-------------------------เมื่อถึงปลายทาง-----------------------(บทความ)

กระทู้สนทนา
...........หลังจากมีการทำรัฐประหาร ยึดอำนาจเเละเข้าบริหารโดย คสช หลายคนต่างมีความคิดไปในหลายทิศทาง มีทั้งคิดเข้าข้างในฝ่ายตนเองว่า คสช จะเข้ามาจัดการอย่างที่ผ่านมาในอดีต สมัยยุค คมช หรือเลยไปถึงยุค รสช ที่จะมีการไล่ล่าฝ่ายตรงข้าม ผ่านมาสองเดือนยังไม่มีปรากฎการในรูปเเบบเดิม เเต่ออกมาในเเนวสมานฉัน ซึ่งในเเนวทางนี้ตรงกับความคิดคนในประเทศส่วนใหญ่ในเวลานี้ คือเบื่อความขัดเเย้งทาด้านการเมือง

นับถึงเมื่อวานมีการประกาศใช้ รธณ ชั่วคราวเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเพื่อดำเนินการปฎิรูปเรื่องต่างๆที่มีปัญหาหรือมีข้อขัดเเย้งทางสังคม มีรูปเเบบมีเเบบเเผนที่ชัดเจน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หลายฝ่ายจับจ้อง พยายามชั่งน้ำหนัก ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ เริ่มมีเสียงกระเเอมมาจากฝาก ที่ออกเเรงร่วมกันออกมาไล่รัฐบาล ขาเก่าเก๋าเกมส์ มองเห็นภาพลางๆ ว่าสุดท้ายเเล้วคงไม่ได้อะไร ....กลับบ้านมือเปล่า

ด้วยท่าที่ที่ชัดว่าการปฎิรูปใดๆที่จะเกิดขึ้นจะมาจากคนที่ไม่มีซีกข้างทางการเมือง ซึ่งตอบโจทย์ของสังคมได้ เเต่ไม่ตรงใจฝ่ายต้องการอำนาจในการปฎิรูปในเเนวทางของฝ่ายตนเอง นับจากนี้เสียงกระเเอมจะเริ่มเป็นเสียงบ่น จนกลายเป้นเสียงบริภาษ หากมองกันเเบบไม่เอนเอียงสิ่งที่ฝ่ายออกมาโค่นล้มรัฐบาล จะเห็นได้ว่ามีหลายข้อที่เป็นการพยายามล้มรัฐบาลเพื่อเปิดช่องให้ฝ่ายตนมีโอกาสเข้าถึงอำนาจ

นั่นหมายถึงต้องการให้มีการเปลี่ยนเเปลงเเล้วมีการกำหนดกฎกติกาที่ฝ่ายตนได้เปรียบ อาจให้มีการเขียนกฎหมายเพื่อกีดกัน ขีดเส้นให้ฝ่ายตนได้ประโยชน์ จนไปถึงเเต่งตั้งองค์กรขึ้นมาจัดการกับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมาถึงตรงนี้ ยังไม่ปรากฎชัดว่ามี เหลือเพียงเเต่องค์กรเก่าๆสองสามเเห่งที่ยังคงมีความพยายามอยู่กลายๆ เอาชัดๆคือ กกต ปปช ตลก ซึ่งรอเวลาเเละโอกาสใช้อำนาจนั้นอีกครั้ง

นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมาเขียนเรื่องนี้ เพื่อที่จะบอกปลายทาง ถือเป็นความเห็นส่วนตัวที่อาจถูกหรือผิดก็ได้ เพียงเเต่อยากให้เพื่อนๆในสังคมได้คิดในมุมนี้ ว่ากันชัดๆลงไปก่อน องค์กรเหล่านี้ถึงที่สุดปลายทางเเล้ว จะพ้นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับถาวร  ที่เชื่อเเบบนั้นเพราะเมื่อเกิดการตั้ง สนช จะมีหลากหลายฝ่ายเข้าไปช่วยกันพิจารณา หากมองตามรูปการต้องมีการถ่วงดุลในทุกด้านทุกฝ่าย

ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการสมานฉัน หากไม่มีการเอาส่วนที่เป็นฝ่ายขัดเเย้งหรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็จะไม่เกิดรัฐธรรมนูญที่พูดได้ว่ามาจากเสียงประชาชนทั้งประเทศ จะทำงุบงิบเเบบที่สมัย คมช กระทำ ตัวอย่างก็คงได้เห็น ว่าสุดท้ายเเล้วก็ไม่เกิดความสามัคคี ก็จะเกิดการเเบ่งเเยกกลุ่มเกิดสีเสื้อตามมาอีกเช่นเดิมเป็นวังวน จึงเชื่อได้ว่า ฝ่ายที่กุมอำนาจในเวลานี้ คงเข้าใจได้ดี เเละพยายามหาทางถ่วงดุลให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าความหลากหลายที่มารวมกันจะต้องยึดไปตามหลักเกณ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญเเบบหน้าเเหลมฟันดำที่ทำออก ซึ่งที่สุดเเล้วก็พิสูจน์ไปเเล้วว่าไม่สามารถทำให้เกิดความสามัคคีได้ กติกา หรือรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเรื่องสำคัญในการยุติข้อขัดเเย้งนี้ ดังนั้น กติกาต้องมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มองกันไปอีกยาวๆ

กติกาที่จะเขียน มีใช้กันทั่วไปเป็นสากล อาจมีผิดเเผกเเตกต่างกันไปบ้างในเเต่ระประเทศ เเต่หัวใจหลักๆคือความเท่าเทียม ให้มือกฎหมายระดับไหนมาพยายามร่างให้มันบิดพริ้ว เชื่อว่าสังคมไม่ว่าซีกข้างไหน จะตามทันเเละทักท้วง มีการพูดคุยกันในเเต่ระประเด็นอย่างกว้างขวางเพื่อให้ลงตัวที่สุด ซึ่งมองว่า ไม่อาจร่างให้มันดูผิดเเผกไปได้ไกลกว่านี้

เมื่อเชื่อว่ากติกาที่ร่างจะมีความใกล้เคียงกับสากลในโลกที่ใช้กัน เนื่องจากมีข้อผูกมัดหรือสัญญาที่ลงนามค้าขาย จึงไม่อาจเป็นอื่นไปได้ คือกติกาที่ใกล้เคียงสากลมากที่สุด เมื่อมีกติกาที่เป็นสากลดังนั้น เหล่าองค์กรที่อาศัยอำนาจตาม รัฐธรรมนูญเข้ามาในยุค คมช จึงต้องมีอันพ้นไป เพื่อเปิดทางให้กติกาสากลที่เป็นทำทำหน้าที จัดตั้ง สรรหา เลือกตั้ง สุดเเล้วเเต่จะกำหนดมา

ปลายทางจึงเชื่อได้ว่า องค์กรที่ก่อให้เกิดความขัดเเย้งจะต้องพ้นจากหน้าที ส่วนในเวลานี้ก็นั่งกินเงินเดือนหายใจไปพรางๆก่อน .......เชื่อว่าอย่างงั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่