พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) ตอนที่ ๕ แสงแห่งจุดเริ่มต้น (๑)

กระทู้สนทนา
พันแสงรัก

ความรัก... ให้แสงสว่างกระจ่างใจ
ขออย่า... ปล่อยให้ความเกลียดชัง
มาบังแสงแห่งความรัก
ขอให้... พันแสงรัก... ส่องสว่าง
ร้อยรัดสองหัวใจให้เคียงคู่






ตอนที่ ๕ แสงแห่งจุดเริ่มต้น (๑)


         สตรีสาวสะคราญโฉมวัยต้นยี่สิบเอียงใบหน้าที่ตกแต่งไว้จนดูโฉบเฉี่ยว พิศมองความสวยงามที่สะท้อนมาจากกระจกเงาอย่างพึงใจ ดวงตาสุขใจเป็นประกายวับวาวเมื่อนึกถึงบุรุษที่เธอกำลังจะไปพบ แทบอดใจรอให้ถึงเวลานัดเพื่อรับประทานอาหารใต้แสงเทียนด้วยกันไม่ไหว

         น้ำหอมที่หนึ่งหยดมีราคาเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำทั้งอาทิตย์ถูกยกขึ้นแตะจุดชีพจร กลิ่นหอมหวานสไตล์สาวสมัยใหม่จรุงจมูกชวนให้หลงใหลเหมือนเดินอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้เธอคิดหวังให้มนตราแห่งความหอมโอบล้อมเขาไว้จนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้น

         ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มพราวเสน่ห์เมื่อเหลือบตาลงมองชุดเดรสสั้นเข้ารูปเน้นทรวดทรงผู้สวมใส่ คอเสื้อปาดคว้านลึกให้เห็นเนินอกสีนมสดรำไรภายใต้ผ้าลูกไม้บอบบาง ก่อนจะคว้ากระเป๋าถือแบรนด์เนมใบเล็กเข้าชุด หมุนตัวเดินออกมาจากห้อง

         “คุณพ่อขา คืนนี้ไม่ต้องรอพรีมนะคะ ดินเนอร์เสร็จแล้วพรีมว่าจะชวนพี่ส่ายีไปฟังเพลงต่อน่ะค่ะ”

     หญิงสาวคล้องแขนเรียวเสลาไปรอบลำคอของบิดา โน้มตัวลงบอกด้วยน้ำเสียงสนิทสนมรักใคร่ ทำให้คุณพินมา อภิมหาเศรษฐีผู้กุมบังเหียนด้านพลังงานของการ์เมียนลดหนังสือพิมพ์แนวการเมืองในมือลง สีหน้าเครียดขรึมหายไปเมื่อเงยหน้าขึ้นท้วงบุตรสาวคนเดียวไม่จริงจังนัก

     “จะดีหรือลูก หนูก็รู้ว่าช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง เขาจะมีเวลามานั่งฟังเพลงกับหนูหรือ”

     แต่บุตรสาวกลับเปิดยิ้มอย่างมั่นใจ น้ำเสียงยังคงแจ่มใสเช่นสตรีที่กำลังจะไปพบเจ้าชายในฝันเช่นเดิม “ถ้าหนูชวน ยังไงพี่เขาก็ต้องไปค่ะ พรีมาเสียอย่าง หนูไปนะคะ”

     “อย่ากลับดึกนักนะลูก พ่อเป็นห่วง”

     ธิดาสาวไม่รับปาก หากแต่ใช้ปลายนิ้วเรียวแตะริมฝีปากเบาๆ ยิ้มหวานให้ ยืดตัวขึ้นแล้วก้าวเดินจากโซฟาหนังแท้ที่บิดานั่งอยู่ด้วยมาดไม่ผิดนางแบบแถวหน้า

     คุณพินมามองตามหลังลูกสาวคนเดียวไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะหันกลับมาหลุบตามองหนังสือพิมพ์บนโต๊ะ รูปถ่ายของตัวเก็งหมายเลขหนึ่งบนเวทีหาเสียงที่หัวเมืองหนึ่งแผ่หรากินพื้นที่เกือบครึ่งของหน้าหนึ่ง และเขาก็หยิบมาอ่านเนื้อหาของข่าวอีกรอบราวจะจดจำให้ขึ้นใจไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว

     

     ธิดาสาวคุณพินมา เจ้าของธุรกิจด้านพลังงานภาคเอกชนเพียงรายเดียวในการ์เมียนที่เข้าร่วมทุนกับรัฐบาลทหารของนายพลเส่งกาซบแก้มนวลสนิทแนบไปกับอกแกร่งใต้เสื้อสูทเนื้อดีของว่าที่ผู้นำคนต่อไป แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้ตระกองกอดแนบชิด แต่เธอก็ยินดีที่จะเป็นฝ่ายวาดแขนเรียวโอบรัดไปจนถึงด้านหลังของเขา

     ในสายตาของเธอมีเพียงภาพตัวเองแนบซบไออุ่นชายคนที่เธอมอบหัวใจให้ไปตั้งแต่วันแรกที่เขาประคองเธอไว้ในวงแขน แล้วพาเคลื่อนกายไปตามจังหวะเพลงแสนหวาน รักแรกของหญิงสาวไร้เหตุผลไร้คำนิยาม รสชาติหวานนักยามได้เคียงใกล้ผู้ชายในฝัน สุขใจเหลือพรรณาเมื่อพบหน้า หัวใจเปี่ยมล้นด้วยรักที่มีให้

     “คิดอะไรอยู่หรือคะพี่ส่ายี”

     เนิ่นนานกว่าคนถามจะได้รับคำตอบ ราวเขาตกอยู่ในภวังค์เรื่องใดเรื่องหนึ่งลึกซึ้ง “คิดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะน้องพรีม”

     “เรื่องอะไรบอกน้องพรีมได้มั้ยคะ ถ้าคุณพ่อช่วยได้ น้องพรีมจะได้บอกให้คุณพ่อช่วย”

     “เรื่องเล็กเรื่องน้อยน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก”

     หญิงสาวขยับตัวออก เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้ม สบดวงตาดำใหญ่ที่ทำให้ใจสาวสั่นสะท้าน “ถ้ามีอะไรก็บอกนะคะ น้องพรีมกับคุณพ่อยินดีช่วยพี่ส่ายีทุกเรื่องอยู่แล้ว”

     เจ้าของร่างสูงใหญ่กำยำสมเป็นทหารก้มลงยิ้มให้เธออย่างสุภาพ “ขอบใจจ้ะ พี่ฝากขอบคุณคุณอาพินมาด้วย”

     ทว่าคนรับยิ้มนั้นกลับขัดใจนัก รอยยิ้มจริงใจเช่นพี่ชายมีให้น้องสาว ปราศจากความกรุ้มกริ่มพึงใจใดๆ แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการจากผู้ชายที่เธอรัก

     “ไม่เป็นไรค่ะ”

     ท่อนแขนเรียวที่โอบไปด้านหลังเริ่มคลายออก เสื้อสูทหนาของเขาได้ไม่ติดกระดุม เธอจึงไล้มือเล็กบางแผ่วเบาไปทั่วแผงอกที่ได้ซุกซบเมื่อครู่ ชอบนักที่จะได้สัมผัสผู้ชายในฝันที่เธอหลงใหลมาหลายปี ปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงรักนุ่มละมุนและบรรยากาศแสนโรแมนติค

     ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ไปทั่วราวจิตรกรเอกเพิ่งค้นพบงานปฏิมากรรมที่ตนหลงไหล ซอกซอนไปทั่วแผงอกกว้างที่เธอคิดฝันว่าสักวันคงจะได้สัมผัสแนบชิดไร้อาภรณ์ใดๆ มากั้นขวางเช่นในยามนี้

     “เอ๊ะ! มีอะไรอยู่ในกระเป๋าเสื้อหรือคะ”

     มือเรียวของเธอไปหยุดอยู่ที่กระเป๋าเสื้อที่หน้าอกด้านซ้าย ด้านที่เธอจงใจไล้ปลายนิ้วมาเพื่อสัมผัสหัวใจของเขา อยากรู้ว่าหัวใจของเขาจะเต้นแรงสักแค่ไหนหนอกับสัมผัสวาบหวิวแบบนี้จากเธอ

     แต่... เขาใส่อะไรไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต?

         “ผ้าเช็ดหน้าของพี่น่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

         พรีมามัวแต่ซ่านไหวไปกับความอุ่นร้อนของฝ่ามือใหญ่จับจูง ใบหน้าที่เธอถวิลหาก้มลงมาใกล้ให้ใจระทึกเพื่อบอกแข่งกับเสียงดนตรี

         “กลับไปนั่งพักก่อนดีกว่า เต้นมาหลายเพลงแล้วน้องพรีมคงเมื่อยขาแย่”

         จนไม่ทันจับสังเกต ส่ายีรีบจับมือเธอออกทันทีที่เธอทำท่าจะถือวิสาสะหยิบ ‘ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น’ ของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

         “น้ำส้มเย็นๆ สักแก้วดีมั้ยน้องพรีม อย่าดื่มอะไรที่มีแอลกอฮอล์เลย”

         “ก็ดีค่ะ”

         หลังจากที่ชายหนุ่มหันไปส่งสัญญาณให้คนสนิทที่ยืนรออยู่ที่โต๊ะ บาลูก็ปลีกตัวเดินไปจัดการตามที่เจ้านายต้องการ ครู่เดียวบริกรก็เข้ามาโค้งคำนับพลางเสิร์ฟเครื่องดื่ม

         พรีมารับแก้วน้ำส้มเย็นเฉียบมาจากมือแข็งแรงที่เอื้อมมาส่งให้ การเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ จากชายที่เธอเฝ้าใฝ่ฝันหาให้ความสุขยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

         “ขอบคุณค่ะ”

         ชุดเดรสสั้นเข้ารูปที่เธอจงใจเลือกสวมมาในวันนี้ร่นขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อเธอตั้งใจทรุดตัวลงนั่งชิดใกล้เขาอย่างพองาม

         “ห้ามแต่น้องพรีม พี่ส่ายีเองก็อย่าดื่มจัดนักนะคะ”

         รู้ดีว่าชายผู้กุมหัวใจเธอเป็นนักดื่มคอทองคนหนึ่ง แต่ก็อดออกปากไม่ได้ จึงได้รับรอยยิ้มที่อ่านความหมายไม่ออกเป็นคำตอบ         

         “ช่วงนี้พี่ส่ายีจะไปหาเสียงที่มณฑลไหนคะ เผื่อวันไหนน้องพรีมว่างจะได้ตามไปช่วยพี่ส่ายีด้วย”

         “อาทิตย์หน้าพี่ไม่ว่างเลยทั้งอาทิตย์”

         “ว้า...” ตามมาด้วยเสียงกระเง้ากระงอดเชิงออดอ้อน “น้องพรีมคงคิดถึงพี่ส่ายีแย่เลย”

         ส่ายีคลี่ยิ้มเล็กน้อยให้กับกิริยานั้น น้ำเสียงมีร่อยรอยเอาใจขึ้น “เดี๋ยวพี่ว่างวันไหน พี่จะหาโอกาสไปทานข้าวที่บ้านน้องพรีมดีมั้ย”

         หัวใจหญิงสาวพองคับอก แต่ก็แฟบลงเล็กน้อยเมื่อได้ฟังชายที่เธอหลงรักพูดต่อว่า

         “จะได้หาโอกาสไปคุยธุระกับคุณอาพินมาด้วย”

         “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พี่ส่ายีต้องเต้นรำกับน้องพรีมนานๆ นะคะ ชดเชยที่พี่ส่ายีไม่ว่างอาทิตย์หน้า”

         “ต้องขอโทษจริงๆ ครับน้องพรีม พี่สั่งงานบางอย่างไว้ต้องรีบกลับไปดู”

         “ดึกขนาดนี้แล้วนี่นะคะ พี่ส่ายียังต้องทำงานอีกหรือคะ”

         “งานของพี่เอาเวลาที่แน่นอนไม่ได้หรอกครับ ยิ่งช่วงนี้ ยิ่งแทบหาเวลาพักไม่ได้เลย”

         ทั้งน้ำเสียงที่แฝงแววอ่อนล้าลึกๆ และใบหน้าที่ยังเห็นเค้าความอ่อนเพลียทำให้พรีมาไม่ดึงดันที่จะเอาแต่ใจตัวนัก ยอมที่จะผ่อนสั้นผ่อนยาวตามใจเขาไปก่อน ข่มความผิดหวังและน้อยใจลงไป บอกเสียงหวานว่า

         “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”

         หญิงสาวหันไปหาเขาเต็มตัว วางมือนุ่มๆ ลงบนปกเสื้อสูท ไล้ไปจนถึงต้นคอ พร้อมกับที่ยืดตัวขึ้นแตะริมฝีปากลงที่ซีกแก้มผู้ชายที่เธอผูกจิตปฏิพัทธ์มาหลายปี

         “คืนนี้น้องพรีมกลับก่อนนะคะ บายค่ะ”

         “ครับ แล้วพบกันอีกนะครับน้องพรีม”

         ส่ายีมองตามหลังพรีมาที่มีผู้ติดตามของเขาคนหนึ่งเดินตามไปส่งที่รถด้วยสายตายากที่จะอ่าน หากกิริยาที่เขาเอนหลังพิงเบาะค่อนข้างแรงนั้น บอกชัดว่าเขาคงไม่สบอารมณ์นัก

     ราวกับเผลอตัว ปลายนิ้วแข็งแรงยกขึ้นสัมผัสผ้านุ่มลื่นมือที่เขาบรรจงพับเองกับมือในกระเป๋าเสื้อ จมูกคลับคล้ายได้กลิ่นหอมอ่อนจากผ้าพันคอผืนนั้น

     เงาของสตรีชาติศัตรูยิ่งฝังแนบแน่นติดหัวใจมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดกับสตรีที่เพิ่งจากไปมากเท่านั้น

         “สั่งเหล้ามาอีก”

         ครู่เดียว บาลูก็จัดการให้รวดเร็วทันใจ ชายหนุ่มคว้าก้านแก้วเรียวมากระดกบรั่นดีสีอำพันรวดเดียวเหลือแต่แก้วว่างเปล่า

         “แล้วงานล่ะครับ” หัวหน้าผู้ติดตามถามหน้าตาย

     ผู้เป็นนายเหลือบตามองคนถามเพียงนิดเดียว จากนั้นมหกรรมที่เรียกว่า ‘กรอก’ ก็เริ่มขึ้นและดำเนินไปอีกพักใหญ่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่