คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
สวัสดีครับ คุณสมาคมคนหล่อแห่งประเภทใจ กรณีบาดเจ็บจากการทำงาน จะอยู่ใน พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ 2537 ซึ่งกฎหมายฉบับนี้คุ้มครองลูกจ้าง ด้วยการกำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินให้กับลูกจ้างได้รับภยันตราย หรือเจ็บป่วยหรือตายอันมีสาเหตุจากการทำงานให้แก่นายจ้างครับ
ซึ่งกฎหมายจะกำหนดให้มีกองทุนเงินทดแทนขึ้นโดยให้นายจ้างจา่ยเงินสมทบเข้ากองทุนดังกล่าวไว้เพื่อเป็นหลักประกันในการจ่ายเงินให้ลูกจ้างครับ
ซึ่งค่าชดเชยร้อยละ 60 นี้มาจาก พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ 2537 มาตรา 18 วรรค 1 โดยมีใจความว่า เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยหรือสูญหาย ให้นายจ้างจ่ายค่าทดแทนเป็นรายเดือนให้แก่ลูกจ้าง
วรรค1 ร้อยละหกสิบของค่าจ้างรายเดือน สำหรบในกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานติดต่อกันได้เกินสามวัน โดยจ่ายตั้งแต่วันแรกที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้ไปจนตลอดระยะเวลาที่ไม่สามารถทำงานได้ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปี
ครับอธิบายขยายความ ก็คือ กรณีที่เป็นการจ่ายค่าทดแทนตามมาตรา18 วรรคแรก ** ถือว่าเป็นการจ่ายค่าทดแทนการขาดรายได้ ** โดยกฎหมายกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าทดแทนให้แก่ลูกจ้างในกรณีที่ไม่สามารถทำงานได้ติดต่อกันเกินสามวัน ซึ่งจะได้ร้อยละหกสิบ ของค่าจ้างรายเดือนโดยจะได้รับค่าทดแทนตั้งแต่วันแรกที่ท่านไม่สามารถทำงานตลอดไปจนกว่าจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่จะได้รับคเงินค่าทดแทนไม่เกินหนึ่งปี
แต่มีข้อถกเถียงกันอยู่ในแวดวงนักกฎหมายแรงงานว่า พระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ2541 มาตรา32 วรรคสาม บัญญัติว่า วันที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานมิให้ถือเป็นวันลาป่วยตามมาตรานี้ ดังนั้นถ้าลูกจ้างป่วยเนื่องจากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยตามกฎหมายเงินทดแทน ลูกจ้างจะได้รับเฉพราะค่าทดแทนตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ 2547 มาตรา 18 อย่างเดียวหรือไม่ แต่ถ้าบริษัทจ่ายให้พร้อมกับเบิก เงินทดแทนได้อีกร้อยละหกสิบก็ถือว่าเป็นคุณต่อลูกจ้างครับ แต่ท่านต้องไม่เสียสิทธิการลาป่วยเพราะกฎหมายไม่ให้นับเป็นวันลาป่วยครับ
ประเด็นที่สอง ถ้าเกิดอุบัติเหตุที่ไม่ได้มาจากการทำงาน เราจะได้รับเงินส่วนไหนบ้างหรือเปล่าครับ ส่วนแรกท่าจจะได้สิทธิการลาป่วยตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ2541 มาตรา32 โดยที่นายจ้างจ่ายเงินให้ปีละไม่เกิน 30 วัน ส่วนที่เหลือ จะมาดูใน พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ส.2533 ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนประกันสังคมขึ้น โดยให้ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาลร่วมกันออกเงินสมทบ เพือใช้เงินเป็นหลักประกันให้ลูกจ้างได้รับการสงเคราะห์เมื่อประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน คลอดบุตร ชราภาพ และว่างงาน รวมทั้งสงเคราะห์บุตรด้วยนะครับ
ส่วนในกรณีของคุณ คือประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน โดยจะมี 4 หลักเกณฑ์ คือ
1 ท่านจะมีสิทธิต่อเมื่อภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนวันรับบริการทางแพทย์ ท่านได้จ่ายเงินสมทบมาแล้วรวมได้ 3 เดือน (มาตรา 62)
2 การประสบอันตรายหรือการเจ็บป่วยของท่านนั้น จะต้องไม่ใช้เกิดจากท่านจงใจทำให้เกิดขึ้นหรือท่านยินยอมให้ผู้อื่นทำให้เกิดขึ้น (มาตรา 61)
3 ท่านจะได้รับการบริการทางการแพทย์เพื่อรักษาท่าน ในสถานพยาบาลที่ท่านเลือกเอาไว้ รวมทั้งค่าวินิจฉัยโรค ค่าบำบัดทางการแพทย์ ค่ากินอยู่และรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ ค่ารถพยาบาลหรือค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วยและค่าบริการอื่นๆที่จำเป็น (มาตรา 63)
4 ท่านจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เพราะต้องหยุดงานตามที่หมอสั่ง ร้อยละห้าสิบตามค่าจ้างของท่านที่มาคำนวนเป็นเงินสมทบ แต่ครั้งหนึ่งได้ไม่เกิน 90 วัน และใน 1 ปีไม่เกิน 180 วัน เว้นแต่ท่านจะป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ตมกฎกระทรวง ซึ่งจะได้ไม่เกิน 365 วัน (มาครา 64)
ในกรณีของท่านก็จะเอาเงินเดือนหารสามสิบ และนำมาหารสอง ได้เท่าไหร่ให้นำมาคูณสิบสี่ จะได้คำตอบ สำหรับเงินที่ท่าจจะเบิกกับประกันสังคมครับผม ส่วนเงินเดือนก็ได้ตามปกติเนื่องจากท่านลาป่วยถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีข้อแม้ว่าถ้าเกินลาป่วยเกินสามสิบวันแล้วนายจ้างอาจไม่จ่ายค่าแรงในวันที่ท่านลาป่วยครับ
ซึ่งกฎหมายจะกำหนดให้มีกองทุนเงินทดแทนขึ้นโดยให้นายจ้างจา่ยเงินสมทบเข้ากองทุนดังกล่าวไว้เพื่อเป็นหลักประกันในการจ่ายเงินให้ลูกจ้างครับ
ซึ่งค่าชดเชยร้อยละ 60 นี้มาจาก พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ 2537 มาตรา 18 วรรค 1 โดยมีใจความว่า เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยหรือสูญหาย ให้นายจ้างจ่ายค่าทดแทนเป็นรายเดือนให้แก่ลูกจ้าง
วรรค1 ร้อยละหกสิบของค่าจ้างรายเดือน สำหรบในกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานติดต่อกันได้เกินสามวัน โดยจ่ายตั้งแต่วันแรกที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้ไปจนตลอดระยะเวลาที่ไม่สามารถทำงานได้ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปี
ครับอธิบายขยายความ ก็คือ กรณีที่เป็นการจ่ายค่าทดแทนตามมาตรา18 วรรคแรก ** ถือว่าเป็นการจ่ายค่าทดแทนการขาดรายได้ ** โดยกฎหมายกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าทดแทนให้แก่ลูกจ้างในกรณีที่ไม่สามารถทำงานได้ติดต่อกันเกินสามวัน ซึ่งจะได้ร้อยละหกสิบ ของค่าจ้างรายเดือนโดยจะได้รับค่าทดแทนตั้งแต่วันแรกที่ท่านไม่สามารถทำงานตลอดไปจนกว่าจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่จะได้รับคเงินค่าทดแทนไม่เกินหนึ่งปี
แต่มีข้อถกเถียงกันอยู่ในแวดวงนักกฎหมายแรงงานว่า พระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ2541 มาตรา32 วรรคสาม บัญญัติว่า วันที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานมิให้ถือเป็นวันลาป่วยตามมาตรานี้ ดังนั้นถ้าลูกจ้างป่วยเนื่องจากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยตามกฎหมายเงินทดแทน ลูกจ้างจะได้รับเฉพราะค่าทดแทนตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ 2547 มาตรา 18 อย่างเดียวหรือไม่ แต่ถ้าบริษัทจ่ายให้พร้อมกับเบิก เงินทดแทนได้อีกร้อยละหกสิบก็ถือว่าเป็นคุณต่อลูกจ้างครับ แต่ท่านต้องไม่เสียสิทธิการลาป่วยเพราะกฎหมายไม่ให้นับเป็นวันลาป่วยครับ
ประเด็นที่สอง ถ้าเกิดอุบัติเหตุที่ไม่ได้มาจากการทำงาน เราจะได้รับเงินส่วนไหนบ้างหรือเปล่าครับ ส่วนแรกท่าจจะได้สิทธิการลาป่วยตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ2541 มาตรา32 โดยที่นายจ้างจ่ายเงินให้ปีละไม่เกิน 30 วัน ส่วนที่เหลือ จะมาดูใน พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ส.2533 ซึ่งเป็นกฎหมายที่กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนประกันสังคมขึ้น โดยให้ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาลร่วมกันออกเงินสมทบ เพือใช้เงินเป็นหลักประกันให้ลูกจ้างได้รับการสงเคราะห์เมื่อประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน คลอดบุตร ชราภาพ และว่างงาน รวมทั้งสงเคราะห์บุตรด้วยนะครับ
ส่วนในกรณีของคุณ คือประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน โดยจะมี 4 หลักเกณฑ์ คือ
1 ท่านจะมีสิทธิต่อเมื่อภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนวันรับบริการทางแพทย์ ท่านได้จ่ายเงินสมทบมาแล้วรวมได้ 3 เดือน (มาตรา 62)
2 การประสบอันตรายหรือการเจ็บป่วยของท่านนั้น จะต้องไม่ใช้เกิดจากท่านจงใจทำให้เกิดขึ้นหรือท่านยินยอมให้ผู้อื่นทำให้เกิดขึ้น (มาตรา 61)
3 ท่านจะได้รับการบริการทางการแพทย์เพื่อรักษาท่าน ในสถานพยาบาลที่ท่านเลือกเอาไว้ รวมทั้งค่าวินิจฉัยโรค ค่าบำบัดทางการแพทย์ ค่ากินอยู่และรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ ค่ารถพยาบาลหรือค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วยและค่าบริการอื่นๆที่จำเป็น (มาตรา 63)
4 ท่านจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เพราะต้องหยุดงานตามที่หมอสั่ง ร้อยละห้าสิบตามค่าจ้างของท่านที่มาคำนวนเป็นเงินสมทบ แต่ครั้งหนึ่งได้ไม่เกิน 90 วัน และใน 1 ปีไม่เกิน 180 วัน เว้นแต่ท่านจะป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ตมกฎกระทรวง ซึ่งจะได้ไม่เกิน 365 วัน (มาครา 64)
ในกรณีของท่านก็จะเอาเงินเดือนหารสามสิบ และนำมาหารสอง ได้เท่าไหร่ให้นำมาคูณสิบสี่ จะได้คำตอบ สำหรับเงินที่ท่าจจะเบิกกับประกันสังคมครับผม ส่วนเงินเดือนก็ได้ตามปกติเนื่องจากท่านลาป่วยถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีข้อแม้ว่าถ้าเกินลาป่วยเกินสามสิบวันแล้วนายจ้างอาจไม่จ่ายค่าแรงในวันที่ท่านลาป่วยครับ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามเรื่องประกันสังคมหน่อยครับ
แล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุที่ไม่ได้มาจากการทำงาน เราจะได้รับเงินส่วนไหนบ้างหรือเปล่าครับ
กรณีเป็นพนักงานเงินเดือน บรรจุไม่ได้รายวัน
หยุดงาน 2 อาทิตย์
ขอบคุณที่มาให้คำตอบครับ ขอคนที่รู้จริงเลยนะครับ