สืบเนื่องจากกระทู้
http://pantip.com/topic/32516630 และข่าวของไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/446680
ทีมีการบังคับให้พนักงาน ธนาคาร ขายประกัน เหมือนกับเซลล์ขายสินค้า ซึ่งหลังจากที่ผมได้อ่านแล้ว ก็ไม่สบายใจอย่างยิ่ง และจากประสบการณ์ ที่ผมประสบมา ที่ใช้บริการของ ธนาคาร กรุงไทยนั้น ต้องยอมรับครับว่าเหตุการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นจริง อย่างที่เราทุกๆคนที่เป็นลูกค้าพบเจอกันบ่อยๆ ในความคิดเห็นของผม ผู้ซึ่ง ถือหุ้น ของกรุงไทยอยู่ พอสมควรนั้น เห็นแล้วว่า การบริหารงาน และการกำหนด KPI แบบนี้ ไม่ถูกต้อง เป็นการกำหนดเป้า ที่เน้นการขายมากเกินไป จริงอยู่การขายนั้นเกิดรายได้ แต่การทำงาน การบริการลูกค้า สินเชื่อ การบริหาร หนี้ ไม่สำคัญกว่าหรือ ส่วนการประเมินผลการทำงาน จะพิจารณาจากยอดการขาย โดยไม่นำการให้บริการของลูกค้าหรือคุณภาพการทำงานในด้านอื่นๆ มาเป็นองค์ประกอบในการประเมินผลงานแต่อย่างใด การกำหนดนโยบายแบบนี้ ย่อมส่งผลต่อองค์กร ระยะยาวแน่นอนครับ เพราะจากที่ทราบ ธนาคารกรุงไทย นั้น ประสบปัญหา พนักงานที่มีความสามารถ หลายๆคน นั้นลาออกไปเยอะพอสมควร ซึ่งพนักงานรับเข้ามาใหม่ ย่อมมีประสบการณ์ ที่น้อยกว่า เสียค่าใช้จ่ายในการ อบรม และอาจจะประสบปัญหาพนักงาน ลาออกเหมือนเดิม กรุงไทย ต้องไม่ลืมนะครับว่า งานหลักของธนาคาร คืออะไร การเงิน การธนาคาร หรือ ธุรกิจประกัน ต้องแยกให้ชัดเจน ผมยังจำรอยยิ้มของพนักงาน กรุงไทยได้ดี แต่วันนี้พวกเค้า ขายประกัน ลูกเดียว เราลองมาดูนโยบายของกรุงไทยกันสักนิดครับ
ดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น “ธนาคารแสนสะดวก (The Convenience Bank) ที่ดูแลและบริการลูกค้าดีที่สุด” โดยเฉพาะการเดินหน้าพัฒนา และริเริ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า และเพื่อปรับตัวรับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น จากสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง
การดำเนินตามนโยบายของรัฐ
1. โครงการขยายวงเงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
2. สินเชื่อ Microfinanceเพื่อการค้า
3. โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML)
4. โครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
http://www.ktb.co.th/ktb/th/about-important-policy-direction.aspx
ผมยังไม่ทราบว่า นโยบายเหล่านี้ทำไปถึงไหนแล้ว และ ข้อไหนที่เน้น การขายประกัน จนองค์กร เกิดการเปลี่ยนแปลง ขนาดนี้ ทั้งยังมีการจัดตั้ง Loan Factory ในการดำเนินการทางด้านสินเชื่อไว้ ที่เดียว โดยที่ยกเลิก การพิจารณา จากสาขา ทำให้เกิด ปรากฏการณ์ คอขวด มันเป็นหลักการธรรมชาติ ในการบริหารเลยครับ ว่าการรวมศูนย์ ถ้าปราศจาก การวางแผน การจัดการที่ดี ปัญหา นี้เกิดขึ้น จากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันได้ เกิดขึ้น แล้ว ในกรุงไทย ผมยังอยากเห็น กรุงไทย เกิดการเติบโต อย่างต่อเนื่อง แข็งแรง ยิ่งๆขึ้นไป เพราะผมคือลูกค้า และหนึ่งในผู้ถือหุ้นของธนาคาร และหวังว่า ความเห็นของผมจะเป็นกระจก สะท้อนปัญญาที่เกิดขึ้นอีกทางหนึ่ง
กรุงไทยวันนี้ ไม่เหมือนเก่า
ทีมีการบังคับให้พนักงาน ธนาคาร ขายประกัน เหมือนกับเซลล์ขายสินค้า ซึ่งหลังจากที่ผมได้อ่านแล้ว ก็ไม่สบายใจอย่างยิ่ง และจากประสบการณ์ ที่ผมประสบมา ที่ใช้บริการของ ธนาคาร กรุงไทยนั้น ต้องยอมรับครับว่าเหตุการณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นจริง อย่างที่เราทุกๆคนที่เป็นลูกค้าพบเจอกันบ่อยๆ ในความคิดเห็นของผม ผู้ซึ่ง ถือหุ้น ของกรุงไทยอยู่ พอสมควรนั้น เห็นแล้วว่า การบริหารงาน และการกำหนด KPI แบบนี้ ไม่ถูกต้อง เป็นการกำหนดเป้า ที่เน้นการขายมากเกินไป จริงอยู่การขายนั้นเกิดรายได้ แต่การทำงาน การบริการลูกค้า สินเชื่อ การบริหาร หนี้ ไม่สำคัญกว่าหรือ ส่วนการประเมินผลการทำงาน จะพิจารณาจากยอดการขาย โดยไม่นำการให้บริการของลูกค้าหรือคุณภาพการทำงานในด้านอื่นๆ มาเป็นองค์ประกอบในการประเมินผลงานแต่อย่างใด การกำหนดนโยบายแบบนี้ ย่อมส่งผลต่อองค์กร ระยะยาวแน่นอนครับ เพราะจากที่ทราบ ธนาคารกรุงไทย นั้น ประสบปัญหา พนักงานที่มีความสามารถ หลายๆคน นั้นลาออกไปเยอะพอสมควร ซึ่งพนักงานรับเข้ามาใหม่ ย่อมมีประสบการณ์ ที่น้อยกว่า เสียค่าใช้จ่ายในการ อบรม และอาจจะประสบปัญหาพนักงาน ลาออกเหมือนเดิม กรุงไทย ต้องไม่ลืมนะครับว่า งานหลักของธนาคาร คืออะไร การเงิน การธนาคาร หรือ ธุรกิจประกัน ต้องแยกให้ชัดเจน ผมยังจำรอยยิ้มของพนักงาน กรุงไทยได้ดี แต่วันนี้พวกเค้า ขายประกัน ลูกเดียว เราลองมาดูนโยบายของกรุงไทยกันสักนิดครับ
ดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น “ธนาคารแสนสะดวก (The Convenience Bank) ที่ดูแลและบริการลูกค้าดีที่สุด” โดยเฉพาะการเดินหน้าพัฒนา และริเริ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า และเพื่อปรับตัวรับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น จากสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง
การดำเนินตามนโยบายของรัฐ
1. โครงการขยายวงเงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
2. สินเชื่อ Microfinanceเพื่อการค้า
3. โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML)
4. โครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
http://www.ktb.co.th/ktb/th/about-important-policy-direction.aspx
ผมยังไม่ทราบว่า นโยบายเหล่านี้ทำไปถึงไหนแล้ว และ ข้อไหนที่เน้น การขายประกัน จนองค์กร เกิดการเปลี่ยนแปลง ขนาดนี้ ทั้งยังมีการจัดตั้ง Loan Factory ในการดำเนินการทางด้านสินเชื่อไว้ ที่เดียว โดยที่ยกเลิก การพิจารณา จากสาขา ทำให้เกิด ปรากฏการณ์ คอขวด มันเป็นหลักการธรรมชาติ ในการบริหารเลยครับ ว่าการรวมศูนย์ ถ้าปราศจาก การวางแผน การจัดการที่ดี ปัญหา นี้เกิดขึ้น จากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมันได้ เกิดขึ้น แล้ว ในกรุงไทย ผมยังอยากเห็น กรุงไทย เกิดการเติบโต อย่างต่อเนื่อง แข็งแรง ยิ่งๆขึ้นไป เพราะผมคือลูกค้า และหนึ่งในผู้ถือหุ้นของธนาคาร และหวังว่า ความเห็นของผมจะเป็นกระจก สะท้อนปัญญาที่เกิดขึ้นอีกทางหนึ่ง