สวัสดีครับ พอดีผมพึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของ pantip รบกวนช่วยแนะนำสมาชิกใหม่อย่างผมด้วยนะครับ เรื่องที่อยากรบกวนท่านที่มีประสบการณ์ หรือมีความรู้เกี่ยวกับโรค Seb derm ก็คือ ช่วยวิเคราะห์สาเหตุการเกิดโรคให้หน่อยครับ โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ
ก่อนหน้าที่จะเกิด Seb derm ผมเป็นคนอ้วนน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 90 กก.+ แต่ผิวหน้าใสไม่มีสิวหรือผื่นใด ๆ (จะมีบ้างก็เล็กน้อย) และเริ่มมาลดน้ำหนักในช่วงปลายปี 55 ช่วงนั้นใช้วิธีการลดน้ำหนักด้วยการวิ่ง + ลดข้าว ลดแป้ง จนน้ำหนักตัวเหลือ 75 ช่วงกลางปี 56 (ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน) ช่วงนั้นสภาพผิวทั้งใบหน้าและร่างกายยังดูปกติทุกอย่าง
แต่ในช่วงเดือน มิ.ย.56 ได้ลองซิ้อครีมบำรุงใบหน้า ทาหน้าขาวจากเพื่อน ใช้ได้อยู่ประมาณ 3 วันก็หยุดใช้ เพราะกลัวหน้าพัง (ช่วงนั้นมีข่าวเรื่องเครื่องสำอางผสมสารปรอท) พอหยุดใช้ก็ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ
ต่อมาในเดือน ส.ค.56 ได้ตัดสินใจลดน้ำหนักต่อด้วยวิธีเข้า GYM (เนื่องจากรู้สึกว่าเนื้อเริ่มเหลว ๆ หลังจากลดความอ้วนมา) ซึ่งในช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค. 56 ช่วงนั้นยังไม่ได้ศึกษาหาความรู้เรื่อง Fitness เท่าไร ก็เล่นงู ๆ ปลา ๆ กินปกติเหมือนตอนลดน้ำหนักช่วงแรก แต่ก็มีเสริมโปรตีนด้วย Protein Powder ยี่ห้อ D... ขนาด 2.2 lbs กินจนหมดกระปุก ก็ไม่ได้กินต่อ (ระหว่างนี้ก็ยังลดแป้ง ลดข้าวเหมือนเดิม) จนสิ้นปีน้ำหนักลดเหลือ 65 กก.
เข้าปี 57 ผมเริ่มมีข้อมูลเรื่อง Fitness มากขึ้นมีการศึกษาเรื่องข้อมูลโภชนาการมาพอสมควร จึงเริ่มปรับเปลี่ยนการกินจากลดแป้ง ลดข้าว มาเป็นเพิ่มข้าว เพิ่มแป้ง เพิ่มแคลอรี่ เพื่อเพิ่มน้ำหนักและกล้ามเนื้อ หรือในภาษา Fitness เรียก Bulking น่ะครับ ซึ่งในช่วงนี้ผมก็เริ่มกลับมาพึ่งอาหารเสริมต่าง ๆ เช่น Protein Powder ยี่ห้อ O.. ขนาด 5 lbs เพื่อทำตัวเลขโปรตีนให้ถึงเป้า โดยตัวเลขโปรตีนที่ผมต้องกินโดยคำนวณจากน้ำหนักตัวแล้วอยู่ที่ประมาณ 180 g ต่อวัน แต่ผมกินโปรตีนอยู่ที่ประมาณ 180-200g ต่อวันโดยเฉลี่ย , Multivitamins , Fish Oil
เล่ามาซะยาวววว ~* ต้องเริ่มเข้าประเด็นแล้วล่ะ
ประเด็นที่ 1 : ว่าด้วยเรื่องการออกกำลังกาย และฮอร์โมน
เมื่อเดือน ม.ค.57 ผมเริ่ม Weight Training หนักขึ้น โดยฝึกในรูปแบบ Hypertrophy Training 6-8 ครั้ง/เซ็ท (เพราะผมเคยศึกษามาว่าการฝึกในรูปแบบนี้จะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน Testosterone ได้มากขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อเติบโตขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ) และตั้งแต่เดือน พ.ค.57 ก็เริ่มฝึกในรูปแบบ Strength Training 3-5 ครั้ง/เซ็ท (เพราะเคยอ่านมาว่าการฝึกประเภทนี้ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน Testosterone ได้มากกว่า Hypertrophy Training) และเจ้าฮอร์โมน Testosterone นี้เองที่ผมสงสัยว่า "
เพราะ Testosterone ที่มากขึ้นรึเปล่าที่ทำให้ผมเป็น Seb derm ? เหมือนเคยศึกษาเรื่องฮอร์โมนจากเว็บต่างประเทศมาว่า ฮอร์โมนตัวนี้เป็นตัวกระตุ้นฮอร์โมน Androgen ซึ่งเจ้าตัวนี้ทำหน้าที่ผลิต Sebum ซึ่ง Sebum ก็ทำหน้าที่ผลิตต่อมไขมัน"
ประเด็นที่ 2 : ว่าด้วยเรื่องโภชนาการ และการพักผ่อน
ตั้งแต่ ม.ค.57 ผมเริ่มกินทุกอย่างมากขึ้นเกือบ 100% ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน แต่อาหารที่กินเป็นอาหารประเภท Clean Bulk Diet และอาหารส่วนใหญ่ก็กินคล้าย ๆ กับที่เคยกินเมื่อปีก่อน ๆ ที่ผ่านมา การพักผ่อนก็นอนอย่างน้อยวันละ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เข้านอนไม่เกิน 5 ทุ่มและตื่นนอนประมาณ 7 โมงเช้า , Protein Powder ที่คิดว่าน่าจะแพ้ ก็เริ่มหยุดกินตั้งแต่เดือน เม.ย.57
ประเด็นที่ 3 : ว่าด้วยเรื่องผลิตภัณฑ์สำหรับผิว
ในปี 57 ผมใช้ผลิตภัณฑ์เดิม ๆ ที่เคยใช้มาตลอดหลายปี และเริ่มเปลี่ยนผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เมื่อประมาณเดือน มิ.ย.57 เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคนแพ้ง่าย
ประเด็นที่ 4 : ว่าด้วยเรื่องสภาพแวดล้อม
ในช่วงต้นปี 57 ซึ่งเป็นฤดูร้อน ซึ่งผมคิดว่าตัวผมเองน่าจะแพ้อากาศฤดูร้อน เพราะเท่าที่สังเกตมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ พออากาศร้อนชื้นเมื่อไหร่จะเริ่มรู้สึกว่าผิวแดง ๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นผดผื่น (อันนี้เป็นทั้งร่างกาย ไม่ใช่แค่ใบหน้า) GYM และห้องพักเป็นสถานที่เดิม ผ้าปูที่นอน หมอน เสื้อผ้าก็ยังใช้ของเดิม
ประเด็นที่ 5 : ปัจจัยอื่น ๆ
เรื่องของความเครียด การแคะ แกะ เกาใบหน้า ไม่มีอะไรที่หนักเกินกว่าปกติครับ
อาการผดผื่นแดงบนใบหน้า หรือโรค Seb derm เริ่มมีอาการตั้งแต่ 1-2 อาทิตย์แรกของปี 57 และเริ่มเป็นหนักช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค.57 ซึ่งปัจจุบันลุกลามไปจนเป็น Cyst บนศีรษะ และใบหน้าบางจุดแล้วครับ และเมื่อวานนี้เอง (1 ต.ค.57) ผมก็ได้ไปหาหมอผิวหนังที่ รพ.เอกชน ย่านพระราม 9 หมอตรวจสอบใบหน้าคร่าว ๆ ระบุว่าเป็นโรค Seb derm ครับ (ก่อนหน้านี้มาพบหมอท่านนี้เพื่อรักษา Cyst บนศีรษะไปแล้วครับ)
จากประเด็นทั้ง 5 นี้ รบกวนผู้ที่เคยมีประสบการณ์หรือผู้ที่มีความรู้ด้านโรคผิวหนัง ช่วยวิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค Seb derm ให้ผมหน่อยครับ (ถ้ามีวิธีรักษาด้วยก็จะขอบคุณมากเลยครับ)
ปล. อาการของโรคตอนนี้เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายหลังจากล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว แต่ก็มีบางวันอาการรุนแรงจนกลายเป็นสิว และเปลี่ยนเป็น Cyst ครับ
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำครับ

รบกวนผู้มีประสบการณ์ช่วยวิเคราะห์สาเหตุการเกิดโรค Sebderm (เซบเดิร์ม) ให้ทีครับ
ก่อนหน้าที่จะเกิด Seb derm ผมเป็นคนอ้วนน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 90 กก.+ แต่ผิวหน้าใสไม่มีสิวหรือผื่นใด ๆ (จะมีบ้างก็เล็กน้อย) และเริ่มมาลดน้ำหนักในช่วงปลายปี 55 ช่วงนั้นใช้วิธีการลดน้ำหนักด้วยการวิ่ง + ลดข้าว ลดแป้ง จนน้ำหนักตัวเหลือ 75 ช่วงกลางปี 56 (ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน) ช่วงนั้นสภาพผิวทั้งใบหน้าและร่างกายยังดูปกติทุกอย่าง
แต่ในช่วงเดือน มิ.ย.56 ได้ลองซิ้อครีมบำรุงใบหน้า ทาหน้าขาวจากเพื่อน ใช้ได้อยู่ประมาณ 3 วันก็หยุดใช้ เพราะกลัวหน้าพัง (ช่วงนั้นมีข่าวเรื่องเครื่องสำอางผสมสารปรอท) พอหยุดใช้ก็ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ
ต่อมาในเดือน ส.ค.56 ได้ตัดสินใจลดน้ำหนักต่อด้วยวิธีเข้า GYM (เนื่องจากรู้สึกว่าเนื้อเริ่มเหลว ๆ หลังจากลดความอ้วนมา) ซึ่งในช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค. 56 ช่วงนั้นยังไม่ได้ศึกษาหาความรู้เรื่อง Fitness เท่าไร ก็เล่นงู ๆ ปลา ๆ กินปกติเหมือนตอนลดน้ำหนักช่วงแรก แต่ก็มีเสริมโปรตีนด้วย Protein Powder ยี่ห้อ D... ขนาด 2.2 lbs กินจนหมดกระปุก ก็ไม่ได้กินต่อ (ระหว่างนี้ก็ยังลดแป้ง ลดข้าวเหมือนเดิม) จนสิ้นปีน้ำหนักลดเหลือ 65 กก.
เข้าปี 57 ผมเริ่มมีข้อมูลเรื่อง Fitness มากขึ้นมีการศึกษาเรื่องข้อมูลโภชนาการมาพอสมควร จึงเริ่มปรับเปลี่ยนการกินจากลดแป้ง ลดข้าว มาเป็นเพิ่มข้าว เพิ่มแป้ง เพิ่มแคลอรี่ เพื่อเพิ่มน้ำหนักและกล้ามเนื้อ หรือในภาษา Fitness เรียก Bulking น่ะครับ ซึ่งในช่วงนี้ผมก็เริ่มกลับมาพึ่งอาหารเสริมต่าง ๆ เช่น Protein Powder ยี่ห้อ O.. ขนาด 5 lbs เพื่อทำตัวเลขโปรตีนให้ถึงเป้า โดยตัวเลขโปรตีนที่ผมต้องกินโดยคำนวณจากน้ำหนักตัวแล้วอยู่ที่ประมาณ 180 g ต่อวัน แต่ผมกินโปรตีนอยู่ที่ประมาณ 180-200g ต่อวันโดยเฉลี่ย , Multivitamins , Fish Oil
เล่ามาซะยาวววว ~* ต้องเริ่มเข้าประเด็นแล้วล่ะ
ประเด็นที่ 1 : ว่าด้วยเรื่องการออกกำลังกาย และฮอร์โมน
เมื่อเดือน ม.ค.57 ผมเริ่ม Weight Training หนักขึ้น โดยฝึกในรูปแบบ Hypertrophy Training 6-8 ครั้ง/เซ็ท (เพราะผมเคยศึกษามาว่าการฝึกในรูปแบบนี้จะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน Testosterone ได้มากขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อเติบโตขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ) และตั้งแต่เดือน พ.ค.57 ก็เริ่มฝึกในรูปแบบ Strength Training 3-5 ครั้ง/เซ็ท (เพราะเคยอ่านมาว่าการฝึกประเภทนี้ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน Testosterone ได้มากกว่า Hypertrophy Training) และเจ้าฮอร์โมน Testosterone นี้เองที่ผมสงสัยว่า "เพราะ Testosterone ที่มากขึ้นรึเปล่าที่ทำให้ผมเป็น Seb derm ? เหมือนเคยศึกษาเรื่องฮอร์โมนจากเว็บต่างประเทศมาว่า ฮอร์โมนตัวนี้เป็นตัวกระตุ้นฮอร์โมน Androgen ซึ่งเจ้าตัวนี้ทำหน้าที่ผลิต Sebum ซึ่ง Sebum ก็ทำหน้าที่ผลิตต่อมไขมัน"
ประเด็นที่ 2 : ว่าด้วยเรื่องโภชนาการ และการพักผ่อน
ตั้งแต่ ม.ค.57 ผมเริ่มกินทุกอย่างมากขึ้นเกือบ 100% ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน แต่อาหารที่กินเป็นอาหารประเภท Clean Bulk Diet และอาหารส่วนใหญ่ก็กินคล้าย ๆ กับที่เคยกินเมื่อปีก่อน ๆ ที่ผ่านมา การพักผ่อนก็นอนอย่างน้อยวันละ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เข้านอนไม่เกิน 5 ทุ่มและตื่นนอนประมาณ 7 โมงเช้า , Protein Powder ที่คิดว่าน่าจะแพ้ ก็เริ่มหยุดกินตั้งแต่เดือน เม.ย.57
ประเด็นที่ 3 : ว่าด้วยเรื่องผลิตภัณฑ์สำหรับผิว
ในปี 57 ผมใช้ผลิตภัณฑ์เดิม ๆ ที่เคยใช้มาตลอดหลายปี และเริ่มเปลี่ยนผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เมื่อประมาณเดือน มิ.ย.57 เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคนแพ้ง่าย
ประเด็นที่ 4 : ว่าด้วยเรื่องสภาพแวดล้อม
ในช่วงต้นปี 57 ซึ่งเป็นฤดูร้อน ซึ่งผมคิดว่าตัวผมเองน่าจะแพ้อากาศฤดูร้อน เพราะเท่าที่สังเกตมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ พออากาศร้อนชื้นเมื่อไหร่จะเริ่มรู้สึกว่าผิวแดง ๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นผดผื่น (อันนี้เป็นทั้งร่างกาย ไม่ใช่แค่ใบหน้า) GYM และห้องพักเป็นสถานที่เดิม ผ้าปูที่นอน หมอน เสื้อผ้าก็ยังใช้ของเดิม
ประเด็นที่ 5 : ปัจจัยอื่น ๆ
เรื่องของความเครียด การแคะ แกะ เกาใบหน้า ไม่มีอะไรที่หนักเกินกว่าปกติครับ
อาการผดผื่นแดงบนใบหน้า หรือโรค Seb derm เริ่มมีอาการตั้งแต่ 1-2 อาทิตย์แรกของปี 57 และเริ่มเป็นหนักช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค.57 ซึ่งปัจจุบันลุกลามไปจนเป็น Cyst บนศีรษะ และใบหน้าบางจุดแล้วครับ และเมื่อวานนี้เอง (1 ต.ค.57) ผมก็ได้ไปหาหมอผิวหนังที่ รพ.เอกชน ย่านพระราม 9 หมอตรวจสอบใบหน้าคร่าว ๆ ระบุว่าเป็นโรค Seb derm ครับ (ก่อนหน้านี้มาพบหมอท่านนี้เพื่อรักษา Cyst บนศีรษะไปแล้วครับ)
จากประเด็นทั้ง 5 นี้ รบกวนผู้ที่เคยมีประสบการณ์หรือผู้ที่มีความรู้ด้านโรคผิวหนัง ช่วยวิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค Seb derm ให้ผมหน่อยครับ (ถ้ามีวิธีรักษาด้วยก็จะขอบคุณมากเลยครับ)
ปล. อาการของโรคตอนนี้เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายหลังจากล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว แต่ก็มีบางวันอาการรุนแรงจนกลายเป็นสิว และเปลี่ยนเป็น Cyst ครับ
ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำครับ