[CR] ตอนที่ 2 รีวิวจากกระทู้แนะนำลดน้ำหนัก 45 กิโล จากคนอ้วน 125 กิโล ลดเหลื 79.5 กิโล พร้อมด้วยซิคแพ็ค

ต่อจากลิงค์เก่าที่เขียนนี้ครับ http://pantip.com/topic/32421424

หลังจากที่ได้บวชบำเพ็ญกุศลให้พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่เสร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้ว

วันนี้ตามสัญญาครับ ผมจะมาขอรีวิววิธีการ เทคนิค การควบคุมจิตใจ แชร์หมดเปลือก เพื่อการลดความอ้วนอย่างยั่งยืนครับผม โดยตัวผมนั้นได้มีประสบการณ์ผ่านการลดความอ้วนมาหลากหลายวิธี^____^ ซึ่งในครั้งนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมากที่สุดสำหรับผมครับ ดังนี้

       1) เป็นการลดที่เหมาะกับธรรมชาติและตัวผมมากที่สุด คือ เลือกทานอาหารโดยไม่ต้องอดอาหาร เพียงแต่เลือกที่จะทานของที่มีประโยชน์ ผมเป็นคนออกกำลังกายหนัก ต้องการสารอาหารมากมายครับ จนทุกวันนี้ จะกลุ้มใจว่ากินไม่ถึงแทนครับ
       2) ไม่มีการใช้อาหารเสริมใดๆๆทั้งสิ้น แม้แต่เวย์โปรตีน ผมก็ไม่ได้ใช้ครับ
       3) ไม่ตึงเกินไปในการปฏิบัติตาม ผมยังมีไลฟ์สไตส์ที่มีความสุข เอ็นจอยกับการกินดื่ม เช่น ดื่มเหล้าเบียร์ ไอติม เค้ก บุฟเฟ่ต์ ช็อคโคแล๊ต น้ำอัดลม ของทอด
       4) ใช้เวลาในการลดความอ้วนระยะเวลารวดเร็วน่าประทับใจมากมายครับ คือ ช่วงสุดท้ายเมื่อสาม-สี่เดือน วันที่ 19 เม.ษ. 57 น้ำหนัก 101 กิโล ปัจจุบันวันที่ 17 ส.ค 57 น้ำหนัก79.5 กิโล (สัปดาห์สุดท้ายไม่ได้ออกกำลังกาย เนื่องจากบวชครับ แต่ก็ถือว่าได้พักกล้ามเนื้อครับ) ลดเกือบ 20 กิโล ไขมันจาก25-30% ตอนนี้ 13-15 % six pack ลายกล้ามชัดเจนขึ้นมากครับ ^____^


รูปตอนเด็กที่ไม่อ้วนเลยครับ ถ่ายกับคุณตา

รูปถ่ายกับครอบครัวตอน ป.ห้า อ้วนมาหน่อยแล้วครับ

จุดเริ่มต้นของการลดความอ้วน "การลดความอ้วนต้องเริ่มจากการเข้าใจตนเอง มีสติ และมีจิตใจที่มั่นคงครับ"

ในสมัยก่อนผมเคยการลดความอ้วนมาหลายๆๆวิธี แต่ก็ไม่ได้ผลอย่างยั่งยืน ความอ้วนขึ้นๆๆลงๆๆ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อสี่ปีก่อน มีการลดความอ้วนแบบ fast five, คีโตน, แอดกิ้น และ โนคาร์บ ซึ่งผลที่เกิดก็ได้ผลดีมากเมื่อผมตั้งใจลดความอ้วน แต่เมื่อทำไปนานๆๆ ผมก็เข้าใจดีว่า โปรแกรมเหล่านี้ไม่ได้เหมาะสมกับแนวการดำเนินชีวิตของผมเลย หรือทำให้ผมมีความสุขที่อยากจะลดความอ้วนจนถึงเป้าหมาย ผมไม่สามารถกินเนื้ออย่างเดียวโดยไม่กินแป้งได้ตลอดชีวิตครับ (ร่างกายจะโหยแป้ง สมองเบลอๆๆ ไม่มีแรงออกกำลัง โทรม) หรือ fast five ที่ในที่สุด ผมลองหนึ่งเดือน สุดท้ายก็ต้องเลิกโปรแกรมมาทานอย่างคนปกติ (ร่างกายไม่เฟิร์มเท่าไร ความรู้สึกผมนะ)

จริงอยู่วิธีเหล่านี้ อาจเป็นวิธีที่ดีจริงๆๆ แต่ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจธรรมชาติของตัวเราเองก่อน บางคนมีวินัยสูงก็เหมาะกับวิธีการนับแคลลอรี่ บางคนรักการทานเนื้อ แอดกิ้นก็น่าจะเหมาะกับพวกเค้า หรือบางคนมีเวลสจำกัด ชอบทานมากๆๆในเวลาเดียว ก็เลือก fast five ไป ดังคำของเติ้งเสี่ยวผิงว่า "จะแมวขาวหรือแมวดำ ก็จับหนูได้เหมือนกันล่ะ" ต่างวิธีแต่ให้ผลที่เราพอใจได้ ผมก็ว่าดีทั้งหมดทั้งนั้นครับ แต่ก่อนอื่น ต้องคิดก่อนว่า วิธีลดความอ้วนนั้นเหมาะกับวิถีชีวิตเราไหม เราเสียงธรรมชาติข้างในตนเองก่อน แล้วทดลองทำโดยผ่านการพิจารณาแล้วว่าดี หากไม่ได้ผลก็อย่าดันทุรังไป เพราะมีอีกหลายๆๆๆวิธี ที่ทำให้เราถึงเป้าหมายปลายทางได้ครับ


รูปถ่ายก็ยังอ้วนอยู่ ร้อยกว่าโล ตอนรับปริญญาพี่สาว



รูปถ่ายตอนอยู่ ม.ปลาย แสดงเป็นหัวหน้าคนป่า งานโรงเรียน น้ำหนักน่าจะ ร้อยกว่าโลครับ 5555


รูปถ่ายรับปริญญาเรียนจบมหาลัย น่าจะ 105 โลแล้วม้าง

วิธีที่ผมใช้ในการลดความอ้วนนั้น เป็นวิธีผสมผสาน โดยมุ่งเน้นเรื่องการเลือกทานอาหารเป็นอันดับแรก การออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อน และที่สำคัญมากที่สุดคือ ลักษณะการใช้ชีวิต (ไลฟ์สไตส์) ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้

    1) ลักษณะงานและกิจกรรมที่ทำอยู่ (ไลฟ์สไตส์)
    2) เวลาที่มีสำหรับการออกกำลังกาย (20%)
    3) อาหารที่กินอยู่ (สำคัญมาก 70 %)
    4) นอนหลับ (20%)

ทั้ง สี่ปัจจัย มีความจำเป็นร่วมกันอย่างทำให้ขาดไม่ได้ โดยความสำคัญ เราให้อาหาร 70 % ออกกำลังกาย 20% (แต่การออกกำลังกายจะกระทบเรื่องการกิน และความคมชัดของกล้ามเนื้ออีก) นอนหลับ 10% ซึ่งสุดท้ายไลฟ์สไตส์ แม้จะไม่มีสัดส่วนเกี่ยวข้อง แต่สำคัญตรงที่สามารถทำให้เรารักษาหุ่นและลดความอ้วนอย่างยั่งยืน ผมจะแตกเป็นหัวข้อใหญ่เป็นตอนๆๆไปครับ


รูปนี้ พีคสุดๆๆ ครับ น้ำหนัก 125 กิโล ตอนนั้นเรียนโทที่จุฬา แล้วไปเรียนภาษาที่อเมริกา รัฐวิสคอนซิน กำลังรอไปเรียนต่อโทอีกใบที่อังกฤษ นี่ไปเที่ยวเซียงไฮ้-ปักกิ่ง กับที่บ้านครับ

1) ลักษณะงานและกิจกรรมที่ทำอยู่ (ไลฟ์สไตส์)
ตรงนี้ต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ให้เข้ากับการดำรงชีวิต คิดง่ายๆครับ ถ้าเราชอบการเล่นสกีมากๆๆ เมื่อตอนอยู่ ตปท. ตอนมาอยู่ไทย ท่านก็ต้องปรับเปลี่ยนการออกกำลังกายให้เข้ากับวิถีใหม่ เช่น เปลี่ยนมาปั่นจักยาน วิ่ง ในทำนองเดียวกับบางท่านที่ทำงานกลางคืน ท่านอาจจะมาเล่นเวทตอนเย็น ก่อนเข้ากะทำงาน หรือมาเล่นเวทออกกำลังดช้าตรู่หลังเลิกงานก็ย่อมได้ ท่านเป็นผู้คิดพิจารณาดีแล้วถึงการจัดลำดับสิ่งสำคัญในชีวิตท่าน (Priority) หากตนเองคิดว่าการรักษาสุขภาพลดความอ้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นแก่ชีวิต ยังไงก็ต้องจัดสรรเวลามาเพื่อการออกกำลังกายจนได้ ผมมีพี่เล่นเวทที่รู้จักและนับถือ อาชีพเป็นนักร้องดังในผับกลางคืน (วงแมมมอธ) ต้องร้องเพลงทุกวัน เดี๋ยวไปร้องที่ดิเฟอร์ พัทยาบ้าง ไปสนอปบ้าง ทำงานตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสามตีสี่ ยังมาเล่นเวทออกำลังกายได้อย่างดี หุ่นเท่ห์มากครับ


รูปตอนเรียนจบโทจากอังกฤษใหม่ๆ ตอนนั้น ลดน้ำหนักได้เหลือ 97 โล ไปเที่ยววังแวร์ซาย ฝรั่งเศสครับ


รูปสองปีที่แล้ว ทำงานรับราชการ ไปงานแต่งน้องที่ทำงาน น้ำหนักเหลือ 91-92 โลครับ

ด้านทัศนคติและจิตใจก็สำคัญครับ มีเรื่องเล่าเรื่องนึงที่ผมประทับใจมากๆๆ ของท่านโสเครตีส นักปรัชญาชาวกรีกชื่อก้องโลก เคยสั่งสอนศิษย์เกียจคร้านผู้นึง ศิษย์ของโสเครตีสได้ถามท่านว่า "ท่านอาจารย์ ผมรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการศึกษาเหลือเกิน ทั้งเบื่อหน่าย ผมจะต้องทำยังไง จึงจะรู้สึกดีและบรรลุในการศึกษาหาความรู้" วันน้ัน โสเครตีสก็ได้พาลูกศิษย์ไปที่ชายหาดของทะเลที่สวยงาม จากนั้นก็จับหัวลูกศิษย์กดลงน้ำชั่วครู่นึง ศิษย์รู้สึกตกใจมาก ก่อนที่จะเอ่ยถามท่านโสเครตีสว่าท่านทำทำไม ท่านโสเครตีสออกปากถามว่า "เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ข้าอยากให้เจ้าจำความรู้สึกที่ต้องการหายใจไว้ มันก็เหมือนการค้นคว้าศึกษาหาความรู้ ที่เจ้ากระหายที่จะอยากได้ความรู้เหมือนกับที่เจ้าต้องการจะหายใจหลังจากถูกกดน้ำ เมื่อใดที่เจ้าเข้าใจและจำความรู้นี้ได้อยู่ เจ้าก็จะบรรลุถึงการศึกษาเอง"

เช่นเดียวกับ "การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก" เปรียบความต้องการที่จะทำเป็นอันดับแรกๆๆประดุจดัง "การหายใจหลังจากถูกกดน้ำ" หากมีความตั้งใจที่แน่วแน่และชัดเจนแล้วในระดับนี้แล้ว อะไรๆๆก็สำเร็จได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งถ้าจะมองถึงความยากลำบาก ผมก็ขออนุญาตฝากแนวคิดของท่านเม่งจื้อ (บุคคลสำคัญรองจากขงจื้อในลัทธิขงจื้อ) กล่าวว่า "เมื่อฟ้าประทานภารกิจอันหนักหน่วงแก่ผู้ใด ก็จะทดสอบปณิธานของเขา ให้ร่างกายเขาได้รับความทรมานจากความอดอยาก ให้จิตใจของเขารู้สึกว่างเปล่าและอิดโรย ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ จะต้องรบกวนการประพฤติปฏิบัติของเขา ทดสอบว่าสามารถจะทนทานต่อความพ่ายแพ้ได้หรือไม่? ที่ฟ้าต้องทำเช่นนั้น ก็เพื่อทำให้เขามีจิตใจมั่นคง แข็งแกร่ง และเสริมความสามารถให้ดีขึ้นนั่นเอง" ตั้งใจจึงควรตระเตรียมจิตใจเผชิญกับความยากลำบาก (ลดความอ้วนและเรื่องอื่นๆๆ) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเก่งกล้า แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมในอดีต คิดซะว่า ปัญหาและอุปสรรคคือส่วนนึงที่ต้องเจอในชีวิต เป็นสิ่งท้าทาย น่าศึกษา เพื่อทำให้เราเก่งขึ้น เป็นกำลังใจให้นะครับ ^____^


รูปถ่ายปีที่แล้ว ไปเที่ยวญี่ปุ่น วังคินคาคุจิครับ น้ำหนักน่าจะ 90 โล


รูปถ่ายตอนได้โปรแกรมการทานอาหารด้วยการคำนวณค่า TDEE และ BMR หลังจากน้ำหนักเด้ง 101 กิโล ตอนนั้น 93 โล ถ่ายที่ระยอง

ดังนั้น โปรดอย่าหาข้ออ้างที่จะบั่นทอนเจตจำจงและความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะลดความอ้วนครับ ผมก็มีอุปสรรคหลายๆๆอย่างในชีวิตเหมือนหลายท่าน "อายุผมมากแล้ว 35 ปี ไม่เหมือนเด็กหนุ่มที่ระบบเผาผลาญดีกว่าผม""น้ำหนักตัวผมเยอะ เคยถึง 125 กิโลกรัมไม่มีทางลดได้หรอก" "ชอบอาหารเป็นนักกิน เหล้าเบียร์ชอบมาก กับข้าวกะทิ ของทอดมันๆๆ ของหวานก็ชอบทั้งไอติม ช็อคโคแล็ต เค้ก" "ภาระงานก็เยอะอยู่บ้างครั้งก็เครียดเรื่องกำหนดส่งโครงการ (ผมเป็นหัวหน้าโครงการครับ)" "แถมต้องเตรียมเรื่องเรียนต่อ จัดการทุนที่ได้รับ อ่านหนังสือและทำวิทยานิพนธ์" "บ้างครั้งก็ไปดูแลงานต่างจังหวัด หรือไม่ก็ไปต่างประเทศ อยู่มา ปี สองปี ศึกษาดูงานครั้งคราว อบรม ประชุมนานาชาติบ้าง" หากทุกคนมีแต่ท้อใจตั้งแต่ยังเริ่ม ผลสำเร็จจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ทุกท่านย่อมมีโอกาสที่จะเลือกหนทางที่จะทำอะไรเพื่อตัวท่านเองเสมอครับ ขอให้มองปัญหาเป็นความท้าทาย และอุปสรรคเป็นสิ่งเสริมให้เราแข็งแกร่งขึ้น อย่างวาทะของเชอร์ชิลที่ว่า" คนมองโลกในแง่ร้าย จะมองเห็นความยากลำบากในทุกๆโอกาส แต่คนมองโลกในแง่ดี จะมองเห็นโอกาสในทุกๆความยากลำบาก" ดังนั้นขอให้ปรับเปลี่ยนทัศนคติ วิธีคิด และศรัทธาเชื่อมั่นว่า "เราสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้"


รูปถ่ายตอนน้ำหนักลดลงเหลือ 87-87 กิโลแล้วครับ


รูปถ่ายก่อนบวชเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว น้ำหนัก 81.5 กิโลครับ ใส่เสื้อ ralph ไซส์ M สลิม กางเกง chino ของ giorado เอว 30 นิ้ว

เดี๋ยวจะมาต่อรีวิวหน้าประเด็นที่สอง ด้านอาหารกันครับ ต้องแบ่งเป็นตอนๆๆๆ เพราะยาวพอสมควร ฝากให้ผู้อ่านพิจารณากันก่อนครับ ติเตียนหรือเสนอแนะได้เต็มที่เลยนะครับ


รูปสุดท้าย เป็นภาพหลังบวชครับ น้ำหนัก 79.5 กิโล อก 40 นิ้ว เอว 31 นิ้ว แขน 14.5 นิ้ว ใช้เวลา 122 วัน ( 4เดือน) ตั้งแต่วันที่ 19 เม.ษ. 57 ถึง 17 ส.ค. จากเดิม 101 กิโล ลดลง 21.5 กิโล ลดน้ำหนักทั้งหมดได้ 45.5 กิโล จากที่เคยหนักถึง 125 กิโลครับ ^____^ รู้สึกดีมากจริงๆๆ ซึ่งลดได้ตามเป้าหมายแล้วครับ
ชื่อสินค้า:   TDEE & BMR Calculator, Weight Training & Cardio
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่