พื้นที่เขตสงวนสัตว์ป่าแห่งชาติอาร์กติก ทางตอนเหนือของรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ ขนาดกว่า 6,300 ตารางกิโลเมตร
กำลังกลายเป็นพื้นที่สัมปทานขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอนาคตอันใกล้ จากแผนการดำเนินงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และพรรครีพับลิกัน โดยมุ่งใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
หลังร่างกฎหมายด้านภาษีและงบประมาณเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระบุให้มีการประมูลสัมปทานในพื้นที่เขตสงวนสัตว์ป่าแห่งชาติอาร์กติกอย่างน้อย 4 ครั้ง ภายในระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ยังมีแผนการตัดถนนผ่านพื้นที่เขตป่าสงวนเพื่อสร้างจุดเชื่อมต่อของชุมชนอีกด้วย
แม้ว่าชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ใกล้เขตสงวน ได้ออกมาคัดค้านการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว
เนื่องจากกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พื้นที่อยู่อาศัยของกวางคาริบู หรือกวางเรนเดียร์
นอกจากนี้ยังทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนบรรพบุรุษของชาวพื้นเมือง
ส่วนการตัดถนนอาจส่งผลต่อระบบนิเวศของนกน้ำอพยพหลายสายพันธุ์อีกด้วย
แต่ขณะเดียวกันชาวพื้นเมืองในชุมชนซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตสงวนสัตว์ป่าแห่งชาติอาร์กติก กลับสนับสนุนโครงการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัฐบาล เพราะมองว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาชุมชน
ส่วนถนนที่วางแผนตัดผ่านพื้นที่เขตสงวนสัตว์ป่านั้นเป็นเพียงถนนกรวดซึ่งมีความยาวประมาณ 18 กิโลเมตร
สำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ใช้ถนนขนานใหญ่สำหรับการขนส่งในระดับอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม นักอนุรักษ์ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า แผนการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในพื้นที่เขตสงวนสัตว์ป่าอาร์กติก ของรัฐบาลทรัมป์
สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการบริหารที่มุ่งใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
แม้ต้องแลกกับความเสียหายทางธรรมชาติโดยไม่สนใจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงวัฒนธรรมของชาวพื้นที่ที่รุนแรงจนไม่อยากย้อนกลับคืนได้
สรุปข่าว
รัฐบาลทรัมป์จ่อให้สัมปทานพื้นที่เขตสงวนสัตว์ป่าแห่งชาติอาร์กติก ในรัฐอะแลสกา เพื่อขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
ท่ามกลางเสียงคัดค้านของชาวพื้นเมืองที่กังวลผลกระทบต่อธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศในระยะยาว
แหล่งที่มา : TNN Thailand
“ทรัมป์” ไฟเขียว ขุดน้ำมันในอะแลสกา ธรรมชาติกำลังเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่
พื้นที่เขตสงวนสัตว์ป่าแห่งชาติอาร์กติก ทางตอนเหนือของรัฐอะแลสกาของสหรัฐฯ ขนาดกว่า 6,300 ตารางกิโลเมตร
กำลังกลายเป็นพื้นที่สัมปทานขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอนาคตอันใกล้ จากแผนการดำเนินงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และพรรครีพับลิกัน โดยมุ่งใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
หลังร่างกฎหมายด้านภาษีและงบประมาณเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระบุให้มีการประมูลสัมปทานในพื้นที่เขตสงวนสัตว์ป่าแห่งชาติอาร์กติกอย่างน้อย 4 ครั้ง ภายในระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ยังมีแผนการตัดถนนผ่านพื้นที่เขตป่าสงวนเพื่อสร้างจุดเชื่อมต่อของชุมชนอีกด้วย
แม้ว่าชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ใกล้เขตสงวน ได้ออกมาคัดค้านการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว
เนื่องจากกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พื้นที่อยู่อาศัยของกวางคาริบู หรือกวางเรนเดียร์
นอกจากนี้ยังทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนบรรพบุรุษของชาวพื้นเมือง
ส่วนการตัดถนนอาจส่งผลต่อระบบนิเวศของนกน้ำอพยพหลายสายพันธุ์อีกด้วย
แต่ขณะเดียวกันชาวพื้นเมืองในชุมชนซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตสงวนสัตว์ป่าแห่งชาติอาร์กติก กลับสนับสนุนโครงการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัฐบาล เพราะมองว่าเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาชุมชน
ส่วนถนนที่วางแผนตัดผ่านพื้นที่เขตสงวนสัตว์ป่านั้นเป็นเพียงถนนกรวดซึ่งมีความยาวประมาณ 18 กิโลเมตร
สำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ใช้ถนนขนานใหญ่สำหรับการขนส่งในระดับอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม นักอนุรักษ์ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า แผนการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในพื้นที่เขตสงวนสัตว์ป่าอาร์กติก ของรัฐบาลทรัมป์
สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการบริหารที่มุ่งใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
แม้ต้องแลกกับความเสียหายทางธรรมชาติโดยไม่สนใจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงวัฒนธรรมของชาวพื้นที่ที่รุนแรงจนไม่อยากย้อนกลับคืนได้