ก่อนหนังจะลาโรงไป อดไม่ได้ที่จะแชร์ความรู้สึกหลังจากที่ดูหนังเรื่องนี้จบ เพราะสำหรับเราหนังมันเต็มไปด้วยความรู้สึกจริงๆ
ในส่วนของเรื่องย่อ และเนื้อหาในหนัง ขอไม่พูดถึงมาก เพราะหลายๆคนน่าจะรีวิวไปหมดแล้ว
The wind rises นับเป็นแอนิเมชั่นที่มีความเป็นผู้ใหญ่มาก
ถึงแม้หนังจะเล่าเรื่อง ความฝัน ประมาณว่าฝันให้ไกลไปให้ถึง อะไรทำนองนั้น
แต่การเลือกที่เล่าเรื่องผ่านตัวละคร จิโร่ ของหนังเรื่องนี้ ทำให้ The wind rises ไปไกลกว่าการเป็นแอนิเมชั่นความฝันโลกสวยมาก เรียกว่าไม่ใช่เลยดีกว่า
ดูจบแล้วก็ไม่แน่ใจว่า นี่เราได้กำลังใจให้ลุกขึ้นทำตามความฝันรึเปล่า เหมือนจะไม่ใช่ เพราะความฝันของจิโร่มันช่างเป็นความฝันสีหม่นซะเหลือเกิน สุดท้ายเมื่อเค้าทำสำเร็จ เรากลับไม่รู้สึกยินดี ตื้นตัน น้ำตารื้น หรืออะไรก็ตามที่มักได้จากหนังประเภทส่งเสริมให้คนทำตามฝัน แต่กลับรู้สึกเศร้า จุกๆ บอกไม่ถูก เพราะเครื่องบินที่สุดยอดที่สุดที่เค้าออกแบบสำเร็จ นอกจากจะไม่มีลำไหนได้บินกลับมาแล้ว ระหว่างทางที่เค้าขะมักเขม้นทำมันขึ้นมา ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เค้าต้องเสียคนรักไป
การเล่าเรื่องคู่ขนานกันไประหว่างการมุ่งมั่นทำตามความฝัน กับ ความรักของจิโร่และนาโฮโกะ ทำได้อย่างลงตัว และทำให้เราพอจะยิ้มและหัวเราะไปกับหนังได้บ้าง ถึงแม้ว่าตอนท้ายมันจะจบด้วยความเศร้า แต่ก็เป็นความรักที่ทำให้คนดูรู้สึกอิ่มเอม
หลายคนอาจจะบอกว่าโทนของหนังมันชวนง่วง เดินเรื่องเฉื่อย และหน่วง แต่โดยส่วนตัวกลับชอบ และทำให้เรารู้สึกกับหนังได้มาก ทุกคำพูดของตัวละครมันมีความหมายที่เราต้องตั้งใจฟัง บทและภาพละเอียดละเมียดละไมจริงๆ
และสุดท้ายเพลงประกอบภาพยนตร์ มันช่างเป็นการปิดเรื่องที่สมบูรณ์มาก นั่งดูหนังถึงตอนจบด้วยอารมณ์ที่หม่นและจุกอยู่ที่คอ พอเพลงขึ้นมาพร้อมซับไตเติ้ลได้ครึ่งเพลงเท่านั้นแหละ น้ำตาไหลพรากเลย
[CR] The wind rises ความฝันสีหม่น
ในส่วนของเรื่องย่อ และเนื้อหาในหนัง ขอไม่พูดถึงมาก เพราะหลายๆคนน่าจะรีวิวไปหมดแล้ว
The wind rises นับเป็นแอนิเมชั่นที่มีความเป็นผู้ใหญ่มาก
ถึงแม้หนังจะเล่าเรื่อง ความฝัน ประมาณว่าฝันให้ไกลไปให้ถึง อะไรทำนองนั้น
แต่การเลือกที่เล่าเรื่องผ่านตัวละคร จิโร่ ของหนังเรื่องนี้ ทำให้ The wind rises ไปไกลกว่าการเป็นแอนิเมชั่นความฝันโลกสวยมาก เรียกว่าไม่ใช่เลยดีกว่า
ดูจบแล้วก็ไม่แน่ใจว่า นี่เราได้กำลังใจให้ลุกขึ้นทำตามความฝันรึเปล่า เหมือนจะไม่ใช่ เพราะความฝันของจิโร่มันช่างเป็นความฝันสีหม่นซะเหลือเกิน สุดท้ายเมื่อเค้าทำสำเร็จ เรากลับไม่รู้สึกยินดี ตื้นตัน น้ำตารื้น หรืออะไรก็ตามที่มักได้จากหนังประเภทส่งเสริมให้คนทำตามฝัน แต่กลับรู้สึกเศร้า จุกๆ บอกไม่ถูก เพราะเครื่องบินที่สุดยอดที่สุดที่เค้าออกแบบสำเร็จ นอกจากจะไม่มีลำไหนได้บินกลับมาแล้ว ระหว่างทางที่เค้าขะมักเขม้นทำมันขึ้นมา ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เค้าต้องเสียคนรักไป
การเล่าเรื่องคู่ขนานกันไประหว่างการมุ่งมั่นทำตามความฝัน กับ ความรักของจิโร่และนาโฮโกะ ทำได้อย่างลงตัว และทำให้เราพอจะยิ้มและหัวเราะไปกับหนังได้บ้าง ถึงแม้ว่าตอนท้ายมันจะจบด้วยความเศร้า แต่ก็เป็นความรักที่ทำให้คนดูรู้สึกอิ่มเอม
หลายคนอาจจะบอกว่าโทนของหนังมันชวนง่วง เดินเรื่องเฉื่อย และหน่วง แต่โดยส่วนตัวกลับชอบ และทำให้เรารู้สึกกับหนังได้มาก ทุกคำพูดของตัวละครมันมีความหมายที่เราต้องตั้งใจฟัง บทและภาพละเอียดละเมียดละไมจริงๆ
และสุดท้ายเพลงประกอบภาพยนตร์ มันช่างเป็นการปิดเรื่องที่สมบูรณ์มาก นั่งดูหนังถึงตอนจบด้วยอารมณ์ที่หม่นและจุกอยู่ที่คอ พอเพลงขึ้นมาพร้อมซับไตเติ้ลได้ครึ่งเพลงเท่านั้นแหละ น้ำตาไหลพรากเลย