36.
ตญจ กมฺมํ กตํ สาธุ ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ
กรรมใดที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง กรรมนั้นแลเป็นกรรมดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พุทธภาษิตนี้เน้นย้ำถึงหลักสำคัญเรื่อง วิบากกรรม หรือผลของกรรมที่กระทำไปแล้ว ซึ่งวิบากกรรมนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผลทางกายภาพหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผลทางจิตใจด้วยครับ
ความหมายโดยรวมของประโยค
- กรรมดี ในทัศนะของประโยคนี้ ไม่ใช่แค่กรรมที่ดูดีในสายตาคนอื่น หรือกรรมที่ให้ผลดีภายนอกในทันที แต่คือ กรรมที่ส่งผลให้จิตใจของผู้กระทำเป็นสุข สงบ สบาย เย็นใจ และไม่รู้สึกกระวนกระวายร้อนใจในภายหลัง
- ไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง หมายถึง หลังจากที่เราได้กระทำกรรมนั้นไปแล้ว เมื่อนึกถึงหรือระลึกถึงกรรมนั้น จิตใจของเราไม่รู้สึกเป็นทุกข์ ไม่รู้สึกผิด ไม่รู้สึกกังวล ไม่รู้สึกละอายใจ หรือไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกเชิงลบใดๆ เลย
การพิจารณาว่าอะไรคือกรรมดีและกรรมไม่ดีตามหลักพุทธศาสนา สามารถดูได้จากเจตนาและผลที่ตามมา ดังนี้ครับ
1 พิจารณาจากเจตนา: พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "เจตนาเป็นตัวกรรม" หมายความว่า เจตนาที่อยู่เบื้องหลังการกระทำสำคัญที่สุด
- กรรมดี: เกิดจากเจตนาที่เป็นกุศล หรือ เจตนาที่ไม่ประกอบด้วยราคะ (ความอยากได้), โทสะ (ความโกรธ), และโมหะ (ความหลง)
- กรรมไม่ดี: เกิดจากเจตนาที่เป็นอกุศล หรือ เจตนาที่ประกอบด้วยกิเลสตัณหาทั้งสาม
หากเรากระทำสิ่งใดด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ มีเมตตากรุณา ไม่คิดร้ายหรือคิดเบียดเบียนใคร สิ่งที่เราทำย่อมเป็นกรรมดี และเมื่อเรานึกถึงกรรมนั้น
ในภายหลัง จิตใจของเราก็จะไม่เดือดร้อนครับ
2 พิจารณาจากผลของกรรม (วิบากกรรม): ผลของกรรมไม่ได้จำกัดแค่ภายนอก แต่ส่งผลถึงจิตใจโดยตรง
- ผลของกรรมดี: เมื่อเราทำกรรมดี จิตใจจะเบิกบาน ผ่องใส ไม่มีความกังวล ไม่มีความรู้สึกผิด เหมือนมีหินหนักๆ ถูกยกออกจากอก
ทำให้เกิดความสุขทางใจ
- ผลของกรรมไม่ดี: เมื่อเราทำกรรมไม่ดี จิตใจจะขุ่นมัว กระสับกระส่าย รู้สึกผิดบาป หรือกังวลว่าคนอื่นจะรู้หรือไม่ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้
คือ "ความเดือดร้อนใจในภายหลัง" หรือที่เรียกว่า วิปฏิสาร นั่นเอง
ดังนั้น ประโยค "กรรมใดที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง กรรมนั้นแลเป็นกรรมดี" จึงเป็นคำที่ลึกซึ้งและถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา เพราะเป็นการเน้นย้ำให้เราพิจารณาการกระทำจากเจตนาและผลที่เกิดขึ้นภายในใจของเราเอง ไม่ใช่เพียงแค่จากผลภายนอกหรือความคิดเห็นของผู้อื่นครับ
กรรมใดจิตใคร่แย้ม.......แจ่มใส
ไม่ขุ่นข้องหมองใน........อดีตแล้
นึกแล้วปริ่มสุขใจ..........ไม่หวั่น
กรรมนั่นแลดีแท้............แซ่ซ้องคล้องธรรม
กรรมใดไม่เดือดร้อน......ภายหลัง
ผลแห่งเจตนาหวัง.........ช่วยแผ้ว
เมตตากรุณายัง.............สุขเกิด
กรรมนั่นประเสริฐแล้ว.....ดั่งแก้วมณีงาม.
กรรมใดทำแล้วไม่ เดือดร้อนใจในภายหลัง
จิตปริ่มอิ่มเอมดัง สุขสมหวังยังชื่นทรวง
เพราะเจตนาแท้ คิดดีแน่แลเป็นห่วง
เมตตามิพาลวง กรรมทั้งปวงพ่วงหลักธรรม
เมื่อหวนระลึกข้อง มิเศร้าหมองต้องเจ็บช้ำ
บ่ได้ละอายกรรม เพราะกระทำนำเลิศตน
นั่นแหละคือกรรมดี นำชีวีมีสุขล้น
ก่อร่างอย่างอดทน ประจักษ์ผลยลบุญงาม.


[คติธรรม] กรรมใดที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง กรรมนั้นแลเป็นกรรมดี
กรรมใดที่ทำแล้วไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง กรรมนั้นแลเป็นกรรมดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กรรมใดจิตใคร่แย้ม.......แจ่มใส
ไม่ขุ่นข้องหมองใน........อดีตแล้
นึกแล้วปริ่มสุขใจ..........ไม่หวั่น
กรรมนั่นแลดีแท้............แซ่ซ้องคล้องธรรม
กรรมใดไม่เดือดร้อน......ภายหลัง
ผลแห่งเจตนาหวัง.........ช่วยแผ้ว
เมตตากรุณายัง.............สุขเกิด
กรรมนั่นประเสริฐแล้ว.....ดั่งแก้วมณีงาม.
กรรมใดทำแล้วไม่ เดือดร้อนใจในภายหลัง
จิตปริ่มอิ่มเอมดัง สุขสมหวังยังชื่นทรวง
เพราะเจตนาแท้ คิดดีแน่แลเป็นห่วง
เมตตามิพาลวง กรรมทั้งปวงพ่วงหลักธรรม
เมื่อหวนระลึกข้อง มิเศร้าหมองต้องเจ็บช้ำ
บ่ได้ละอายกรรม เพราะกระทำนำเลิศตน
นั่นแหละคือกรรมดี นำชีวีมีสุขล้น
ก่อร่างอย่างอดทน ประจักษ์ผลยลบุญงาม.