หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 53 (1/3)

กระทู้สนทนา
ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห สุดท้ายค่ะ







หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 53 (1/3)  




แม้จะคุ้นชินกับป่าเขาพงไพร แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้มาเดินชมความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์ไม้แห่งป่าตะวันตกในยามวิกาล หญิงสาวลากขาตั้งแต่จุดที่จอดรถทิ้งไว้มาหลายกิโลเมตรจนขาและเท้าเริ่มปวดระบมไปหมด อยากจะหยุดพักขาบ้างแต่เดี๋ยวก็คงถูกทิ้งไว้คนเดียว ก็พ่อเจ้าประคุณที่เดินทิ้งระยะห่างไปซะไกลโข แม้เขาจะหันมามองบ้างบางครั้งก็เถอะ แต่ตอนนี้ขาทั้งสองมันก็ประท้วงเธอเมื่อเริ่มก้าวเดิน ไหมแก้วทนไม่ไหวจนต้องนั่งพักกับพื้นเพื่อถอดรองเท้าบีบนวดขาและเท้าของตัวเองปล่อยให้เขาเดินห่างออกไปอีก


ก้องปฐพีก้าวเดินนำหน้าหญิงสาวจงใจทิ้งระยะจากหญิงสาว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปทางหญิงสาวเพื่อส่งสายตามองคนที่ทำให้เขาให้หัวใจวุ่นวาย อยากจะปล่อยทิ้งไว้ข้างทางคนเดียวแก้แค้นกลับบ้าง แต่ใจมันก็ไม่แข็งพอ


เหมือนครั้งที่เห็นโขลงช้างป่าโขลงใหญ่ที่เขาอยากจะทำเป็นไม่สนใจใยดีหนีเอาตัวรอดคนเดียว แต่แล้วไอ้ส่วนลึกของจิตใจก็ชักใยให้กลับไปหาเธอด้วยความเป็นห่วง ไอ้เขารึก็หวังดี กอดเธอไว้เผื่อว่าจะได้อุ้มหนีทันถ้าช้างจ่าฝูงมันได้กลิ่นแล้วจะพุ่งเข้ามาหา แต่เธอก็ทำท่าทำทางรังเกียจรังงอน แถมยังหวงตัวแบบไม่รู้จักเวล่ำเวลา มันน่านักเชียว



แต่เมื่อพบว่าแม่ผู้หญิงหลอกรักนั่งพับกับพื้นก็ถอนหายใจเฮือกแล้วกลอกตาเกาหัว เบื่อตัวเองที่ขยับขาเดินไปหาเธอ คิดแล้วก็ส่ายหัวดิกอยากหาอะไรมาทุบหัวให้เลิกคิดเลิกพร่ำพรรณนาเสียที อีกไม่นานเธอจะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับนายเอกรัตน์แล้วไง แล้วทำไมต้องหัวใจของเขายังวุ่นวายกับเธออยู่ได้
ชายหนุ่มถามตัวเองย้ำๆ ซ้ำๆ แต่ก็ไม่ได้คำตอบจนเดินมาหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว    



“ไหนคุณบอกว่าเดินไหว นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่กิโลเมตรเองนะ”


เสียงค่อนขอดจากคนที่ไม่ต้องเงยหน้ามองก็รู้ว่าเขาเป็นใคร และไหมแก้วไม่สนใจที่จะเงยหน้ามองเขาหรอก หญิงสาวจึงก้มหน้าพูดพลางบีบนวดฝ่าเท้าที่แดงจากการเสียดสีกับรองเท้าผ้าใบ


“ฉันไม่ได้เป็นมนุษย์ถึกอย่างคุณ จะได้เดินเหินไกลๆ โดยไม่เมื่อย”


ก้องปฐพีถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วนั่งคุกเข่ามองหน้าสาวเจ้าของคำพูดคำจายียวน “เวลาที่คุณพูดกับเอกรัตน์ คุณพูดจาจ๊ะจ๋าคะขากับเขาหรือเปล่า หรือพูดกับเขาเหมือนที่พูดกับผม”



“ไม่ถึงขนาดจ๊ะจ๋าคะขา แต่ก็ไม่ได้กระด้างกระเดื่องเท่ากับเวลาคุยกับคุณ”


เขาแค่นยิ้มอย่างระอา “ทำไมน้า ทำไมผมต้องมาเจอคุณด้วย ผมน่าจะปฏิเสธงานนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ดูสิว่าไอ้งาน CSR นี่มันให้อะไรผมบ้าง เสียเงิน เสียแรง เสียเลือด เสียเนื้อ แล้วยังเสียใจ มีแต่เรื่องเสียๆ ทั้งนั้น”


“แต่ตอนนี้คุณก็ไม่ได้ทำแล้วนี่คะ อีกอย่างฉันก็ไม่มีสิทธิ์บังคับคุณแล้ว เพราะทางการเขาออกคำสั่งมาอย่างนั้น และตอนนี้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเดินไปส่งฉัน คุณไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเป็นอะไรหรอกค่ะ ฉันไปของฉันเองได้” ไหมแก้วกระฟัดกระเฟียดพูดพลางบีบขาตัวเองที่เริ่มปวดร้าวไปหมด


“ก็ผมเสียมากพอแล้ว เลยยังไม่อยากเสียคุณไปน่ะสิ”


อย่าเชียวนะยายไหมแก้ว ห้ามอ่อนตามคำพูดของเขาเด็ดขาดเพราะอีกประเดี๋ยวเขาก็หาคำพูดมาค่อนแคะเธออีก หญิงสาวรีบพูดห้ามตัวเองในใจแต่คงไม่ทันปฏิกิริยาตอบโต้ของร่างกายที่มันไวกว่าความคิดเมื่อเธอมีรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากกับสีแดงอ่อนระบายบนพวงแก้ม


ไหมแก้วแสร้งเช็ดหน้าเช็ดตาด้วยมือปกปิดรอยยิ้ม แต่แล้วใบหน้าของเธอก็แดงซ่านขึ้นอีกเมื่อเขากดนิ้วลงฝ่าเท้าแล้วบีบนวดให้ด้วยท่าทีชำนิชำนาญ ปลายนิ้วเรียวแกร่งกดลงตามจุดที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจากฝ่าเท้าไล่ขึ้นมาตามลำแข้ง มันสบายเหลือเชื่อจนไหมแก้วเผลอมองชายหนุ่มที่มีฝีมือในการนวดกดจุดเข้าขั้นมืออาชีพ ถ้าเขาไม่ใช่สถาปนิก เขาก็คงจะเป็นหมอนวดฝีมือดีที่หน้าตาน่ามองที่สุด

แต่เมื่อดวงตาสีนิลหวานคมช้อนขึ้นมอง เธอก็รีบผินหน้าไปทางอื่น


“ดีขึ้นหรือยัง”


ไหมแก้วพยักหน้าตอบแล้วชักขากลับเพื่อใส่รองเท้าตามเดิม


“มันยังอีกไกล คุณเดินไหวหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลงหลังจากนวดฝ่าเท้าที่แดงเป็นเถือกของหญิงสาว


“ไม่ไหวก็ต้องเดินใช่ไหมคะ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนี่” หญิงสาวพูดเชิดหน้าไปทางอื่น หลบเลี่ยงความรู้สึกอ่อนไหวที่แสดงออกทางสายตา เธอจะไม่ยอมให้เขาพูดจาดูถูกให้เจ็บแสบอีก และเขาคงกำลังคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงอ่อนแอล่ะสิ


ก้องปฐพีมองหญิงสาวที่กำลังเชิดหน้าเชิดตาพูด ในใจอดติติงความรั้นของหญิงสาวไม่ได้ ถ้าไม่มีธิดาล่ะก็ เธอคงนี้คงขึ้นครองตำเหน่งผู้หญิงที่ดื้อที่สุดอันดับหนึ่งในชีวิต เพราะดูยังไงเธอคงเดินต่อไม่ไหว ก็ฝ่าเท้าของเธอแดงไหม้ขนาดนั้น คิดไปคิดมาก็รู้สึกผิด ชายหนุ่มตัดสินใจหันหลังในท่ายอเข่าแล้วบอกเธอ


“ขี่หลังผมไป”


“ไม่...ไม่เป็นไร ถ้าฉันไม่ไหวก็ให้ฉันหยุดพักบ้างก็พอ” ไหมแก้วรีบพูดทันทีด้วยอาการเคอะเขิน แต่รู้สึกดีใจและประหลาดใจที่เขาทั้งนวดเท้าแล้วยังให้เธอใช้เป็นยานพานะต่างขาตัวเอง


“ถ้าเดินไปหยุดไปแล้วเมื่อไหร่จะถึง” ก้องปฐพีเอี้ยวหน้ามาพูด “จริงๆ แล้ว ผมก็มีส่วนผิด ถ้าผมไม่ดับเครื่อง เราอาจจะไปไกลกว่านี้แล้ว ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ถือซะว่าทำโทษผมก็ได้”


“ใครว่าฉันเกรงใจ ฉันกลัวว่าคุณจะบ่นลับหลังว่าฉันตัวหนัก” ไหมแก้วพูดพลางทำปากยื่นใส่


“ไม่หรอก ขึ้นมาเถอะ” เขาหันมาส่งรอยยิ้มขันที่มุมปากให้ ในเวลานี้เธอยังไว้ตัวกับเขาได้อีก


หญิงสาวมองรอยยิ้มของชายหนุ่ม รอยยิ้มแสนอ่อนโยนและแววตาแบบนี้แหละที่ทำให้เธอเชื่อใจเขา แต่ในทางกลับกัน เขาคงหมดความเชื่อใจในตัวเธอแล้ว แต่หากว่าเธอทนทู่ซี้เดินตาม ‘ปากที่ตรงข้ามกับหัวใจ’ ก็รังแต่จะทำให้เสียเวลามากขึ้นเท่านั้น ไหมแก้วจึงขยับตัวลุกขึ้นแล้วจับบ่าของเขาก่อนโน้มร่างกายลงแนบกับแผ่นหลังกว้าง


ชายหนุ่มยิ้มรับสัมผัสนุ่มนวลของหญิงสาวที่ทาบทับกับมือบางที่จับบ่าไว้แน่น ก้องปฐพีใช้สองมือแกร่งช้อนใต้ข้อพับของเธอแล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ ตั้งท่าให้มั่นคงเพียงพอแล้วเอี้ยวหน้าบอกคนตัวเบาที่อยู่บนหลังว่า


“หนัก”


“ไหนว่าไม่บ่น” ไหมแก้วแหวใส่


“ไม่ได้บ่นลับหลัง แต่บ่นต่อหน้า”


หญิงสาวหมั่นไส้นัก เธอใช้นิ้วบิดหูทั้งสองข้างของผู้ชายเล่นลิ้นจนเขาร้องเสียงหลง แต่เขาคงไม่ได้รู้สึกเข็ดหลาบหรอก ก็รอยยิ้มกวนๆจากเสี้ยวใบหน้าด้านข้างที่หันมาล้อเลียนนั่นทำให้เธออยากบิดหูเขาอีกครั้ง


“ดูสิ ผมดีขนาดนี้ คุณยังทำร้ายผมได้” เขาพูดแล้วใช้ทั้งมือและแขนกระชับตัวเธอให้แน่นขึ้นแล้วก้าวขาเดิน


“คุณกำลังบอกว่าฉันเลวอย่างนั้นล่ะสิ” ไหมแก้วออกอาการฮึดฮัด เห็นไหมล่ะ เขากำลังจ้องจะว่าเธอเจ็บๆ แสบๆ อีกแล้ว


“ผมไม่ทันพูดอะไรเลยนะ”


“คุณไม่ได้พูด แต่คุณกำลังคิด”


“แล้วคุณอยากรู้ไหมว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไร” ก้องปฐพีหยุดเดินแล้วเอี้ยวใบหน้ามาถาม


แต่คนถูกถามกลับทำหน้ายู่ กลัวว่าความคิดของเขาจะทำร้ายจิตใจเธออีก ไหมแก้วจึงใช้สองมือจับใบหน้าคมคร้ามหันกลับไปตั้งหน้าตรง แล้วขยับขาเรียวเฆี่ยนสีข้างชายหนุ่มพร้อมบอกว่า


“คุณกำลังคิดว่าจะพาฉันไปส่งหมู่บ้านให้เร็วที่สุด”


นอกจากเธอจะบิดหูทำร้ายเขาแล้ว เธอยังใช้ขาเฆี่ยนให้เขาเดิน ตกลงเธอเห็นเขาเป็นควายโดยสมบูรณ์แล้วสิ เฮ้อ...ก็ได้แต่คิดน้อยใจ จะไปทำอะไรเธอได้ล่ะ เขามันผู้ชายที่ต้องให้ความช่วยเหลือสตรีเพศอยู่แล้ว ก็คำสอนของแม่ยังแว่วในหูชัดเจน


‘เป็นผู้ชายห้ามกดขี่ข่มเหงผู้หญิงนะลูก’


ก้องปฐพียิ้มส่ายหน้าอย่างระอาแล้วเงยหน้ามองฟ้ามืด ถ้าแม่ดูอยู่ คงจะรู้แล้วว่าลูกชายตัวโตคนนี้ไม่เค้ยไม่เคยที่จะขัดคำสอนแม่เลยสักนิด แต่กลับทำดีกว่านั้นอีก...นั่นคือการให้หญิงสาวที่อยู่บนหลังตอนนี้ทั้งขี่และข่มเขาทั้งร่างกายและจิตใจ


“เดินๆ เร็วสิคะ”


“ก็กำลังจะเดินอยู่นี่ไงครับ” ชายหนุ่มบอกไหมแก้วที่กำลังข่มขี่เขาด้วยขาเธออีกหน


ทั้งสองเคลื่อนไหวไปพร้อมกันโดยการขยับขาก้าวเดินที่มั่นคงของชายหนุ่ม ไหมแก้วฟังเสียงยอดไม้ไหวกระทบกันราวกับช่วยขับกล่อมให้เธอง่วงงุน ยามลมเย็นจากป่าเขาพัดผ่านกระทบผิว แต่เธอมีความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านการแนบชิดของผิวกายกันและกัน ทำให้หญิงสาวอยากแนบตัวแน่นกับแผ่นหลังกว้างให้มากขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่