อยากทราบด้าน ดีๆ ของฮิตเลอร์ครับ

ความเลวและความโหดร้าย
ของนาซี ทำให้มองฮิตเลอร์ด้วยอคติ

ผมเชื่อว่า. หาก คนเลวสุดๆ ก็ต้องมีด้านดีสุดๆ

อยากทราบด้านสว่าง  ของท่านผู้นำนาซีคนนี้ครับ
เช่น ความเมตตา กรุณาต่อสิ่งมีชีวิต
อาจไม่ต้อง เป็นมนุษย์ ก็ได้ครับ

อยากเปิดใจให้พ้นอคติ แล้วมองด้านดีๆ ของเค้าบ้าง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
หลังแพ้ WWI เยอรมันโดนฝรั่งเศสเหยียบจมดิน โดนกดขี่สารพัดด้วยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม
หามาได้เท่าไหร่ต้องให้หมด  แถมยังโดนชาวยิวแย่งงาน แย่งกิจการ
ฮิตเลอร์ทำให้คนในชาติที่แทบจะหมดหวัง มารวมกันและสามารถลุกขึ้นยืนได้อีก
เทคโนโลยี วิศวกรรม การแพทย์ในยุคนาซี ถือว่าก้าวกระโดดเป็นสิบๆ ปี
บางเคสในกรณีปกติไม่สามารถทำการทดลองได้แน่นอน (แต่ไม่ได้หมายความว่ามันถูก)

ส่วนตัวเราเชื่อว่าทุกคนไม่มีใครดี 100% และไม่มีใครเลว 100%
การบอกว่าเค้าทำดีในเรื่องนึง ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะถูกไปทุกเรื่อง
ความคิดเห็นที่ 59
ความเห็นนี้ยาวมาก แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์

เป็นเรื่องที่ยากจะถกเถียงว่าอะไรดีจริงอะไรเลวจริง โดยเฉพาะสำหรับฮิตเลอร์
หลายๆ ความเห็นที่แสดงมาด้านบนถึงความดีของฮิตเลอร์  ผมมองว่าเป็นการพูดที่ตื้นไป ไม่ได้ลงรายละเอียดมากพอให้เข้าใจ
เพราะหลายอย่างที่มีคนนึงบอกว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์ สำหรับอีกคนอาจจะมองว่าไม่ใช่
นอกจากนั้น หลายอย่างที่เป็นผลพวงมาจากสงครามโลก ไม่ควรจะนับว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์


ก่อนจะพูดถึงข้อดีข้อเสีย   สิ่งที่ต้องยอมรับก่อนคือฮิตเลอร์เป็นนักพูดที่มีพรสวรรค์มาก
มีความสามารถในการใช้คำพูดเข้าถึงใจผู้คน ชักจูงและชักนำความคิดคนเยอรมัน
ปัจจัยนี้บวกกับความตกต่ำทางเศรษฐกิจในยุคนั้น และความวุ่นวายทางการเมืองในเยอรมัน หนุนส่งให้ฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจ

หลายสิ่งที่มีบอกว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์ ผมเห็นว่านั่นเป็นแค่บุคลิก แต่ถ้าจะสรุปตัวตนฮิตเลอร์แบบคร่าวๆ คงสรุปได้ดังนี้

1.  ฮิตเลอร์เป็นนักชาตินิยม   การชาตินิยมก็มองเป็นข้อดีได้ ถ้าใช้ในทางบวก ตั้งใจพัฒนาให้เท่าเทียมชาติอื่น
แต่ฮิตเลอร์ชาตินิยมจนมองว่าเผ่าพันธุ์หนึ่งสูงส่งกว่าอีกเผ่าพันธุ์ เช่นเยอรมันสูงส่งกว่ายิว สลาฟ โปล ยิปซี ฯลฯ  
ฮิตเลอร์ไม่ได้เกลียดแต่ยิว แต่ฮิตเลอร์ดูถูกทุกชนชาติที่ฮิตเลอร์มองว่าต่ำกว่า

2.  ฮิตเลอร์เป็นคนเด็ดขาด มีจุดยืนแน่ชัด เชื่อมั่นในตนเอง
แต่ความเด็ดขากของฮิตเลอร์  ตามมาด้วยการไม่รับฟังคำทัดทานของผู้ใด เชื่อในความคิดของตัว
การก่อสงครามของฮิตเลอร์ จริงๆ แล้วเป็นช่วงที่กองทัพเยอรมันยังสะสมกำลังไม่พร้อม แม่ทัพนายกองทัดทาน
ถ้าฮิตเลอร์รอไปอีก 4-5 ปี สงครามอาจยาวนานกว่านี้
และจนแม้ขนาดเยอรมันจะล่มสลายแล้ว ฮิตเลอร์ยังต้องการให้เยอรมันและชาวเยอรมันทั้งชาติล่มจมไปพร้อมกับความตายของตัว
โดยการสั่งให้ทำลายสาธารณูปโภคทุกอย่างที่เหลืออยู่ และยังสั่งให้ชาวเยอรมันทุกคนรบจนตาย
บางคนอาจจะบูชาฮิตเลอร์ในเรื่องนี้ แต่สำหรับผมนี่คือคนเห็นแก่ตัว

3. ฮิตเลอร์มีมุมของความโอบอ้อม เมตตาอาทรต่อคนรอบข้าง  เช่นเสมียน หรือสุนัขของตนเอง แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จัก หรือเคยรู้จักแต่ท้าทายอำนาจ ฮิตเลอร์ไม่เคยลังเลที่จะกำจัด ช่วงก่อนสงครามเองมีนักโทษการเมืองหรือผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับฮิตเลอร์ที่เป็นเยอรมันแท้ๆ ถูกส่งเข้าคุกหรือค่ายกักกันอยู่แล้วหลายแสนคน

4. ฮิตเลอร์รักศิลปะ แต่ความรักศิลปะของฮิตเลอร์ตามมาด้วยความคิดว่าเยอรมันต้องเก็บศิลปะล้ำค่าไว้แต่ผู้เดียว
ดังนั้นฮิตเลอร์จึงสั่งให้ปล้นสะดมงานศิลปะต่างๆ จากทุกประเทศที่ยึดครอง เอาไปไว้ที่เยอรมันทั้งหมด นับเป็นล้านๆ ชิ้น
งานเหล่านี้บางส่วนถูกทำลายเมื่อเยอรมันใกล้จะแพ้สงคราม


ในระยะสั้น นโยบายต่างๆ ของฮิตเลอร์ในการเตรียมทำสงคราม ช่วยพัฒนาประเทศเยอรมันอย่างมาก
เช่นเมื่อมีการสร้างอาวุธมากขึ้นแบบมโหฬาร อัตราการจ้างงาน และเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเยอรมันก็เพิ่มขึ้น
ยิ่งฉีกสัญญาที่เอาเปรียบไป ไม่จ่าย เงินก็ไม่รั่วไหล  ดังนั้นในระยะต้นของการปกครองฮิตเลอร์ เยอรมันเลยพัฒนาแบบก้าวกระโดด
แต่สิ่งเหล่านี้ ส่วนใหญ่ถูกทำลายหมดในช่วงสงคราม อาจจะเหลือแต่เพียงถนนออโต้บาห์น และความเข็ดหลาบของคนเยอรมัน


หลายอย่างที่เพื่อนสมาชิกด้านบนบอกว่าเป็นข้อดีของฮิตเลอร์  จริงๆ แล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นผลที่ได้มากจากการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพราะสงคราม อันนี้ต้องยอมรับ
เช่นเทคโนโลยีต่างๆ  คอมพิวเตอร์  เครื่องยนต์เจ็ต ยารักษาโรค นิวเคลียร์  ฯลฯ
แต่สิ่งเหล่านี้แลกมาด้วยทุกข์ยากของผู้คนในรุ่นนั้นแทบทั้งโลก  พร้อมกับชีวิตที่ต้องตายก่อนวัยอันควรมากกว่า 60 ล้านชีวิต มากพอๆ กับประชากรไทยทั้งประเทศในปัจจุบัน


การทดลองต่อมนุษย์ที่หลายคนชื่นชมว่าส่งผลดีต่อการรักษาพยาบาลในปัจจุบัน คนเหล่านี้จะยอมอาสาไหมถ้าตัวจะต้องเป็นผู้ถูกทดลองแบบนั้น
หลายสิ่งที่มีในวันนี้ เป็นผลทางอ้อมจากวันนั้น ถ้าไม่มีวันนั้น เราอาจไม่มีสิ่งเหล่านี้ หรือมีสิ่งเหล่านี้ช้าลง หรือมีสิ่งอื่นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงก็ได้


แต่ผลพวงหนึ่งที่เห็นชัดคือ สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง 70 ปีแล้ว แต่โลกยังไม่ได้สงบสุข  แต่ดูเหมือนเราจะมีความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น ชาวโลกยังคงรบราฆ่าฟันกันทั่ว
โลกวันนี้ ปลอดภัยกว่าเมื่อ 100 ปีจริงหรือ


การมีสิ่งดีๆ ที่เป็นผลทางอ้อมมาจากสิ่งเลวๆ ที่คนบางคนทำไว้  จะเอามาโมเมว่านี่คือข้อดีของคนคนนั้นได้อย่างนั้นหรือ
ถ้าตรรกะแบบนี้ถูกต้อง  ต่อไปเราอาจจะต้องชมไอ้เกมส์ที่ฆ่าข่มขืนโยนเด็ก 13 ปีลงจากรถไฟ
เพราะผลการทำเลวตอนนั้น ทำให้ตอนนี้มีระบบรถไฟนอนสำหรับผู้หญิง  และรถไฟอาจจะปลอดภัยขึ้นบ้าง


ปล. แถมให้สำหรับเรื่องคนยิวในเยอรมัน  จริงๆ คนยิวในยุโรปถูกรังเกียจมาเป็นพันปีแล้ว ขี้เกียจเล่า ลองไปหาอ่านในกระทู้เก่าๆ ผมเอาเอง
ยุคที่ฮิตเลอร์ครองอำนาจ เยอรมันมีประชากร 60 กว่าล้านคน เป็นคนยิวประมาณห้าแสนคนเท่านั้น ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็น
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเสมียน  เจ้าของร้านค้าย่อย  เป็นชนชั้นกลางธรรมดา มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นเศรษฐีเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม
ประเทศที่มีคนยิวมากคือโปแลนด์  คนเหล่านี้ถูกกำจัดเมื่อเยอรมันยึดครองโปแลนด์
คนยิวที่ตายไปกว่าหกล้าน ส่วนใหญ่กวาดต้อนมาจากโปแลนด์  รัสเซีย และประเทศยุโรปอื่นๆ ที่เยอรมันยึดครอง  ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้ไปทำอะไรต่อเยอรมันเลย
ความคิดเห็นที่ 27
ด้านดี ๆของฮิตเลอร์
1. ฮิตเลอร์ทำให้เยอรมนี เป็น เยอรมนี อย่างทุกวันนี้
ถ้าไม่ใช่ฮิตเลอร์มันจะมีใครกล้าฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายส์มั้ยล่ะครับ
ค่าปฏิกรรมสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่อังกฤษกับฝรั่งเศสเรียกตั้ง 130,000 กว่าล้านมาร์ค
เศรษฐกิจตกต่ำชนิดที่ว่าขนมปังก้อนนึงราคาเป็นล้านมาร์ค
ถ้าไม่ใช่เพราะฮิตเลอร์ป่านนี้เยอรมนีคงไม่ต่างไปจากกรีซหรืออาจจะแย่กว่าเป็นสิบ ๆเท่า
2. ก่อสงครามโลกครั้งที่ 2... แล้วมันดียังไงล่ะ ก่อสงคราม?
WW2 เป็นเสมือนดาบ 2 คมซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ทางอ้อมมากมายมหาศาล เท่าที่ผมคิดออก ณ เวลานี้ก็มี...
2.1 หากสังเกตประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ มนุษย์เราก่อสงครามกันน้อยใหญ่มากมาย
อย่างสงครามครูเสด สงคราม 30 ปี สงครามต่อต้านนโปเลียน สงครามยุคกรีซ-โรมัน ฯลฯ หรือแม้กระทั่งไทยกับพม่า
WW2 จึงเป็นเหมือนการปะทุครั้งใหญ่ที่สุดของภูเขาไฟ ก่อนที่ภูเขาไฟลูกนั้นจะดับลงอย่างถาวร (หรือเป็นเวลายาวนาน)
สังเกตดูว่าสมัยนี้จะไม่มีสงครามใหญ่ (ใหญ่จริง ๆ) ที่รวบรวมพันธมิตรหลาย ๆประเทศไปรบกันอย่างสงครามต่อต้านนโปเลียน
รบกันเป็นร้อย ๆปีอย่างสงครามครูเสด หรือแม้แต่ยุคจักรวรรดินิยมและการล่าอาณานิคม
ซึ่งผลจาก WW2 นี้ก็นำไปสู่องค์กรแสวงหาสันติภาพของโลกมนุษย์อย่างจริงจัง (ขอใช้คำว่าจริงจัง ไม่ใช้คำว่าแท้จริง)
สรุปก็คือหากไม่มีฮิตเลอร์ก็ไม่มี WW2 , ไม่มี WW2 ก็ไม่มี UN ,
และถ้าไม่มี UN ป่านนี้คุณผู้อ่านและผมอาจกำลังถือมีดดาบ (หรือปืน) รบกับประเทศเพื่อนบ้านกันอยู่ก็เป็นได้
หรือไม่ก็อาจเป็นสมรภูมิดุเดือดให้อังกฤษที่ยึดครองพม่า กับ ฝรั่งเศสที่ยึดครองลาวและเขมร รบกัน
(ถึงสมัยนั้นจะตกลงกันเรียบร้อยว่าให้สยามเป็นดินแดนกันชนแล้ว แต่ปัจจุบันอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ)
2.2 ขออนุญาตใช้ประโยคเดิม ๆ
หากไม่มีฮิตเลอร์ก็ไม่มี WW2 , ไม่มี WW2 เทคโนโลยี วงการแพทย์ ฯลฯ คงไม่มาไกลถึงขั้นนี้
ซึ่งผมและคุณก็คงไม่ได้มานั่งพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่ในเว็ป Pantip ณ ตอนนี้หรอก
คงไม่มีสมาร์ทโฟนให้คุณเล่น ไม่มีเฟซบุ๊คให้คุณคุยกับเพื่อน ๆ ไม่มีเกมเศรษฐีให้คุณสร้างแลนด์มาร์ค
ไม่มียารักษาโรคร้ายแรงที่อาจคร่าชีวิตพวกคุณ ฯลฯ

---------
edit เพิ่มเติมเล็กน้อย+แก้พิมพ์ตก
ความคิดเห็นที่ 2
รักชาติ
รักเดียวใจเดียว
รักศิลปะ
รักสัตว์
เป็นมังสวิรัติ
มีสัมมาคารวะ

ความคิดเห็นที่ 13
การพูดคุยหรือวิเคราะห์ในเชิงวิชาการจะทำให้เราเห็นแง่มุมของประวัติศาสตร์ที่หลากหลายและเข้าใจมากขึ้น ---ส่วนตัวผมมักมอบหลักคิดนี้ให้รุ่นน้องที่ผมรู้จักเอาไปคิดเสมอ
จขกท.มาถูกทางแล้วครับ ตัดความชอบ-ไม่ชอบออก หาแง่มุมที่เกิดขึ้นจริงทุกด้านของคนที่เราสนใจ จะทำให้เราเห็นบริบทในเหตุการณ์หรือบุคคลนั้นๆได้ดีขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่