The Wind Rises: ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก
ตั้งชื่อไทยได้ดี และเพราะมาก เหมาะกับเรื่อง
ผลงานเรื่องสุดท้ายของอาจารย์ ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้ก่อตั้ง Studio Ghibli ที่หยิบเอานิยายชื่อดังของ ทัตสึโอะ โฮริ ที่ดัดแปลงจากชีวประวัติของ จิโร โฮริโกชิ ผู้สร้างเครื่องบินรบ Mitsubishi A6M Zero สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เรื่องราวของ จิโร ชายหนุ่มที่ฝันอยากเป็นนักบิน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเขาสายตาสั้นมาก แต่ความฝันของเขาก็ไม่ได้จบลง เขาจึงพยายามเป็นวิศวกรออกแบบเครื่องบินแทน เรื่องราวความฝันและความรัก ที่หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ได้พบเจอ ทั้งความสมหวังและผิดหวังต่างๆนาๆ ถูกเล่าด้วยลายเส้นสไตล์จิบลิ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
หนังเรื่องนี้สมกับที่เป็นอนิเมะเรื่องสุดท้ายของอ.มิยาซากิ เพราะอาจารย์ใส่ความเป็นตัวเองลงไปในหนังเยอะมาก นั่นคือ อาจารย์เป็นคนนึงที่รักและหลงไหลในเครื่องบินมาก จนเป็นที่มาของ Ghibli หรืออ่านออกเสียงว่า Ji-Bu-Ri-(จิ-บุ-ริ) ในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า “ลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทรายซาฮาร่า” ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่นักบินอิตาเลี่ยน เอาไว้ใช้เรียกเครื่องบินสอดแนมของตัวเองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเอาชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อของสตูดิโอด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ประการ คือ ประการแรกเพราะชื่นชอบและหลงรักในเครื่องบินมาก และประการที่สองสตูดิโอแห่งนี้จะเป็นเหมือนลมพัดกระหน่ำวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นให้ต้องสั่นสะเทือน
เมื่อเป็นผลงานของอ.มิยาซากิ แน่นอนว่า ต้องใส่ความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมลงไป ทั้งนิสัยและวิถีชีวิตที่ทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศของญี่ปุ่นยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ แบบไม่มีจุดพีคอะไรมาก ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศ จนเผลอซึมลึกไปกับตัวละครและซาบซึ้งไปกับเหตุการณ์ต่างๆ จนเรียกได้ว่าเป็นหนังที่งดงาม หมดจดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ลายเส้นที่คงเอกลักษณ์ แต่สวยงามและได้บรรยากาศของญี่ปุ่นแท้ๆ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เก็บได้ดีมาก ทั้งฉากแผ่นดินไหว ฉากที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ทำให้เราหลงเข้าไปในฝันของชายหนุ่ม Japanese Boy ได้อย่างเต็มเปี่ยม และอินไปกับเรื่องราวความรักและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ จนเรียกได้ว่าดูจบแล้วก็ยังไม่อยากจะลุกไปไหน ต้องนั่งฟังเพลงจนจอดับกันเลยทีเดียว แล้วน้ำตาก็ค่อยๆ เอ่อล้นออกมา ทั้งซาบซึ้ง เศร้า เหงา และจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เรียกได้ว่าสมแล้วที่อ.มิยาซากิหยิบเรื่องนี้มาเล่า เหมือนได้ทำฝันสุดท้ายบนเส้นทางของผู้สร้างอนิเมะให้ทุกลายเส้นสร้างความฝันของตัวเองให้เป็นจริง และโลดแล่นสู่สายตาชาวโลก
ต่อไปนี้ขอสปอยความรู้สึก และเจาะลึกแต่ละฉากที่ชอบนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในเรื่องนี้จิโรเป็นคนช่างฝันตั้งแต่เด็ก และเขามีไอดอลคอยเป็นที่ปรึกษาในจินตนาการ นั่นคือ เวลาที่คนเราฝันเพ้อแบบไกลตัว เราอาจจะสร้างบุคคลที่เราชื่นชอบมาคอยรับฟังความเห็นของเรา ที่ถ้าเราเอาไปพูดกับคนอื่นเขาคงคิดว่าเราบ้าไปแล้วก็ได้ ความฝันของเราอาจจะไม่ได้เป็นจริงเสมอไป ถึงแม้เราจะพยายามลงมือทำ แต่มันก็อาจจะล้มเหลว หรือไม่เป็นอย่างที่เราคิด แต่ใช่ว่าเราจะต้องปล่อยมันไป ดั่งคำพูดที่ว่า "เพราะมีสายลม เราจึงต้องอยู่ต้านลม" ชีวิตคนเราต้องพบเจอทั้งสายลมเย็นเบาๆ หรือลมพายุที่พัดถาโถมเข้าใส่ แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป
เมื่อจิโรไม่อาจทำฝันแรกของตัวเองให้เป็นจริง ใช่ว่าเขาจะต้องหยุดฝัน ในเมื่อเป็นนักบินไม่ได้ ก็เป็นนักออกแบบเครื่องบินแทนสิ เขาจึงเลือกเส้นทางการเป็นวิศวกรออกแบบเครื่องบิน ซึ่งตรงนี้เราคิดว่าตรงกับอ.มิยาซากิที่รักเครื่องบิน เมื่อเป็นนักบินไม่ได้ เขาจึงพยายามวาดมันเป็นลายเส้นแล้วใส่ลงไปในเรื่องราวของอาจารย์เอง แทรกอยู่ในอนิเมะหลายๆเรื่อง
การเล่าเรื่องแบบสลับภาพเป็นฝันของจิโรได้พูดคุยกับคาร์โปนี เป็นอะไรที่น่าสนใจและดูงดงาม โดยเฉพาะฉากหนึ่งที่จิโรนอนดูดาวแล้วกลายเป็นภาพความฝัน คือเป็นภาพจินตนาการที่สวยงามมากฉากนึงเลย
ถึงแม้ว่าเครื่องบินที่จิโรออกแบบ จะใช้เป็นอาวุธในสงคราม แต่เขาไม่เคยคิดว่ามันคืออาวุธที่ร้ายกาจ มักคิดเสมอว่าเครื่องบินเป็นดั่งสิ่งสวยงามที่เขาบรรจงสร้างสรรค์มันขึ้นมา อ.มิยาซากิ ผู้ซึ่งเกลียดสงครามและมักจะตีแผ่เรื่องราวของสงครามในแบบที่โหดร้ายมาตลอด แน่นอนว่าเมื่อต้องมาสร้างหนังที่เกี่ยวกับผู้สร้างอาวุธสงคราม เขาจึงต้องสอดแทรกเรื่องราวที่น่าเจ็บปวด ที่คนญี่ปุ่นจะไม่มีวันลืมลงไปด้วย มันเหมือนกับที่จิโรพูดว่า สุดท้ายเครื่องบินของเขาก็ไม่เหลือรอดกลับมาสักลำ เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องผิดพลาด และทำฝันของตัวเองล้มเหลว แต่สุดท้ายเขาก็ได้ทำมัน
ความทะเยอทะยาน หนังเรื่องนี้พยายามสอดแทรกให้คนญี่ปุ่นระลึกไว้เสมอ ถึงเรื่องราวที่เคยผิดพลาดในอดีต เพราะสมัยก่อนญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่ยากจน แต่พยายามจะถีบตัวเองให้เป็นประเทศมหาอำนาจ จึงอยากมีเครื่องบินรบที่แข็งแกร่งทำจากเหล็กทั้งลำและให้มีเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าประเทศอื่น จนสุดท้ายผลลัพธ์กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเก่า เมื่อต้องพ่ายแพ้ต่อสงคราม จนประเทศตัวเองเสียหายและบอบช้ำ แต่คนญี่ปุ่นก็มักสอนเสมอว่า "จงก้าวเดินต่อไป" และหันหลังให้กับอดีต เหลือทิ้งไว้เพียงความทรงจำที่เจ็บปวดและคอยย้ำเตือน เพื่อไม่ให้ลืมความผิดพลาดในอดีตเช่นกัน
บทรักของจิโรกับนาโอโกะ ที่ดูไม่หวือหวา เรียบง่าย แต่งดงาม และทำให้ซึ้งกินใจอยู่ไม่น้อย ทั้งฉากความประทับใจตั้งแต่แรกเจอ ฉากเริ่มจีบกันด้วยเครื่องบินกระดาษ ฉากแต่งงานแบบเรียบง่าย แต่ยังคงความเป็นญี่ปุ่นไว้(อนิเมะสมัยนี้ของญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเสนอภาพในโบสถ์แบบพิธีศริสต์ซะส่วนใหญ่) ฉากตอนที่นาโอโกะอาการทรุดถึงขั้นกระอักเลือด ดูแล้วรู้สึกสงสารมาก เพราะเป็นช่วงสำคัญในชีวิตจิโรพอดี ทำให้ต้องคิดว่าจะเลือกงานหรือเรื่องส่วนตัว แต่เป็นนาโอโกะที่เลือกจะอยู่เพื่อเป็นแรงผลักดันให้จิโระ มันทราบซึ้งมากๆ
สรุป
- แฟนอนิเมะค่าย สตูดิโอ จิบลิ ไม่ควรพลาด เป็นหนังส่งท้ายผลงานของอ.มิยาซากิที่เยี่ยมยอด ละเมียดละมุนละไม ที่ต้องดูจนจบ End credit เลยทีเดียว เพราะไม่อยากลุกออกจาก ด้วยความที่ยังอินกับเรื่องราวอยู่ และเพลงที่ความหมายดีเหมาะกับเนื้อเรื่อง ที่พอเพลงขึ้น(พร้อมคำแปล) น้ำตาก็ค่อยๆเอ่อออกมา
- ไม่ใช่อนิเมะที่เหมาะกับคนทั่วไปหรือเด็กเท่าไหร่นัก แต่เหมาะกับคนที่อยากเสพงานศิลปะ ที่แฝงไปด้วยปรัชญาชีวิตมากกว่า เพราะด้วยการเล่าเรื่องแบบเรียบง่าย เล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศ ไม่มีจุดพีค ไม่ตื่นเต้นเร้าใจ จึงอาจจะไม่ถูกคอถูกใจคนทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่งดงาม และกลั่นมาจากใจผู้สร้างจริงๆ
- เป็นผลงานที่อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่เคยมีฝัน ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่หวัง แต่อย่างน้อยก็ได้ลงมือทำ ได้เรียนรู้ ได้ค้นหาตัวตน ได้ลองสิ่งใหม่ๆ เรื่องนี้เป็นแรงผลักดันได้ดีทีเดียว
- เรื่องราวความรักของหนุ่งสาวสมัยก่อน ที่เรียบง่ายไม่หวือหวา แต่บ่งบอกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่พร้อมจะเสียสละ คอยเคียงข้างให้กำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้คนรักได้ทำหน้าที่ของตนได้สำเร็จ อาจไม่ลงลึกถึงรายละเอียด แต่ก็ทำให้ซาบซึ้งในความของรักของทั้งคู่อยู่ไม่น้อย
- เรื่องนี้ได้กลิ่นอายและเสน่ห์ของจิบลิแบบดั้งเดิมมาเต็มๆ ทั้งลายเส้น และบุคลิกของตัวละครจากเรื่องอื่นๆ เอามาใส่ในตัวละครในเรื่องนี้บางตัว ทำให้คิดถึงอนิเมะเรื่องเก่าๆของจิบลิทั้งเรื่อง Spirited Away, Totoro และอื่นๆ จนอยากย้อนกลับไปดูผลงานเก่าๆอีกครั้ง
"เพราะมีสายลม เราจึงต้องอยู่ต้านลม"
ชอบเรื่องนี้มากๆ ตอนดูจบแรกๆ มันรู้สึกจุกๆ ทั้งตื้นตัน ทั้งเศร้า ซึ้ง อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งมาดูบางฉากวนซ้ำๆ พร้อมกับฟังเพลงยิ่งอินมากๆ
My Vote 9/10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.facebook.com/55dada55/photos/643832972360679/
[CR] [Review] The Wind Rises: ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก ~ ทุกคนล้วนมีฝัน แม้ฝันนั้นอาจเป็นฝันร้าย ก็ยังคงฝันอยู่เรื่อยไป ~
ตั้งชื่อไทยได้ดี และเพราะมาก เหมาะกับเรื่อง
ผลงานเรื่องสุดท้ายของอาจารย์ ฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้ก่อตั้ง Studio Ghibli ที่หยิบเอานิยายชื่อดังของ ทัตสึโอะ โฮริ ที่ดัดแปลงจากชีวประวัติของ จิโร โฮริโกชิ ผู้สร้างเครื่องบินรบ Mitsubishi A6M Zero สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เรื่องราวของ จิโร ชายหนุ่มที่ฝันอยากเป็นนักบิน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะเขาสายตาสั้นมาก แต่ความฝันของเขาก็ไม่ได้จบลง เขาจึงพยายามเป็นวิศวกรออกแบบเครื่องบินแทน เรื่องราวความฝันและความรัก ที่หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ได้พบเจอ ทั้งความสมหวังและผิดหวังต่างๆนาๆ ถูกเล่าด้วยลายเส้นสไตล์จิบลิ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
หนังเรื่องนี้สมกับที่เป็นอนิเมะเรื่องสุดท้ายของอ.มิยาซากิ เพราะอาจารย์ใส่ความเป็นตัวเองลงไปในหนังเยอะมาก นั่นคือ อาจารย์เป็นคนนึงที่รักและหลงไหลในเครื่องบินมาก จนเป็นที่มาของ Ghibli หรืออ่านออกเสียงว่า Ji-Bu-Ri-(จิ-บุ-ริ) ในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า “ลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทรายซาฮาร่า” ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่นักบินอิตาเลี่ยน เอาไว้ใช้เรียกเครื่องบินสอดแนมของตัวเองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเอาชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อของสตูดิโอด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ประการ คือ ประการแรกเพราะชื่นชอบและหลงรักในเครื่องบินมาก และประการที่สองสตูดิโอแห่งนี้จะเป็นเหมือนลมพัดกระหน่ำวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นให้ต้องสั่นสะเทือน
เมื่อเป็นผลงานของอ.มิยาซากิ แน่นอนว่า ต้องใส่ความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมลงไป ทั้งนิสัยและวิถีชีวิตที่ทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศของญี่ปุ่นยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ แบบไม่มีจุดพีคอะไรมาก ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศ จนเผลอซึมลึกไปกับตัวละครและซาบซึ้งไปกับเหตุการณ์ต่างๆ จนเรียกได้ว่าเป็นหนังที่งดงาม หมดจดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ลายเส้นที่คงเอกลักษณ์ แต่สวยงามและได้บรรยากาศของญี่ปุ่นแท้ๆ รวมถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เก็บได้ดีมาก ทั้งฉากแผ่นดินไหว ฉากที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ทำให้เราหลงเข้าไปในฝันของชายหนุ่ม Japanese Boy ได้อย่างเต็มเปี่ยม และอินไปกับเรื่องราวความรักและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ จนเรียกได้ว่าดูจบแล้วก็ยังไม่อยากจะลุกไปไหน ต้องนั่งฟังเพลงจนจอดับกันเลยทีเดียว แล้วน้ำตาก็ค่อยๆ เอ่อล้นออกมา ทั้งซาบซึ้ง เศร้า เหงา และจุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เรียกได้ว่าสมแล้วที่อ.มิยาซากิหยิบเรื่องนี้มาเล่า เหมือนได้ทำฝันสุดท้ายบนเส้นทางของผู้สร้างอนิเมะให้ทุกลายเส้นสร้างความฝันของตัวเองให้เป็นจริง และโลดแล่นสู่สายตาชาวโลก
ต่อไปนี้ขอสปอยความรู้สึก และเจาะลึกแต่ละฉากที่ชอบนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป
- แฟนอนิเมะค่าย สตูดิโอ จิบลิ ไม่ควรพลาด เป็นหนังส่งท้ายผลงานของอ.มิยาซากิที่เยี่ยมยอด ละเมียดละมุนละไม ที่ต้องดูจนจบ End credit เลยทีเดียว เพราะไม่อยากลุกออกจาก ด้วยความที่ยังอินกับเรื่องราวอยู่ และเพลงที่ความหมายดีเหมาะกับเนื้อเรื่อง ที่พอเพลงขึ้น(พร้อมคำแปล) น้ำตาก็ค่อยๆเอ่อออกมา
- ไม่ใช่อนิเมะที่เหมาะกับคนทั่วไปหรือเด็กเท่าไหร่นัก แต่เหมาะกับคนที่อยากเสพงานศิลปะ ที่แฝงไปด้วยปรัชญาชีวิตมากกว่า เพราะด้วยการเล่าเรื่องแบบเรียบง่าย เล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศ ไม่มีจุดพีค ไม่ตื่นเต้นเร้าใจ จึงอาจจะไม่ถูกคอถูกใจคนทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่เป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่งดงาม และกลั่นมาจากใจผู้สร้างจริงๆ
- เป็นผลงานที่อาจจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่เคยมีฝัน ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่หวัง แต่อย่างน้อยก็ได้ลงมือทำ ได้เรียนรู้ ได้ค้นหาตัวตน ได้ลองสิ่งใหม่ๆ เรื่องนี้เป็นแรงผลักดันได้ดีทีเดียว
- เรื่องราวความรักของหนุ่งสาวสมัยก่อน ที่เรียบง่ายไม่หวือหวา แต่บ่งบอกถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่พร้อมจะเสียสละ คอยเคียงข้างให้กำลังใจ เป็นแรงผลักดันให้คนรักได้ทำหน้าที่ของตนได้สำเร็จ อาจไม่ลงลึกถึงรายละเอียด แต่ก็ทำให้ซาบซึ้งในความของรักของทั้งคู่อยู่ไม่น้อย
- เรื่องนี้ได้กลิ่นอายและเสน่ห์ของจิบลิแบบดั้งเดิมมาเต็มๆ ทั้งลายเส้น และบุคลิกของตัวละครจากเรื่องอื่นๆ เอามาใส่ในตัวละครในเรื่องนี้บางตัว ทำให้คิดถึงอนิเมะเรื่องเก่าๆของจิบลิทั้งเรื่อง Spirited Away, Totoro และอื่นๆ จนอยากย้อนกลับไปดูผลงานเก่าๆอีกครั้ง
"เพราะมีสายลม เราจึงต้องอยู่ต้านลม"
ชอบเรื่องนี้มากๆ ตอนดูจบแรกๆ มันรู้สึกจุกๆ ทั้งตื้นตัน ทั้งเศร้า ซึ้ง อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งมาดูบางฉากวนซ้ำๆ พร้อมกับฟังเพลงยิ่งอินมากๆ
My Vote 9/10
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้