ความไร้เดียงสา ของว่าที่แม่พิมพ์ของชาติ กับปรากฎการณ์ชูนิ้ว

กระทู้สนทนา
นายกองค์การนิสิตมศว แนะรัฐบาลอย่าสนใจชู3นิ้ว ชี้กลุ่มต้านน่าจัดกิจกรรมความรู้ด้านปชต.
วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 13:22:26 น.Tweet
 
 
น.ส.สุวิภาณี เจริญมิตรมงคล นิสิตชั้นปีที่ 4 วิชาเอกสังคมศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) และนายกองค์การนิสิต มศว เปิดเผยกรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ ได้แสดงออกทางการเมืองในการต่อต้านรัฐประหาร โดยการชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว และการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ว่า การแสดงออกทางการเมืองถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่นักศึกษาที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยการชู 3 นิ้วนั้น กระทำได้

ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นการต่อต้านรัฐประหารนั้น มองเป็นเรื่องตลก เพราะบริบทของความหมายตามหนังเรื่อง The Hunger games ไม่ได้หมายถึงการต่อต้านรัฐประหาร หากแต่เป็นการพูดถึงความรู้สึกที่แสดงออกถึงความรัก ขอบคุณ และลาก่อน ซึ่งนิสิตอาจเอาไปประยุกต์ใช้ แต่เมื่อสื่อออกไปพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลอาจตีความว่านิสิตนักศึกษาไม่เอา หรือต่อต้านรัฐประหาร แต่หากรัฐบาลไม่สนใจต่อการชู 3 นิ้ว กระแสการชู 3 นิ้วก็จะไม่มีใครสนใจ และไม่มีใครพูดถึง

"หากให้ไปแสดงสัญลักษณ์เช่นนั้นบ้าง คงไม่ทำ เพราะมีกิจกรรมอื่นที่ควรกระทำมากกว่า นั่นคือการจัดกิจกรรมให้ความรู้ความเข้าใจด้านการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และในฐานะที่เรียนด้านครู และต้องออกไปเป็นครู คิดว่าต้องปลูกฝังให้เด็กเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยผ่านการเรียนการสอน"


ผมแปลกใจกับน้องนิสิตที่ออกมาวิพากษ์การชูสามนิ้วแบบอึมครึม แปลกๆ เพราะคำพูดดูขัดแย้งกัน ในแง่มุมหนึ่งคือ มองว่าการชูสามนิ้วเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งมองว่า การชูสามนิ้วเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจน้อยกว่ากิจกรรมอื่น

ผมเคยลองมาตั้งคำถามว่า
1.  น้องเค้าเรียนเอกสังคมศึกษา ไม่ได้เรียนสังคมศาสตร์ อยากทราบว่า ประชาธิปไตยคืออะไร ในแง่มุมของสังคมศึกษา ต่างหรือเหมือนกับสังคมศาสตร์หรือไม่อย่างไร
2. ถ้าใช้ตรรกะครูไทย อยากทราบว่า ประชาธิปไตย คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และถ้าเราจะวางรากฐานประชาธิปไตย ตอนนี่ ทำได้หรือไม่ ลักลั่นหรือเปล่า ขัดแย้งกันในตัวเองหรือเปล่า

ผมแย้งกรณีที่น้องนิสิต สำนักครู ตอบละกัน

ผมในฐานะ ครู ที่เคยสอนสังคม โรงเรียนทางเลือก (ไม่ได้จบเอกสังคม) ไม่ได้มีตรรกะแบบครูไทย ของตอบแบบแนวๆนะฮะ อย่าหาว่า กวนทีน นะ

น้องต้องเข้าใจก่อนว่า กำเนิดประชาธิปไตย ตามแนวทางปรัชญาการเมือง ของจอห์น ล็อค ซอง รุสโซ หรือ วอลแตร์ นั้นกล่าวถึงเรื่อง การมีเสรีภาพ เสรีภาพ เป็นสิ่งพื้นฐานที่มนุษย์พึงมี เพราะเมื่อมนุษย์มีเสรีภาพเมื่อใดก็แล้วแต่จะนำมาซึ่งเจตจำนงค์(ของตัวเอง) เสรีภาพมันมาพร้อมกับวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ความมั่นอกมั่นใจในวิถีคิด การปกครอง การเมือง สังคม ศิลปะ และอื่นๆ ที่มนุษย์เริ่มหลุดออกจากแอก ของการครอบงำ แบบด้านใดด้านหนึ่ง บางคนก็เรียก สังคมตาสว่าง บ้างก็เรียก สังคมรู้แจ้ง ในคศ 17 - 19 สังคมในยุโรปเริ่มตื่นตัวและวิวัฒน์ในด้านนี้ เพราะมนุษย์ ต้องรู้จักถึง ความสามารถ protential ในตัวเองก่อน และวางหลักความ ความเสมอภาค ที่เคารพในความเป็นมนุษย์ เหมือนกัน  ดังนั้น กลับไปอ่านปรัชญาพวกนี้ ก่อนที่จะคิดกิจกรรมประชาธิปไตยสร้างสรรค์ เพระาว่าปรัชญาเหล่านี้ ขัดต่อ การห้ามปราม การระงับ และ การหยุดแสดงเจตจำนงทางการเมือง ภายใต้กฎอัยการศึก ที่ คสช. ทำ นั่นก็คือ การขัดต่อหลัก สิทธิมนุษยชน ขัดต่อเจตจำนงเสรี ขัดต่อเสรีภาพที่พึงมี และขัดต่อความเท่าเทียมนั่นเอง ดังนั้นหากจะมองว่าการชูสามนิ้ว เป็นกิจกรรมประชาธิปไตยสร้างสรรค์ พี่เห็นว่า สร้างสรรค์ ตรงคอนเซป และมีจุดยืน เพราะกำลังจะสร้าง บริบทของการเคลื่อนไหว ภายใต้สัญญะของหนัง ผ่านการประกอบสร้าง ความหมายเพิ่มเติมขึ้นมาในบริบทไทย อยกาให้น้องไปอ่านงานของ โรรอง  บาร์ต เซอร์ซู หรือ ชาร์ค ลากอง เผื่อจะเข้าใจในมิติการสร้างความหมายทางการเมืองเชิงสัญลักษณ์มากขึ้น ไม่ใช้อ่านแต่หนังสือสังคม แบบท่องๆจำๆมา เพราะตำราเรียนสังคมเรื่องประชาธิปไตย กับ แนวคิดเรื่องประชาธิปไตย พี่ว่ามันต่างกันเลย นักเขียน ก็เขียนแค่ให้รู้แบบกว้างๆ ออกแนวกำหนดหัวข้อให้ไปอ่าน แล้วก็จำพวกนิยามแบบกว้างๆ ซึ่งผิวเผินมากครับ ครูไทยส่วนใหญ่ก็สนใจแค่นี้แหละ ไม่เคยไปแตะเรื่องของปรัชญาประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะวิวัฒนาการของประชาธิปไตยเอง กับ ความเป็นปัจจเจคบุคคลของมนุษย์ ว่ามันสำคัญอย่างไร

ส่วนประเด็นที่สอง ที่น้องบอกว่าความหมายในภาพยนตร์ ไม่สัมพันธ์กับสามนิ้ว นี่คือการนำสัญญะร่วมบางอย่าง ในภาพยนตร์ มาประกอบสร้างใหม่ การนำเค้าโครง ที่จำลองโลกของการครอบงำ มาอธิบายและสร้างความหมายใหม่ ให้มีความหมายเฉพาะพิเศษทำได้ ยกตัวอย่าง พี่เอาแก้วเปล่ามา น้องก็คงคิดว่ามีนคือแก้วเปล่า แต่พอพี่ลองเปรียบเทียบว่าแก้วเปล่า เหมือนกับคน สมองกรวง น้องก็คงจะเข้าใจว่า แก้วเปล่าแทนคนสมองกรวงได้ ดังนั้นพี่อาจใช้แก้วเปล่า ยกให้กับบางคนที่พี่คิดว่าสมองกรวง ความหมายของแก้วเปล่าว จึงไม่ได้อยู่ที่ความหมายโดยตรง แต่พี่ได้สร้างความหมายเฉพาะขึ้นมาใช้และถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายที่พี่พยายามสื่อสาร ดังนั้นจึงตอบคำถามที่ว่าทำไมต้องชูสามนิ้ว และสามนิ้วต้านรัฐประหารตรงไหนนั่นเอง

การใส่ความหมายอาจต้องใส่บริบท เพิ่มเติมความหมาย และเลือกประกอบสร้างความหมายขึ้นมาใหม่ใหม่ เพื่อให้ตรงกับสิ่งที่คนต้องการจะสื่อสารให้คนอื่น นี่ยังม่รวม สิ่งที่เป็นนัยยะแฝงอื่นๆ จากการตีความหลากหลาย ที่เกิดขึ้นจากสัญญะนั้นๆ

ดังนั้นพี่อยากถามว่า กิจกรรมสร้างสรรคืประชาธิปไตยของน้องคอือะไร เป้นแบบไหน ควรทำอย่างไร แล้วชูสามนิ้วเป็นประชาธิปไตยไหม สร้างสรรค์หรือไม่ ตลกอย่างไร

การเปรียบเทียบโดยที่ขาดความลึกซึ้ง มันทำให้คนอื่นมองว่า ตื้นเขิน จนเกินกว่าจะไปแสดงความคิดให้ใครต่อใครฟัง โดยใช้คำกระทบกระเทียบว่า ตลก  หรือน้องคงมีวิธีการสอนเรื่องประชาธิปไตยได้สุดสวิง ว่างๆก็ไปช่วยเค้าปฏิรูปการเรียนการสอนวิชาหน้าที่พลเมืองด้วยนะครับ ว่าพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ควรเป็นแบบใด หรือน้องจะนิยามใหม่ก็ได้ว่า พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ เป็นแบบใด เพราะพี่คิดว่าเป็น Uniqe ดี แปลกเด่น ไม่มีใครเหมือน thailand only

พี่เคารพความแตกต่างของน้องนะครับ แต่พี่แค่อดไม่ได้เกี่ยวกับความเข้าใจของน้องเกี่ยวกับแนวคิดประชาธิปไตย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่