คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เอาจริงๆ ยาควรกินตามเวลา เช่น ทุก 4 ทุก 6 หรือ ทุก 8 ทุก 12 ทุก 24 ชั่วโมง
เมื่อกินยาเข้าไปแล้วยาจะแตกตัว ดูดซึมเข้าหลอดเลือด จากนั้นก็จะมีการเมตาบอลิซึมของยา (บางครั้งเมตาบอลิซึมแล้วหมดฤทธิ์ บางครั้งเมตาบอลิซึมแล้วจึงจะออกฤทธิ์ก็มี) และก็จะมีการขจัดยาออกจากร่างกาย ยาแต่ละตัวจะมีเวลาอยู่ในร่างกายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตัวยาและร่างกายเรา จึงเห็นได้ว่าบางตัวต้องกินบ่อย (ทุก 4-6 ชั่วโมง) หรือบางตัวกินแค่ วันละครั้ง (ทุก 24 ชั่วโมง) บางตัว เดือนละครั้ง ยังได้ มียาฉีดแบบปีละครั้งด้วย!! (ส่วนตัวยังไม่เคยเห็นของจริง อ่านมาจากเวบอีกที)
แต่ถ้าจะให้หมอสั่งยาแล้วบอกให้กิน ทุก 8 ชั่วโมง เช่น กิน 6,14,22 น. จะมีกี่คนที่ทำได้???
ก็เลยกลายมาเป็น หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น แทน หยวนๆ
**แต่บางอย่างก็หยวนไม่ได้ เช่น ยาฆ่าเชื้อไวรัส (เช่นยารักษาเอดส์ เป็นต้น) ต้องตามเวลาเป๊ะ!!! เพราะไวรัสจะแบ่งตัวตลอดถ้าไม่มีระดับยาไปกดการแบ่งตัวเอาไว้
ส่วนยาที่ต้องกินแล้วสัมพันธ์กับมื้ออาหารจริงๆก็อย่างเช่น
1.ยาแก้อาเจียน ต้องกินก่อนอาหาร เพื่อลดอาการ พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนเมื่อกินอาหาร
2.ยาที่อาจระคายเคืองกระเพาะ ต้องกินหลังอาหารทันที เพื่อลดอาการไม่พึงประสงค์จากยา
3.ยาปฏิชีวนะบางชนิดที่ถูกทำลายได้ง่ายโดยกรดในกระเพาะ ต้องกินก่อนอาหาร เพราะหลังกินอาหาร กรดในกระเพาะจะมากและทำลายตัวยาเสียก่อนจะถูกดูดซึม
4.ยาเบาหวานบางชนิดที่ออกฤทธิ์ลดการย่อย/ดูดซึม คาร์โบไฮเดรต ต้องกินพร้อมอาหารคำแรก เพราะตรงไปตรงมา ยาออกฤทธิ์กับอาหาร ถ้าไม่กินอาหารก็ไม่ต้องกินยา
5.ยาโรคไตบางชนิดที่ออกฤทธิ์จับฟอสเฟตในอาหาร ต้องกินพร้อมอาหาร ตรงไปตรงมาตามฤทธิ์ยาเช่นกัน
การกินยาหลังอาหารของยาอื่นๆนอกจากนี้ก็เพื่อ 'ไม่ให้ลืม' กินยา
แต่ถ้าคนยุคดิจิตัลมี 'สมาร์ทโฟน' ติดตัวตลอดเวลา ต่อไปเราอาจมีฉลากยาให้กินยา 6,14,22 น. และมี app คอยเตือนให้กินยากันก็ได้นะ
เมื่อกินยาเข้าไปแล้วยาจะแตกตัว ดูดซึมเข้าหลอดเลือด จากนั้นก็จะมีการเมตาบอลิซึมของยา (บางครั้งเมตาบอลิซึมแล้วหมดฤทธิ์ บางครั้งเมตาบอลิซึมแล้วจึงจะออกฤทธิ์ก็มี) และก็จะมีการขจัดยาออกจากร่างกาย ยาแต่ละตัวจะมีเวลาอยู่ในร่างกายแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตัวยาและร่างกายเรา จึงเห็นได้ว่าบางตัวต้องกินบ่อย (ทุก 4-6 ชั่วโมง) หรือบางตัวกินแค่ วันละครั้ง (ทุก 24 ชั่วโมง) บางตัว เดือนละครั้ง ยังได้ มียาฉีดแบบปีละครั้งด้วย!! (ส่วนตัวยังไม่เคยเห็นของจริง อ่านมาจากเวบอีกที)
แต่ถ้าจะให้หมอสั่งยาแล้วบอกให้กิน ทุก 8 ชั่วโมง เช่น กิน 6,14,22 น. จะมีกี่คนที่ทำได้???
ก็เลยกลายมาเป็น หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น แทน หยวนๆ
**แต่บางอย่างก็หยวนไม่ได้ เช่น ยาฆ่าเชื้อไวรัส (เช่นยารักษาเอดส์ เป็นต้น) ต้องตามเวลาเป๊ะ!!! เพราะไวรัสจะแบ่งตัวตลอดถ้าไม่มีระดับยาไปกดการแบ่งตัวเอาไว้
ส่วนยาที่ต้องกินแล้วสัมพันธ์กับมื้ออาหารจริงๆก็อย่างเช่น
1.ยาแก้อาเจียน ต้องกินก่อนอาหาร เพื่อลดอาการ พะอืดพะอม อยากจะอาเจียนเมื่อกินอาหาร
2.ยาที่อาจระคายเคืองกระเพาะ ต้องกินหลังอาหารทันที เพื่อลดอาการไม่พึงประสงค์จากยา
3.ยาปฏิชีวนะบางชนิดที่ถูกทำลายได้ง่ายโดยกรดในกระเพาะ ต้องกินก่อนอาหาร เพราะหลังกินอาหาร กรดในกระเพาะจะมากและทำลายตัวยาเสียก่อนจะถูกดูดซึม
4.ยาเบาหวานบางชนิดที่ออกฤทธิ์ลดการย่อย/ดูดซึม คาร์โบไฮเดรต ต้องกินพร้อมอาหารคำแรก เพราะตรงไปตรงมา ยาออกฤทธิ์กับอาหาร ถ้าไม่กินอาหารก็ไม่ต้องกินยา
5.ยาโรคไตบางชนิดที่ออกฤทธิ์จับฟอสเฟตในอาหาร ต้องกินพร้อมอาหาร ตรงไปตรงมาตามฤทธิ์ยาเช่นกัน
การกินยาหลังอาหารของยาอื่นๆนอกจากนี้ก็เพื่อ 'ไม่ให้ลืม' กินยา
แต่ถ้าคนยุคดิจิตัลมี 'สมาร์ทโฟน' ติดตัวตลอดเวลา ต่อไปเราอาจมีฉลากยาให้กินยา 6,14,22 น. และมี app คอยเตือนให้กินยากันก็ได้นะ
แสดงความคิดเห็น
การกินยา หลังอาหาร , ทันที คือยังไง เพราะกระเพาะใช้เวลาย่อย 3-4 ชม. .....
คือผมสงสัยว่า กระเพาะคนเราย่อยอาหาร 3-4 ชม. ซึ่ง เรากินยาภายใน 3 ชม. ก็ได้ไม่ใช่หรอครับ เพราะกระเพาะเรายังย่อยและดูดซึมอยู่อะครับ
แล้วคำว่าหลังอาหาร คือ หลังกินข้าวเสร็จ 15-20 นาที หรือเปล่า หรือว่ากินข้าวเสร็จ กินยาตามได้เลยครับ
แล้วคำว่าหลังอาหารทันที คือ กินพร้อมอาหารก็ได้ หรือจะกินหลังอาหารทันทีที่กินเสร็จ
ปกติ คำว่ายาหลังอาหาร ผมกินหลังจากกินอาหารเสร็จเลยอะครับ ฮ่าๆ ไม่เคยสังเกตุมาก่อนเลย