พวกเราเป็นกลุ่มมอเตอร์ไซต์เล็กๆที่รักการเดินทางเลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆให้ทุกคนได้ไปสัมผัสแบบที่พวกเราเคยเจอบ้าง
รีวิวนี่นับเป็นรีวิวแรก...อาจจะมีสำบักสำนวนที่ไม่ถูกต้อง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ
เป้าหมายปลายทางของพวกเราคือ เขากระโจม อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
ต้นทางคือบ้านเกิดของพวกเรา...จังหวัดนครปฐมคะ เป็น one day trip ที่สุดแสนจะทรหด ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมนี้เองคะ เพิ่งเริ่มเข้าหน้าฝนอย่างจริงจังเลย เพราะต้องการไปพบเจอความทุลักทุเลแบบเต็มรูปแบบ
เราเตรียมตัวออกจากฐานทับ ประมาณตีสี่ของเช้าวันเสาร์
มีเจ้าสองล้อร่วมสร้างประสบการณ์ 8 คัน กับ 10 ชีวิตค่ะ (อีกคันตื่นสายเลยไม่ได้ถ่ายรูปหมู่ด้วยกันเลย)

จุดพักรถที่แรก...ปั้มน้ำมันบริเวณ อ.จอมบึง ประมาณ 6 โมงเช้า พักรถ และก็ถือว่าพักคนไปในตัว
เติมน้ำมันเสร็จเรียบร้อย ก็มุ่งหน้า อ.สวนผึ้งต่อเลยคะ
ด้วยความที่คิดว่า
ใช่คำว่าคิดว่า...ข้างบนจะมีปั้มน้ำมัน จึงไม่ได้แวะเติมน้ำมันที่ อ.ซัฏป่าหวาย
แต่แล้ว !!! ความคิดของพวกเราก็ผิดไปค่ะ เพราะขี่ขึ้นไปจนถึงบริเวณวัดช่องลม ก็เกิดอาการเอะใจกัน
จึงทำได้เพียงจอดถ่ายรูป แล้วยืนถกกันไปมา ว่า เห้ย...จำได้ว่ามันมีปั้มไม่ใช่หรอ

วัดช่องลม มีองค์พระพิฆเนศองค์ใหญสง่างาม ให้สักการะด้วยนะค่ะ

หลังจากนั่งสูดอากาศยามเช้ากันเป็นที่เรียบร้อย ก็ทำการตีรถกลับมาเติมน้ำมัน
บรรยากาศข้างทางตอนขี่ลงมาเติมน้ำมัน สดชื่นมากๆ ลมปะทะหน้า โอบกายมือบิดตรงหน้า ฟินสุดๆ

บริเวณตัว อ.สวนผึ้งมีปั้มน้ำมันเล็กๆของชาวบ้านให้ใช้บริการ
เรามาถึงปากทางขึ้นเขากระโจมประมาณ 8 โมงเช้า หนุ่มๆขอถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ไว้เล่าให้ลูกหลานฟังยามแก่เฒ่า

สภาพถนนช่วงแรกเป็นลาดยางสภาพดี ประมาณ 1 กิโลกว่าๆ

แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น... เราโดนแฟนไล่ลงจากรถ เพราะน้องกระทิขึ้นไม่ไหว
ด้วยความที่ถนนโดนน้ำกัดเซาะ และเป็นทางเนินชัน แถมคนซ้อนตัวก็ไม่ได้เล็กเลยทำให้แรงของรถลดน้อยลง

หนุ่มๆเลยทำการปรึกษากัน แล้วเปลี่ยนเฟืองท้ายเพิ่มกำลังให้น้องกระทิ (อันนี้เท่าที่จำได้นะ ไม่รู้ว่าช่วยจริงหรือเปล่า)
แล้วตกลงกันว่า ให้ค่อยๆไปทีละคันจะดีกว่า กำลังส่งรถได้เพิ่มขึ้น...

ช่วงทางขึ้นก็เป็นทางมีหินเกล็ดเม็ดเล็กๆ มีเนินขึ้น-ลงเขาตลอดเวลา มีแอ่งน้ำ คือแทบไม่มีทางเรียบๆสภาพดีๆเลย

ขี่ไปได้ซักระยะ จะมีศาลตายายให้เราไหว้ขอให้ท่านคุ้มครอง ไม่ได้ถ่ายรูปศาลมาเพราะกลัว เลยถ่ายวิวบริเวณนั่นมาฝากแทน

สภาพทางก็ยังทรหดอยู่เป็นระยะๆ

ใกล้ถึงเป้าหมายของพวกเราแล้ว อีกแค่ 4 กิโล (หรอ....)

เริ่มเจอสภาพทางเละๆ เป็นล่องน้ำ จึงมีการนัดแนะบอกลายทางกันนิดหน่อย

ค่อยๆไปกันเรื่อยๆ

มาถึงทีเด็ดของที่แห่งนี้ แอ่งน้ำขนาดใหญ่ ที่ใครๆเค้าก็บอกว่า จะขึ้นเขากระโจมต้องเอารถโฟวิลขึ้น

ไปมองหาหนทางว่าจะผ่านไปยังไงดี

แล้วก็ได้แต่พูดว่า มันยอดมาก เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอ สภาพทางแบบนี้

แล้วทางก็ไม่ใช่อุปสรรคของเรา เพราะทางนำพาเราไปพบเป้าหมาย


สุดท้ายเราก็ข้ามมาจนได้ แต่มีพี่ในกลุ่มหลายคน โดนเจ้าตัวที่อยู่บนโขดหินเข้ามาทำร้ายตามรองเท้าและกางเกงค่ะ
ใครจะไประวังกันด้วยนะค่ะ เพราะมันดูดเลือดแบบที่เราไม่รู้สึกตัวเลย ไม่รู้ว่าเรียกว่าตัวอะไรเหมือนกัน

ใกล้จะถึงความจริงแล้ว...

ก่อนขึ้นเนินสุดท้าย ขอถ่ายรูปเท่ๆไว้เตือนความทรงจำอีกรอบ

เนินสุดท้าย เป็นเนินชันมากๆเกือบจะ 90 องศาเลยก็ว่าได้ เรายังลุ้นๆอยู่ว่าจะโดนไล่ลงจากรถตอนไหน

สุดท้ายเกือบจะถึงปลายทางแล้วก็โดนไล่ลงจนได้

ในที่สุดก็ถึงแล้ว...จุดหมายปลายทาง ด้วยเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ

ด้านบนเป็นลานกว้างๆ มีที่จอดเฮลิคอปเตอร์ เริ่มมีเมฆฝนแล้ว พวกเราก็ต้องเตรียมตัวลงกันแล้วสินะ

หลังจากลงมา พวกเราได้แวะเล่นน้ำกันที่แก่งส้มแมวก่อน เพื่อเพิ่มความชิวให้ร่างกาย

พอเห็นว่าฝนเริ่มตก พวกเราก็ออกจากแก่งส้มแมวกันด้วยการล่าท้าฝน สภาพภูมิประเทศบริเวณนั่นทำให้ฝน ตกๆหยุดๆตลอดทาง
พอกลับมาถึงบ้านนี้เรียกว่าใช้ร่างกายได้คุ้มมากๆ
ต้องขอบคุณร่างกายที่พร้อมไปเก็บประสบการณ์ด้วยกัน
ขอบคุณสองล้อเล็กๆ ที่พาเราไปพบเป้าหมายอย่างไม่ดื้อไม่ซน
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ช่วยเหลือกันตลอดเส้นทาง...
ขออำลาไปด้วยภาพที่ชัดที่สุดในทริปนี้

การเดินทางทำให้เราพบเจอมิตรภาพดีๆ
ประเทศของเรายังมีอีกหลายมุม ที่เราเชื่อว่าใครหลายๆคนยังไม่ได้ไปยืน ณ จุดๆนั้น
พาร่างกายและจิตใจไปพักผ่อน ก่อนที่ร่างกายของคุณจะไปไม่ไหวนะค่ะ
ปอลิง...เริ่มจะเข้าหน้าหนาวแล้ว หากชอบการผจญภัย และสูดกลิ่นไอธรรรมชาติ
เขากระโจม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆที่น่าสัมผัส ระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ การเดินทางที่ไม่ยากลำบาก
อย่าลืมไปเที่ยวกันนะค่ะ...แล้วคุณจะรู้ ว่าเมืองไทยเจ๋งแค่ไหน
รถเล็ก...ควรออกจากฝั่ง #พิชิตเขากระโจม
รีวิวนี่นับเป็นรีวิวแรก...อาจจะมีสำบักสำนวนที่ไม่ถูกต้อง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ
เป้าหมายปลายทางของพวกเราคือ เขากระโจม อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
ต้นทางคือบ้านเกิดของพวกเรา...จังหวัดนครปฐมคะ เป็น one day trip ที่สุดแสนจะทรหด ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเกิดขึ้นจริง
ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมนี้เองคะ เพิ่งเริ่มเข้าหน้าฝนอย่างจริงจังเลย เพราะต้องการไปพบเจอความทุลักทุเลแบบเต็มรูปแบบ
เราเตรียมตัวออกจากฐานทับ ประมาณตีสี่ของเช้าวันเสาร์
มีเจ้าสองล้อร่วมสร้างประสบการณ์ 8 คัน กับ 10 ชีวิตค่ะ (อีกคันตื่นสายเลยไม่ได้ถ่ายรูปหมู่ด้วยกันเลย)
จุดพักรถที่แรก...ปั้มน้ำมันบริเวณ อ.จอมบึง ประมาณ 6 โมงเช้า พักรถ และก็ถือว่าพักคนไปในตัว
เติมน้ำมันเสร็จเรียบร้อย ก็มุ่งหน้า อ.สวนผึ้งต่อเลยคะ
ด้วยความที่คิดว่า ใช่คำว่าคิดว่า...ข้างบนจะมีปั้มน้ำมัน จึงไม่ได้แวะเติมน้ำมันที่ อ.ซัฏป่าหวาย
แต่แล้ว !!! ความคิดของพวกเราก็ผิดไปค่ะ เพราะขี่ขึ้นไปจนถึงบริเวณวัดช่องลม ก็เกิดอาการเอะใจกัน
จึงทำได้เพียงจอดถ่ายรูป แล้วยืนถกกันไปมา ว่า เห้ย...จำได้ว่ามันมีปั้มไม่ใช่หรอ
วัดช่องลม มีองค์พระพิฆเนศองค์ใหญสง่างาม ให้สักการะด้วยนะค่ะ
หลังจากนั่งสูดอากาศยามเช้ากันเป็นที่เรียบร้อย ก็ทำการตีรถกลับมาเติมน้ำมัน
บรรยากาศข้างทางตอนขี่ลงมาเติมน้ำมัน สดชื่นมากๆ ลมปะทะหน้า โอบกายมือบิดตรงหน้า ฟินสุดๆ
บริเวณตัว อ.สวนผึ้งมีปั้มน้ำมันเล็กๆของชาวบ้านให้ใช้บริการ
เรามาถึงปากทางขึ้นเขากระโจมประมาณ 8 โมงเช้า หนุ่มๆขอถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ไว้เล่าให้ลูกหลานฟังยามแก่เฒ่า
สภาพถนนช่วงแรกเป็นลาดยางสภาพดี ประมาณ 1 กิโลกว่าๆ
แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น... เราโดนแฟนไล่ลงจากรถ เพราะน้องกระทิขึ้นไม่ไหว
ด้วยความที่ถนนโดนน้ำกัดเซาะ และเป็นทางเนินชัน แถมคนซ้อนตัวก็ไม่ได้เล็กเลยทำให้แรงของรถลดน้อยลง
หนุ่มๆเลยทำการปรึกษากัน แล้วเปลี่ยนเฟืองท้ายเพิ่มกำลังให้น้องกระทิ (อันนี้เท่าที่จำได้นะ ไม่รู้ว่าช่วยจริงหรือเปล่า)
แล้วตกลงกันว่า ให้ค่อยๆไปทีละคันจะดีกว่า กำลังส่งรถได้เพิ่มขึ้น...
ช่วงทางขึ้นก็เป็นทางมีหินเกล็ดเม็ดเล็กๆ มีเนินขึ้น-ลงเขาตลอดเวลา มีแอ่งน้ำ คือแทบไม่มีทางเรียบๆสภาพดีๆเลย
ขี่ไปได้ซักระยะ จะมีศาลตายายให้เราไหว้ขอให้ท่านคุ้มครอง ไม่ได้ถ่ายรูปศาลมาเพราะกลัว เลยถ่ายวิวบริเวณนั่นมาฝากแทน
สภาพทางก็ยังทรหดอยู่เป็นระยะๆ
ใกล้ถึงเป้าหมายของพวกเราแล้ว อีกแค่ 4 กิโล (หรอ....)
เริ่มเจอสภาพทางเละๆ เป็นล่องน้ำ จึงมีการนัดแนะบอกลายทางกันนิดหน่อย
ค่อยๆไปกันเรื่อยๆ
มาถึงทีเด็ดของที่แห่งนี้ แอ่งน้ำขนาดใหญ่ ที่ใครๆเค้าก็บอกว่า จะขึ้นเขากระโจมต้องเอารถโฟวิลขึ้น
ไปมองหาหนทางว่าจะผ่านไปยังไงดี
แล้วก็ได้แต่พูดว่า มันยอดมาก เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอ สภาพทางแบบนี้
แล้วทางก็ไม่ใช่อุปสรรคของเรา เพราะทางนำพาเราไปพบเป้าหมาย
สุดท้ายเราก็ข้ามมาจนได้ แต่มีพี่ในกลุ่มหลายคน โดนเจ้าตัวที่อยู่บนโขดหินเข้ามาทำร้ายตามรองเท้าและกางเกงค่ะ
ใครจะไประวังกันด้วยนะค่ะ เพราะมันดูดเลือดแบบที่เราไม่รู้สึกตัวเลย ไม่รู้ว่าเรียกว่าตัวอะไรเหมือนกัน
ใกล้จะถึงความจริงแล้ว...
ก่อนขึ้นเนินสุดท้าย ขอถ่ายรูปเท่ๆไว้เตือนความทรงจำอีกรอบ
เนินสุดท้าย เป็นเนินชันมากๆเกือบจะ 90 องศาเลยก็ว่าได้ เรายังลุ้นๆอยู่ว่าจะโดนไล่ลงจากรถตอนไหน
สุดท้ายเกือบจะถึงปลายทางแล้วก็โดนไล่ลงจนได้
ในที่สุดก็ถึงแล้ว...จุดหมายปลายทาง ด้วยเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ
ด้านบนเป็นลานกว้างๆ มีที่จอดเฮลิคอปเตอร์ เริ่มมีเมฆฝนแล้ว พวกเราก็ต้องเตรียมตัวลงกันแล้วสินะ
หลังจากลงมา พวกเราได้แวะเล่นน้ำกันที่แก่งส้มแมวก่อน เพื่อเพิ่มความชิวให้ร่างกาย
พอเห็นว่าฝนเริ่มตก พวกเราก็ออกจากแก่งส้มแมวกันด้วยการล่าท้าฝน สภาพภูมิประเทศบริเวณนั่นทำให้ฝน ตกๆหยุดๆตลอดทาง
พอกลับมาถึงบ้านนี้เรียกว่าใช้ร่างกายได้คุ้มมากๆ
ต้องขอบคุณร่างกายที่พร้อมไปเก็บประสบการณ์ด้วยกัน
ขอบคุณสองล้อเล็กๆ ที่พาเราไปพบเป้าหมายอย่างไม่ดื้อไม่ซน
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ช่วยเหลือกันตลอดเส้นทาง...
ขออำลาไปด้วยภาพที่ชัดที่สุดในทริปนี้
การเดินทางทำให้เราพบเจอมิตรภาพดีๆ
ประเทศของเรายังมีอีกหลายมุม ที่เราเชื่อว่าใครหลายๆคนยังไม่ได้ไปยืน ณ จุดๆนั้น
พาร่างกายและจิตใจไปพักผ่อน ก่อนที่ร่างกายของคุณจะไปไม่ไหวนะค่ะ
ปอลิง...เริ่มจะเข้าหน้าหนาวแล้ว หากชอบการผจญภัย และสูดกลิ่นไอธรรรมชาติ
เขากระโจม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆที่น่าสัมผัส ระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ การเดินทางที่ไม่ยากลำบาก
อย่าลืมไปเที่ยวกันนะค่ะ...แล้วคุณจะรู้ ว่าเมืองไทยเจ๋งแค่ไหน