ในพระสูตรหนึ่งได้กล่าวว่าพระพุทธองค์ทรงแสวงหาสู่ชีวิตอมตะ
ทรงยอมรับว่าท่านเป็นอุจเฉททิฏฐิเฉพาะกิเลสเท่านั้น
การเจริญสติปัฏฐานสี่มีกายเวทนาจิตธรรมคือเส้นทางสู่ชีวิตอมตะ
ความสงสัยของพวกอุจเฉทก็คือเราจะได้อย่างไรว่านี่คือเส้นทางสู่ชีวิตอมตะ
ย่อมรู้ได้เมื่อท่านเจริญภาวนาจนเห็นกายในกายด้วยอานาปานสติ
จนเห็นกายในกายด้วยการเห็นลมหายใจเข้าออกได้เอง
นี่มิใช่การเห็นกายในกายแบบตามตัวอักษรแต่เป็นการตื่นรู้ต่อชีวิตว่า
ชีวิตในชีวิตมีอยู่จริงเพราะชีวิตมิอาจทำลายได้ นั่นเอง
การเห็นกายในกายก็คือการเห็นชีวิตในหลายรูปแบบ
ชีวิตของเรามิใช่มีเพียงรูปแบบเดียวอย่างที่เราเคยหวาดกลัวกัน
ต้นไม้และสัตว์ต่างๆก็เป็นรูปแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิต
จริงอยู่เมื่อก่อนเราก็รู้กันอยู่แล้วตามตำราว่าต้นไม้และสัตว์มันมีชีวิต
แต่เมื่อเราได้ตื่นรู้ต่อชีวิตภายในกายในกายด้วยอานาปานสติ
มันทำให้เราได้พบชีวิตที่สดชื่นในตัวเราและในสรรพสิ่งได้จริงๆ
...ชีวิต...ใน...ชีวิต..กายในกาย
ทรงยอมรับว่าท่านเป็นอุจเฉททิฏฐิเฉพาะกิเลสเท่านั้น
การเจริญสติปัฏฐานสี่มีกายเวทนาจิตธรรมคือเส้นทางสู่ชีวิตอมตะ
ความสงสัยของพวกอุจเฉทก็คือเราจะได้อย่างไรว่านี่คือเส้นทางสู่ชีวิตอมตะ
ย่อมรู้ได้เมื่อท่านเจริญภาวนาจนเห็นกายในกายด้วยอานาปานสติ
จนเห็นกายในกายด้วยการเห็นลมหายใจเข้าออกได้เอง
นี่มิใช่การเห็นกายในกายแบบตามตัวอักษรแต่เป็นการตื่นรู้ต่อชีวิตว่า
ชีวิตในชีวิตมีอยู่จริงเพราะชีวิตมิอาจทำลายได้ นั่นเอง
การเห็นกายในกายก็คือการเห็นชีวิตในหลายรูปแบบ
ชีวิตของเรามิใช่มีเพียงรูปแบบเดียวอย่างที่เราเคยหวาดกลัวกัน
ต้นไม้และสัตว์ต่างๆก็เป็นรูปแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิต
จริงอยู่เมื่อก่อนเราก็รู้กันอยู่แล้วตามตำราว่าต้นไม้และสัตว์มันมีชีวิต
แต่เมื่อเราได้ตื่นรู้ต่อชีวิตภายในกายในกายด้วยอานาปานสติ
มันทำให้เราได้พบชีวิตที่สดชื่นในตัวเราและในสรรพสิ่งได้จริงๆ