สวัสดีครับ
ขออนุญาตใช้ไอดีนี้เล่าเรื่องๆ หนึ่ง
สืบเนื่องจากกระทู้เกี่ยวกับญาติคนไข้ 'ถ่ายรูปในโรงพยาบาล ติดหมอและคนไข้โดยเจตนา และไม่ได้รับอนุญาต'
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pantip.com/topic/32919872
มีเพื่อนผมคนหนึ่ง (ที่ไม่ได้เป็นหมอ) มีประสบการณ์คล้ายๆ กัน
อยากนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
(copy มาจากสเตตัสที่เขียนอ่านคุยกับเพื่อนกันเอง ไม่ได้ตั้งใจจะเผยแพร่แบบนี่แต่แรก สำนวนเลยอาจจะเวิ่นเว้อหน่อยนะครับ)
เป็นกรณีหนึ่งระหว่างบุคคลธรรมดากับบริษัทเอกชน
ลองเทียบดูกับกรณีแพทย์และญาติผู้ป่วยดูครับว่าเป็นอย่างไร
[ข้อความต่อไปนี้ copy มาจากเพื่อน (ได้รับอนุญาตแล้ว) แบบเป๊ะๆ ทุกคำ (แต่ช่วยเซ็นเซอร์บางคำให้นะ),
ส่วนตัวอักษร bold, italic, ขีดเส้นใต้ ผมเน้นของผมเอง. แต่สำนวนแซ่บๆ นี่ของเพื่อนล้วนๆ

]
"
วันนี้ที่ Gourmet พารากอน
มีบูธโรลออนยี่ห้อ ด. (นามสมมติ) ที่มีตราเป็นนกเขาชวา (สมมติอีกเช่นกัน)
มายืนแจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์
ด้วยความ(โลภ) อยากรู้อยากเห็นและชอบทดลอง อันเป็นนิสัยของผู้ใฝ่รู้ที่ดีนั้น
ดิฉันจึงเดินละเมอเข้าไปรับผลิตภัณฑ์ตามสัญชาตญาณ
ตอนระหว่างกรอกกระดาษข้อมูลแผ่นเล็กๆ ดิฉันเงยหน้าขึ้นมาเห็นพนักงานคนนึงยืนถ่ายรูปมาทางดิฉัน
ด้วยความที่ดิฉันเกลียดนิสัยละเมิดสิทธิคนอื่นแบบนี้ที่สุด*
*อนึ่ง การถ่ายรูปชาวบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วนำไปเผยแพร่ในที่สาธารณะ ดิฉันถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ทั้งการโดนด่าบนบีทีเอส ยืนพิงเสาในรถไฟฟ้า นัวกับเพศตรงข้ามในที่สาธารณะ หรือจะเป็นเพื่อการทำงานอย่างที่บริษัทสั่งมาก็ตาม
เพราะคุณควรจะต้องขออนุญาตเจ้าตัวก่อนนะคะ ว่าเค้ายินยอมให้คุณถ่ายรูปเค้าไปใช้หรือไม่
เป็นเรื่องที่อยากนำเสนอให้สังคมไทยได้รับรู้และฉุกคิดนะคะ
หมายเหตุ – หากเป็นการถ่ายรูปมนุษย์เพศต้องข้ามเพื่อนำมาชื่นชมในหมู่เพื่อนฝูงเล็กๆ ดิฉันยอมรับว่าไม่ใครจะเห็นด้วยนัก ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วไม่เคยทำ แต่อาจมีข้อยกเว้นให้ได้รับการลดหย่อนโทษได้บ้าง ; ค่ะ ดิฉันเป็นคน 2 มาตรฐาน คุณแม่ดิฉันสอนมาเสมอว่าอยู่เมืองตาหลิ่ว ให้หลิ่วตาตาม
ดิฉันได้เดินเข้าไปหาพนักงานคนนั้นแล้วถามอย่างสุภาพว่าถ่ายติดดิฉันหรือไม่ ดิฉันไม่ยินยอมให้ถ่ายนะคะ
ไม่ติดค่ะ ถ่ายไปข้างหลัง – พนักงานตอบเช่นนั้น
ค่ะ

ดิฉันยอมรับว่าตัวเองสวยมาก(แต่ยังไม่รวย) แต่แน่นอนว่าดิฉัน ผู้ซึ่งพลาดเกียรตินิยมอันดับ 1 ไปด้วยเกรดเพียง 0.01 นั้น ไม่ได้โง่ และด้วยคุณพ่อของดิฉัน เป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ผู้มีความสามารถทางด้วยเทคโนโลยีต่างๆล้นกว่าลูกสาวมากนัก พิสูจน์ได้ด้วยการเป็นผู้วางระบบ server, software, hardware หรืออะไรก็ตามที่ดิฉันเข้าไม่ถึงเลยนั้น ให้องค์กรขนาดใหญ่มากกกกก หลายองค์กร ได้ขัดเกลาและสั่งสอนมาอย่างดิบดีแต่เด็กเล็กน้อย ดิฉันจึงค่อนข้างมั่นใจมากที่สุดว่า รูปที่พนักงานคนนั้นพึ่งถ่ายไปต้องติดรูปดิฉันด้วยเป็นแน่แท้อย่างถึงมากที่สุด
อีกเหตุผลนึงค่ะ ดิฉันก็เติบโตมากับเทคโนโลยีค่ะ ดิฉันมั่นใจว่าดิฉันเป็นมนุษย์กลุ่มแรกๆของประเทศไทยที่ได้ใช้กล้องดิจิตอลตั้งแต่พึ่งมีมาใหม่ๆค่ะ ที่สำคัญค่ะ มือถือดิฉันก็มีกล้องค่ะ ดิฉันก็เคยใช้มือถือถ่ายรูปค่ะ
และด้วยดิฉันเล็งเห็นพิรุธว่าพนักงานได้เดินไปยืนซุบซิบกับเพื่อนจากบริษัทเรื่องที่ดิฉันได้ถามไป รวมถึงเมื่อคิดย้อนกลับไปมาแล้วว่า ถ้าบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีมลทินอย่างที่ดิฉันสงสัย นางควรจะเปิดรูปให้ดูเป็นหลักฐานยืนยันความจริงใจ
ดิฉันจึงเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง แน่นอนค่ะ กล่าวขออย่างสุภาพ
พี่คะ ขอโทษนะคะ แต่หนูยังข้องใจ รบกวนพี่เปิดรูปให้ดูทีเถอะค่ะเพื่อความสบายใจของหนู
ด้วยความที่หลบไม่ได้จริงๆ พนักงานจึงเปิดรูปให้ดิฉันดูด้วยความไม่พอใจแต่เสียไม่ได้
คุณคะ ก็อย่างที่มั่นใจ ถ่ายข้างหลังห่.าอัลไล

หน้าดิฉันหราอยู่กลางรูปเลยค่ะ เห็นชัดด้วยนะคะประทานโทษ
ดิฉันจึงขออย่างสุภาพอีกครั้งว่ากรุณาลบเถอะนะคะ ดิฉันไม่ยินยอมให้ถ่ายรูปนี้
นางก็ลบอย่างไม่พอใจ เห็นกดก๊อปปี้ไว้ด้วยค่ะ ไม่ทราบว่ากดผิดหรือกดโดน แต่สุดท้ายก็ลบรูปทิ้งไป
ดิฉันจึงกล่าวขอบคุณและเดินจากมา
หากมีรูปดิฉันจากบริษัทนี้ไปหราอยู่ที่ใดแล้ว ขอให้รู้เลยว่าดิฉันจะไม่พอใจเอามากๆ และไม่จบง่ายๆแน่ ใครเจอช่วยมาบอกด้วยนะคะ
มนุษย์ทั้งหลายคะ คุณรู้มั้ย ในสังคมอื่นๆน่ะ เช่นในประเทศหนึ่งที่ดิฉันเคยอยู่มา แม้แต่ โ ร ง เ รี ย น อยากถ่ายรูปคุณเวลามีกิจกรรมต่างๆในโรงเรียน เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์หรือติดบอร์ดหรืออะไรก็แล้วแค่นั้น เค้ายังมีจดหมายขออนุญาตคุณตั้งแต่ต้นปี หากคุณไม่ยินยอม โรงเรียนจะไม่ถ่ายภาพติดคุณเลยแม้แต่รูปเดียว หรือหากมีติดด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตาม เค้าจะไม่เผยแพร่รูปที่มีคุณติดในภาพเลยเด็ดขาด
นี่หละค่ะ แม้แต่ในสังคมเล็กๆ มีคนไม่กี่ร้อยคน เค้ายังเคารพสิทธิส่วนตัวของคุณขนาดนี้
อ้อ ใช่ค่ะ
เค้าเคารพแม้กระทั่งสิทธิของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยค่ะ
ต่างจากประเทศบางประเทศแถวๆนี้ลิบลับเชียวค่ะ
นี่ละมั้งคะ สิ่งที่แตกต่างมากมาย ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว และด้อยพัฒนาแถวๆนี้
ดิฉันเป็นแค่ประชาชนตัวเล็กๆคนนึง เป็นเด็กที่พึ่งเรียนจบและไม่ได้มีบทบาทยิ่งใหญ่อะไรในสังคม
ดิฉันคงไม่มีความสามารถที่จะไปสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ยิ่งใหญ่ หรือขอให้ใครมาศรัทธาและสัญญาอะไรกับใครได้
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากเราช่วยกัน เปลี่ยนตัวเองทีละนิด
เราคงหวังพึ่งเด็กรุ่นต่อๆไปไม่ได้ หากเราไม่ทำตัวให้เป็นตัวอย่างแก่พวกเขา
(แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงผู้ใหญ่เลยค่ะ ตั้งแต่อนุบาล ดิฉันเรียนมารยาทต่างๆในสังคมมามากมาย ทั้งต่อคิว มีน้ำใจ ทิ้งขยะให้ลงถัง ให้ซื่อสัตย์ ประหยัดมัธยัทถ์และพอเพียง ฯลฯ ดิฉันก็ไม่เห็นเหล่าผู้ใหญ่จะปฏิบัติตัวเป็นเยี่ยงอย่างเสียเท่าไหร่เลยค่ะ)
คุณคะ
การเป็นคนดี ไม่ใช่การละเมิดสิทธิชาวบ้านเพียงเพราะคุณเห็นว่าการกระทำของคุณถูกต้อง แต่เขาเหล่านั้นไม่
ดิฉันว่า
ปัญหาอย่างนึงในสังคมเราตอนนี้ คือเราเรียกร้องแต่สิทธิของตัวเอง แต่เราไม่สนสิทธิของผู้อื่น
ช่วยกันคนละนิด แล้วสร้างสังคมสวยๆในประเทศสวยๆนี้ขึ้นมา เริ่มจากตัวเราเองกันมั้ยคะ
จากเรื่องแค่นี้หละค่ะ แค่ถ่ายรูปบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณอาจจะคิดว่า เรื่องแค่นี้จะอะไรมากมาย แต่มันก็คือการเคารพสิทธิของผู้อื่นค่ะ เราควรให้เกียรติกัน ให้เกียรติแม้กระทั้งเด็กๆนี่แหละค่ะ
คนทุกคน ย่อมมีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน
ลูกคนเล็กของคุณที่พึ่งคลอด เค้าก็ไม่ได้มีสิทธิและความเป็นมนุษย์น้อยกว่าคุณปู่คุณย่าคุณที่อายุ 80-90 ตรงไหน จริงมั้ยคะ
"
("ถ้าแกจะเอาเรื่องนั้นลง ช่วยใส่อัพเดทให้ทีนะ")
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"
เราส่งเรื่องแจ้งไปที่บริษัทแล้ว แล้วบริษัทก็ได้ติดต่อกลับมาพูดคุยกับเราแล้ว และเข้าใจกันเป็นอย่างดี (คือปัจจุบันเรื่องจบแล้ว ไม่มีอะไร) เราขอชื่นชมการทำงานของเค้านะ ที่ติดต่อกลับมารวดเร็ว ดูใส่ใจลูกค้าจริงๆ
คือเราเข้าใจว่าเป็นงาน แต่เราบอกเค้าเพื่อให้เค้านำเรื่องนี้ไปปรับปรุงต่อไปเท่านั้น แล้วแน่นอน คือต้องอบรมพนักงานด้วย (ซึ่งถ้าเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันในวงกว้าง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สังคมไทย และบริษัทหลายๆบริษัทที่ใช้วิธีเหล่านี้อยู่ จะนำเรื่องนี้ไปคิดและปรับปรุงการทำงานและระบบความคิด เพราะนี่ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย)
"
นี่คือบทสนทนาระหว่างผมกับเพื่อนก่อนที่จะลงกระทู้นี้..
PP: นี่แก เอาลงพันทิปเลย มันต้องเกิดกระแสอะไรดีๆขึ้นมาได้บ้างหละ
TT: ดีเนาะว่าเป็นเรื่องบุคคลกับบริษัทเอกชน เลยลงเอยแบบนั้นได้
กุนี่ต้องเป็นข้าทาสขายบริการทางการแพทย์ต่อไป หึ - -*
PP: ไม่แก คนไทยต้องมีจิตสำนักมากกว่านี้ต่างหาก
TT: หวังได้แค่ไหนกันนะ ไม่อยากหวังเลย เหอะๆ
PP: มันต้องเริ่มแก อย่างน้อยตอนนี้คนรุ่นเราก็มีคนคิดแบบนี้อยู่บ้างแล้ว
ก็หวังว่าสังคมจะไม่ทำให้เพื่อนผมผิดหวังไปอีกคนนะครับ
อย่างน้อยเหตุการณ์เหล่านี้ก็เป็นอุทาหรณ์ให้ฉุกคิดมากขึ้น เท่านี้ผมก็ว่าเป็นบทเรียนที่คุ้มค่ากับสังคม (แม้ว่าคนที่จ่ายค่าเรียนจะเป็นพวกผมก็ตาม)
อยากฝากเอาไว้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และหวังว่าสังคมจะดีขึ้น
[
แท็ก รัฐศาสตร์ เรื่องสิทธิ เสรีภาพ
แท็ก ศาลาประชาคม เรื่องกฎหมาย
แท็ก แพทย์ เพราะเกี่ยวข้องกับผมเอง และเกี่ยวกับกระทู้หลักที่ทำให้เกิดกระทู้นี้ (ไม่ต้องลบแท็กนี้นะครับ)
อยากแท็ก สิทธิ สิทธิ์ สิทธิ์ส่วนบุคคล แต่
ไม่มีคำพวกนี้ ครับ (คิดดู)
แท็ก ปัญหาสังคม เผื่อคนที่ไม่รู้สึกอะไรจะคิดได้ว่ามันเป็นปัญหาสังคมนะครับ
]
ต่อเนื่องจากกระทู้มนุษย์ญาติครับ (ไม่เกี่ยวกับหมอและญาติแล้ว แต่เกี่ยวกับเรื่องถ่ายรูปคนอื่นเหมือนกัน)
ขออนุญาตใช้ไอดีนี้เล่าเรื่องๆ หนึ่ง
สืบเนื่องจากกระทู้เกี่ยวกับญาติคนไข้ 'ถ่ายรูปในโรงพยาบาล ติดหมอและคนไข้โดยเจตนา และไม่ได้รับอนุญาต'
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มีเพื่อนผมคนหนึ่ง (ที่ไม่ได้เป็นหมอ) มีประสบการณ์คล้ายๆ กัน
อยากนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
(copy มาจากสเตตัสที่เขียนอ่านคุยกับเพื่อนกันเอง ไม่ได้ตั้งใจจะเผยแพร่แบบนี่แต่แรก สำนวนเลยอาจจะเวิ่นเว้อหน่อยนะครับ)
เป็นกรณีหนึ่งระหว่างบุคคลธรรมดากับบริษัทเอกชน
ลองเทียบดูกับกรณีแพทย์และญาติผู้ป่วยดูครับว่าเป็นอย่างไร
[ข้อความต่อไปนี้ copy มาจากเพื่อน (ได้รับอนุญาตแล้ว) แบบเป๊ะๆ ทุกคำ (แต่ช่วยเซ็นเซอร์บางคำให้นะ),
ส่วนตัวอักษร bold, italic, ขีดเส้นใต้ ผมเน้นของผมเอง. แต่สำนวนแซ่บๆ นี่ของเพื่อนล้วนๆ
"
วันนี้ที่ Gourmet พารากอน
มีบูธโรลออนยี่ห้อ ด. (นามสมมติ) ที่มีตราเป็นนกเขาชวา (สมมติอีกเช่นกัน)
มายืนแจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์
ด้วยความ(โลภ) อยากรู้อยากเห็นและชอบทดลอง อันเป็นนิสัยของผู้ใฝ่รู้ที่ดีนั้น
ดิฉันจึงเดินละเมอเข้าไปรับผลิตภัณฑ์ตามสัญชาตญาณ
ตอนระหว่างกรอกกระดาษข้อมูลแผ่นเล็กๆ ดิฉันเงยหน้าขึ้นมาเห็นพนักงานคนนึงยืนถ่ายรูปมาทางดิฉัน
ด้วยความที่ดิฉันเกลียดนิสัยละเมิดสิทธิคนอื่นแบบนี้ที่สุด*
*อนึ่ง การถ่ายรูปชาวบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วนำไปเผยแพร่ในที่สาธารณะ ดิฉันถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ทั้งการโดนด่าบนบีทีเอส ยืนพิงเสาในรถไฟฟ้า นัวกับเพศตรงข้ามในที่สาธารณะ หรือจะเป็นเพื่อการทำงานอย่างที่บริษัทสั่งมาก็ตาม
เพราะคุณควรจะต้องขออนุญาตเจ้าตัวก่อนนะคะ ว่าเค้ายินยอมให้คุณถ่ายรูปเค้าไปใช้หรือไม่
เป็นเรื่องที่อยากนำเสนอให้สังคมไทยได้รับรู้และฉุกคิดนะคะ
หมายเหตุ – หากเป็นการถ่ายรูปมนุษย์เพศต้องข้ามเพื่อนำมาชื่นชมในหมู่เพื่อนฝูงเล็กๆ ดิฉันยอมรับว่าไม่ใครจะเห็นด้วยนัก ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วไม่เคยทำ แต่อาจมีข้อยกเว้นให้ได้รับการลดหย่อนโทษได้บ้าง ; ค่ะ ดิฉันเป็นคน 2 มาตรฐาน คุณแม่ดิฉันสอนมาเสมอว่าอยู่เมืองตาหลิ่ว ให้หลิ่วตาตาม
ดิฉันได้เดินเข้าไปหาพนักงานคนนั้นแล้วถามอย่างสุภาพว่าถ่ายติดดิฉันหรือไม่ ดิฉันไม่ยินยอมให้ถ่ายนะคะ
ไม่ติดค่ะ ถ่ายไปข้างหลัง – พนักงานตอบเช่นนั้น
ค่ะ
อีกเหตุผลนึงค่ะ ดิฉันก็เติบโตมากับเทคโนโลยีค่ะ ดิฉันมั่นใจว่าดิฉันเป็นมนุษย์กลุ่มแรกๆของประเทศไทยที่ได้ใช้กล้องดิจิตอลตั้งแต่พึ่งมีมาใหม่ๆค่ะ ที่สำคัญค่ะ มือถือดิฉันก็มีกล้องค่ะ ดิฉันก็เคยใช้มือถือถ่ายรูปค่ะ
และด้วยดิฉันเล็งเห็นพิรุธว่าพนักงานได้เดินไปยืนซุบซิบกับเพื่อนจากบริษัทเรื่องที่ดิฉันได้ถามไป รวมถึงเมื่อคิดย้อนกลับไปมาแล้วว่า ถ้าบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีมลทินอย่างที่ดิฉันสงสัย นางควรจะเปิดรูปให้ดูเป็นหลักฐานยืนยันความจริงใจ
ดิฉันจึงเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง แน่นอนค่ะ กล่าวขออย่างสุภาพ
พี่คะ ขอโทษนะคะ แต่หนูยังข้องใจ รบกวนพี่เปิดรูปให้ดูทีเถอะค่ะเพื่อความสบายใจของหนู
ด้วยความที่หลบไม่ได้จริงๆ พนักงานจึงเปิดรูปให้ดิฉันดูด้วยความไม่พอใจแต่เสียไม่ได้
คุณคะ ก็อย่างที่มั่นใจ ถ่ายข้างหลังห่.าอัลไล
ดิฉันจึงขออย่างสุภาพอีกครั้งว่ากรุณาลบเถอะนะคะ ดิฉันไม่ยินยอมให้ถ่ายรูปนี้
นางก็ลบอย่างไม่พอใจ เห็นกดก๊อปปี้ไว้ด้วยค่ะ ไม่ทราบว่ากดผิดหรือกดโดน แต่สุดท้ายก็ลบรูปทิ้งไป
ดิฉันจึงกล่าวขอบคุณและเดินจากมา
หากมีรูปดิฉันจากบริษัทนี้ไปหราอยู่ที่ใดแล้ว ขอให้รู้เลยว่าดิฉันจะไม่พอใจเอามากๆ และไม่จบง่ายๆแน่ ใครเจอช่วยมาบอกด้วยนะคะ
มนุษย์ทั้งหลายคะ คุณรู้มั้ย ในสังคมอื่นๆน่ะ เช่นในประเทศหนึ่งที่ดิฉันเคยอยู่มา แม้แต่ โ ร ง เ รี ย น อยากถ่ายรูปคุณเวลามีกิจกรรมต่างๆในโรงเรียน เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์หรือติดบอร์ดหรืออะไรก็แล้วแค่นั้น เค้ายังมีจดหมายขออนุญาตคุณตั้งแต่ต้นปี หากคุณไม่ยินยอม โรงเรียนจะไม่ถ่ายภาพติดคุณเลยแม้แต่รูปเดียว หรือหากมีติดด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตาม เค้าจะไม่เผยแพร่รูปที่มีคุณติดในภาพเลยเด็ดขาด
นี่หละค่ะ แม้แต่ในสังคมเล็กๆ มีคนไม่กี่ร้อยคน เค้ายังเคารพสิทธิส่วนตัวของคุณขนาดนี้
อ้อ ใช่ค่ะ เค้าเคารพแม้กระทั่งสิทธิของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยค่ะ
ต่างจากประเทศบางประเทศแถวๆนี้ลิบลับเชียวค่ะ
นี่ละมั้งคะ สิ่งที่แตกต่างมากมาย ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว และด้อยพัฒนาแถวๆนี้
ดิฉันเป็นแค่ประชาชนตัวเล็กๆคนนึง เป็นเด็กที่พึ่งเรียนจบและไม่ได้มีบทบาทยิ่งใหญ่อะไรในสังคม
ดิฉันคงไม่มีความสามารถที่จะไปสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ยิ่งใหญ่ หรือขอให้ใครมาศรัทธาและสัญญาอะไรกับใครได้
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากเราช่วยกัน เปลี่ยนตัวเองทีละนิด
เราคงหวังพึ่งเด็กรุ่นต่อๆไปไม่ได้ หากเราไม่ทำตัวให้เป็นตัวอย่างแก่พวกเขา
(แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงผู้ใหญ่เลยค่ะ ตั้งแต่อนุบาล ดิฉันเรียนมารยาทต่างๆในสังคมมามากมาย ทั้งต่อคิว มีน้ำใจ ทิ้งขยะให้ลงถัง ให้ซื่อสัตย์ ประหยัดมัธยัทถ์และพอเพียง ฯลฯ ดิฉันก็ไม่เห็นเหล่าผู้ใหญ่จะปฏิบัติตัวเป็นเยี่ยงอย่างเสียเท่าไหร่เลยค่ะ)
คุณคะ การเป็นคนดี ไม่ใช่การละเมิดสิทธิชาวบ้านเพียงเพราะคุณเห็นว่าการกระทำของคุณถูกต้อง แต่เขาเหล่านั้นไม่
ดิฉันว่า ปัญหาอย่างนึงในสังคมเราตอนนี้ คือเราเรียกร้องแต่สิทธิของตัวเอง แต่เราไม่สนสิทธิของผู้อื่น
ช่วยกันคนละนิด แล้วสร้างสังคมสวยๆในประเทศสวยๆนี้ขึ้นมา เริ่มจากตัวเราเองกันมั้ยคะ
จากเรื่องแค่นี้หละค่ะ แค่ถ่ายรูปบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณอาจจะคิดว่า เรื่องแค่นี้จะอะไรมากมาย แต่มันก็คือการเคารพสิทธิของผู้อื่นค่ะ เราควรให้เกียรติกัน ให้เกียรติแม้กระทั้งเด็กๆนี่แหละค่ะ
คนทุกคน ย่อมมีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน
ลูกคนเล็กของคุณที่พึ่งคลอด เค้าก็ไม่ได้มีสิทธิและความเป็นมนุษย์น้อยกว่าคุณปู่คุณย่าคุณที่อายุ 80-90 ตรงไหน จริงมั้ยคะ
"
("ถ้าแกจะเอาเรื่องนั้นลง ช่วยใส่อัพเดทให้ทีนะ")
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นี่คือบทสนทนาระหว่างผมกับเพื่อนก่อนที่จะลงกระทู้นี้..
PP: นี่แก เอาลงพันทิปเลย มันต้องเกิดกระแสอะไรดีๆขึ้นมาได้บ้างหละ
TT: ดีเนาะว่าเป็นเรื่องบุคคลกับบริษัทเอกชน เลยลงเอยแบบนั้นได้
กุนี่ต้องเป็นข้าทาสขายบริการทางการแพทย์ต่อไป หึ - -*
PP: ไม่แก คนไทยต้องมีจิตสำนักมากกว่านี้ต่างหาก
TT: หวังได้แค่ไหนกันนะ ไม่อยากหวังเลย เหอะๆ
PP: มันต้องเริ่มแก อย่างน้อยตอนนี้คนรุ่นเราก็มีคนคิดแบบนี้อยู่บ้างแล้ว
ก็หวังว่าสังคมจะไม่ทำให้เพื่อนผมผิดหวังไปอีกคนนะครับ
อย่างน้อยเหตุการณ์เหล่านี้ก็เป็นอุทาหรณ์ให้ฉุกคิดมากขึ้น เท่านี้ผมก็ว่าเป็นบทเรียนที่คุ้มค่ากับสังคม (แม้ว่าคนที่จ่ายค่าเรียนจะเป็นพวกผมก็ตาม)
อยากฝากเอาไว้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และหวังว่าสังคมจะดีขึ้น
[
แท็ก รัฐศาสตร์ เรื่องสิทธิ เสรีภาพ
แท็ก ศาลาประชาคม เรื่องกฎหมาย
แท็ก แพทย์ เพราะเกี่ยวข้องกับผมเอง และเกี่ยวกับกระทู้หลักที่ทำให้เกิดกระทู้นี้ (ไม่ต้องลบแท็กนี้นะครับ)
อยากแท็ก สิทธิ สิทธิ์ สิทธิ์ส่วนบุคคล แต่ ไม่มีคำพวกนี้ ครับ (คิดดู)
แท็ก ปัญหาสังคม เผื่อคนที่ไม่รู้สึกอะไรจะคิดได้ว่ามันเป็นปัญหาสังคมนะครับ
]