86 ปีประชาธิปไตย เลือกตั้งมั่งรัฐประหารมั่ง แต่ละพรรคให้คะแนนเท่าไหร่ ....ข่าวสดออนไลน์ ../sao..เหลือ..noi

86 ปีประชาธิปไตย / วันที่ 24 มิ.ย. ที่อาคารวอยซ์สเปซ เสวนา wake up Thailand special
: 86 ปีประชาธิปไตย “ก้าวต่อย่างไรให้ยั่งยืน” โดยมีผู้ร่วมเสวนาโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคอนาคตใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายวราวุธ ศิลปะอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่าที่หัวหน้าพรรค
ประชาชนปฏิรูป นายชวน ชูจันทร์ ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ผู้ก่อตั้ง
พรรคเกรียน และนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังพลเมือง

คำถามให้คะแนนกับระบอบประชาธิปไตยไทยที่ผ่านมาจากคะแนนเต็ม 10

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้ที่ทำการรัฐประหารต้องตอบคำถามว่าจะเข้าสู่การเลือกตั้งเมื่อไหร่ รวมถึงการทำรัฐธรรมนูญ
ต้องทำประชามติเช่นกัน ประเทศไทยเรามีความรู้ทันต่อระบบประชาธิปไตย แต่ยังหวาดกลัวระบอบการเมือง สิ่งเหล่านี้
เป็นตัวบ่งบอกว่าเรารู้ทันการเมือง แต่วันนี้เรามีรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร เราถอยไปอยู่ที่คะแนน 5 จากที่เคยได้ 8
คะแนน ทั้งนี้เราคงต้องมาดูกันว่าเราจะสอบผ่านหรือสอบตกก็ขึ้นอยู่หลังการเลือกตั้งครั้งหน้าในปี2562

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ให้ 3 คะแนน เพราะการมีรัฐประหารหลายครั้งเท่ากับว่าเรายังไม่มีรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญ
นี้ยังรับรองว่าการทำรัฐประหารนั้นไม่ผิด ยังครอบงำสังคมต่อไปอีก ทั้งยังเอาความคิดของคนเป็นผู้นำมาทำให้สังคม
เชื่อว่าไม่สามารถกำหนดประเทศได้ ยังปลูกฝังว่าเรื่องรัฐประหารนั้นเป็นสิ่งจำเป็น การบริหารแบบเบ็ดเสร็จเป็นเรื่อง
ที่ขาดไม่ได้
<
<
ทั้งนี้การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพยังไม่เต็มที่ ทุกวันนี้พรรคการเมืองยังล้มลุกคลุกคลาน องค์กรภาคประชาชนที่ว่ามีอำนาจ
ก็ไม่สามารถกำหนดอนาคตได้ ระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่รับรองการรัฐประหารว่าใครก็สามารถยึดอำนาจ
ได้ ฉะนั้นแล้วหนึ่งบทเรียนการต่อสู้ของประชาชนต้องตระหนักเรื่องสิทธิเสรีภาพ


[url]อุปสรรคสำคัญของระบอบ คือการที่มีคนอยู่กลุ่มเดียวรวบอำนาจ โดยใช้กองทัพทำรัฐประหาร ดังนั้นไม่ว่าวาทกรรม
“คณะราษฎร์ฯ ชิงสุกก่อนห่าม” หรือ “ปัญหาของประชาธิปไตยคือนักการเมือง” แต่สิ่งที่คนยังไม่พูดถึงคือการ
ทำรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ประชาธิปไตยไม่มีโอกาสเติบโต ประชาชนก็ไม่มีโอกาสลิ้มลองประชาธิปไตย ดังนั้น
ถ้าไม่มีใครลุกขึ้นมาสานต่อประวัติศาสตร์จากรัฐสู่ประชาชน จากไพร่สู่พลเมือง พรรคอนาคตใหม่ขอรับภารกิจนี้ไปสานต่อ



ทั้งนี้ การเลือกตั้งโดยเฉพาะในปี 57 ทำให้ประชาชนจำนวนมากประเมินว่าการเมืองมีปัญหา ต้องปฏิรูป ดังนั้นการเลือกตั้ง
ในปี 57 เป็นประชาธิปไตยที่สอบตก การเมืองที่ยังอิงแอบประชาธิปไตย ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ถ้าอยากให้สอบผ่าน
พรรคการเมืองจะต้องเป็นเครื่องมือของประชาชน

สำหรับนายธนาธร กล่าวว่า ตนให้คะแนนเพียง 1.97 คะแนน โดยไม่ได้ให้ตามอารมณ์ความรู้สึก แต่ตนเป็นวิศวกรจึงคำนวณ
ตัวเลขตามหลักวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ อุปสรรคของระบอบประชาธิปไตยคือการทำรัฐประหาร ตนฝันว่าการทำรัฐประหารต้องจบใน
รุ่นของตน ไม่ส่งต่อไปถึงลูกหลานอีก ถือเป็นภารกิจของตน การเปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งแต่ปี 2475 จนถึงปัจจุบัน จากไพร่
ที่ไม่มีปากเสียงมาสู่พลเมืองที่มีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน
<
<
<
ดังนั้นเชื่อว่าในอนาคตประเทศจะต้องสถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ ขนาดผู้นำที่คัดค้านการเลือกตั้งยังต้องตั้ง
พรรคเพื่อลงสู่สนามเลย ส่วน 3 คะแนนที่ตนตัดไป เพราะยังมีประชาชนที่ลังเล พรรคที่ลังเล ไม่แน่ใจว่าระบอบประชาธิปไตย
ช่วยพัฒนาคนให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นสังคมจำเป็นต้องช่วยพิสูจน์ ประชาธิปไตยต้องการเวลาวิวัฒน์เพื่อให้มีคุณภาพ

https://www.khaosod.co.th/politics/news_1256403

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่