แมนยู & เชฟโรเลต'คู่จิ้น'หนังกับฟุตบอล'เรื่องใหม่

การเดินทางของ "เชฟโรเลต" เข้ามาในสังคมยุคใหม่นั้น ดูจะแตกต่างกับการเดินทางของ "โตโยต้า" และไม่เหมือนกันเลยกับรอยเท้า "ฮอนด้า" ...แตกต่างเพราะนี่คือยุคสมัยของ Sport Marketing และผิดไปจากเดิม เพราะตอนนี้คือยุคของ Edutainment ซึ่งสินค้าใหญ่ๆ สามารถหมั้นหมายแบรนด์ดังๆ หรือจับคู่แต่งงานกับสินค้ามีราศีในโลกนี้ได้ จากแวดวงอื่นๆ

          ผมเคยเขียนถึงแมนยูและเชฟโรเลตมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนนี้เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่ผีแดงแห่งแมนเชสเตอร์เพิ่ง "เทคออฟ" บินออกจากไทยแลนด์ไป ..อีกเพียงแค่สัปดาห์เดียว พรีเมียร์ลีกนัดแรกอย่างเป็นทางการของแมนยูภายใต้เสื้อที่โลโก้ของ "เชฟโรเลต" ประกาศศักดาอยู่บนหน้าอก ก็จะได้เวลาโชว์โฉมและโชว์ฟอร์มของ Branding ไปด้วยกัน
  
          ตอนเขียน article เกี่ยวกับแบรนด์เชฟโรเลตลงในหนังสือพิมพ์และนิตยสารบ้านเรานั้น ผมยังเล่น social media ที่มีแฟนๆ แมนยูตามอยู่ 80,000 คน(ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์)ว่า โปรดจับตาดูเถอะว่า เมื่อ AON เก็บกระเป๋าออกจากหน้าอกหน้าใจเสื้อแมนยูไป และ "เชฟโรเลต" เข้ามาเป็นคู่รักใหม่นั้น คนไทยน่าจะได้เห็นกิจกรรมมากมายและคึกคัก (รวมทั้งครึกครื้น) อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ทำไมจึงคิดเช่นนั้น..?

          ประการแรก สปอนเซอร์ AON นั้น เกี่ยวกับการเงิน ไม่สามารถทำการตลาดอะไรได้มากนัก มันไม่ใช่เครดิตการ์ดแบบสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ไม่ใช่เบียร์สิงห์ และไม่ใช่สินค้ามาแรงอย่างแบรนด์ซัมซุง... บรรยากาศของแฟนแมนยู จึงเป็นไปอย่างเงียบเหงาพอสมควรในหลายปีมานี้ เพราะเมื่อพาร์ทเนอร์ไม่ขยับทำอะไร หลายอย่างก็นิ่งไปด้วย แต่เมื่อเป็นแบรนด์รถยนต์อย่างเชฟโรเลตเข้ามา ถึงตรงนี้ กิจกรรมต่างๆ น่าจะเรียงคิวทยอยรอวันเวลาอยู่

          แมนยูเหมือนเจ้าสาว ส่วนเชฟโรเลตก็เป็นเจ้าบ่าว ถ้าฝ่ายขายไม่ออกโรง แฟนๆ ก็คงได้แต่นั่งรอ ที่ดีไปกว่านี้ก็คือ อานิสงส์ทางอ้อมของเชฟโรเลตก็คือ ฤดูกาล 2014-2015 คือ ยุคใหม่ของแมนยูที่พ้นเงาของเดวิด มอยส์ และเมื่อได้ ฟาน กัล ตัวจริงของจริง (เพิ่งฆ่าทุกทีมในอเมริกาไป) ทำให้มีโอกาสมากที่เชฟฯ เองจะได้เก็บเกี่ยวเครดิตในยุคใหม่ของผีแดง

          ตอนปี 2007 ที่ AIG เชิญผมไปเข้าแคร์ริงตัน โดมสปอร์ตคนแรกของประเทศไทย ผมจำได้ตอนสัมภาษณ์เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ชั้น 2 ว่า เขาบอกว่าแต่ละปีมีสินค้าระดับไฮเอนด์มาขอเป็นพาร์ทเนอร์มากมาย "...แต่ไม่ใช่แมนยูจะเลือกได้หมด แมนยูจะเลือกแค่บางค่ายที่มองเห็นโอกาสว่า จะเดินทางไปด้วยกัน" บ่ายวันนั้น ผมตื่นเต้นมาก แค่ได้เข้าโดมสปอร์ตคนแรกก็ตื่นเต้นแล้ว แค่แมนยูมอบตั๋วนัดชิงยุโรป 2011 ที่เวมบลีย์ก็ตื่นเต้นแล้ว... แต่การได้นั่งสัมภาษณ์เฟอร์กี้ในนั้น เป็นประสบการณ์ล้ำค่า
  
          ซึ่งประสบการณ์ที่วิเศษสุด ไม่ซ้ำใครนี่แหละ ที่เชฟโรเลตน่าจะนำมาตีความทริปและกิจกรรม ตลอด 7 ปีที่จะหมั้นหมายและเป็นคนรักของแชมป์พรีเมียร์ลีก 20 สมัย
  
          พ้นจากนี้...ลองชายตามองไปยังบริบท(context)อื่นๆ ที่เชฟโรเลตได้ขับผ่านมา ..ในหนังไซส์ S อย่าง "ฝากไว้ในกายเธอ" เราได้เห็นแบรนด์นี้เป็นส่วนหนึ่งในหลายฉาก แต่ในหนังไซส์ใหญ่ระดับ XXL เช่น Transformer ตอนไปสอนปริญญาโทที่จุฬาฯ และธรรมศาสตร์ ผมเอาหนังไปเปิดให้ดูว่า ทำไมสีที่คลอเคลียในหนังถึงเป็นสีเหลือง ปรากฏว่านักศึกษาตีความถูกว่า ต้องเกี่ยวกับสินค้า ผมจึงเฉลยว่าเพราะเชฟโรเลตเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ เมื่อโลโก้คือสีทอง จะ gold หรือ yellow จึงเหมือนสีหลักให้คนดู "รู้สึก" เวลาดูหนัง
  
          สิ่งที่เชฟฯ ทำในหนังแบบนี้ ฝรั่งเขาเรียกว่าเป็น subliminal ที่ครั้งหนึ่งวงการไอศกรีมของอเมริกาเคยทำ
  
          เมื่อขับไปทาง "หนัง" แล้ว เส้นทางที่เหลืออยู่แล้วไม่ลืมวิ่งไปอีกก็คือ "ฟุตบอล" ...พูดง่ายๆ คือ key สำคัญในโลกวัฒนธรรมป๊อปนั้น เชฟฯ ขับไปหมด ทรานสฟอร์เมอร์ กับ แมนยู นี่คือสินค้าแบรนด์ใหญ่ของตลาด หลายอย่างจึงน่าสนใจว่า ...นับจากแยกหน้า เชฟโรเลตจะขับแมนยู หรือขี่หนังเรื่องไหนให้เราได้ตีความอีก(interpretation)

          ว่าแต่ว่า...ถ้าแมนยูเป็นรถ ฤดูกาลนี้ คุณว่าผีแดงจะซิ่งด้วยความเร็วเท่าใด ?

.......................................
(หมาย"แมนยู & เชฟโรเลต"คู่จิ้น "หนังกับฟุตบอล" เรื่องใหม่ : คอลัมน์ หนังโรงเล็ก โดย... นันทขว้าง สิรสุนทร)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่