มรดก(ร้าย)รัก บทที่ 8

กระทู้สนทนา
มรดก(ร้าย)รัก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ขอบคุณทุกกำลังใจทุกความคิดเห็นเช่นเคยครับ
Inverness ถูกใจ, Su_jeong ถูกใจ, มาโซคิส ถูกใจ, PuPaKae ถูกใจ, Echolaliaถูกใจ


***************************************



มรดก(ร้าย)รัก

บทที่ 8




เพื่อนร่วมห้องทั้งสองคน ต่างนิ่งเงียบกันไปอีกพักหนึ่ง จนน้ำในกาเดือดจนส่งเสียงและพ่นไอออกมานั่นละ ฤดีจึงเริ่มพูดต่อไป

“แต่ไม่ใช่รูปร่างหน้าตานะ”

การันต์ถึงกับจุ๊ปากให้กับประโยคนี้ของเพื่อน ก่อนจะออกความคิดเห็น

“เออ ก็แล้วไงล่ะ ตลอดสามเดือนเธอก็แค่พูดว่า ได้ไหมคะ ได้โปรดเถอะค่ะ ได้ค่ะ ไม่ได้ค่ะ แล้วพอถึงวันเกิด เธอก็พูดว่า ลาก่อนนะคะ ลาแล้วลาเลย ลาขาด ก็แค่นั้น”

“เท่านั้นก็ดีสิ แต่ผู้ชายคนนี้ เขา... เขา...”

เธอขมวดคิ้ว และขบริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ

จะพูดกับการันต์แบบไหนดี ที่จะไม่ทำให้ตัวเธอเองรู้สึกงี่เง่า บอกว่า เขาตั้งท่าจะมีอะไรกับเธอ นับแต่นาทีแรกที่พบกันงั้นหรือ

บอกว่า เธอไม่ชอบขี้หน้า...

แต่กลับสั่นสะท้านกับอ้อมของเขา ในเวลาที่ควรจะชกเขาสักเปรี้ยงเข้าที่ขากรรไกร

หรือต้องบอกไหมล่ะ...

เรื่องที่เธอกระแซะเข้าหาเขาอย่างยอมจำนน ในไอ้ลิฟท์บ้าๆ นั่น แบบที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อนเลยในชีวิต...

“ฤดี”

สายตาของการันต์จ้องเขม็งมาที่เธอ

“ยังมีอะไร ที่ไม่ได้บอกฉันหรือเปล่า”

คนถูกถามลังเล การันต์เป็นเพื่อนของเธอ เพื่อนที่ดีที่สุด

บางที... บางทีถ้าเธอบอกเขา...

เสียงออดที่ชั้นล่างกรีดเสียงขึ้น การันต์เหลือบตามองนาฬิกา

“ของฉันเองแหละ”

เขาลุกขึ้นยืน

“คืนนี้มีนัดกับหวานใจน่ะ... นี่แน่ะ... ฤดีที่รัก”

เขาหันกลับมาบอก

“แค่ลองดูก่อน ลองให้โอกาสตัวเอง แล้วทุกอย่างก็จะต้องเรียบร้อย”

ฤดีถอนใจ ขณะเดินตามมาที่ประตูห้อง

“ฉันรู้”

“คิดดูสิว่า มันจะดีแค่ไหน ตอนที่เธอมีเงินน่ะ”

เขาบอก พร้อมกับ กดปุ่มตอบรับ ถอดโซ่ และปลดล็อกประตู

เธอยิ้มแหยๆ เป็นคำตอบ

“เอ่อ... ฉันรู้... แต่...”

การันต์วางมือโอบเอวของเพื่อนสาวเบาๆ และดึงให้หันมาหา

“เธอจะเปิดโรงทาน ทำกับข้าวกับแกง ไปแจกชุมชนแออัดที่ไหนก็ได้ หรือจะตั้งมูลนิธิดูแลพวกหมาแมวจรจัด เห็นบ่นอยู่ไม่ใช่เหรอว่า ที่ศูนย์กลางชุมชนจารุรัศมิ์ พยายามจะทำแบบนั้นมาตั้งหลายเดือนแล้ว หรือจะเปิดบ้านพักชั่วคราว สำหรับรับเลี้ยงหมาแมวถูกทิ้ง ให้ทุกตัวที่เธอไปเจอเข้าก็ยังได้นะ”

รอยยิ้มของเธอสดใสขึ้น จากคำแนะนำเช่นนี้

“ฉัน... ฉันทำได้จริงๆ ใช่ไหม”

การันต์กล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“แล้วเธอจะได้บอกอีตาพนมว่า มันควรทำอะไรกับร้านงี่เง่าของมัน เชอะ! เธอซื้อร้านอาหารนั่นเลยก็ยังได้นะ แล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นร้านขายเครื่องประดับซะเลย”

“โอ... รัญญ่าของฉัน เธอพูดถูก ฉันมัวแต่เสียอกเสียใจซะจน...”

ฤดีโอบแขนไปรอบคอของการันต์ ตอนที่เสียงกริ่งประตูดังขึ้น

“ขอบใจมากๆ เลยนะ”

การันต์ยิ้มเจ้าเล่ห์

“เปลี่ยนจากคำขอบคุณ เป็นอาจจะอยากออกทุนให้นักแสดงหนุ่มที่ยังกระเสือกระสนสักคน ไปทัวร์ยุโรปสักเดือนก็ได้นะ”

“เธอเนี่ยนะ จะแค่ไปเที่ยว”

ฤดีกล่าว แล้วยิ้มให้เพื่อน

“ก็แหม ถ้าไปถึงถิ่นแล้ว ไม่ได้ติดไม้ติดมือกลับมาสักสามสี่ไม้ ก็ไม่ใช่การันต์สิจ๊ะ”

ชายหนุ่มบอกอย่างพินอบพิเทา ขณะเอื้อมไปด้านหลังเธอ และเปิดประตูออก

“ที่รักจ๊ะ เธอกำลังจะรวยเป็นบ้า...”

“ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนักหรอก”

เสียงชายผู้กราดเกรี้ยวทำให้ลมหายใจของฤดีสะดุด นิ่งงันอยู่ในอ้อมแขนของการันต์ ก่อนหันขวับไปมอง

อนลยืนอยู่ตรงประตูที่เผยออก

ชั่วขณะนั้น ใจของฤดีเต้นกระหน่ำโครมคราม ที่ได้เห็นหน้าเขา เห็นร่างสูงคมเข้ม ในมาดของความเป็นชายชาตรีอันเต็มเปี่ยม

แต่แล้วฤดีก็เห็นร่องรอยเหยียดหยามบนริมฝีปากนั่น หลังของเธอเหยียดตรงขึ้นโดยอัตโนมัติ

“คุณมาทำอะไรที่นี่”

หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

“ช่างเป็นการต้อนรับ ที่อบอุ่นอะไรเช่นนี้ คุณฤดี ฤดี วงศาสราญ”

ดวงตาของเขาหรี่ลง ขณะมองภาพที่อยู่ตรงหน้า

“เห็นแล้วละว่า ผมมาในเวลา ที่... ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่”

ให้ตายเถอะ อนลสบถในใจ จะให้พูดอย่างอื่นได้ยังไงเล่า ภาพที่อยู่ตรงหน้าเขา แสดงความสนิทสนมอย่างที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้

ฤดีในชุดเสื้อคลุมเบาบางสีสันบาดตา ที่ทำให้เธอดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก กับผู้ชายที่โอบกอดอยู่แบบแนบแน่นนั่น ก็เปลือยผิวกายโชว์มัดกล้ามเหนือกางเกงยีนที่ยังไม่ได้กลัดดุม

อนลรู้สึกหวิวๆ ในช่องท้อง ฤดีกับคู่รักเพิ่งลงมาจากเตียง หรือว่า กำลังจะไปขึ้นเตียงกันแน่นะ

อีกเป็นอึดใจ กว่าที่เขาจะพูดอะไรออกมา

“บางทีคุณน่าจะแนะนำผมให้... เพื่อนของคุณรู้จักนะ”

ใบหน้าของฤดีร้อนผ่าว

“ฉันถามคุณอยู่นะคะ คุณอนล คุณมาทำอะไรที่นี่”

“ฤดี”

เสียงของการันต์ทุ้มต่ำ

“อยากให้ไล่ผู้ชายคนนี้ไปพ้นๆ ไหม”

ฤดียกมือขึ้นวางลงบนมือของการันต์

“การันต์คะ” เธอรีบบอก “นี่คือคุณอนล อนล เลิศไตรภพ”

เธอกลืนน้ำลายด้วยลำคอแห้งผาก

“ผู้... ผู้ปกครอง...”

รู้สึกได้ว่า การันต์สะดุ้งด้วยความตกใจ

“ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ปกครองงั้นเรอะ”

“ใช่”

เธอเชิดหน้าขึ้น

“และเขาก็กำลังจะบอกว่า มาทำไมที่นี่ ใช่ไหมคะ คุณอนล”

อนลสูดลมหายใจลึก ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายเขาก็จัดการส่งสิ่งที่หวังว่าจะเป็นรอยยิ้มไปให้

“ผมจะมาคุยเรื่องสำคัญบางอย่างกับคุณ”

“เรื่องสำคัญ คุณกับฉันเนี่ยนะ”

ฤดีหัวเราะหยัน

“ฉันไม่คิดว่า เรามีอะไรต้องคุยกัน”

ริมฝีปากของอนลเม้มแน่น

“มันจะเป็นประโยชน์กับคุณเอง ถ้าจะฟังในสิ่งที่ผมพูด ฤดี วงศาสราญ”

“อ้อ คุณตัดสินใจ ถอนตัวจากการเป็นผู้ปกครองของฉันแล้ว ใช่ไหมล่ะ”

“ถ้าผมถอนตัว ก็จะมีคนอื่นมาทำแทนอยู่ดี”

ฤดีผละออกจากวงแขนของการันต์ และเดินไปข้างหน้า

“นั่นก็ยังดีกว่า”

“ให้ตายสิ ฤดี เลิกทำตัวงี่เง่าซะที และ...”

“พอได้แล้วครับ คุณ... สุภาพบุรุษ”

การันต์พูดเป็นเชิงเตือน

สายตาของอนลตวัดไปที่ใบหน้าของคนพูดทันที

“ถ้าคุณฉลาดพอนะ”

เขาบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงนุ่มนวลแต่เย็นชา

“อยู่ให้ห่างจากเรื่องนี้จะดีกว่า”

“แต่... ถ้าคุณคิดว่า จะมาถึงนี่แล้วก็ข่มขู่ฤดี...”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ มันเป็นเรื่องระหว่างเด็กในปกครองของผม กับผม”

“ฉันไม่ใช่เด็กในปกครองของคุณ”

ฤดีแทบตวาด

“แต่คุณใช่ ยิ่งคุณจำใส่ใจไว้ได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น”

“อย่ามาใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับฉันนะ”

คิ้วของอนลเลิกขึ้น

“น้ำเสียงแบบไหน”

“แบบที่ฟังเหมือนฉันเป็นตัวตลกน่ะสิ”

ฤดีกำหมัดแน่น

“ไม่มีอะไรในพินัยกรรมของลุงให้คุณมีสิทธิ์ที่จะ... จะบุกรุกเข้ามาในบ้านของฉัน ตามใจชอบแบบนี้ ที่นี่ไม่ต้อนรับ ยิ่งไปกว่านั้น... ฉัน... กำลังยุ่ง”

“ใช่สิ”

สายตาของอนลตวัดจากฤดีไปที่การันต์

“ผมก็เห็นอยู่เหมือนกัน”

“ดี...”

ฤดียกมือขึ้นเท้าสะเอว

“งั้นคุณจะไปได้หรือยัง”

“หลังจากที่เราคุยกันก่อน แบบส่วนตัว”

“ฤดี” การันต์พึมพำ “ขอยืนยันนะว่า ถ้าต้องการให้จัดการกับหมอนี่...”

“จัดการผมงั้นรึ”

อนลยิ้มอย่างนิ่มนวลสุดๆ ริมฝีปากของเขาแสยะ ราวกับจะแยกเขี้ยวให้ดูเหมือนยิ้มของนักเลงโต

“คุณตั้งใจว่า จะทำยังไงเรอะ”

“หยุดได้แล้ว”

ฤดีระบายลมหายใจแรงๆ

“นี่มันตลกมากค่ะ คุณอนล ถ้ามีอะไรจะพูด ก็พูดมาเลย”

กล้ามเนื้อของอนลเกร็งด้วยความโกรธ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ผู้ชายคนนี้เป็นคู่รักของฤดีแน่ๆ ต่อให้ไม่ต้องฉลาดมากนักก็บอกได้

และเขามีสิทธิ์ทุกประการ ที่จะต้องปกป้องเธอ ...บ้าจริงๆ

แต่ต้องเป็นในชาติอื่นนะ ไม่ใช่ในชาตินี้...

ไม่ใช่ในขณะที่ ฤดีกำลังยืนอยู่ใกล้กับเขา จนสามารถได้กลิ่นหอมจางๆ ของน้ำหอมที่ติดอยู่บนผิวกายของเธอ

ไม่ใช่ในขณะที่ เขาสามารถมองเห็นจังหวะชีพจรบนลำคอของเธอ...

อนลส่งยิ้มแบบสบายๆ และติดจะเกียจคร้านให้การันต์

“คุณรู้หรือเปล่าว่า เธอยังอายุไม่ครบยี่สิบเอ็ดน่ะ”

“ให้ตายสิ คุณอนล ฉันโตพอแล้วที่จะ... จะ...”

ฤดีกัดริมฝีปากของเธอเอง ฉันโตพอที่จะเลือกคบเพื่อนได้เองแล้ว เธอเกือบจะพูดออกไปแบบนั้น

แต่ทันใดนั้นก็ตระหนักว่า สภาพที่อนลเห็นอยู่นี่ ตัวเธอในชุดเสื้อคลุมกับการันต์ที่สวมแต่กางเกงยีนตัวเดียวแบบนี้ มันช่างเหมาะเหม็งซะจริงๆ

เหมาะมากๆ

เธออาจจะเป็นเด็กในปกครองของอนล เลิศไตรภพ แต่ไม่ใช่เด็กที่เขาจะมาข่มขู่ได้

มีอะไรที่จะสะใจได้ดีไปกว่า การปล่อยให้นายอนลเข้าใจ อย่างที่เขากำลังคิดอยู่ล่ะ

ด้วยสายตาท้าทาย เธอเอี้ยวตัวไปหาการันต์ วางมือเบาๆ ลงบนอกเปล่าเปลือยของเพื่อนสนิท

“ฉันโตพอที่จะเลือก... สามี... ด้วยตัวเองได้แล้ว”



(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่