วันนี้มาลองวิเคราะห์หุ้นกลุ่มอสังหากันบ้าง ซึ่งผมสนใจบริษัท ESTAR เป็นพิเศษ เนื่องจากได้เห็นคอนโดมีเนียมบริษัทนี้อยู่บ่อยๆ เลยศึกษาดูซะเลย ซึ่งเมื่อลองมาวิเคราะห์ดูแล้ว
คิดราคาแบบอนุรักษ์นิยมสุดๆ ราคาหุ้นควรอยู่ที่ 1.66 บาทเป็นอย่างน้อย เพิ่มจากราคาปัจจุบัน 1.22 บาทได้อีกราว 36%
โพสที่ผ่านมา
วิเคราะห์ IFEC ทำกำไรได้อีก 76%:
http://pantip.com/topic/32837323
วิเคราะห์ IEC กับราคาในอนาคต:
http://pantip.com/topic/32826510
วิเคราะห์ MILL ปีหน้าราคาจะไปเท่าไหร่:
http://pantip.com/topic/32824573
เมื่อพูดถึงบริษัท Easter Star หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อนัก โดยบริษัทนี้แต่เดิมเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่จังหวัดระยอง ซึ่งต่อมาได้มาบุกตลาดกรุงเทพ โดยปัจจุบันมีโครงการในกรุงเทพประมาน 6 โครงการ ซึ่งประกอบไปด้วย คอนโด amber, โครงการ StarView, โครงการ the Breeze, โครงการ Vantage, โครงการ Nara 9 และโครงการ @pattanakarn 69
แม้ว่างบการเงินกิจการเฉพาะของบริษัทจะมีขาดทุนสะสมเฉพาะกิจการอยู่ถึง 108 ล้านบาท แต่ในปีนี้บริษัทเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ทำให้กำไรสุทธิในปีนี้โตกว่าปีที่แล้วเห็นๆโดยไตรมาส 2 ทำกำไรสุทธิส่วน 6 เดือนไปแล้วถึง 56 ล้านบาท พลิกจากปีที่แล้วที่ติดลบอยู่ 70 ล้านบาท โดยไตรมาสที่ 3 นั้นคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการ The Breeze และ Vantage รวมถึงการขายที่ดินให้กับนักลงทุนต่างประเทศ
ทำให้กำไรสุทธิในปีนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะหักล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด และทำให้พร้อมที่จะจ่ายปันผลครั้งแรกทันที และในปีหน้าก็เตรียมรับรู้รายได้จาก StarView และ NARA 9 เต็มๆอีก แบบนี้มีแนวโน้มที่ดีแน่ๆ
จุดน่าสนใจสุดๆคือบริษัทถือครองที่ดินเป็นจำนวนมาก ถ้าขายได้กำไรคงไม่ใช่น้อย โดยตอนนี้เมื่อเปิดเว็ปไซต์ บริษัทได้ลงขายที่ดินเป็นจำนวน 3 ผืนซึ่งประกอบไปด้วย ที่ดินอ่อนนุช 33 ไร่ ที่ดินมาบข่า 600 ไร่ และที่ดินพระรามสามประมาณ 3 ไร่ ซึ่งตัวที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นที่ดินมาบข่า 600 ไร่ในจังหวัดระยอง ซึ่งที่ดินอยู่ในทำเลที่ดี เหมาะแก่การสร้างโรงงานเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งที่ดิน 600 ไร่นี้บันทึกมูลค่าทางบัญชีประมาณ 300 ล้านบาท แต่ราคาประเมินคงไปถึง 2400 ล้านบาท
ถ้าขายได้กำไรพิเศษแล้วจ่ายปันผล ราคาหุ้นคงพุ่งติดจรวดแน่เลย
เมื่อมาดูในกรณีเลวร้ายคือขายไม่ได้ ถ้าบริษัทนำไปปรับราคาตามราคาประเมินที่ดินจะได้ส่วนทุนเพิ่มขึ้นมาประมาน 2,000 ล้านบาท
งานนี่ตัวเลข BV มีเปลี่ยน แถมที่ดิน 600 ไร่นี้ ยังเอามาทำเงินให้งอกเงยได้อีก อาจจะลองทำ solar farm เล่นๆก็เป็นไปได้ ไม่เห็นต้องง้อใคร…
เอาหละ ทีนี้ลองมาดูงบการเงินหน่อย
เมื่ออ่านแว๊ปแรกก็ต้องสะกิดกับอัตราส่วนสภาพคล่องที่มากถึง 4.48 เท่า! และ D/E เท่ากับ 0.4 เท่า ซึ่งดูแล้วเป็นบริษัทที่หุ่นดีผอมเพรียวเหลือเกิน
หากบริษัทเห็นโอกาสทางธุรกิจ จะกู้ซัก 6,000 ล้านมาลงทุนไม่ใช่ปัญหา แถมไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแบ่งผลประโยชน์ให้บุคคลอื่น
เมื่อลองคำนวนหา BV ปัจจุบันดู ก็จะพบว่าBV อยู่ที่ 0.89 และ P/BV มีค่าเพียง 1.3 เท่า(เทียบราคาปัจจุบันที่ 1.15) ซึ่ง P/BV ค่าเฉลื่ยในกลุ่มอสังหาอยู่ที่ 2.53 เท่า
ตามหลักแล้วเราควรเห็นหุ้นนี้ในราคาที่ 2.24!
แต่เมื่อมาวิเคราะห์ การที่ P/BV มากกว่า 1 นั้น มาจากการที่คนเชื่อมั่นในอนาคต ยิ่ง P/BV มากแปลว่าผู้ลงทุนเชื่อมั่นในอนาคตต่อหุ้นตัวนั้นๆ ซึ่งในกรณีของ ESTAR นักลงทุนอาจจะยังไม่มีความเชื่อมั่นกับอนาคตของหุ้นตัวนี้ ทำให้ P/BV ต่ำก็เป็นได้ ถ้าเราลองคำนวน BV กรณีที่ขายที่ดินไม่ออกซึ่งจะทำให้ส่วนทุนเพิ่มขึ้นมาอีก 2000 ล้าน จะได้ค่า BV เท่ากับ 1.28 บาท !
ถ้าอิง P/BV ตามเดิมที่ 1.3 ราคาก็ควรอัพไปเป็น 1.66 เป็นอย่างน้อย หรือ upside อีก 36% เป็นอย่างน้อย โดยอิงจากราคาปัจจุบันที่ 1.22 บาท
อย่างไรก็ตาม ด้วยความพร้อมด้านการเงินของบริษัท ประกอบกับการเปิด AEC ที่จะมาถึงในปีหน้า จะทำให้มีคนเข้าประเทศเป็นจำนวนมากซึ่งอสังหาเป็นที่ต้องการแน่นอน คิดหรือว่าบริษัทจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป คงต้องหวังทำการใหญ่อะไรอีกเป็นแน่….
เห็บ
ติดตามการวิเคราะห์ของผมได้ที่
website:
www.hoontook.com
facebook:
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81/750830284966595
มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ
วิเคราะห์ ESTAR หุ้นซ่อนมูลค่า โดย นายเห็บ
โพสที่ผ่านมา
วิเคราะห์ IFEC ทำกำไรได้อีก 76%: http://pantip.com/topic/32837323
วิเคราะห์ IEC กับราคาในอนาคต: http://pantip.com/topic/32826510
วิเคราะห์ MILL ปีหน้าราคาจะไปเท่าไหร่: http://pantip.com/topic/32824573
เมื่อพูดถึงบริษัท Easter Star หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อนัก โดยบริษัทนี้แต่เดิมเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่จังหวัดระยอง ซึ่งต่อมาได้มาบุกตลาดกรุงเทพ โดยปัจจุบันมีโครงการในกรุงเทพประมาน 6 โครงการ ซึ่งประกอบไปด้วย คอนโด amber, โครงการ StarView, โครงการ the Breeze, โครงการ Vantage, โครงการ Nara 9 และโครงการ @pattanakarn 69
แม้ว่างบการเงินกิจการเฉพาะของบริษัทจะมีขาดทุนสะสมเฉพาะกิจการอยู่ถึง 108 ล้านบาท แต่ในปีนี้บริษัทเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ทำให้กำไรสุทธิในปีนี้โตกว่าปีที่แล้วเห็นๆโดยไตรมาส 2 ทำกำไรสุทธิส่วน 6 เดือนไปแล้วถึง 56 ล้านบาท พลิกจากปีที่แล้วที่ติดลบอยู่ 70 ล้านบาท โดยไตรมาสที่ 3 นั้นคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการ The Breeze และ Vantage รวมถึงการขายที่ดินให้กับนักลงทุนต่างประเทศ ทำให้กำไรสุทธิในปีนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะหักล้างขาดทุนสะสมได้ทั้งหมด และทำให้พร้อมที่จะจ่ายปันผลครั้งแรกทันที และในปีหน้าก็เตรียมรับรู้รายได้จาก StarView และ NARA 9 เต็มๆอีก แบบนี้มีแนวโน้มที่ดีแน่ๆ
จุดน่าสนใจสุดๆคือบริษัทถือครองที่ดินเป็นจำนวนมาก ถ้าขายได้กำไรคงไม่ใช่น้อย โดยตอนนี้เมื่อเปิดเว็ปไซต์ บริษัทได้ลงขายที่ดินเป็นจำนวน 3 ผืนซึ่งประกอบไปด้วย ที่ดินอ่อนนุช 33 ไร่ ที่ดินมาบข่า 600 ไร่ และที่ดินพระรามสามประมาณ 3 ไร่ ซึ่งตัวที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นที่ดินมาบข่า 600 ไร่ในจังหวัดระยอง ซึ่งที่ดินอยู่ในทำเลที่ดี เหมาะแก่การสร้างโรงงานเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งที่ดิน 600 ไร่นี้บันทึกมูลค่าทางบัญชีประมาณ 300 ล้านบาท แต่ราคาประเมินคงไปถึง 2400 ล้านบาท ถ้าขายได้กำไรพิเศษแล้วจ่ายปันผล ราคาหุ้นคงพุ่งติดจรวดแน่เลย
เมื่อมาดูในกรณีเลวร้ายคือขายไม่ได้ ถ้าบริษัทนำไปปรับราคาตามราคาประเมินที่ดินจะได้ส่วนทุนเพิ่มขึ้นมาประมาน 2,000 ล้านบาท งานนี่ตัวเลข BV มีเปลี่ยน แถมที่ดิน 600 ไร่นี้ ยังเอามาทำเงินให้งอกเงยได้อีก อาจจะลองทำ solar farm เล่นๆก็เป็นไปได้ ไม่เห็นต้องง้อใคร…
เอาหละ ทีนี้ลองมาดูงบการเงินหน่อย
เมื่ออ่านแว๊ปแรกก็ต้องสะกิดกับอัตราส่วนสภาพคล่องที่มากถึง 4.48 เท่า! และ D/E เท่ากับ 0.4 เท่า ซึ่งดูแล้วเป็นบริษัทที่หุ่นดีผอมเพรียวเหลือเกิน หากบริษัทเห็นโอกาสทางธุรกิจ จะกู้ซัก 6,000 ล้านมาลงทุนไม่ใช่ปัญหา แถมไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแบ่งผลประโยชน์ให้บุคคลอื่น
เมื่อลองคำนวนหา BV ปัจจุบันดู ก็จะพบว่าBV อยู่ที่ 0.89 และ P/BV มีค่าเพียง 1.3 เท่า(เทียบราคาปัจจุบันที่ 1.15) ซึ่ง P/BV ค่าเฉลื่ยในกลุ่มอสังหาอยู่ที่ 2.53 เท่า ตามหลักแล้วเราควรเห็นหุ้นนี้ในราคาที่ 2.24!
แต่เมื่อมาวิเคราะห์ การที่ P/BV มากกว่า 1 นั้น มาจากการที่คนเชื่อมั่นในอนาคต ยิ่ง P/BV มากแปลว่าผู้ลงทุนเชื่อมั่นในอนาคตต่อหุ้นตัวนั้นๆ ซึ่งในกรณีของ ESTAR นักลงทุนอาจจะยังไม่มีความเชื่อมั่นกับอนาคตของหุ้นตัวนี้ ทำให้ P/BV ต่ำก็เป็นได้ ถ้าเราลองคำนวน BV กรณีที่ขายที่ดินไม่ออกซึ่งจะทำให้ส่วนทุนเพิ่มขึ้นมาอีก 2000 ล้าน จะได้ค่า BV เท่ากับ 1.28 บาท ! ถ้าอิง P/BV ตามเดิมที่ 1.3 ราคาก็ควรอัพไปเป็น 1.66 เป็นอย่างน้อย หรือ upside อีก 36% เป็นอย่างน้อย โดยอิงจากราคาปัจจุบันที่ 1.22 บาท
อย่างไรก็ตาม ด้วยความพร้อมด้านการเงินของบริษัท ประกอบกับการเปิด AEC ที่จะมาถึงในปีหน้า จะทำให้มีคนเข้าประเทศเป็นจำนวนมากซึ่งอสังหาเป็นที่ต้องการแน่นอน คิดหรือว่าบริษัทจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป คงต้องหวังทำการใหญ่อะไรอีกเป็นแน่….
เห็บ
ติดตามการวิเคราะห์ของผมได้ที่
website: www.hoontook.com
facebook: https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81/750830284966595
มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ