บทเรียนจากการสร้างมนุษย์

คัมภีร์กุรอานบอกเล่าให้เรารู้ว่าก่อนที่โลกนี้จะมีมนุษย์ พระเจ้าได้สร้างมนุษย์ต้นแบบขึ้นมาจากดินใน
อาณาจักรของพระองค์ หลังจากนั้น พระเจ้าได้เป่าวิญญาณเข้าไปในดินต้นแบบนั้น ดินที่ถูกนำมา
สร้างเป็นมนุษย์จึงมีชีวิตขึ้นมาและได้ชื่อว่าอาดัม
ดังนั้น มนุษย์ทุกชีวิตจึงมีสองสิ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ นั่นคือ วิญญาณและร่างกาย
หากวิญญาณออกจากร่างมนุษย์ไปเมื่อใด ร่างกายของมนุษย์ก็จะยุ่ยสลายกลายเป็นดิน
          ก่อนสร้างอาดัม พระเจ้าได้บอกสรรพสิ่งทั้งหลายในอาณาจักรของพระองค์โดยเฉพาะเหล่า
ทูตสวรรค์ให้รู้ว่าพระองค์จะให้มนุษย์เป็น“ผู้ทำหน้าที่แทน”พระองค์บนโลกใบนี้ คำว่าผู้ทำหน้าที่
แทนในที่นี้มิได้หมายความว่าพระเจ้าต้องการให้มนุษย์เป็นพระเจ้าแทนพระองค์ แต่ทรงให้มนุษย์
มาทำหน้าที่บางอย่างที่พระองค์ได้สั่งไว้ในคัมภีร์ของพระองค์
          การสร้างของพระเจ้าไม่เหมือนกับการสร้างของมนุษย์ ถ้าพระองค์ต้องการจะเนรมิตสิ่งใด
แค่เพียงสั่งว่า“จงบังเกิดขึ้น” สิ่งที่พระเจ้าประสงค์ก็บังเกิดขึ้นทันที การสร้างอาดัมก็เช่นเดียวกัน
ผิดกับการสร้างหุ่นยนตร์ของมนุษย์ที่ต้องรอความเจริญก้าวหน้าและวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี
ถึงขั้นสูงสุดแล้วจึงจะสร้างขึ้นมาได้ แม้สร้างขึ้นมาแล้ว หุ่นยนตร์ก็ไม่มีวิญญาณ
          ถ้าอาดัมถูกส่งมายังโลกนี้เพียงลำพัง อาดัมก็ไม่อาจมีลูกหลานสืบทอดภารกิจของเขาได้
ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงได้สร้างอีฟขึ้นมาให้เป็นภรรยาของเขาเพื่อแพร่ขยายลูกหลานบนโลกใบนี้
คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าพระเจ้าสร้างอีฟมาจากกระดูกซี่โครงของอาดัม แต่คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าพระเจ้า
สร้างมนุษย์มาจาก “ชีวิตหนึ่ง” และจากชีวิตนั้น พระองค์ได้ทรงสร้างคู่ครองให้มัน
          อย่างไรก็ตาม นักวิชาการมุสลิมไม่ปฏิเสธเรื่องการสร้างอีฟจากกระดูกซี่โครงของอาดัม
แต่ยังให้คำอธิบายเป็นเชิงเปรียบเทียบว่าผู้หญิงมีนิสัยงอๆงอนๆเหมือนกับกระดูกซี่โครง ผู้ชายต้อง
เข้าใจธรรมชาติตรงนี้ของผู้หญิงและควรบริหารความงอๆงอนๆนั้นไว้ ท่านนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า
ถ้าผู้ชายคนใดคิดจะดัดซี่โครงให้ตรง มันก็จะหัก นั่นคือการต้องหย่าร้างแยกทางกันไป
          เมื่ออาดัมและอีฟถูกส่งมาตั้งถิ่นฐานบนโลกใบนี้ พระเจ้าได้ใช้ทั้งบุคคลทั้งสองเป็นช่องทาง
ในการแพร่ขยายเผ่าพันธุ์มนุษย์ ท่านนบีมุฮัมมัดได้บอกให้เรารู้ถึงกระบวนการกำเนิดและการกำหนด
ชะตากรรมของมนุษย์ไว้อย่างน่าสนใจเมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้วว่า :-
“วิธีการที่พวกท่านแต่ละคนถูกสร้างขึ้นมาก็คือท่านได้ถูกรวมเข้าไว้ในรังไข่ของแม่ของท่านเป็น
เวลาสี่สิบวันในตอนที่เป็นหยดเชื้ออสุจิ  หลังจากนั้น ในระยะเวลาเท่าๆกันก็เป็นก้อนเลือดและ
หลังจากนั้นก็เป็นก้อนเนื้อในเวลาเท่าๆกัน  หลังจากนั้น มลาอิก๊ะฮฺ(ทูตสวรรค์)องค์หนึ่งจะถูกส่งมา
เป่าวิญญาณเข้าไปในท่านและมีหน้าที่ทำตามคำบัญชาสี่ประการ นั่นคือ กำหนดปัจจัยยังชีพ
ของท่าน ช่วงอายุของท่าน การงานของท่านและท่านจะทุกข์หรือสุข”

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สารคดี Miracle Of Quran (The Embryo)

มนุษย์เพิ่งรู้ความจริงถึงวิวัฒนาการในครรภ์ว่าเป็นไปตามที่ท่านนบีมุฮัมมัดกล่าวไว้เมื่อไม่กี่
สิบปีมานี้หลังจากที่โลกมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทาง
การแพทย์แล้ว
          คำพูดของท่านนบีมุฮัมมัดไม่เพียงแต่จะให้เบาะแสเกี่ยวกับเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์
ในครรภ์เท่านั้น แต่ยังบอกให้รู้ว่าตัวสเปิร์มที่ปฏิสนธิกับไข่ในมดลูกจนเป็นก้อนเลือดและก้อนเนื้อ
ได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ได้ก็เพราะก้อนเนื้อนั้นถูกเป่าวิญญาณเข้าไป และมนุษย์ได้
ถูกกำหนดชะตากรรมบางอย่างไว้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้วโดยมนุษย์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ต่างอะไร
ไปจากชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ว่าเมื่อเกิดมาแล้วต้องแก่ เจ็บและตายในที่สุด
          นี่คือความจริงแห่งชีวิตที่มนุษย์ต้องยอมรับและทำความเข้าใจถ้าต้องการจะใช้ชีวิตในโลกนี้
อย่างมีความสุขและได้รับความรอดพ้นในโลกหน้า
          ถ้าพระเจ้าจะทำให้มนุษย์ทุกคนรวยเหมือนกันหมด พระองค์ก็สามารถทำได้ แต่พระองค์
ประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนได้รับปัจจัยไม่เท่ากันเพื่อให้มนุษย์ได้ร่วมกันแสวงหาปัจจัยเพิ่มเติม
ให้กันและกันและเพื่อสร้างสรรค์ความเจริญบนหน้าแผ่นดิน ถ้าใครเกิดมาจนและอิจฉาคนที่รวยกว่า
นั่นก็แสดงว่าคนผู้นั้นไม่พอใจพระเจ้าและไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของพระองค์ จิตใจจะไม่มีวันเป็นสุข
          อายุขัยของมนุษย์แต่ละคนก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกันโดยไม่มีมนุษย์คนใดรู้ว่าตัวเองจะตาย
เมื่อใด ตายที่ไหนและตายอย่างไร ดังนั้น มนุษย์จึงควรเตรียมความพร้อมไว้ก่อนตายเพื่อชีวิต
หลังความตายด้วยการทำความดีซึ่งคนจนก็สามารถทำได้
          การงานของมนุษย์ถูกกำหนดมาโดยการที่พระเจ้าประทานความสามารถให้มนุษย์แตกต่างกัน
เพื่อพึงพาอาศัยกัน มนุษย์ต้องค้นหาให้พบว่าตัวมีความสามารถหรือชอบทำอะไรและเลือกทำสิ่งนั้น
เพราะการทำงานที่ตัวเองมีความสามารถและมีความรักในงานที่ทำไม่เพียงแต่จะทำให้งาน
ออกมาดีเท่านั้น แต่ยังมีความสุขในการทำงานด้วย
          ความทุกข์และความสุขได้ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกันสำหรับมนุษย์ทุกคน ไม่มีใครในโลกนี้ที่มี
ความสุขหรือความทุกข์อย่างเดียวตลอดทั้งชีวิต ทุกข์และสุขถูกคลุกเคล้ากันไป แต่หลักธรรมคำสอน
ของศาสนาจะสอนศิลปะการใช้ชีวิตว่ายามมีสุขจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุขอย่างยาวนาน
และไม่ให้ความสุขนั้นนำมาซึ่งความทุกข์ และในยามทุกข์จะใช้ชีวิตอย่างไรถึงจะมีความสุขตามอัตภาพ
บทความโดยอาจารย์บรรจง บินกาซัน ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน

อ้างอิงค์ข้อมูลจาก : http://www.knowislamthailand.org/article/136-2013-12-21-06-33-06
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่