สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
หลังแพ้ WWI เยอรมันโดนฝรั่งเศสเหยียบจมดิน โดนกดขี่สารพัดด้วยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
หามาได้เท่าไหร่ต้องให้หมด แถมยังโดนชาวยิวแย่งงาน แย่งกิจการ
ฮิตเลอร์ทำให้คนในชาติที่แทบจะหมดหวัง มารวมกันและสามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
เทคโนโลยี วิศวกรรม การแพทย์ในยุคนาซี ถือว่าก้าวกระโดดเป็นสิบๆ ปี
บางเคสในกรณีปกติไม่สามารถทำการทดลองได้แน่นอน (แต่ไม่ได้หมายความว่ามันถูก)
ส่วนตัวเราเชื่อว่าทุกคนไม่มีใครดี 100% และไม่มีใครเลว 100%
การบอกว่าเค้าทำดีในเรื่องนึง ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะถูกไปทุกเรื่อง
หามาได้เท่าไหร่ต้องให้หมด แถมยังโดนชาวยิวแย่งงาน แย่งกิจการ
ฮิตเลอร์ทำให้คนในชาติที่แทบจะหมดหวัง มารวมกันและสามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
เทคโนโลยี วิศวกรรม การแพทย์ในยุคนาซี ถือว่าก้าวกระโดดเป็นสิบๆ ปี
บางเคสในกรณีปกติไม่สามารถทำการทดลองได้แน่นอน (แต่ไม่ได้หมายความว่ามันถูก)
ส่วนตัวเราเชื่อว่าทุกคนไม่มีใครดี 100% และไม่มีใครเลว 100%
การบอกว่าเค้าทำดีในเรื่องนึง ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะถูกไปทุกเรื่อง
ความคิดเห็นที่ 59
ความเห็นนี้ยาวมาก แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์
เป็นเรื่องที่ยากจะถกเถียงว่าอะไรดีจริงอะไรเลวจริง โดยเฉพาะสำหรับฮิตเลอร์
หลายๆ ความเห็นที่แสดงมาด้านบนถึงความดีของฮิตเลอร์ ผมมองว่าเป็นการพูดที่ตื้นไป ไม่ได้ลงรายละเอียดมากพอให้เข้าใจ
เพราะหลายอย่างที่มีคนนึงบอกว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์ สำหรับอีกคนอาจจะมองว่าไม่ใช่
นอกจากนั้น หลายอย่างที่เป็นผลพวงมาจากสงครามโลก ไม่ควรจะนับว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์
ก่อนจะพูดถึงข้อดีข้อเสีย สิ่งที่ต้องยอมรับก่อนคือฮิตเลอร์เป็นนักพูดที่มีพรสวรรค์มาก
มีความสามารถในการใช้คำพูดเข้าถึงใจผู้คน ชักจูงและชักนำความคิดคนเยอรมัน
ปัจจัยนี้บวกกับความตกต่ำทางเศรษฐกิจในยุคนั้น และความวุ่นวายทางการเมืองในเยอรมัน หนุนส่งให้ฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจ
หลายสิ่งที่มีบอกว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์ ผมเห็นว่านั่นเป็นแค่บุคลิก แต่ถ้าจะสรุปตัวตนฮิตเลอร์แบบคร่าวๆ คงสรุปได้ดังนี้
1. ฮิตเลอร์เป็นนักชาตินิยม การชาตินิยมก็มองเป็นข้อดีได้ ถ้าใช้ในทางบวก ตั้งใจพัฒนาให้เท่าเทียมชาติอื่น
แต่ฮิตเลอร์ชาตินิยมจนมองว่าเผ่าพันธุ์หนึ่งสูงส่งกว่าอีกเผ่าพันธุ์ เช่นเยอรมันสูงส่งกว่ายิว สลาฟ โปล ยิปซี ฯลฯ
ฮิตเลอร์ไม่ได้เกลียดแต่ยิว แต่ฮิตเลอร์ดูถูกทุกชนชาติที่ฮิตเลอร์มองว่าต่ำกว่า
2. ฮิตเลอร์เป็นคนเด็ดขาด มีจุดยืนแน่ชัด เชื่อมั่นในตนเอง
แต่ความเด็ดขากของฮิตเลอร์ ตามมาด้วยการไม่รับฟังคำทัดทานของผู้ใด เชื่อในความคิดของตัว
การก่อสงครามของฮิตเลอร์ จริงๆ แล้วเป็นช่วงที่กองทัพเยอรมันยังสะสมกำลังไม่พร้อม แม่ทัพนายกองทัดทาน
ถ้าฮิตเลอร์รอไปอีก 4-5 ปี สงครามอาจยาวนานกว่านี้
และจนแม้ขนาดเยอรมันจะล่มสลายแล้ว ฮิตเลอร์ยังต้องการให้เยอรมันและชาวเยอรมันทั้งชาติล่มจมไปพร้อมกับความตายของตัว
โดยการสั่งให้ทำลายสาธารณูปโภคทุกอย่างที่เหลืออยู่ และยังสั่งให้ชาวเยอรมันทุกคนรบจนตาย
บางคนอาจจะบูชาฮิตเลอร์ในเรื่องนี้ แต่สำหรับผมนี่คือคนเห็นแก่ตัว
3. ฮิตเลอร์มีมุมของความโอบอ้อม เมตตาอาทรต่อคนรอบข้าง เช่นเสมียน หรือสุนัขของตนเอง แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จัก หรือเคยรู้จักแต่ท้าทายอำนาจ ฮิตเลอร์ไม่เคยลังเลที่จะกำจัด ช่วงก่อนสงครามเองมีนักโทษการเมืองหรือผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับฮิตเลอร์ที่เป็นเยอรมันแท้ๆ ถูกส่งเข้าคุกหรือค่ายกักกันอยู่แล้วหลายแสนคน
4. ฮิตเลอร์รักศิลปะ แต่ความรักศิลปะของฮิตเลอร์ตามมาด้วยความคิดว่าเยอรมันต้องเก็บศิลปะล้ำค่าไว้แต่ผู้เดียว
ดังนั้นฮิตเลอร์จึงสั่งให้ปล้นสะดมงานศิลปะต่างๆ จากทุกประเทศที่ยึดครอง เอาไปไว้ที่เยอรมันทั้งหมด นับเป็นล้านๆ ชิ้น
งานเหล่านี้บางส่วนถูกทำลายเมื่อเยอรมันใกล้จะแพ้สงคราม
ในระยะสั้น นโยบายต่างๆ ของฮิตเลอร์ในการเตรียมทำสงคราม ช่วยพัฒนาประเทศเยอรมันอย่างมาก
เช่นเมื่อมีการสร้างอาวุธมากขึ้นแบบมโหฬาร อัตราการจ้างงาน และเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเยอรมันก็เพิ่มขึ้น
ยิ่งฉีกสัญญาที่เอาเปรียบไป ไม่จ่าย เงินก็ไม่รั่วไหล ดังนั้นในระยะต้นของการปกครองฮิตเลอร์ เยอรมันเลยพัฒนาแบบก้าวกระโดด
แต่สิ่งเหล่านี้ ส่วนใหญ่ถูกทำลายหมดในช่วงสงคราม อาจจะเหลือแต่เพียงถนนออโต้บาห์น และความเข็ดหลาบของคนเยอรมัน
หลายอย่างที่เพื่อนสมาชิกด้านบนบอกว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์ จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นผลที่ได้มากจากการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพราะสงคราม อันนี้ต้องยอมรับ
เช่นเทคโนโลยีต่างๆ คอมพิวเตอร์ เครื่องยนต์เจ็ต ยารักษาโรค นิวเคลียร์ ฯลฯ
แต่สิ่งเหล่านี้แลกมาด้วยทุกข์ยากของผู้คนในรุ่นนั้นแทบทั้งโลก พร้อมกับชีวิตที่ต้องตายก่อนวัยอันควรมากกว่า 60 ล้านชีวิต มากพอๆ กับประชากรไทยทั้งประเทศในปัจจุบัน
การทดลองต่อมนุษย์ที่หลายคนชื่นชมว่าส่งผลดีต่อการรักษาพยาบาลในปัจจุบัน คนเหล่านี้จะยอมอาสาไหมถ้าตัวจะต้องเป็นผู้ถูกทดลองแบบนั้น
หลายสิ่งที่มีในวันนี้ เป็นผลทางอ้อมจากวันนั้น ถ้าไม่มีวันนั้น เราอาจไม่มีสิ่งเหล่านี้ หรือมีสิ่งเหล่านี้ช้าลง หรือมีสิ่งอื่นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงก็ได้
แต่ผลพวงหนึ่งที่เห็นชัดคือ สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง 70 ปีแล้ว แต่โลกยังไม่ได้สงบสุข แต่ดูเหมือนเราจะมีความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น ชาวโลกยังคงรบราฆ่าฟันกันทั่ว
โลกวันนี้ ปลอดภัยกว่าเมื่อ 100 ปีจริงหรือ
การมีสิ่งดีๆ ที่เป็นผลทางอ้อมมาจากสิ่งเลวๆ ที่คนบางคนทำไว้ จะเอามาโมเมว่านี่คือข้อดีของคนคนนั้นได้อย่างนั้นหรือ
ถ้าตรรกะแบบนี้ถูกต้อง ต่อไปเราอาจจะต้องชมไอ้เกมส์ที่ฆ่าข่มขืนโยนเด็ก 13 ปีลงจากรถไฟ
เพราะผลการทำเลวตอนนั้น ทำให้ตอนนี้มีระบบรถไฟนอนสำหรับผู้หญิง และรถไฟอาจจะปลอดภัยขึ้นบ้าง
ปล. แถมให้สำหรับเรื่องคนยิวในเยอรมัน จริงๆ คนยิวในยุโรปถูกรังเกียจมาเป็นพันปีแล้ว ขี้เกียจเล่า ลองไปหาอ่านในกระทู้เก่าๆ ผมเอาเอง
ยุคที่ฮิตเลอร์ครองอำนาจ เยอรมันมีประชากร 60 กว่าล้านคน เป็นคนยิวประมาณห้าแสนคนเท่านั้น ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็น
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเสมียน เจ้าของร้านค้าย่อย เป็นชนชั้นกลางธรรมดา มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นเศรษฐีเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม
ประเทศที่มีคนยิวมากคือโปแลนด์ คนเหล่านี้ถูกกำจัดเมื่อเยอรมันยึดครองโปแลนด์
คนยิวที่ตายไปกว่าหกล้าน ส่วนใหญ่กวาดต้อนมาจากโปแลนด์ รัสเซีย และประเทศยุโรปอื่นๆ ที่เยอรมันยึดครอง ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้ไปทำอะไรต่อเยอรมันเลย
เป็นเรื่องที่ยากจะถกเถียงว่าอะไรดีจริงอะไรเลวจริง โดยเฉพาะสำหรับฮิตเลอร์
หลายๆ ความเห็นที่แสดงมาด้านบนถึงความดีของฮิตเลอร์ ผมมองว่าเป็นการพูดที่ตื้นไป ไม่ได้ลงรายละเอียดมากพอให้เข้าใจ
เพราะหลายอย่างที่มีคนนึงบอกว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์ สำหรับอีกคนอาจจะมองว่าไม่ใช่
นอกจากนั้น หลายอย่างที่เป็นผลพวงมาจากสงครามโลก ไม่ควรจะนับว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์
ก่อนจะพูดถึงข้อดีข้อเสีย สิ่งที่ต้องยอมรับก่อนคือฮิตเลอร์เป็นนักพูดที่มีพรสวรรค์มาก
มีความสามารถในการใช้คำพูดเข้าถึงใจผู้คน ชักจูงและชักนำความคิดคนเยอรมัน
ปัจจัยนี้บวกกับความตกต่ำทางเศรษฐกิจในยุคนั้น และความวุ่นวายทางการเมืองในเยอรมัน หนุนส่งให้ฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจ
หลายสิ่งที่มีบอกว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์ ผมเห็นว่านั่นเป็นแค่บุคลิก แต่ถ้าจะสรุปตัวตนฮิตเลอร์แบบคร่าวๆ คงสรุปได้ดังนี้
1. ฮิตเลอร์เป็นนักชาตินิยม การชาตินิยมก็มองเป็นข้อดีได้ ถ้าใช้ในทางบวก ตั้งใจพัฒนาให้เท่าเทียมชาติอื่น
แต่ฮิตเลอร์ชาตินิยมจนมองว่าเผ่าพันธุ์หนึ่งสูงส่งกว่าอีกเผ่าพันธุ์ เช่นเยอรมันสูงส่งกว่ายิว สลาฟ โปล ยิปซี ฯลฯ
ฮิตเลอร์ไม่ได้เกลียดแต่ยิว แต่ฮิตเลอร์ดูถูกทุกชนชาติที่ฮิตเลอร์มองว่าต่ำกว่า
2. ฮิตเลอร์เป็นคนเด็ดขาด มีจุดยืนแน่ชัด เชื่อมั่นในตนเอง
แต่ความเด็ดขากของฮิตเลอร์ ตามมาด้วยการไม่รับฟังคำทัดทานของผู้ใด เชื่อในความคิดของตัว
การก่อสงครามของฮิตเลอร์ จริงๆ แล้วเป็นช่วงที่กองทัพเยอรมันยังสะสมกำลังไม่พร้อม แม่ทัพนายกองทัดทาน
ถ้าฮิตเลอร์รอไปอีก 4-5 ปี สงครามอาจยาวนานกว่านี้
และจนแม้ขนาดเยอรมันจะล่มสลายแล้ว ฮิตเลอร์ยังต้องการให้เยอรมันและชาวเยอรมันทั้งชาติล่มจมไปพร้อมกับความตายของตัว
โดยการสั่งให้ทำลายสาธารณูปโภคทุกอย่างที่เหลืออยู่ และยังสั่งให้ชาวเยอรมันทุกคนรบจนตาย
บางคนอาจจะบูชาฮิตเลอร์ในเรื่องนี้ แต่สำหรับผมนี่คือคนเห็นแก่ตัว
3. ฮิตเลอร์มีมุมของความโอบอ้อม เมตตาอาทรต่อคนรอบข้าง เช่นเสมียน หรือสุนัขของตนเอง แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จัก หรือเคยรู้จักแต่ท้าทายอำนาจ ฮิตเลอร์ไม่เคยลังเลที่จะกำจัด ช่วงก่อนสงครามเองมีนักโทษการเมืองหรือผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับฮิตเลอร์ที่เป็นเยอรมันแท้ๆ ถูกส่งเข้าคุกหรือค่ายกักกันอยู่แล้วหลายแสนคน
4. ฮิตเลอร์รักศิลปะ แต่ความรักศิลปะของฮิตเลอร์ตามมาด้วยความคิดว่าเยอรมันต้องเก็บศิลปะล้ำค่าไว้แต่ผู้เดียว
ดังนั้นฮิตเลอร์จึงสั่งให้ปล้นสะดมงานศิลปะต่างๆ จากทุกประเทศที่ยึดครอง เอาไปไว้ที่เยอรมันทั้งหมด นับเป็นล้านๆ ชิ้น
งานเหล่านี้บางส่วนถูกทำลายเมื่อเยอรมันใกล้จะแพ้สงคราม
ในระยะสั้น นโยบายต่างๆ ของฮิตเลอร์ในการเตรียมทำสงคราม ช่วยพัฒนาประเทศเยอรมันอย่างมาก
เช่นเมื่อมีการสร้างอาวุธมากขึ้นแบบมโหฬาร อัตราการจ้างงาน และเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเยอรมันก็เพิ่มขึ้น
ยิ่งฉีกสัญญาที่เอาเปรียบไป ไม่จ่าย เงินก็ไม่รั่วไหล ดังนั้นในระยะต้นของการปกครองฮิตเลอร์ เยอรมันเลยพัฒนาแบบก้าวกระโดด
แต่สิ่งเหล่านี้ ส่วนใหญ่ถูกทำลายหมดในช่วงสงคราม อาจจะเหลือแต่เพียงถนนออโต้บาห์น และความเข็ดหลาบของคนเยอรมัน
หลายอย่างที่เพื่อนสมาชิกด้านบนบอกว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์ จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นผลที่ได้มากจากการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพราะสงคราม อันนี้ต้องยอมรับ
เช่นเทคโนโลยีต่างๆ คอมพิวเตอร์ เครื่องยนต์เจ็ต ยารักษาโรค นิวเคลียร์ ฯลฯ
แต่สิ่งเหล่านี้แลกมาด้วยทุกข์ยากของผู้คนในรุ่นนั้นแทบทั้งโลก พร้อมกับชีวิตที่ต้องตายก่อนวัยอันควรมากกว่า 60 ล้านชีวิต มากพอๆ กับประชากรไทยทั้งประเทศในปัจจุบัน
การทดลองต่อมนุษย์ที่หลายคนชื่นชมว่าส่งผลดีต่อการรักษาพยาบาลในปัจจุบัน คนเหล่านี้จะยอมอาสาไหมถ้าตัวจะต้องเป็นผู้ถูกทดลองแบบนั้น
หลายสิ่งที่มีในวันนี้ เป็นผลทางอ้อมจากวันนั้น ถ้าไม่มีวันนั้น เราอาจไม่มีสิ่งเหล่านี้ หรือมีสิ่งเหล่านี้ช้าลง หรือมีสิ่งอื่นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงก็ได้
แต่ผลพวงหนึ่งที่เห็นชัดคือ สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง 70 ปีแล้ว แต่โลกยังไม่ได้สงบสุข แต่ดูเหมือนเราจะมีความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น ชาวโลกยังคงรบราฆ่าฟันกันทั่ว
โลกวันนี้ ปลอดภัยกว่าเมื่อ 100 ปีจริงหรือ
การมีสิ่งดีๆ ที่เป็นผลทางอ้อมมาจากสิ่งเลวๆ ที่คนบางคนทำไว้ จะเอามาโมเมว่านี่คือข้อดีของคนคนนั้นได้อย่างนั้นหรือ
ถ้าตรรกะแบบนี้ถูกต้อง ต่อไปเราอาจจะต้องชมไอ้เกมส์ที่ฆ่าข่มขืนโยนเด็ก 13 ปีลงจากรถไฟ
เพราะผลการทำเลวตอนนั้น ทำให้ตอนนี้มีระบบรถไฟนอนสำหรับผู้หญิง และรถไฟอาจจะปลอดภัยขึ้นบ้าง
ปล. แถมให้สำหรับเรื่องคนยิวในเยอรมัน จริงๆ คนยิวในยุโรปถูกรังเกียจมาเป็นพันปีแล้ว ขี้เกียจเล่า ลองไปหาอ่านในกระทู้เก่าๆ ผมเอาเอง
ยุคที่ฮิตเลอร์ครองอำนาจ เยอรมันมีประชากร 60 กว่าล้านคน เป็นคนยิวประมาณห้าแสนคนเท่านั้น ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็น
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเสมียน เจ้าของร้านค้าย่อย เป็นชนชั้นกลางธรรมดา มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นเศรษฐีเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม
ประเทศที่มีคนยิวมากคือโปแลนด์ คนเหล่านี้ถูกกำจัดเมื่อเยอรมันยึดครองโปแลนด์
คนยิวที่ตายไปกว่าหกล้าน ส่วนใหญ่กวาดต้อนมาจากโปแลนด์ รัสเซีย และประเทศยุโรปอื่นๆ ที่เยอรมันยึดครอง ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้ไปทำอะไรต่อเยอรมันเลย
ความคิดเห็นที่ 27
ด้านดี ๆของฮิตเลอร์
1. ฮิตเลอร์ทำให้เยอรมนี เป็น เยอรมนี อย่างทุกวันนี้
ถ้าไม่ใช่ฮิตเลอร์มันจะมีใครกล้าฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายส์มั้ยล่ะครับ
ค่าปฏิกรรมสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่อังกฤษกับฝรั่งเศสเรียกตั้ง 130,000 กว่าล้านมาร์ค
เศรษฐกิจตกต่ำชนิดที่ว่าขนมปังก้อนนึงราคาเป็นล้านมาร์ค
ถ้าไม่ใช่เพราะฮิตเลอร์ป่านนี้เยอรมนีคงไม่ต่างไปจากกรีซหรืออาจจะแย่กว่าเป็นสิบ ๆเท่า
2. ก่อสงครามโลกครั้งที่ 2... แล้วมันดียังไงล่ะ ก่อสงคราม?
WW2 เป็นเสมือนดาบ 2 คมซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ทางอ้อมมากมายมหาศาล เท่าที่ผมคิดออก ณ เวลานี้ก็มี...
2.1 หากสังเกตประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ มนุษย์เราก่อสงครามกันน้อยใหญ่มากมาย
อย่างสงครามครูเสด สงคราม 30 ปี สงครามต่อต้านนโปเลียน สงครามยุคกรีซ-โรมัน ฯลฯ หรือแม้กระทั่งไทยกับพม่า
WW2 จึงเป็นเหมือนการปะทุครั้งใหญ่ที่สุดของภูเขาไฟ ก่อนที่ภูเขาไฟลูกนั้นจะดับลงอย่างถาวร (หรือเป็นเวลายาวนาน)
สังเกตดูว่าสมัยนี้จะไม่มีสงครามใหญ่ (ใหญ่จริง ๆ) ที่รวบรวมพันธมิตรหลาย ๆประเทศไปรบกันอย่างสงครามต่อต้านนโปเลียน
รบกันเป็นร้อย ๆปีอย่างสงครามครูเสด หรือแม้แต่ยุคจักรวรรดินิยมและการล่าอาณานิคม
ซึ่งผลจาก WW2 นี้ก็นำไปสู่องค์กรแสวงหาสันติภาพของโลกมนุษย์อย่างจริงจัง (ขอใช้คำว่าจริงจัง ไม่ใช้คำว่าแท้จริง)
สรุปก็คือหากไม่มีฮิตเลอร์ก็ไม่มี WW2 , ไม่มี WW2 ก็ไม่มี UN ,
และถ้าไม่มี UN ป่านนี้คุณผู้อ่านและผมอาจกำลังถือมีดดาบ (หรือปืน) รบกับประเทศเพื่อนบ้านกันอยู่ก็เป็นได้
หรือไม่ก็อาจเป็นสมรภูมิดุเดือดให้อังกฤษที่ยึดครองพม่า กับ ฝรั่งเศสที่ยึดครองลาวและเขมร รบกัน
(ถึงสมัยนั้นจะตกลงกันเรียบร้อยว่าให้สยามเป็นดินแดนกันชนแล้ว แต่ปัจจุบันอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ)
2.2 ขออนุญาตใช้ประโยคเดิม ๆ
หากไม่มีฮิตเลอร์ก็ไม่มี WW2 , ไม่มี WW2 เทคโนโลยี วงการแพทย์ ฯลฯ คงไม่มาไกลถึงขั้นนี้
ซึ่งผมและคุณก็คงไม่ได้มานั่งพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่ในเว็ป Pantip ณ ตอนนี้หรอก
คงไม่มีสมาร์ทโฟนให้คุณเล่น ไม่มีเฟซบุ๊คให้คุณคุยกับเพื่อน ๆ ไม่มีเกมเศรษฐีให้คุณสร้างแลนด์มาร์ค
ไม่มียารักษาโรคร้ายแรงที่อาจคร่าชีวิตพวกคุณ ฯลฯ
---------
edit เพิ่มเติมเล็กน้อย+แก้พิมพ์ตก
1. ฮิตเลอร์ทำให้เยอรมนี เป็น เยอรมนี อย่างทุกวันนี้
ถ้าไม่ใช่ฮิตเลอร์มันจะมีใครกล้าฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายส์มั้ยล่ะครับ
ค่าปฏิกรรมสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่อังกฤษกับฝรั่งเศสเรียกตั้ง 130,000 กว่าล้านมาร์ค
เศรษฐกิจตกต่ำชนิดที่ว่าขนมปังก้อนนึงราคาเป็นล้านมาร์ค
ถ้าไม่ใช่เพราะฮิตเลอร์ป่านนี้เยอรมนีคงไม่ต่างไปจากกรีซหรืออาจจะแย่กว่าเป็นสิบ ๆเท่า
2. ก่อสงครามโลกครั้งที่ 2... แล้วมันดียังไงล่ะ ก่อสงคราม?
WW2 เป็นเสมือนดาบ 2 คมซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ทางอ้อมมากมายมหาศาล เท่าที่ผมคิดออก ณ เวลานี้ก็มี...
2.1 หากสังเกตประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ มนุษย์เราก่อสงครามกันน้อยใหญ่มากมาย
อย่างสงครามครูเสด สงคราม 30 ปี สงครามต่อต้านนโปเลียน สงครามยุคกรีซ-โรมัน ฯลฯ หรือแม้กระทั่งไทยกับพม่า
WW2 จึงเป็นเหมือนการปะทุครั้งใหญ่ที่สุดของภูเขาไฟ ก่อนที่ภูเขาไฟลูกนั้นจะดับลงอย่างถาวร (หรือเป็นเวลายาวนาน)
สังเกตดูว่าสมัยนี้จะไม่มีสงครามใหญ่ (ใหญ่จริง ๆ) ที่รวบรวมพันธมิตรหลาย ๆประเทศไปรบกันอย่างสงครามต่อต้านนโปเลียน
รบกันเป็นร้อย ๆปีอย่างสงครามครูเสด หรือแม้แต่ยุคจักรวรรดินิยมและการล่าอาณานิคม
ซึ่งผลจาก WW2 นี้ก็นำไปสู่องค์กรแสวงหาสันติภาพของโลกมนุษย์อย่างจริงจัง (ขอใช้คำว่าจริงจัง ไม่ใช้คำว่าแท้จริง)
สรุปก็คือหากไม่มีฮิตเลอร์ก็ไม่มี WW2 , ไม่มี WW2 ก็ไม่มี UN ,
และถ้าไม่มี UN ป่านนี้คุณผู้อ่านและผมอาจกำลังถือมีดดาบ (หรือปืน) รบกับประเทศเพื่อนบ้านกันอยู่ก็เป็นได้
หรือไม่ก็อาจเป็นสมรภูมิดุเดือดให้อังกฤษที่ยึดครองพม่า กับ ฝรั่งเศสที่ยึดครองลาวและเขมร รบกัน
(ถึงสมัยนั้นจะตกลงกันเรียบร้อยว่าให้สยามเป็นดินแดนกันชนแล้ว แต่ปัจจุบันอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ)
2.2 ขออนุญาตใช้ประโยคเดิม ๆ
หากไม่มีฮิตเลอร์ก็ไม่มี WW2 , ไม่มี WW2 เทคโนโลยี วงการแพทย์ ฯลฯ คงไม่มาไกลถึงขั้นนี้
ซึ่งผมและคุณก็คงไม่ได้มานั่งพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่ในเว็ป Pantip ณ ตอนนี้หรอก
คงไม่มีสมาร์ทโฟนให้คุณเล่น ไม่มีเฟซบุ๊คให้คุณคุยกับเพื่อน ๆ ไม่มีเกมเศรษฐีให้คุณสร้างแลนด์มาร์ค
ไม่มียารักษาโรคร้ายแรงที่อาจคร่าชีวิตพวกคุณ ฯลฯ
---------
edit เพิ่มเติมเล็กน้อย+แก้พิมพ์ตก
ความคิดเห็นที่ 13
การพูดคุยหรือวิเคราะห์ในเชิงวิชาการจะทำให้เราเห็นแง่มุมของประวัติศาสตร์ที่หลากหลายและเข้าใจมากขึ้น ---ส่วนตัวผมมักมอบหลักคิดนี้ให้รุ่นน้องที่ผมรู้จักเอาไปคิดเสมอ
จขกท.มาถูกทางแล้วครับ ตัดความชอบ-ไม่ชอบออก หาแง่มุมที่เกิดขึ้นจริงทุกด้านของคนที่เราสนใจ จะทำให้เราเห็นบริบทในเหตุการณ์หรือบุคคลนั้นๆได้ดีขึ้น
จขกท.มาถูกทางแล้วครับ ตัดความชอบ-ไม่ชอบออก หาแง่มุมที่เกิดขึ้นจริงทุกด้านของคนที่เราสนใจ จะทำให้เราเห็นบริบทในเหตุการณ์หรือบุคคลนั้นๆได้ดีขึ้น
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบด้าน ดีๆ ของฮิตเลอร์ครับ
ของนาซี ทำให้มองฮิตเลอร์ด้วยอคติ
ผมเชื่อว่า. หาก คนเลวสุดๆ ก็ต้องมีด้านดีสุดๆ
อยากทราบด้านสว่าง ของท่านผู้นำนาซีคนนี้ครับ
เช่น ความเมตตา กรุณาต่อสิ่งมีชีวิต
อาจไม่ต้อง เป็นมนุษย์ ก็ได้ครับ
อยากเปิดใจให้พ้นอคติ แล้วมองด้านดีๆ ของเค้าบ้าง