทายแสนราบเรียบดังจากเรียวปากบาง “ฟ้ายังไม่สว่าง...คุณหมอจะไปไหนหรือคะ”

    “ฉันจะไป...ตัวเมืองค่ะ” เธอเลี่ยงบอกสถานที่

    “ด้วยรถมอเตอร์ไซค์แบบนี้...มันอันตรายนะคะ หากคุณหมอเป็นอะไรไปจะมีคนเสียใจ”

    “คุณมีธุระอะไรกับผู้ใหญ่บ้านหรือเปล่าคะ” ไหมแก้วรู้สึกว่าดวงตางามแสนเศร้าคู่นั้นที่มองมาสะท้อนอารมณ์บางอย่างที่อยู่ภายในใจของหญิงสาวคน

นี้ และเหตุใดเธอจึงรู้สึกเศร้าตามไปด้วย

    “ไม่มีค่ะ...” เธอยิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่หม่นหมองเสียเหลือเกิน

    “ฉันแค่อยากมาบอกลาคุณหมอ...”

    หยดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตางาม “ในวันที่ฉันจากไป...ฉันยังไม่ทันได้ลาคุณหมอ”

    “ลาฉัน...”ไหมแก้วเกิดคำถามและใจสั่นกับหยดน้ำตาของเธอ

    “ขอโทษในสิ่งที่ฉันผิดพลาดไป หวังว่าคุณหมอคงให้อภัยผู้หญิงคนนี้” เธอกล่าวแล้วเดินผ่านหน้าไหมแก้วเข้าไปในหมู่บ้าน คุณหมอสาวหันไปมอง

ด้านหลังของหญิงสาว รูปร่างบอบบางและท่าทางการเดินของเธอทำให้ไหมแก้วนึกถึงใครอีกคนขึ้นมาในหัว

    “เดี๋ยวก่อน !” ไหมแก้วเรียกรั้งหญิงสาวเอาไว้ แต่เธอไม่หันกลับมา และยังคงก้าวเดินต่อไปจนร่างลับไปกับความมืดของแสงจันทร์ที่ถูกเมฆบดบัง

เลือนหายไป



แววตาเศร้ากับภาพด้านหลังของหญิงสาวงามคนนั้นค้างคาใจเธอนัก คำพูดของเธอคนนั้นก็ทิ้งคำถามเอาไว้ คำขอโทษของเธอคืออะไรกัน และความผิด

พลาดที่เธอพูดถึงนั้นมันเรื่องอะไร แต่เธอมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักเจ้าของใบหน้าแสนงามราวกับนางฟ้านั่นมาก่อน ไม่สิแววตาคู่นั้น เธอรู้สึกคุ้นเคยกับแววตาคู่

นั้น แล้วรอยยิ้มเศร้าๆนั่น ไหมแก้วขนลุกซู่เมื่อภาพของดวงแขทับซ้อนกับภาพของเธอ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อดวงแขตายไปแล้ว และเธอเองก็

เป็นคนนำศพของดวงแขมาจากบ้านของนายพนา

คุณหมอสาวคิดจนปวดหัวไปหมด เธอทุบหัวสะบัดเอาเรื่องใหม่ที่เข้ามากวนใจออก แล้วเฝ้ามองชายหนุ่มที่หลับด้วยใจที่เป็นห่วง แม้เสียงสัญญาณชีพที่ดัง

ต่อเนื่องจะบอกว่าการเต้นของหัวใจเขายังเป็นปกติดี แต่เธอก็อยากให้เขาฟื้นขึ้นมาพูดคุยกับเธอมากกว่า จะพูดกวนโทสะหรือยั่วแหย่ให้เธอโมโหก็ได้ทั้ง

นั้น เธอไล่มือบางของเธอไปประสานกับฝ่ามือของชายหนุ่มแล้วนวดมือใหญ่หนาที่เคยถือดีโอบกอดเธอบัดนี้ไม่มีแม้แต่แรงจะขยับเขยื้อน

“คุณก้องคะ คุณฟื้นได้แล้วนะ อย่าขี้เซานักเลย” เธอก้มกระซิบบอกชายหนุ่มที่ข้างหู แต่ไม่มีวี่แววที่เขาจะตื่นเลยสักนิด ไหมแก้วแปลกใจนัก ในเวลานี้เขา

ควรจะฟื้นได้แล้วสิแต่ทำไมเขายังนอนแน่นิ่ง

“คุณก้อง” เธอลองเรียกเขาดูอีกครั้ง

“ถ้าคุณจูบผม ผมอาจจะตื่นนะครับ” เขาขยับปากพูดแต่ยังไม่ลืมตา มือบางถูกมือหนารวบไว้แน่นทันที  

ไหมแก้วย่นคิ้วมองคนเจ้าเล่ห์ที่หลงให้เธอเรียกตั้งนานสองนาน แกล้งกันแบบนี้น่าทุบนัก ถ้าไม่เห็นว่าบาดเจ็บอยู่เธอจะทุบให้หน้าอกของเขาช้ำไปเลย คน

เขาเป็นห่วงยังมีอารมณ์มาล้อเล่นกันอีก

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องตื่น หลับต่อไปเลยค่ะ” เธอกระฟัดกระเฟียดพูด

“โธ่ ผมก็แค่แหย่เล่นเท่านั้นแหละ ผมตื่นตั้งแต่ตอนพยาบาลคนสวยเขามาวัดไข้เมื่อคืนแล้ว”

ไหมแก้วส่งสายตาค้อนขวับให้ชายหนุ่มที่ลืมตาจนได้ เขาทำหน้าระรื่นได้น่าหมั้นไส้จนเธอลืมไปว่าเพิ่งคิดอยากให้เขาฟื้นขึ้นมากวนโทสะไปเสียสนิท

“เห็นผู้หญิงสวยล่ะฟื้นตัวเร็วเชียวนะ”

ก้องปฐพีมองใบหน้าของเธอที่ไม่เห็นเสียหลายวัน เธอไม่ต่างจากเดิมเลย ไหมแก้วยังคงผูกคิ้วของเธอเป็นโบว์ไว้ตรงกลางหน้าผากไม่เปลี่ยนแปลง เขา

ยิ้มแล้วขยับตัวลุกขึ้น แม้เธอจะทำท่าดุใส่ก็ตาม แต่เธอก็รีบเข้ามาช่วยประคับประคองร่างกายของเขาให้ลุกขึ้นนั่งแม้แรงของเธอจะไม่ได้ช่วยพยุงร่างใหญ่

โตของเขาได้เท่าไหร่นัก

“คุณสบายดีใช่ไหม” เสียงทุ่มต่ำนุ่มนวลถามด้วยความห่วงใยที่มีให้เธอ

หญิงสาวเผลอยิ้มแต่รอยยิ้มของเธอครั้งนี้ไม่กว้างเท่าที่ใจอยากยิ้มนัก “ฉันจะไปบอกคุณหมอว่าคุณฟื้นแล้ว และจะย้ายคุณไปยังห้องพักฟื้น”

เขารู้สึกถึงความเศร้าจากตัวของไหมแก้ว ความเศร้าแสนหนักหนาที่ถูกสกัดกั้นไว้ในหัวใจของหญิงสาวคนนี้มันจะมีวันที่เธอยอมไขกุญแจแล้วปลดปล่อย

มันออกมาจากหัวใจของเธอหรือไม่ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว่าทำไมเธอถึงมีใบหน้าเศร้าหมองและเคร่งขรึมทั้งๆ ที่เธอเป็นผู้หญิงที่ยิ้มได้น่ารักน่ามอง ชายหนุ่ม

นึกถึงเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมาแล้วบอกตามตรงว่าเขาคลางแคลงใจมากทีเดียว

แต่ก้องปฐพีบอกตัวเองว่าเขาต้องเชื่อในตัวเธอ และถ้าเธอไม่ยอมเปิดประตูความลับ เขานี่แหละจะช่วยสะเดาะกุญแจให้เอง งานนี้เห็นทีต้องใช้กุญแจผี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่