[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้๐๑ http://pantip.com/topic/32335599
๐๒ http://pantip.com/topic/32373709
๐๓ http://pantip.com/topic/32423390
“ไม่รับสาย... มันมัวทำอะไรอยู่วะ!”
ชายผิวเข้มร่างท้วมครางฮึ่ม โยนมือถือลงกับโซฟาบุหนังอย่างไม่สบอารมณ์ คนพื้นเสียกำลังจะอ้าปากบ่นกับบรรดาผู้ที่นั่งสัปหงกรอในห้องอีกคำรบ เดชะบุญที่ประตูเปิดผึงเสียก่อน หญิงสาวสวมแว่นผมซอยสั้นย้อมสีทองก้าวพรวดเข้ามา ท่าทางเหนื่อยอ่อนเต็มที ในมือมีถุงร้านสะดวกซื้อพะรุงพะรัง
“ซื้อของยังไงวะไอ้ด้า หายหัวไปเป็นสองสามชั่วโมง! นี่มันจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว พรุ่งนี้มีงานเช้านะเว้ย!” จักรีตีหน้ายักษ์ เอ็ดผู้ช่วยเสียงขุ่นจัด
“ก็มัวตระเวนหาซื้อ ‘ไอ้นี่’ ให้มาร์ชน่ะสิฮะพี่แจ็คกี้ เกิดคืนนี้มันไม่ได้กิน มีหวังงอแงงุ่นง่านไม่ยอมหลับยอมนอน”
อมิดากลอกตา เบ้ปากระอา หยิบเครื่องดื่มขวดแก้วแปะฉลากห้าโอสถออกจากถุงขวดหนึ่ง นำไปยื่นให้ชายหนุ่มผู้พรางใบหน้ามิดชิดในหมวกเสื้อพิมพ์ลายสัตว์ประหลาด ที่นั่งเลื้อยอยู่กับโซฟาเดี่ยวสีดำตรงมุมห้อง
“เอ้า ได้แล้วฮะมาร์ช” สาวห้าวสะกิดบอกแกนๆ
คนถูกเรียกค่อยๆ ขยับตัวนั่งวางมาด หลังตรงแน่ว มือเนียนสวยราวผู้หญิงยกรูดซิปส่วนหมวกของเสื้อแขนยาวสีฟ้าอมเทาซึ่งปิดคลุมทั้งศีรษะออก เผยให้เห็นใบหน้าเรียวประกอบด้วยเครื่องหน้าโดดเด่น คิ้วเข้มหนาพาดเหนือดวงตาสีน้ำตาลระยับ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักบาง ซึ่งเวลานี้เปิดรอยยิ้มกว้างเห็นแนวฟันขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบ
“แต๊งกิ้วหลายๆ เด้อ ซิส!” ดาราหนุ่มเจ้าเสน่ห์เอื้อมรับห้าโอสถมาบิดฝาเกลียวเปิดกริ๊ก แล้วยกดื่มอั้กๆ รวดเดียวหมดขวด ท่ามกลางสีหน้าผะอืดผะอมของคนอื่นๆ ในห้อง
...ก็เจ้าเครื่องดื่มชูกำลังคลายปวดเมื่อยที่มาฤทธิ์โปรดปรานนักหนานั้นมันทั้งดำปี๋ ขุ่นข้น รสขมเผ็ดจัดจ้าน มิหนำซ้ำกลิ่นยังฉุนกึกชวนคลื่นเหียนอย่างกับยาฆ่าแมลงผสมอะไรคาวๆ เน่าๆ บางคนที่คอตื้นสักหน่อย เพียงแค่ได้กลิ่นจางๆ ก็พานปั่นป่วนมวนท้องอยากอาเจียนเสียแล้ว
“กินประหยัดๆ หน่อยนะฮะคุณน้อง ห้าโอสถหาซื้อโคตรยากแล้วอะ คนขายบอกเดี๋ยวนี้ลูกเล็กเด็กแดง คนเฒ่าคนแก่แห่กิน ‘บี-สตรอง’ ที่แกโฆษณากันหมด ไอ้ของบ้านๆ แบบนี้ขายไม่ออก ไม่ค่อยมีร้านไหนรับมาเล้ย! กว่าพี่จะเจอที่ๆ มีขายเล่นเอาหืดขึ้นคอ ถ้าหมดนี่แล้ว พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปงมหาที่ไหนให้ได้นะฮะ!”
ทอมบอยร่างเล็กนิ่วหน้า เล่าเรื่องห้าโอสถอย่างออกรส แล้วมิวายกล่าวถึงเครื่องดื่มเสริมอาหารยี่ห้อดังในเครือบีเนเจอร์ ที่เพิ่งออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ซุปไก่สกัดผสมสมุนไพร แต่งกลิ่นและรสจนหอมอร่อย ดื่มง่าย ยิ่งได้ซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจชาวไทยทุกเพศทุกวัยอย่าง มาร์ช ‘มาฤทธิ์ นววาณิช’ เป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยแล้ว ยอดจำหน่ายบี-สตรองซึ่งเดิมทีมีอยู่มากมาย จึงพุ่งเพิ่มขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์ จนแทบกลายเป็นผูกขาดตลาดสินค้าประเภทนี้
“โอ่ว มาย ก้อดดด…” พรีเซ็นเตอร์รูปหล่อลากเสียงยาวโหยหวนประหนึ่งเจ็บหนักปางตายจากการรบพุ่ง ใบหน้าเหลอหลาพะว้าพะวงหันไปหาจักรี ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องพ่วงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวมานานปี
“ทำไงดีอะแจ็คกี้ สั่งห้าโอสถมาตุนไว้ที่บ้านเราได้ปะ...”
จักรีเลิกคิ้วจนหน้าผากย่นเป็นคลื่น จ้องหน้าญาติผู้น้องแน่วนิ่ง แล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบ “จะตุนทำไม แกก็ซื้อต่อกิจการเขาเลยซี่ ทำเอง กินเอง อะไรแบบนั้น”
“เฮ้ย! จริงดิ! เราทำงั้นได้จริงเหรอ!” มาฤทธิ์ยิ้มเผล่ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยพลันแจ่มวาวขึ้นทันที
เจ็ดปีก่อน มาฤทธิ์จับพลัดจับผลูเข้าวงการบันเทิง ด้วยการเป็นหนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์ค่ายดังวง A*list เขาต้องทุ่มพลังทั้งหมดให้กับการร้องการเต้น ไหนจะกินนอนไม่เป็นเวลา เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไม่เว้นแต่ละวัน กระทั่งร่างกายทรุดโทรมย่ำแย่ เข้าออกโรงหมอเป็นว่าเล่น
ผู้เป็นมารดาร้อนรนกังวลใจ เฟ้นหาหยูกยาอาหารเสริมสารพัดสูตรมาบำรุง เครื่องดื่มห้าโอสถเป็นยาตำรับเดียวที่ถูกโรค ดื่มเพียงไม่นาน อาการเจ็บป่วยออดแอดค่อยๆ ทุเลา เส้นสายที่มักยึดตึงอักเสบอยู่บ่อยๆ ก็พลอยยืดหยุ่น ไม่ปวดเมื่อยปางตายเหมือนเดิมอีก นับแต่นั้นมาห้าโอสถจึงเป็นเครื่องดื่มสามัญประจำตัว จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของเขาพอๆ กับน้ำสะอาด ถึงแม้กลิ่นและรสชาติของของเหลวสองชนิดจะต่างกันราวนรกกับสวรรค์ก็ตามที ครั้นดื่มบ่อยเข้าจนคุ้นชิน จากแค่ถูกโรคจึงกลายเป็นถูกลิ้นไปด้วยโดยปริยาย
หากว่าการติดเครื่องดื่มราคาถูก รสชาติชวนคลื่นเหียน ที่มีแต่ผู้ใช้แรงงานและผู้เฒ่าผู้แก่ดื่มกัน ดูจะเป็นภัยยิ่งยวดต่อภาพลักษณ์คนหนุ่มรุ่นใหม่รสนิยมเลิศหรู ขนาดค่ายเพลงต้นสังกัดเคยยื่นคำขาด ห้ามเขาดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ประเจิดประเจ้อ กระทั่งถึงวาระวงแตก สมาชิกวงต่างแยกย้าย มาฤทธิ์เบนเข็มมาเป็นนักแสดงอิสระแล้ว ข้อห้ามเข้มงวดนี้ก็ยังต้องถือปฏิบัติต่อไป ไม่มีการผ่อนปรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ที่ตัวเขาผูกพันสัญญามูลค่านับสิบล้านบาท กับบริษัทเครื่องดื่มเสริมอาหารชั้นนำแห่งเอเชียอย่างบีเนเจอร์
“ทางบีเนเจอร์เขาจะไม่ว่าอะไรแน่นะ เราปิดข่าวเป็นความลับได้ใช่ปะ แล้ว...จะให้ใครเจรจาต่อรองกับห้าโอสถดีล่ะ ทีมกฎหมายหรือว่า...”
“ฉันประชดโว้ย! ประชด!!” จักรีอดรนทนไม่ไหว คำรามลั่น ขืนนิ่งฟังคำซักไซ้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต่ออีกสักประโยค รับรองว่าความดันโลหิตเขาได้พุ่งทะลุร้อยแปดสิบแน่
ดาราหนุ่มชักสีหน้า สบถฮึดฮัด “แดม!! คนยิ่งบิ๊กบัฟฟาโล่ ยังจะมาหลอกด่า! นี่เสียฟีลลิ่งมาก บอกเลย!”
“โถ่! พ่อคุณ พ่อฟักกลิ้ง! พูดฝรั่งมั่วๆ ซั่วๆ อยู่นั่น! พวกแอนตี้มันยิ่งแขวะเรื่องนี้ไม่เลิก!”
“ฮื้อ! เลิกแล้วเน้อ! ตอนนี้เรากำลังโดนเม้าท์ว่าเป็นเสนียดมหา’ลัย... อ๊ะ...” ปากไวกว่าความคิด ครั้นตระหนักว่าเผลอปูดความผิดมัดตัวเข้าเสียแล้ว ก็ได้แต่ยักไหล่ ยิ้มเก้อ เสมองไปทางอื่น
“ไอ้มาร์ช! แกแอบดูเว็บกาลีนั่นอีกแล้วเหรอ ฉันบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเข้าไปดูมัน!” ผู้จัดการส่วนตัวโวยวาย หากน้ำเสียงและแววตาอ่อนลงมาก
การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพนักแสดงของมาฤทธิ์ ต้องแลกกับการตกเป็นเป้านิ่งให้กองทัพผู้ชิงชังหวังร้ายโจมตีจนหนำใจ บ้างเพียงเหน็บแนมเรื่อยเปื่อยหาสาระไม่ได้ บ้างก็อุกอาจถึงขั้นระดมพลสร้างเว็บไซต์ต่อต้าน สาดคำสาปแช่ง ใส่ไคล้ ก่นด่า จาบจ้วงลามปามไปยันญาติพี่น้องบุพการี ยิ่งชื่อเสียงของดาราหนุ่มขจรขจายไกลถึงต่างแดนมากเท่าไร ปฏิกิริยาของผู้เกลียดชังก็ยิ่งรุนแรงแข็งกร้าวขึ้นเท่านั้น ไม่ว่ามาฤทธิ์จะขยับตัวทำอะไรเป็นได้ถูกจับผิดจิกกัดยกใหญ่
เช่นเมื่อหลายเดือนก่อน หลังมาฤทธิ์เรียกเสียงฮือฮาและกระแสความนิยมล้นหลามจากการรับบทเป็นนายขนมต้มในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ เขาเดินทางไปรับรางวัลสุดยอดหนุ่มเจ้าเสน่ห์แห่งปีที่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยความประหม่าทำให้กล่าวคำขอบคุณภาษาอังกฤษสั้นๆ พลาดเพี้ยนไป แม้จะผิดสำเนียงเพียงเล็กน้อย แต่กลุ่มผู้ต่อต้านก็ทับถมโจมตีเสียราวกับว่าดาราหนุ่มจะเป็นตัวการทำให้ประเทศไทยล้าหลังล่มจมอย่างนั้น
ล่าสุดโฆษณาบี-สตรองที่มีสโลแกนว่า ‘Be me, B-STRONG’ ยังถูกตัดต่อล้อเลียนเป็น ‘Be me, B-STUPID’ อีกทั้งมาฤทธิ์ยังถูกตามถ่ายภาพทีเผลอตามสถานที่ต่างๆ นำมาประจานพร้อมคำว่าร้ายให้เสื่อมเสีย ดูท่าว่ากลุ่มคนพวกนี้จะไม่เลิกราจนกว่าจะตายกันไปเสียข้างหนึ่ง
ถึงต่อหน้าคนอื่น มาฤทธิ์จะตอบโต้ประเด็นเรื่องผู้เกลียดชังด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ไม่ก็คำพูดติดตลก หรือการยียวนแหย่เย้าคล้ายกับว่าเขาไม่เป็นไร สบายมาก แต่คนที่รู้นิสัยใจคอ คลุกคลีกันมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างจักรีรู้ดีว่า ส่วนลึกในใจดาราหนุ่มต้องเจ็บปวดบอบช้ำกับคำเหยียดหยามต่ำช้าพวกนั้นเพียงไหน และเขาก็ไม่รู้ว่ามาฤทธิ์จะทนทานต่อไปได้อีกสักเท่าไร ในเมื่อเรื่องนี้ไม่มีวิธีจัดการให้เด็ดขาดโดยไม่มีผลร้ายสะท้อนกลับได้เลย
“อย่าเข้าไปดูอีก! เข้าใจมั้ย!” จักรีสำทับ คาดคั้นคนที่แกล้งทำเป็นหูดับตาดับ “นี่แกฟังอยู่รึเปล่า! ไอ้มาร์ช!”
เสียงกระแอมของสาวห้าวดังขัดช่วงการสนทนาที่ส่อเค้าบานปลาย
“เริ่มประชุมกันได้ยังฮะพี่แจ็คกี้”
ผู้จัดการร่างท้วมถอนหายใจปลงเฮือกใหญ่ ก่อนตอบรับห้วน หัวคิ้วยังคงขมวดปมแน่น ฝ่ายนักแสดงหนุ่มลอบยิ้มโล่งอก ผุดลุกขึ้นตบมือแปะๆ กระตุ้นทีมงานที่งัวเงียนั่งงุบ เนื่องจากกรำงานหนักมาตลอดทั้งวันให้ตื่นตัว พร้อมระดมความคิดออกสิทธิ์ออกเสียง
“บท ‘ซุป’ตาร์ล่ารัก’ ส่งมาแล้ว ข้อเสนอเขาน่าสนใจมาก” จักรีไม่ประวิงเวลา เริ่มต้นกระบวนการประชาธิปไตยในบริษัทด้วยการพุ่งตรงเข้าประเด็นทันที
“มาร์ชจะได้เล่นประกบนางเอกตัวแม่ของช่อง ร้องเพลงประกอบสามเพลงทำเป็นมินิอัลบั้ม พี่บี๋เป็นคนดูแลเนื้อร้องทำนอง เรื่องเครื่องแต่งกายทางห้องเสื้อเอริกะจะทำคอลเลคชั่นพิเศษให้ ส่วนค่าตัวต่อตอนช่องเพิ่มให้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ อันนี้ยังไม่รวมโบนัสถ้าละครได้เรตติ้งเกินยี่สิบ”
สินีนาท สไตลิสต์คู่บุญของดาราหนุ่มเบิกตาโต อุทานตื่นเต้น เมื่อได้ฟังข้อเสนอยวนใจ ส่วนผู้ช่วยอย่างอมิดา และคนขับรถสารพัดประโยชน์อย่างวศิน นิ่งฟังสงบเสงี่ยม
“เราอ่านบทซุปตาร์ฯ ดูแล้วล่ะ จงใจอวย จงใจขายกันเกินไปหน่อย แนวเรื่องก็กระเดียดไปทางซีรีส์รอมคอมเกาหลีอะไรไปโน่น เรายังยืนยันคำเดิมว่าอยากเล่นดราม่าไทยๆ อย่างเถ้าปรารถนามากกว่า”
มาฤทธิ์เองก็ไม่อ้อมค้อม เริ่มดำเนินการปิดฉากสงครามที่ยืดเยื้อมานานเดือน ตัวเขาเองนั้นอยากตกปากรับคำค่ายฮันนี่ซัน ที่ทาบทามให้รับบทพระเอกในละครพีเรียดเรื่องใหม่เสียตั้งแต่แรกแล้ว ติดอยู่ที่ว่าช่องคู่แข่งก็อยากได้เขาไปร่วมงานด้วยเช่นกัน จึงทุ่มสุดตัว ทำทุกวิถีทางเพื่อสรรหาข้อเสนอที่ดีกว่ามาล่อใจ
ตามแผนการทำงาน แต่ละปีมาฤทธิ์จะรับงานละครเพียงแค่เรื่องเดียว ดังนั้นจักรีจึงยื้อศึกชิงตัวพระเอาไว้ เพื่อล่อให้ยักษ์ใหญ่ทั้งสองช่องปล่อยไม้ตาย ยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดออกมา ทางช่องคู่แข่งนั้นแสดงออกชัดเจนว่าวิ่งเต้นเป็นพัลวัน หาทางเอาอกเอาใจสารพัด ส่วนฝ่ายที่ติดต่อมาก่อนกลับสงวนท่าที รับประกันเพียงลมปากว่าเถ้าปรารถนาจะเป็นละครยิ่งใหญ่แห่งปีของช่อง
“แกอยากเล่นเป็นเด็กกำพร้า เก็บกด ถูกหักหลัง ย้อนกลับมาล้างแค้น แล้วทำเมียตัวเองแท้งลูกนั่นน่ะนะ! คราวนี้คนได้รุมเกลียดแกกันทั้งประเทศแน่ไอ้มาร์ชเอ๊ย! สภาพบ้านเมือง เศรษฐกิจแบบนี้ แกคิดว่าคนเขายังเครียดกันไม่พอรึไงวะ!” ผู้จัดการส่วนตัวชำแหละเนื้อเรื่องเถ้าปรารถนาอย่างเผ็ดร้อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้จักรีเทใจไปทางฝั่งไหน
“แล้วเรื่องซุปตาร์ฯ มันน่าสนใจตรงไหนล่ะ หยิบคาแรกเตอร์เราไปใช้ลุ่นๆ ขนาดชื่อยังแทบไม่เปลี่ยน คนดูงงตายเลยเหอะ มาร์ช มาฤทธิ์ กับมาร์ค พลพฤทธิ์ เล่นละครเป็นตัวเองแต่ไม่ใช่ตัวเองเนี่ยอึดอัดตายชัก!”
วศินเหลือบมองดาราดังตอบโต้จริงจังติดตลกแล้วเผลอขำพรืด ต่อเมื่อตาขุ่นเขียวของจักรีตวัดมา เขาจึงต้องสำรวมอาการ นั่งฟังอย่างสงบหงิมตามเดิม
“แค่โทนเรื่องก็สดใสกว่ากันเยอะแล้ว อีกอย่างมันก็เหมือนโปรโมทตัวแกกลายๆ นั่นแหละ ยิ่งช่วงนี้แอนตี้แฟนกำลังอาละวาดหนัก ละครแนวซุปตาร์ฯ น่าจะช่วยเพิ่มฐานแฟนคลับแกด้วย ถ่ายทำไม่นาน บทก็ไม่ยาก ไอ้เรื่องร้องเรื่องเต้นก็งานหมูๆ สำหรับแกอยู่แล้ว ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมายเลย จะได้มีเวลาว่าง ตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้มันจบๆ ไปอย่างที่เคยตั้งใจไว้ซะทีไงล่ะ”
“พี่เห็นด้วยกับพี่แจ็คกี้นะคะมาร์ช...” สินีนาทรีบยกมือสนับสนุน “แค่ได้ทางเอริกะมาออกแบบเสื้อผ้าให้นี่ก็อลังการสุดละค่ะ ยิ่งจะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์เจ้าพ่อแฟชั่นของมาร์ชให้ชัดเจนขึ้นอีก แล้วแนวเรื่องสดใสวัยหวานอย่างนี้ หลังละครจบโอกาสที่จะต่อยอดไปหาโฆษณาก็มีสูง คอยดูเถอะสินค้าจะดาหน้ามาให้เลือกไม่หวาดไม่ไหว”
ดาราเจ้าเสน่ห์ผงกศีรษะรับ หากหน้าตามุ่งมั่นนั้นไม่ปรากฏแววโอนอ่อนผ่อนตามคำหว่านล้อมแม้สักนิด
“เข้าใจครับว่างานกล้วยๆ แถมโอกาสกอบโกยมีมากกว่าหลายเท่า แต่พี่นีน่าครับ จำได้มั้ยว่าเราตกลงอะไรกันไว้ตอนเริ่มตั้งบริษัท”
“เอ่อ...” สาวใหญ่อึกอัก ด้วยหลงลืมไปหมดแล้ว อมิดาทำท่าจะช่วยตอบให้ ทว่าจักรีชิงโพล่งตัดหน้าเสียก่อน
“ไม่ใช่แค่ดาวรุ่ง แต่จะต้องเป็นนักแสดงมืออาชีพ”
บุพเพเนรมิต ๐๔
“ไม่รับสาย... มันมัวทำอะไรอยู่วะ!”
ชายผิวเข้มร่างท้วมครางฮึ่ม โยนมือถือลงกับโซฟาบุหนังอย่างไม่สบอารมณ์ คนพื้นเสียกำลังจะอ้าปากบ่นกับบรรดาผู้ที่นั่งสัปหงกรอในห้องอีกคำรบ เดชะบุญที่ประตูเปิดผึงเสียก่อน หญิงสาวสวมแว่นผมซอยสั้นย้อมสีทองก้าวพรวดเข้ามา ท่าทางเหนื่อยอ่อนเต็มที ในมือมีถุงร้านสะดวกซื้อพะรุงพะรัง
“ซื้อของยังไงวะไอ้ด้า หายหัวไปเป็นสองสามชั่วโมง! นี่มันจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว พรุ่งนี้มีงานเช้านะเว้ย!” จักรีตีหน้ายักษ์ เอ็ดผู้ช่วยเสียงขุ่นจัด
“ก็มัวตระเวนหาซื้อ ‘ไอ้นี่’ ให้มาร์ชน่ะสิฮะพี่แจ็คกี้ เกิดคืนนี้มันไม่ได้กิน มีหวังงอแงงุ่นง่านไม่ยอมหลับยอมนอน”
อมิดากลอกตา เบ้ปากระอา หยิบเครื่องดื่มขวดแก้วแปะฉลากห้าโอสถออกจากถุงขวดหนึ่ง นำไปยื่นให้ชายหนุ่มผู้พรางใบหน้ามิดชิดในหมวกเสื้อพิมพ์ลายสัตว์ประหลาด ที่นั่งเลื้อยอยู่กับโซฟาเดี่ยวสีดำตรงมุมห้อง
“เอ้า ได้แล้วฮะมาร์ช” สาวห้าวสะกิดบอกแกนๆ
คนถูกเรียกค่อยๆ ขยับตัวนั่งวางมาด หลังตรงแน่ว มือเนียนสวยราวผู้หญิงยกรูดซิปส่วนหมวกของเสื้อแขนยาวสีฟ้าอมเทาซึ่งปิดคลุมทั้งศีรษะออก เผยให้เห็นใบหน้าเรียวประกอบด้วยเครื่องหน้าโดดเด่น คิ้วเข้มหนาพาดเหนือดวงตาสีน้ำตาลระยับ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักบาง ซึ่งเวลานี้เปิดรอยยิ้มกว้างเห็นแนวฟันขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบ
“แต๊งกิ้วหลายๆ เด้อ ซิส!” ดาราหนุ่มเจ้าเสน่ห์เอื้อมรับห้าโอสถมาบิดฝาเกลียวเปิดกริ๊ก แล้วยกดื่มอั้กๆ รวดเดียวหมดขวด ท่ามกลางสีหน้าผะอืดผะอมของคนอื่นๆ ในห้อง
...ก็เจ้าเครื่องดื่มชูกำลังคลายปวดเมื่อยที่มาฤทธิ์โปรดปรานนักหนานั้นมันทั้งดำปี๋ ขุ่นข้น รสขมเผ็ดจัดจ้าน มิหนำซ้ำกลิ่นยังฉุนกึกชวนคลื่นเหียนอย่างกับยาฆ่าแมลงผสมอะไรคาวๆ เน่าๆ บางคนที่คอตื้นสักหน่อย เพียงแค่ได้กลิ่นจางๆ ก็พานปั่นป่วนมวนท้องอยากอาเจียนเสียแล้ว
“กินประหยัดๆ หน่อยนะฮะคุณน้อง ห้าโอสถหาซื้อโคตรยากแล้วอะ คนขายบอกเดี๋ยวนี้ลูกเล็กเด็กแดง คนเฒ่าคนแก่แห่กิน ‘บี-สตรอง’ ที่แกโฆษณากันหมด ไอ้ของบ้านๆ แบบนี้ขายไม่ออก ไม่ค่อยมีร้านไหนรับมาเล้ย! กว่าพี่จะเจอที่ๆ มีขายเล่นเอาหืดขึ้นคอ ถ้าหมดนี่แล้ว พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปงมหาที่ไหนให้ได้นะฮะ!”
ทอมบอยร่างเล็กนิ่วหน้า เล่าเรื่องห้าโอสถอย่างออกรส แล้วมิวายกล่าวถึงเครื่องดื่มเสริมอาหารยี่ห้อดังในเครือบีเนเจอร์ ที่เพิ่งออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ซุปไก่สกัดผสมสมุนไพร แต่งกลิ่นและรสจนหอมอร่อย ดื่มง่าย ยิ่งได้ซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจชาวไทยทุกเพศทุกวัยอย่าง มาร์ช ‘มาฤทธิ์ นววาณิช’ เป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยแล้ว ยอดจำหน่ายบี-สตรองซึ่งเดิมทีมีอยู่มากมาย จึงพุ่งเพิ่มขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์ จนแทบกลายเป็นผูกขาดตลาดสินค้าประเภทนี้
“โอ่ว มาย ก้อดดด…” พรีเซ็นเตอร์รูปหล่อลากเสียงยาวโหยหวนประหนึ่งเจ็บหนักปางตายจากการรบพุ่ง ใบหน้าเหลอหลาพะว้าพะวงหันไปหาจักรี ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องพ่วงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวมานานปี
“ทำไงดีอะแจ็คกี้ สั่งห้าโอสถมาตุนไว้ที่บ้านเราได้ปะ...”
จักรีเลิกคิ้วจนหน้าผากย่นเป็นคลื่น จ้องหน้าญาติผู้น้องแน่วนิ่ง แล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบ “จะตุนทำไม แกก็ซื้อต่อกิจการเขาเลยซี่ ทำเอง กินเอง อะไรแบบนั้น”
“เฮ้ย! จริงดิ! เราทำงั้นได้จริงเหรอ!” มาฤทธิ์ยิ้มเผล่ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยพลันแจ่มวาวขึ้นทันที
เจ็ดปีก่อน มาฤทธิ์จับพลัดจับผลูเข้าวงการบันเทิง ด้วยการเป็นหนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์ค่ายดังวง A*list เขาต้องทุ่มพลังทั้งหมดให้กับการร้องการเต้น ไหนจะกินนอนไม่เป็นเวลา เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไม่เว้นแต่ละวัน กระทั่งร่างกายทรุดโทรมย่ำแย่ เข้าออกโรงหมอเป็นว่าเล่น
ผู้เป็นมารดาร้อนรนกังวลใจ เฟ้นหาหยูกยาอาหารเสริมสารพัดสูตรมาบำรุง เครื่องดื่มห้าโอสถเป็นยาตำรับเดียวที่ถูกโรค ดื่มเพียงไม่นาน อาการเจ็บป่วยออดแอดค่อยๆ ทุเลา เส้นสายที่มักยึดตึงอักเสบอยู่บ่อยๆ ก็พลอยยืดหยุ่น ไม่ปวดเมื่อยปางตายเหมือนเดิมอีก นับแต่นั้นมาห้าโอสถจึงเป็นเครื่องดื่มสามัญประจำตัว จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของเขาพอๆ กับน้ำสะอาด ถึงแม้กลิ่นและรสชาติของของเหลวสองชนิดจะต่างกันราวนรกกับสวรรค์ก็ตามที ครั้นดื่มบ่อยเข้าจนคุ้นชิน จากแค่ถูกโรคจึงกลายเป็นถูกลิ้นไปด้วยโดยปริยาย
หากว่าการติดเครื่องดื่มราคาถูก รสชาติชวนคลื่นเหียน ที่มีแต่ผู้ใช้แรงงานและผู้เฒ่าผู้แก่ดื่มกัน ดูจะเป็นภัยยิ่งยวดต่อภาพลักษณ์คนหนุ่มรุ่นใหม่รสนิยมเลิศหรู ขนาดค่ายเพลงต้นสังกัดเคยยื่นคำขาด ห้ามเขาดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ประเจิดประเจ้อ กระทั่งถึงวาระวงแตก สมาชิกวงต่างแยกย้าย มาฤทธิ์เบนเข็มมาเป็นนักแสดงอิสระแล้ว ข้อห้ามเข้มงวดนี้ก็ยังต้องถือปฏิบัติต่อไป ไม่มีการผ่อนปรน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ที่ตัวเขาผูกพันสัญญามูลค่านับสิบล้านบาท กับบริษัทเครื่องดื่มเสริมอาหารชั้นนำแห่งเอเชียอย่างบีเนเจอร์
“ทางบีเนเจอร์เขาจะไม่ว่าอะไรแน่นะ เราปิดข่าวเป็นความลับได้ใช่ปะ แล้ว...จะให้ใครเจรจาต่อรองกับห้าโอสถดีล่ะ ทีมกฎหมายหรือว่า...”
“ฉันประชดโว้ย! ประชด!!” จักรีอดรนทนไม่ไหว คำรามลั่น ขืนนิ่งฟังคำซักไซ้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต่ออีกสักประโยค รับรองว่าความดันโลหิตเขาได้พุ่งทะลุร้อยแปดสิบแน่
ดาราหนุ่มชักสีหน้า สบถฮึดฮัด “แดม!! คนยิ่งบิ๊กบัฟฟาโล่ ยังจะมาหลอกด่า! นี่เสียฟีลลิ่งมาก บอกเลย!”
“โถ่! พ่อคุณ พ่อฟักกลิ้ง! พูดฝรั่งมั่วๆ ซั่วๆ อยู่นั่น! พวกแอนตี้มันยิ่งแขวะเรื่องนี้ไม่เลิก!”
“ฮื้อ! เลิกแล้วเน้อ! ตอนนี้เรากำลังโดนเม้าท์ว่าเป็นเสนียดมหา’ลัย... อ๊ะ...” ปากไวกว่าความคิด ครั้นตระหนักว่าเผลอปูดความผิดมัดตัวเข้าเสียแล้ว ก็ได้แต่ยักไหล่ ยิ้มเก้อ เสมองไปทางอื่น
“ไอ้มาร์ช! แกแอบดูเว็บกาลีนั่นอีกแล้วเหรอ ฉันบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเข้าไปดูมัน!” ผู้จัดการส่วนตัวโวยวาย หากน้ำเสียงและแววตาอ่อนลงมาก
การก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพนักแสดงของมาฤทธิ์ ต้องแลกกับการตกเป็นเป้านิ่งให้กองทัพผู้ชิงชังหวังร้ายโจมตีจนหนำใจ บ้างเพียงเหน็บแนมเรื่อยเปื่อยหาสาระไม่ได้ บ้างก็อุกอาจถึงขั้นระดมพลสร้างเว็บไซต์ต่อต้าน สาดคำสาปแช่ง ใส่ไคล้ ก่นด่า จาบจ้วงลามปามไปยันญาติพี่น้องบุพการี ยิ่งชื่อเสียงของดาราหนุ่มขจรขจายไกลถึงต่างแดนมากเท่าไร ปฏิกิริยาของผู้เกลียดชังก็ยิ่งรุนแรงแข็งกร้าวขึ้นเท่านั้น ไม่ว่ามาฤทธิ์จะขยับตัวทำอะไรเป็นได้ถูกจับผิดจิกกัดยกใหญ่
เช่นเมื่อหลายเดือนก่อน หลังมาฤทธิ์เรียกเสียงฮือฮาและกระแสความนิยมล้นหลามจากการรับบทเป็นนายขนมต้มในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ เขาเดินทางไปรับรางวัลสุดยอดหนุ่มเจ้าเสน่ห์แห่งปีที่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยความประหม่าทำให้กล่าวคำขอบคุณภาษาอังกฤษสั้นๆ พลาดเพี้ยนไป แม้จะผิดสำเนียงเพียงเล็กน้อย แต่กลุ่มผู้ต่อต้านก็ทับถมโจมตีเสียราวกับว่าดาราหนุ่มจะเป็นตัวการทำให้ประเทศไทยล้าหลังล่มจมอย่างนั้น
ล่าสุดโฆษณาบี-สตรองที่มีสโลแกนว่า ‘Be me, B-STRONG’ ยังถูกตัดต่อล้อเลียนเป็น ‘Be me, B-STUPID’ อีกทั้งมาฤทธิ์ยังถูกตามถ่ายภาพทีเผลอตามสถานที่ต่างๆ นำมาประจานพร้อมคำว่าร้ายให้เสื่อมเสีย ดูท่าว่ากลุ่มคนพวกนี้จะไม่เลิกราจนกว่าจะตายกันไปเสียข้างหนึ่ง
ถึงต่อหน้าคนอื่น มาฤทธิ์จะตอบโต้ประเด็นเรื่องผู้เกลียดชังด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ไม่ก็คำพูดติดตลก หรือการยียวนแหย่เย้าคล้ายกับว่าเขาไม่เป็นไร สบายมาก แต่คนที่รู้นิสัยใจคอ คลุกคลีกันมาแต่เล็กแต่น้อยอย่างจักรีรู้ดีว่า ส่วนลึกในใจดาราหนุ่มต้องเจ็บปวดบอบช้ำกับคำเหยียดหยามต่ำช้าพวกนั้นเพียงไหน และเขาก็ไม่รู้ว่ามาฤทธิ์จะทนทานต่อไปได้อีกสักเท่าไร ในเมื่อเรื่องนี้ไม่มีวิธีจัดการให้เด็ดขาดโดยไม่มีผลร้ายสะท้อนกลับได้เลย
“อย่าเข้าไปดูอีก! เข้าใจมั้ย!” จักรีสำทับ คาดคั้นคนที่แกล้งทำเป็นหูดับตาดับ “นี่แกฟังอยู่รึเปล่า! ไอ้มาร์ช!”
เสียงกระแอมของสาวห้าวดังขัดช่วงการสนทนาที่ส่อเค้าบานปลาย
“เริ่มประชุมกันได้ยังฮะพี่แจ็คกี้”
ผู้จัดการร่างท้วมถอนหายใจปลงเฮือกใหญ่ ก่อนตอบรับห้วน หัวคิ้วยังคงขมวดปมแน่น ฝ่ายนักแสดงหนุ่มลอบยิ้มโล่งอก ผุดลุกขึ้นตบมือแปะๆ กระตุ้นทีมงานที่งัวเงียนั่งงุบ เนื่องจากกรำงานหนักมาตลอดทั้งวันให้ตื่นตัว พร้อมระดมความคิดออกสิทธิ์ออกเสียง
“บท ‘ซุป’ตาร์ล่ารัก’ ส่งมาแล้ว ข้อเสนอเขาน่าสนใจมาก” จักรีไม่ประวิงเวลา เริ่มต้นกระบวนการประชาธิปไตยในบริษัทด้วยการพุ่งตรงเข้าประเด็นทันที
“มาร์ชจะได้เล่นประกบนางเอกตัวแม่ของช่อง ร้องเพลงประกอบสามเพลงทำเป็นมินิอัลบั้ม พี่บี๋เป็นคนดูแลเนื้อร้องทำนอง เรื่องเครื่องแต่งกายทางห้องเสื้อเอริกะจะทำคอลเลคชั่นพิเศษให้ ส่วนค่าตัวต่อตอนช่องเพิ่มให้อีกสิบเปอร์เซ็นต์ อันนี้ยังไม่รวมโบนัสถ้าละครได้เรตติ้งเกินยี่สิบ”
สินีนาท สไตลิสต์คู่บุญของดาราหนุ่มเบิกตาโต อุทานตื่นเต้น เมื่อได้ฟังข้อเสนอยวนใจ ส่วนผู้ช่วยอย่างอมิดา และคนขับรถสารพัดประโยชน์อย่างวศิน นิ่งฟังสงบเสงี่ยม
“เราอ่านบทซุปตาร์ฯ ดูแล้วล่ะ จงใจอวย จงใจขายกันเกินไปหน่อย แนวเรื่องก็กระเดียดไปทางซีรีส์รอมคอมเกาหลีอะไรไปโน่น เรายังยืนยันคำเดิมว่าอยากเล่นดราม่าไทยๆ อย่างเถ้าปรารถนามากกว่า”
มาฤทธิ์เองก็ไม่อ้อมค้อม เริ่มดำเนินการปิดฉากสงครามที่ยืดเยื้อมานานเดือน ตัวเขาเองนั้นอยากตกปากรับคำค่ายฮันนี่ซัน ที่ทาบทามให้รับบทพระเอกในละครพีเรียดเรื่องใหม่เสียตั้งแต่แรกแล้ว ติดอยู่ที่ว่าช่องคู่แข่งก็อยากได้เขาไปร่วมงานด้วยเช่นกัน จึงทุ่มสุดตัว ทำทุกวิถีทางเพื่อสรรหาข้อเสนอที่ดีกว่ามาล่อใจ
ตามแผนการทำงาน แต่ละปีมาฤทธิ์จะรับงานละครเพียงแค่เรื่องเดียว ดังนั้นจักรีจึงยื้อศึกชิงตัวพระเอาไว้ เพื่อล่อให้ยักษ์ใหญ่ทั้งสองช่องปล่อยไม้ตาย ยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุดออกมา ทางช่องคู่แข่งนั้นแสดงออกชัดเจนว่าวิ่งเต้นเป็นพัลวัน หาทางเอาอกเอาใจสารพัด ส่วนฝ่ายที่ติดต่อมาก่อนกลับสงวนท่าที รับประกันเพียงลมปากว่าเถ้าปรารถนาจะเป็นละครยิ่งใหญ่แห่งปีของช่อง
“แกอยากเล่นเป็นเด็กกำพร้า เก็บกด ถูกหักหลัง ย้อนกลับมาล้างแค้น แล้วทำเมียตัวเองแท้งลูกนั่นน่ะนะ! คราวนี้คนได้รุมเกลียดแกกันทั้งประเทศแน่ไอ้มาร์ชเอ๊ย! สภาพบ้านเมือง เศรษฐกิจแบบนี้ แกคิดว่าคนเขายังเครียดกันไม่พอรึไงวะ!” ผู้จัดการส่วนตัวชำแหละเนื้อเรื่องเถ้าปรารถนาอย่างเผ็ดร้อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้จักรีเทใจไปทางฝั่งไหน
“แล้วเรื่องซุปตาร์ฯ มันน่าสนใจตรงไหนล่ะ หยิบคาแรกเตอร์เราไปใช้ลุ่นๆ ขนาดชื่อยังแทบไม่เปลี่ยน คนดูงงตายเลยเหอะ มาร์ช มาฤทธิ์ กับมาร์ค พลพฤทธิ์ เล่นละครเป็นตัวเองแต่ไม่ใช่ตัวเองเนี่ยอึดอัดตายชัก!”
วศินเหลือบมองดาราดังตอบโต้จริงจังติดตลกแล้วเผลอขำพรืด ต่อเมื่อตาขุ่นเขียวของจักรีตวัดมา เขาจึงต้องสำรวมอาการ นั่งฟังอย่างสงบหงิมตามเดิม
“แค่โทนเรื่องก็สดใสกว่ากันเยอะแล้ว อีกอย่างมันก็เหมือนโปรโมทตัวแกกลายๆ นั่นแหละ ยิ่งช่วงนี้แอนตี้แฟนกำลังอาละวาดหนัก ละครแนวซุปตาร์ฯ น่าจะช่วยเพิ่มฐานแฟนคลับแกด้วย ถ่ายทำไม่นาน บทก็ไม่ยาก ไอ้เรื่องร้องเรื่องเต้นก็งานหมูๆ สำหรับแกอยู่แล้ว ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมายเลย จะได้มีเวลาว่าง ตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้มันจบๆ ไปอย่างที่เคยตั้งใจไว้ซะทีไงล่ะ”
“พี่เห็นด้วยกับพี่แจ็คกี้นะคะมาร์ช...” สินีนาทรีบยกมือสนับสนุน “แค่ได้ทางเอริกะมาออกแบบเสื้อผ้าให้นี่ก็อลังการสุดละค่ะ ยิ่งจะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์เจ้าพ่อแฟชั่นของมาร์ชให้ชัดเจนขึ้นอีก แล้วแนวเรื่องสดใสวัยหวานอย่างนี้ หลังละครจบโอกาสที่จะต่อยอดไปหาโฆษณาก็มีสูง คอยดูเถอะสินค้าจะดาหน้ามาให้เลือกไม่หวาดไม่ไหว”
ดาราเจ้าเสน่ห์ผงกศีรษะรับ หากหน้าตามุ่งมั่นนั้นไม่ปรากฏแววโอนอ่อนผ่อนตามคำหว่านล้อมแม้สักนิด
“เข้าใจครับว่างานกล้วยๆ แถมโอกาสกอบโกยมีมากกว่าหลายเท่า แต่พี่นีน่าครับ จำได้มั้ยว่าเราตกลงอะไรกันไว้ตอนเริ่มตั้งบริษัท”
“เอ่อ...” สาวใหญ่อึกอัก ด้วยหลงลืมไปหมดแล้ว อมิดาทำท่าจะช่วยตอบให้ ทว่าจักรีชิงโพล่งตัดหน้าเสียก่อน
“ไม่ใช่แค่ดาวรุ่ง แต่จะต้องเป็นนักแสดงมืออาชีพ”