ปฏิรูปพลังงาน...อย่าให้เสียของ

กระทู้ข่าว
ยังคงเป็นประเด็นสุดฮอตเป็น Talk of the Town กับมหกรรมคืนความสุขให้พี่น้องประชาชน ที่ล่าสุดรัฐบาล คสช.ประเคนให้กับผู้ใช้น้ำมันด้วยการปรับลดอัตราจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับเบนซินทุกชนิดตั้งแต่ 1-3.89 บาท/ลิตร ยังผลให้ราคาเบนซินทุกชนิดปรับราคาลดลงเป็นประวัติการณ์

ไม่มีใครเฉลียวใจแม้แต่น้อยว่า ราคาน้ำมันที่ปรับลดข้างต้นต้องแลกมาด้วยมหกรรมตำน้ำพริกละลาย แม่น้ำที่รัฐและกองทุนน้ำมันต้องเฉือนเนื้อลงไปถึงเดือนละนับ 1,000 ล้านบาทที่อาจส่งผลกระทบต่อ นโยบาย ส่งเสริมพลังงานทดแทนในระยะยาวเอาได้

แต่ก็เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่าการที่ราคาน้ำมันในบ้านเราแพงอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้เกิดจากนโยบายการบริหารจัดการแหล่งพลังงานผิดพลาด หรือการให้สัมปทานขุดเจาะแหล่งปิโตรเลียมที่เครือข่ายอะไรต่อมิอะไร ขุดขึ้นมาโจมตีก่อนหน้าว่าทำให้ประเทศเสียประโยชน์ ประชาชนต้องใช้น้ำมันแพง แต่ล้วนเป็นผลพวงมาจากการจัด เก็บภาษีสรรพสามิตและเงินเข้ากองทุนน้ำมันทั้งสิ้น!

ทำให้ทุกฝ่ายคิดเลยไปถึงเรื่องที่เครือข่ายเอ็นจีโอ เครือข่ายจับตาการปฏิรูปพลังงานไทยหรือเครือข่ายอะไรต่อมิอะไรที่พยายามตีฆ้องร้องป่าวให้ประชาชนร่วมทวงคืนพลังงานหรือการเรียกร้องให้รัฐระงับการต่อสัมปทานปิโตรเลียมที่กำลังจะหมดอายุลง รวมทั้งให้ระงับพิจารณาเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ไว้ก่อนพร้อมตีปี๊บให้รัฐบาล คสช.ได้เร่งรัดแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมปี 2514 เพื่อผลักดันนำเอาระบบแบ่งปันผลผลิต หรือ PSC มาใช้แทนระบบการให่สัมปทานในปัจจุบันนั้น เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่?

อย่างที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.และรองหัวหน้า คสช.ที่ออกมาชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการนำเอาระบบแบ่งปันผลผลิต หรือ PSC มาใช้ในประเทศเพื่อนบ้าน ก็คือแหล่งปิโตรเลียมแหล่งอาทิตย์ ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-เวียดนาม แต่ 2 รัฐบาลได้ตกลงแยกพื้นที่พัฒนากันเองนั้น ประเทศไทยที่ใช้ระบบสัมปทานได้ดำเนินการขุดเจาะสำรวจไป 5 ปี จนสามารถผลิตก๊าซนำมาใช้แล้วถึง 6 ปี กำลังผลิต 230 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน รายได้รวม 50,000 ล้านบาท ผลิตไฟฟ้า 2,800 เมกะวัตต์ แต่เวียดนามที่เป็นระบบแบ่งปันผลประโยชน์ (PSC) ที่เครือข่ายเอ็นจีโอชื่นชมกันดีนักจนป่านนี้ยังไม่สามารถผลิตได้ ขณะที่บริษัทที่ดำเนินการขุดเจาะสำรวจคือ เชฟรอนได้ถอนตัวออกไปแล้ว

ข้อคิดของพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ข้างต้นนั้นถือเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายคงต้องตระหนัก เราจะปล่อยให้นโยบายพลังงานของประเทศ “ยืนอยู่บนเส้นด้าย” ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต้องยืนอยู่อย่างหวาดผวากับอนาคตพลังงานของประเทศ ที่ต้องไปยืมจมูกเพื่อนบ้านหายใจกันอยู่เช่นนี้ตลอดไปหรืออย่างไร มีแหล่งพลังงานอยู่ในบ้าน หรือรอบบ้านแท้ๆ แทนที่จะเร่งหาทางนำขึ้นมาใช้ประโยชน์กลับปล่อยให้ประชาชนคนไทยและผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในเรื่องของพลังงาน ต้องอยู่อย่างหวาดผวา ปรับขึ้นราคาน้ำมันหรือไฟฟ้าทีแทบจะลมใส่ลมจับกัน

เมื่อรัฐบาล คสช.ตัดสินใจรับหน้าสื่อเข้ามาสะสางปัญหาหมักหมมด้านพลังงานทั้งเรื่องของการปฏิรูปพลังงาน การแสวงหาแหล่งพลังงานเพื่อความมั่นคง และโดยเฉพาะการผ่าทางตันสัมปทานปิโตรเลียมที่กำลังจะหมดอายุ หรือการเปิดสัมปทานแห่งปิโตรเลียมรอบที่ 21 ที่คาราคาซังมากว่า 2 ปีที่นัยว่ามีแหล่งสำรวจที่มีศักยภาพอยู่กว่า 22 แปลงที่น่าจะมีปริมารณสำรองน้ำมันและแก๊สมากกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร และโดยเฉพาะการเจรจาเพื่อหาทางพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา ที่มีพื้นที่พัฒนาร่วมกว่า 26,000 ตร.กม. ที่คาราคาซังกันมานานนับ 10 ปีนั้น เมื่อนายกฯ และหัวหน้า คสช.สามารถต่อ “จิ๊กซอว์” ต่อสายพูดคุยกับ “สมเด็จฮุนเซ็น” นายกฯกัมพูชาจนยอมเปิดบ้านต้อนรับมหามิตรประเทศไทยได้อีกครั้ง ก็เป็นโอกาสอันดีที่รัฐบาลไทยเราจะได้หยิบยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาดำเนินการต่อไปให้เต็มสูบ

แม้แต่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมต.พลังงานและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) เองก็ยังออกมาชื่นชมในความกล้าของ พล.อ.ธนะศักดิ์ ที่ได้ริเริ่มกรุยทางเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าว พร้อมให้ความสนับสนุนรัฐบาล คสช.ที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ โดยไม่ถูกครหาว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือเอื้อประโยชน์กลุ่มใด ตรงกันข้ามสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการนี้จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยและประชาชนไทยในระยะยาว 30-40 ปีข้างหน้า เพราะเชื่อว่าด้วยเป้าหมายของ คสช.ที่มีเป้าหมายแน่วแน่ที่จะยึดผลประโยชน์ ของชาติเป็นหลัก จะทำให้สามารถเจรจาเรื่องดังกล่าว โดยไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และไม่มีกลุ่มการเมืองแอบ แฝงแน่!

ได้กำลังแรงใจกันซะขนาดนี้แล้วหาก “ณรงค์ชัย อัครเศรณี” รมว.พลังงานคนใหม่และรัฐบาล “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ปล่อยให้ “เสียของ” ไปก็ไม่รู้ประชาชนคนไทยจะฝากอนาคตไว้กับรัฐบาลใดได้อีก!!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่