บรรยากาศโรงเรียนเวลาสี่โมงเย็น นักเรียนกำลังพลุกพล่าน บ้างก็เดินบ้างก็วิ่งโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือประตูโรงเรียน บางคนก็ต้องไปเรียนพิเศษต่อจากการเรียนปกติ บางคนก็นัดกันเล่นฟุตบอลกับเพื่อน หลายๆคนก็มีเป้าหมายอย่างอื่น และในจุดเล็กของโรงเรียน ก็มีเสียงสนทนาโทรศัพท์เกิดขึ้น
“ผมตั้งใจไว้แล้วอะแม่..” เสียงเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังสนทนาโทรศัพท์กับแม่ของเขาเอง
“มาช่วยแม่รดน้ำแปลงผักของเราเถอะนะลูก เงินที่ได้จากการขายผัก แม่ก็เอาให้ลูก มาช่วยหน่อยเถอะนะ” เสียงอ้อนวอนขอร้องดังมาจากปลายสาย แม่ของต้นขอร้องด้วยความเหน็ดเหนื่อย ถึงแม้จะรู้ในใจว่าอย่างไรลูกตัวเองก็ไม่มีทางจะมาช่วยงานอยู่แล้ว
“โถ่ แม่ เย็นวันศุกร์แบบนี้ผมรับปากเพื่อนไว้แล้ว ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปเล่นเกมส์กับเพื่อน แม่เข้าใจรึปล่าวผมตั้งใจไว้แล้ว ผักเผิกอะไรนั่นค่อยรดน้ำมันพรุ่งนี้ก็ได้แม่ แค่นี้นะแม่ ..”
ต้นวางสายไปโดยไม่รอเสียงสนทนาตอบกลับมา พร้อมหันไปหาเพื่อนด้วยหน้าตายิ้มระรื่น
“ไปโว้ย วันนี้ข้าจะโชว์ความเทพให้พวกเอ็งดู เรียกข้าใหม่ได้เลยฉายาต้นร้อยศพ”
“โดนฆ่าร้อยศพหนะสิไม่ว่า ฮ่าๆๆๆ” เพื่อนหลายคนแซวกลับมาพร้อมหัวเราะโห่ฮากันครืนใหญ่
กลุ่มนักเรียนชาย 5 คนพากันเดินกอดคอไปยังร้านเกมส์ร้านประจำ หยอกล้อเฮฮากันไปตลอดทาง
เมื่อไปถึงหน้าร้านก็ถอดรองเท้าโดยไม่รอที่จะจัดแจงให้เข้าที่เข้าทาง วิ่งเข้าร้านเกมส์เข้าไปหาเครื่องประจำของตัวเอง
“เครื่อง 12 ถึง 16 เครื่องละสองชั่วโมงนะเฮีย“ ต้นตะโกนบอกเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านเกมส์ยิ้มตอบ
เวลาล่วงเลยผ่านไป…..
“ฮ่าๆๆๆๆ ทีมตรงข้ามอ่อน

” เด็กชายกลุ่มนี้หัวเราะโห่ฮาเพราะเพิ่งเล่นเอาชนะทีมตรงข้ามมาได้
“เห้ย คนในเกมส์แพ้แล้วโวยวายว่ะ” เพื่อนคนนึงพูดพร้อมชี้ไปยังหน้าจอ
“ด่ามันเลย ด่ามันกันโว้ย” เพื่อนอีกคนเสนอแนะ
ความสนุกสนานเพิ่มขึ้นเมื่อกลุ่มเด็กเหล่านี้เก็บชัยชนะปลอมๆในเกมส์ออนไลน์มาได้ และได้พูดเสียดสีผู้แพ้ มันยิ่งเพิ่มความสะใจให้เด็กเหล่านี้เป็นทวีคูณ น้ำใจนักกีฬา ไม่จำเป็นต้องมีในเกมส์ออนไลน์ในความคิดของเด็กเหล่านี้
"ฮ่าๆ ไอพวกกากก"
"ให้มันรู้ไว้บ้าง เด็กวัดดอนไม่กลัวใครโว้ยยย"
เมื่อพูดจาเสียดสีทีมตรงข้ามจนพอใจ เด็กเหล่านี้ก็ไม่สนใจ เริ่มเล่นเกมส์รอบใหม่ ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เวลาผ่านพ้นไปจนครบสองชั่วโมงตามที่ตกลงกันไว้กับเจ้าของร้าน ก็ถึงเวลาที่ต้องเลิกเล่นและแยกย้ายกันกลับบ้าน หลังจากแต่ละคนเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อยก็มานั่งใส่รองเท้าและคุยเล่นกันหน้าร้าน
“มันส์จังว่ะวันนี้ พรุ่งนี้มาเจอกันอีกป่าวพวกเอ็ง” เด็กชายคนหนึ่งกล่าวชวนเพื่อน
“ได้เว้ย เจอกันแต่หัววันเลยนะ” ต้นตอบเพื่อน
สิ้นเสียงสนทนาไม่นาน ก็มีเสียงแตรรถจักรยานยนต์มาจากทางด้านหน้าของร้านเกมส์ เมื่อเด็กกลุ่มนี้หันหน้าตามไปจากทางต้นเสียงก็เจอกับกลุ่มจักรยานยนต์ 4-5 คัน ซึ่งประกอบไปด้วยเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกันนับสิบคน มองมายังกลุ่มตนพร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร
“พวกใช่ไหมที่ด่ากูในเกมส์เมื่อกี้” ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกของกลุ่มดังกล่าวตะโกนถาม
“เอาไงดีวะ” ต้นเห็นท่าไม่ดี จึงเริ่มถามความเห็นเพื่อนๆ
“วิ่งดิเว้ย อยู่ทำพระแสงอะไรหละ” กลุ่มนักเรียนชาย 5 คนที่ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มจักรยานยนต์
วิ่งหนีแยกกันเข้าซอยข้างๆร้านเกมส์ร้านประจำ โดยมีมอเตอร์ไซค์ไล่ตามมาติดๆ
ด้วยความเป็นเจ้าของพื้นที่ และการวิ่งในซอยแคบๆ ก็เป็นการได้เปรียบกว่าการขับจักรยานยนต์ ต้นเลยหนีจากกลุ่มจักรยานยนต์นั้นได้ไม่ยาก และถึงแม้ว่าจะไม่ได้หนีมาทางเดียวกับเพื่อนทุกคน แต่ต้นก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเพื่อนทุกคนก็คงไม่เป็นอะไรเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้น ต้นก็ยังไม่หยุดวิ่ง และหันหลังมาสังเกตุเป็นระยะเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ต้นเลือกจะวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
“ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
เมื่อต้นหันหน้ากลับมามันก็สายเกินไปที่จะสั่งห้ามขาของตัวเองไม่ให้ก้าวต่ออีกเพียงก้าวเดียวแล้ว ต้นวิ่งชนกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ถือของพะรุงพะรังอย่างหลีกไม่ได้ ของในมือของสาวน้อยคนนั้น กระเป๋านักเรียนของต้น ลอยกระจัดกระจายไปบนอากาศระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะแพ้แรกโน้มถ่วงของโลกตกลงมากระแทกพื้นดิน
“ขนมหนูตกแตกหมดเลย ฮืออ” เด็กสาวตัวน้อยมองไปยังสิ่งของที่ตัวเองถือมา ตอนนี้เองที่ต้นสังเกตุเห็นว่าสิ่งนั้นคือขนมไทยหลากหลายชนิด จำนวนเยอะเกินกว่าจะเก็บไว้กินเอง เด็กคนนี้ขายขนมนั่นเอง และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้ขายแล้ว
“พี่ขอโทษนะครับ” ต้นพูดด้วยความรู้สึกผิด
“หนูตั้งใจทำขนมจะหาตังไปช่วยพ่อแม่เสียค่าเทอม ฮือๆ” เด็กน้อยสะอื้นหนักขึ้น
“ทำไมความตั้งใจของหนู ต้องมาเจอกะเรื่องแบบนี้ด้วยนะ” เด็กน้อยยังไม่หยุด
นาทีนี้เองเหมือนมีใครมาจุดไฟในสมองของต้น เด็กน้อยไร้เดียงสามีความตั้งใจที่จะช่วยพ่อแม่ขายขนมแต่ความตั้งใจของเขากลับนำมาใช้เพื่อการปฎิเสธแม่และมาเล่นเกมส์กับเพื่อน อายุที่ต่างกันของเขากับเด็กน้อยคนนั้นไม่ได้ทำให้ความคิดรับผิดชอบของเขาโตกว่าเด็กน้อยคนนั้นเลยแม้แต่นิด
ต้นสังเกตุเห็นมีขนมชั้นอยู่ชิ้นหนึ่งที่ถึงแม้จะหล่นแต่ก็อยู่ในห่อและพอจะกินได้ ต้นล้วงกระเป๋าหยิบแบงค์ร้อยขึ้นมาใบหนึ่งซึ่งเป็นทั้งหมดที่เขามีในตอนนั้น หยิบมาให้เด็กน้อย
“ถือว่าพี่ซื้อขนมหนูทั้งหมดเลยนะ ร้อยนึงอาจจะไม่พอ แต่วันหลังพี่สัญญาว่าจะเอาที่เหลือมาจ่ายให้หมด” ต้นกล่าวพร้อมกับยื่นธนบัตรมูลค่าหนึ่งร้อยบาทให้เด็กคนนั้น เมื่อเด็กคนนั้นรับเงิน ต้นก็ก้มไปหยิบขนมชั้นชิ้นที่เหลือเพียงชิ้นเดียวขึ้นมา
“พี่ไปก่อนนะ” ต้นกล่าวลาเด็กสาวคนนั้น ต้นรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยที่เห็นรอยยิ้มของสาวน้อยปรากฏขึ้นเล็กๆบนใบหน้า
ต้นหยิบขนมชั้นชิ้นนั้นขึ้นมากิน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นขนมชั้นที่อร่อยที่สุด แต่ก็เป็นขนมชั้นที่มีความหมายที่สุดที่ต้นเคยกินมา
………………………………………………………………………………………………
บรรยากาศโรงเรียนเวลาสี่โมงเย็น นักเรียนกำลังพลุกพล่าน บ้างก็เดินบ้างก็วิ่งโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือประตูโรงเรียน บางคนก็ต้องไปเรียนพิเศษต่อจากการเรียนปกติ บางคนก็นัดกันเล่นฟุตบอลกับเพื่อน หลายๆคนก็มีเป้าหมายอย่างอื่น และในจุดเล็กของโรงเรียน ก็มีเสียงสนทนาโทรศัพท์เกิดขึ้น
“ได้ครับแม่ แล้วเจอกันครับ” ต้นรับปากอะไรบางอย่างกับแม่ของตัวเองก่อนวางสาย
“เฮ้ยพวกเอ็ง ข้ากลับบ้านก่อนนะเว้ย” ต้นเดินออกมาจากโรงเรียน พร้อมโบกมือบอกลาเพื่อนๆ
“นี่เย็นวันศุกร์นะเว้ย เอ็งจะไม่ไปเล่นเกมส์กะพวกข้าจริงๆหรอ” เพื่อนคนนึงในกลุ่มถามขึ้นมา
“ไม่ว่ะ จะไปช่วยแม่รดน้ำผัก .. ข้าตั้งใจไว้แล้ว...” ต้นตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้ม
[เรื่องสั้น] - ตั้งใจไว้แล้ว
“ผมตั้งใจไว้แล้วอะแม่..” เสียงเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังสนทนาโทรศัพท์กับแม่ของเขาเอง
“มาช่วยแม่รดน้ำแปลงผักของเราเถอะนะลูก เงินที่ได้จากการขายผัก แม่ก็เอาให้ลูก มาช่วยหน่อยเถอะนะ” เสียงอ้อนวอนขอร้องดังมาจากปลายสาย แม่ของต้นขอร้องด้วยความเหน็ดเหนื่อย ถึงแม้จะรู้ในใจว่าอย่างไรลูกตัวเองก็ไม่มีทางจะมาช่วยงานอยู่แล้ว
“โถ่ แม่ เย็นวันศุกร์แบบนี้ผมรับปากเพื่อนไว้แล้ว ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปเล่นเกมส์กับเพื่อน แม่เข้าใจรึปล่าวผมตั้งใจไว้แล้ว ผักเผิกอะไรนั่นค่อยรดน้ำมันพรุ่งนี้ก็ได้แม่ แค่นี้นะแม่ ..”
ต้นวางสายไปโดยไม่รอเสียงสนทนาตอบกลับมา พร้อมหันไปหาเพื่อนด้วยหน้าตายิ้มระรื่น
“ไปโว้ย วันนี้ข้าจะโชว์ความเทพให้พวกเอ็งดู เรียกข้าใหม่ได้เลยฉายาต้นร้อยศพ”
“โดนฆ่าร้อยศพหนะสิไม่ว่า ฮ่าๆๆๆ” เพื่อนหลายคนแซวกลับมาพร้อมหัวเราะโห่ฮากันครืนใหญ่
กลุ่มนักเรียนชาย 5 คนพากันเดินกอดคอไปยังร้านเกมส์ร้านประจำ หยอกล้อเฮฮากันไปตลอดทาง
เมื่อไปถึงหน้าร้านก็ถอดรองเท้าโดยไม่รอที่จะจัดแจงให้เข้าที่เข้าทาง วิ่งเข้าร้านเกมส์เข้าไปหาเครื่องประจำของตัวเอง
“เครื่อง 12 ถึง 16 เครื่องละสองชั่วโมงนะเฮีย“ ต้นตะโกนบอกเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านเกมส์ยิ้มตอบ
เวลาล่วงเลยผ่านไป…..
“ฮ่าๆๆๆๆ ทีมตรงข้ามอ่อน
“เห้ย คนในเกมส์แพ้แล้วโวยวายว่ะ” เพื่อนคนนึงพูดพร้อมชี้ไปยังหน้าจอ
“ด่ามันเลย ด่ามันกันโว้ย” เพื่อนอีกคนเสนอแนะ
ความสนุกสนานเพิ่มขึ้นเมื่อกลุ่มเด็กเหล่านี้เก็บชัยชนะปลอมๆในเกมส์ออนไลน์มาได้ และได้พูดเสียดสีผู้แพ้ มันยิ่งเพิ่มความสะใจให้เด็กเหล่านี้เป็นทวีคูณ น้ำใจนักกีฬา ไม่จำเป็นต้องมีในเกมส์ออนไลน์ในความคิดของเด็กเหล่านี้
"ฮ่าๆ ไอพวกกากก"
"ให้มันรู้ไว้บ้าง เด็กวัดดอนไม่กลัวใครโว้ยยย"
เมื่อพูดจาเสียดสีทีมตรงข้ามจนพอใจ เด็กเหล่านี้ก็ไม่สนใจ เริ่มเล่นเกมส์รอบใหม่ ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เวลาผ่านพ้นไปจนครบสองชั่วโมงตามที่ตกลงกันไว้กับเจ้าของร้าน ก็ถึงเวลาที่ต้องเลิกเล่นและแยกย้ายกันกลับบ้าน หลังจากแต่ละคนเก็บเก้าอี้ให้เรียบร้อยก็มานั่งใส่รองเท้าและคุยเล่นกันหน้าร้าน
“มันส์จังว่ะวันนี้ พรุ่งนี้มาเจอกันอีกป่าวพวกเอ็ง” เด็กชายคนหนึ่งกล่าวชวนเพื่อน
“ได้เว้ย เจอกันแต่หัววันเลยนะ” ต้นตอบเพื่อน
สิ้นเสียงสนทนาไม่นาน ก็มีเสียงแตรรถจักรยานยนต์มาจากทางด้านหน้าของร้านเกมส์ เมื่อเด็กกลุ่มนี้หันหน้าตามไปจากทางต้นเสียงก็เจอกับกลุ่มจักรยานยนต์ 4-5 คัน ซึ่งประกอบไปด้วยเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกันนับสิบคน มองมายังกลุ่มตนพร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตร
“พวกใช่ไหมที่ด่ากูในเกมส์เมื่อกี้” ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกของกลุ่มดังกล่าวตะโกนถาม
“เอาไงดีวะ” ต้นเห็นท่าไม่ดี จึงเริ่มถามความเห็นเพื่อนๆ
“วิ่งดิเว้ย อยู่ทำพระแสงอะไรหละ” กลุ่มนักเรียนชาย 5 คนที่ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มจักรยานยนต์
วิ่งหนีแยกกันเข้าซอยข้างๆร้านเกมส์ร้านประจำ โดยมีมอเตอร์ไซค์ไล่ตามมาติดๆ
ด้วยความเป็นเจ้าของพื้นที่ และการวิ่งในซอยแคบๆ ก็เป็นการได้เปรียบกว่าการขับจักรยานยนต์ ต้นเลยหนีจากกลุ่มจักรยานยนต์นั้นได้ไม่ยาก และถึงแม้ว่าจะไม่ได้หนีมาทางเดียวกับเพื่อนทุกคน แต่ต้นก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเพื่อนทุกคนก็คงไม่เป็นอะไรเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้น ต้นก็ยังไม่หยุดวิ่ง และหันหลังมาสังเกตุเป็นระยะเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ต้นเลือกจะวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
“ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
เมื่อต้นหันหน้ากลับมามันก็สายเกินไปที่จะสั่งห้ามขาของตัวเองไม่ให้ก้าวต่ออีกเพียงก้าวเดียวแล้ว ต้นวิ่งชนกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ถือของพะรุงพะรังอย่างหลีกไม่ได้ ของในมือของสาวน้อยคนนั้น กระเป๋านักเรียนของต้น ลอยกระจัดกระจายไปบนอากาศระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะแพ้แรกโน้มถ่วงของโลกตกลงมากระแทกพื้นดิน
“ขนมหนูตกแตกหมดเลย ฮืออ” เด็กสาวตัวน้อยมองไปยังสิ่งของที่ตัวเองถือมา ตอนนี้เองที่ต้นสังเกตุเห็นว่าสิ่งนั้นคือขนมไทยหลากหลายชนิด จำนวนเยอะเกินกว่าจะเก็บไว้กินเอง เด็กคนนี้ขายขนมนั่นเอง และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้ขายแล้ว
“พี่ขอโทษนะครับ” ต้นพูดด้วยความรู้สึกผิด
“หนูตั้งใจทำขนมจะหาตังไปช่วยพ่อแม่เสียค่าเทอม ฮือๆ” เด็กน้อยสะอื้นหนักขึ้น
“ทำไมความตั้งใจของหนู ต้องมาเจอกะเรื่องแบบนี้ด้วยนะ” เด็กน้อยยังไม่หยุด
นาทีนี้เองเหมือนมีใครมาจุดไฟในสมองของต้น เด็กน้อยไร้เดียงสามีความตั้งใจที่จะช่วยพ่อแม่ขายขนมแต่ความตั้งใจของเขากลับนำมาใช้เพื่อการปฎิเสธแม่และมาเล่นเกมส์กับเพื่อน อายุที่ต่างกันของเขากับเด็กน้อยคนนั้นไม่ได้ทำให้ความคิดรับผิดชอบของเขาโตกว่าเด็กน้อยคนนั้นเลยแม้แต่นิด
ต้นสังเกตุเห็นมีขนมชั้นอยู่ชิ้นหนึ่งที่ถึงแม้จะหล่นแต่ก็อยู่ในห่อและพอจะกินได้ ต้นล้วงกระเป๋าหยิบแบงค์ร้อยขึ้นมาใบหนึ่งซึ่งเป็นทั้งหมดที่เขามีในตอนนั้น หยิบมาให้เด็กน้อย
“ถือว่าพี่ซื้อขนมหนูทั้งหมดเลยนะ ร้อยนึงอาจจะไม่พอ แต่วันหลังพี่สัญญาว่าจะเอาที่เหลือมาจ่ายให้หมด” ต้นกล่าวพร้อมกับยื่นธนบัตรมูลค่าหนึ่งร้อยบาทให้เด็กคนนั้น เมื่อเด็กคนนั้นรับเงิน ต้นก็ก้มไปหยิบขนมชั้นชิ้นที่เหลือเพียงชิ้นเดียวขึ้นมา
“พี่ไปก่อนนะ” ต้นกล่าวลาเด็กสาวคนนั้น ต้นรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยที่เห็นรอยยิ้มของสาวน้อยปรากฏขึ้นเล็กๆบนใบหน้า
ต้นหยิบขนมชั้นชิ้นนั้นขึ้นมากิน ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นขนมชั้นที่อร่อยที่สุด แต่ก็เป็นขนมชั้นที่มีความหมายที่สุดที่ต้นเคยกินมา
………………………………………………………………………………………………
บรรยากาศโรงเรียนเวลาสี่โมงเย็น นักเรียนกำลังพลุกพล่าน บ้างก็เดินบ้างก็วิ่งโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือประตูโรงเรียน บางคนก็ต้องไปเรียนพิเศษต่อจากการเรียนปกติ บางคนก็นัดกันเล่นฟุตบอลกับเพื่อน หลายๆคนก็มีเป้าหมายอย่างอื่น และในจุดเล็กของโรงเรียน ก็มีเสียงสนทนาโทรศัพท์เกิดขึ้น
“ได้ครับแม่ แล้วเจอกันครับ” ต้นรับปากอะไรบางอย่างกับแม่ของตัวเองก่อนวางสาย
“เฮ้ยพวกเอ็ง ข้ากลับบ้านก่อนนะเว้ย” ต้นเดินออกมาจากโรงเรียน พร้อมโบกมือบอกลาเพื่อนๆ
“นี่เย็นวันศุกร์นะเว้ย เอ็งจะไม่ไปเล่นเกมส์กะพวกข้าจริงๆหรอ” เพื่อนคนนึงในกลุ่มถามขึ้นมา
“ไม่ว่ะ จะไปช่วยแม่รดน้ำผัก .. ข้าตั้งใจไว้แล้ว...” ต้นตอบเพื่อนด้วยรอยยิ้ม